เปลวสีเงิน ไทยโพสต์http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&post_date=12/Sep/2549&news_id=129958&cat_id=200สุวรรณภูมิต้องการวีรบุรุษ..ด่วน! 12 กันยายน 2549 กองบรรณาธิการ
พลเอกธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รมว.กลาโหม นี่ผมชอบนะ รูปร่างอ้วน-ดำ สูงใหญ่เหมือน "จ่ายักษ์" เวลาพูดจาดูแกล้วกล้า สมชายชาติทหาร ใช้ภาษาไทยแท้ๆ
เช่น แม่ง..ลื้อ..อั๊ว..ยิงกระบาลมันเลย..ฆ่ามันเลย อะไรทำนองนี้ รวมๆ แล้วน่าเกรงขาม เสียอย่างเดียว หูลีบ-เสียงแบะ ไปหน่อย!
อย่างนี้โบราณท่านว่า น้ำดี แต่ไม่มีเนื้อ!
เห็นหายหน้าไปพัก ตอนที่ตกเป็นข่าว "ดาราวงจรปิด" ที่กระทรวงกลาโหม ในเรื่องที่ "คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ" เลขาฯ ประชาธิปัตย์เขาออกมาแฉ
กรณี ใครก็ไม่รู้จ่ายเงิน "จ้างพรรคเล็ก" ลงเลือกตั้ง ช่วยพรรคใหญ่หนีเกณฑ์ ๒๐% เมื่อ ๒ เมษา.นั่นแหละ!
เมื่อวาน และวานซืน อ่านข่าวท่านรองปลัดกลาโหม" พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน" ออกมาปล่อยตอร์ปิโดถล่มใส่แสกหน้าท่านรัฐมนตรี กห.ชนิดจะจะ-จังๆ ว่า
เป็นตัวผ่านให้อำนาจการเมืองเข้ามาครอบงำกองทัพ แทรกแซงโผแต่งตั้ง-โยกย้ายนายทหารประจำปี จนระบบ-ระเบียบในกองทัพเละเทะไปหมด
ผมฟังแล้ว "หูร้อน" แทนท่านพลเอกธรรมรักษ์เลยทีเดียว!
ท่านรองปลัด กห.นี้ ความจริงก็เคยรู้จักท่านมาบ้าง ถ้าเป็นการเปรียบมวยก็ต้องบอกว่า น้ำหนักที่ชั่งได้เช้านี้ "คนละรุ่น" กันเลย!
เพราะ พล.ร.อ.บรรณวิทย์รูปทรงท่านลักษณะเอวบาง-ร่างน้อยเหมือนนางละเวง ตรงข้ามกับพลเอกธรรมรักษ์ซึ่งเหมือนยักษ์ปักหลั่น แต่เมื่อการแต่งตั้ง-โยกย้ายครั้งนี้ คลึง-เคล้น-เฟ้น-ฟอน จนสุดสยิว
รองปลัดฯ ก็สุดทน จนต้องตะโกนท้ารัฐมนตรี
"รายการนี้ น้ำหนักไม่เกี่ยง..โว้ย"!
ผมฟังที่ท่าน พล.ร.อ.บรรณวิทย์ทลายกำแพงแห่งความกลัวในอำนาจระบอบทักษิณ "ออกมาประจานลีลา "ลับหลัง" ที่ตรงข้ามกับลีลา "ต่อหน้า" ของพลเอกธรรมรักษ์ให้รู้จัก "ธาตุแท้" กันทั้งเมืองแล้ว
ทำให้อดนึกถึง "เพื่อนรัก" ผมคนหนึ่งที่ชื่อ "ท่านเนวิน ชิดชอบ" ไม่ได้!
เพราะอะไร?
ก่อนจะรู้ว่าเพราะอะไร ก็มาลองดูหนังตัวอย่างที่พลเอกธรรมรักษ์แสดงให้บรรดานายทหารชมกลางที่ประชุมสภากลาโหมซักองก์หนึ่งก่อน
ก็ตามที่ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ "แฉแหลก" ไว้วานซืนว่า
"...กรณีพลเอกชัยสิทธิ์ ชินวัตร การเมืองเข้ามาล้วงลูกในกองทัพอย่างเห็นได้ชัด จากที่เคยเป็นรอง ผบ.หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ข้ามมาเป็น ผู้ช่วย ผบ.ทบ., ผบ.ทบ., และ ผบ.ทหารสูงสุด ซึ่งพลเอกมนตรี (จเรทหารทั่วไป) ได้ชี้แจงให้ทราบว่า มีความเป็นมาอย่างไร พลเอกธรรมรักษ์ก็บอกเพียงว่า..จะไปตรวจสอบ
รัฐมนตรีกลาโหมก็ได้แต่พูดว่า ไม่มีใครมาล้วงลูก เพราะคนอย่างอั๊ว นายกรัฐมนตรีขอดูบัญชีรายชื่อโยกย้ายนายทหาร อั๊วยังไม่ให้แม่งดูเลย แล้วพวกลื้อ (พูดกับ ผบ.เหล่าทัพ) ถ้านักการเมืองมันมาขอ ก็ไม่ต้องไปให้มัน แต่พอเลิกประชุม นายกฯ เรียกเข้าพบ ผมเห็น รมว.กลาโหมวิ่งแจ้นไปหา ข้าวปลาแทบไม่ได้เป็นอันแดก แล้วเชื่อถือได้อย่างไร?"
