เหตุการณ์ที่เป็นที่รู้จักกันดีในชื่อของ
The Reichstag fire (อ่านว่า ไรซ์สตาก)
เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเยอรมันนี ก่อนที่ฮิตเลอร์จะก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด ก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำเผด็จการ
ด้วยการประกาศใช้กฎหมาย "ภาวะฉุกเฉิน" ทำให้ฮิตเลอร์สามารถออกกฎหมายได้โดยไม่ผ่านรัฐสภา
ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้นไม่ถึงเดือน ฮิตเลอร์เพิ่งได้รับการแต่งตั้งเป็น "เสนาบดี" (Chancellor) ซึ่งก็เทียบเท่ากับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
แต่ดูเหมือนว่าการเป็นนายกรัฐมนตรี จะไม่เพียงพอต่อความต้องการของฮิตเลอร์
สิ่งที่ฮิตเลอร์ต้องการในเวลานั้น คือให้รัฐสภามอบ "อำนาจเบ็ดเสร็จ" ให้กับเขา โดยผ่านทางกฎหมายที่เรียกว่า Enabling act
แต่ ณ ขณะนั้น ฮิตเลอร์มีเสียงอยู่ในสภาเพียง 32% เท่านั้น ในขณะที่การผ่านกฎหมายดังกล่าว ต้องใช้เสียง 2 ใน 3 หรือ 66%
ดังนั้นเขาจึงเรียกร้องต่อ Hindenburg ซึ่งเป็นประธานาธิบดีในขณะนั้น ให้มีการยุบสภา
ดังนั้นจึงได้มีการกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ขึ้น คือวันที่ 5 มีนาคม 1933
แต่ก่อนหน้าการเลือกตั้งเพียงไม่กี่วัน คือในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 1993 ก็ได้เกิดเหตุการณ์ "วางเพลิงรัฐสภา" ขึ้น
ตึกรัฐสภาเสียหายทั้งหลัง ตำรวจสามารถจับผู้ต้องสงสัย ชื่อว่า Van der Lubbe ได้ ซึ่งเป็นคนของฝ่ายคอมมิวนิสต์
(ในขณะนั้นพรรคคอมมิวนิสต์เป็นพรรคที่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ใช่เรื่องที่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด)
ฮิตเลอร์ไม่รอช้า ประกาศทันทีว่าเหตุการณ์ดังกล่าว มีพรรคคอมมิวนิสต