ครับ..เหตุนี้ไงล่ะที่ทำให้ผมนึกถึงท่านรัฐมนตรีเนวิน เพราะมาในลีลาเดียวกันเลย ท่านคงจำกันได้มั้ง..ในสมัยที่นายเนวินสังกัดพรรคชาติไทยของอดีตนายกฯ บรรหาร ศิลปอาชา
ลีลานายเนวินดังทะลุฟ้าจนเป็นเกร็ดประวัติศาสตร์ถึงวันนี้ก็ตอนไปขึ้นปราศรัยเป็นภาษเขมรหาเสียงที่บุรีรัมย์บ้านของเขานั่นแหละ
ผมไม่ได้ยินเองกะหูนะครับ แต่รู้จากที่เป็นข่าวตึงตัง-โครมครามไปทั้งบ้านทั้งเมืองว่า คำปราศรัยตอนหนึ่งในภาษาเขมรที่พูดถึงหัวหน้าบรรหาร นายเนวินโชว์ความยิ่งใหญ่ด้วยคำพูดใจความว่า
นายบรรหารน่ะเรอะ จะโดดเตะก้านคอให้ดูเมื่อไหร่ก็ได้!นี่ไงล่ะ..เมื่อมาได้ยินอย่างที่ พล.ร.อ.บรรณวิทย์แฉว่าพลเอกธรรมรักษ์พูด..
นายกรัฐมนตรีขอดูบัญชีรายชื่อโยกย้ายนายทหาร อั๊วยังไม่ให้แม่งดูเลย!ก็เลยนึกถึง "เนวิน" คนเก่งที่เคยพูดถึงหัวหน้าพรรคในลักษณะเดียวกันว่า.. "นายบรรหารน่ะเรอะ จะโดดเตะก้านคอให้ดูเมื่อไหร่ก็ได้"
ตอนนี้
ท่านนายกฯ ทักษิณเลยโชคดีที่ได้ ๒ คนเก่งมาประกบซ้าย-ขวา "ธรรมรักษ์-เนวิน" ส่วนใครจะ
เก่งเล็ก-เก่งใหญ่ ครองความเป็นเจ้าพ่อบุรีรัมย์
ต้องให้คนเก่งทั้ง ๒ ไปงัดข้อกันเอง
รึงัดกันหน้าดำ-หน้าแดงอยู่แล้วก็ไม่ทราบ?
สมมุติว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะด้วยเหตุใดก็ตาม ไม่ได้อยู่เป็นหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ๒ คนนี้จะแย่งกันเป็นแทน หรือว่าจะแยกกันผลักดันใครขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค
ผมยังดูไม่ออก!?
ทำเป็นเล่นไป ยุคนี้-สิ่งสมมุติคือ "สิ่งเป็นจริงในอนาคตดันใกล้" ก็ดูซี ชักเห็นลางเป็นแนวๆ แล้วมั้ยล่ะ ไปที่ทาจิกิสถานก็ไปเอิ๊กอ๊ากกับผู้นำที่นั่นซึ่งครบเทอมต้องเลือกตั้งใหม่เหมือนๆ กันว่า
"เลือกตั้งเมื่อไหร่ เราคงชนะถล่มทลายทั้งคู่!"
ไปประชุมอาเซมที่ฟินแลนด์ ก็ไปทำโจ๊กหลังอาหารกับบรรดาผู้นำประเทศด้วยการชวนตั้ง Enjoy Your Life Party อุปโลกน์ให้นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นที่จะปลดระวางตัวเองเป็นหัวหน้าพรรคเสร็จสรรพ
ทำเป็นโจ๊กไปงั้น แต่ลึกๆ ในใจตัวเองขาสั่นตลอด ถึงขนาดเปลี่ยนโปรแกรมกะทันหัน จากที่จะบินกลับบ้านก่อน แล้วจะโชว์สนามบินสุวรรณภูมิด้วยการบินจากสุวรรณภูมิแทนดอนเมืองไปประชุมกลุ่มประเทศที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดที่คิวบา นี่ไม่กล้ากลับแล้ว อ้างสุขภาพไม่ดี บินข้ามไปนอนนับบัญชีอยู่ที่บ้านพักในอังกฤษโน่น แล้วต่อจากอังกฤษไปคิวบา จะกลับบ้านกลับเมืองก็..โน่น..วันที่ ๒๑ กันยา.
ผมนึกหาสารัตถประโยชน์ในการไปร่วมประชุมกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดที่คิวบาไม่ออกเลยจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะ "หมอดูสั่ง" ให้หนีราหูที่ทับราหูในดวงของท่านอยู่ที่ราศีมีนและจะยกย้ายในวันที่ ๒๙ กันยา.นี้แล้วละก็
มันไม่มีประโยชน์อะไรที่ต้องไปประชุม เว้นแต่ว่าตัวเองจะไปค้าขายอะไร?!
นี่มันยุค "เทมาเส็กครองไทย" แล้วนะครับ ไม่ใช่ย้อนกลับไปสู่ยุค "สงครามเย็น" อย่างเมื่อร่วมร้อยปีที่ผ่านมา ที่โลก ๒ ขั้วเผชิญหน้ากัน คือ ขั้วประชาธิปไตย กับขั้วคอมมิวนิสต์
ตีโต แห่งยูโกสลาเวีย นัสเซอร์ แห่งอียิปต์ นครูมา แห่งกานา เนรู แห่งอินเดีย และซูการ์โน แห่งอินโดนีเซีย เป็น ๕ เซียนที่ร่วมวางกลุยทธ์ก่อตั้งกลุ่มประเทศเป็นกลาง เรียกว่าไม่เอาทั้งคอมมิวนิสต์ ไม่เอาทั้งเสรีนิยม
ขอเป็นฝ่ายอยู่กลางๆ..ว่างั้นเถอะ!
เหมือนการเมืองของเราตอนปลายปี ๒๕๔๘ ชาวบ้านไม่เอาทั้งทักษิณ ไม่เอาทั้งอภิสิทธิ์ แต่ตอนนี้เหลือ "ไม่เอาทักษิณ"
แล้วหันมาสงวนท่าทีด้วยความเป็นกลาง แต่อยู่ระหว่าง
เอา-ไม่เอา..อภิสิทธิ์!?
วันนี้ โลกมีขั้วเดียว คือขั้ว "พี่บุช" คนตีนโตแห่งสหรัฐอเมริกาเขานั่นแหละ องค์กรประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดมันกลายเป็น "สินค้าตกรุ่น" ไปนานแล้ว คอมมิวนิสต์ยังเหลือพันธุ์อยู่ที่คิวบาของนายฟิเดล คาสโตร กับเกาหลีเหนือของนายคิม จองอิล สองประเทศนี่เท่านั้น
จีนเองแท้ๆ ในวันนี้ ที่เขาจะจัดกีฬาโอลิมปิกอยู่รอมร่อ เราลองไปจับมือซือตี๋-ซือเฮีย แล้วลองถามเขาดูซีว่า..ลื้อเป็นคอมมิวนิสต์นี่หว่า?
เผลอๆ ถูกเลี้ยะไส้แตก..บอกไม่เชื่อ!
เมื่อปูมแห่งเจตนาก่อเกิดแห่งประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดมันเป็นอย่างนี้ ก็ปล่อยให้ ฟิเดล คาสโตร กับ คิม จองอิล เขาประชุมกัน ๒ ประเทศก็ถือว่า บ๊อง กับ บ๊อง เจอกัน
แต่คิดอีกที ก็เอาเถอะ เมื่อมี บ๊อง กับ บ๊อง อยู่แล้ว
เราเอา "คาร์บ๊องส์" ไปร่วมวงด้วย ก็คงครึกครื้นขึ้น (เอ้า...ฮา)
แต่ผมอยากให้ข้อสังเกตไว้นิด ตามโปรแกรมนายกฯ ทักษิณจะกลับไทย แล้วมาเปิดเป็น "พิธีสุกดิบ" สนามบินสุวรรณภูมิในวันที่ ๑๕ กันยา. เพื่อบินปฐมฤกษ์ไปคิวบา
แล้วงาน "เอาหน้า" โดยตรงของท่านรายการนี้ เมื่อท่านหนี ไอ้คนที่อยู่จะทำไงล่ะ?
ในเมื่อลูกพี่ไม่ยอมอยู่ดูความหวาดเสียวบนความดื้อ-ดันทุรัง ไม่ฟังเสียงทัดทานใครว่า ในเมื่อไม่พร้อมก็ไม่ควรเปิดใช้ "เสีย" มันจะมากกว่า "ได้" ถ้าเผอิญมีอะไรเกิดขึ้น?
ผมจะบอกตรงๆ สนามบินสุวรรณภูมิ เป็นของคนไทยทุกคน เป็นหน้าเป็นตาของประเทศไทย ไม่มีใครอิจฉา ไม่มีใครหวังร้าย หรือแช่งชักให้มีอันเปิดไม่ได้ เพราะเกรงว่าทักษิณ-ไทยรักไทยจะได้หน้าได้ตาหรอกครับ
และด้วยความปรารถนาดีบน "สมบัติร่วมชาติ" ด้วยกัน ลึกๆ ในใจ ทุกท่านทราบใช่มั้ยว่ามันยังไม่พร้อม มันยังไม่ควรเปิดใช้ ยังมีเวลาให้ "เลือกเป็น-เลือกตาย" อยู่บ้าง ผมอยากเห็น "วีรบุรุษของชาติ" ครับ นายกฯ รักษาการ หรือรัฐมนตรีคมนาคม หรือใครก็ได้ ประกาศเปรี้ยงไปเดี๋ยวนี้เลยซิครับว่า
"ยุติแผนเคลื่อนย้ายดอนเมืองไปสุวรรณภูมิ"...จนกว่าจะพร้อมจริง.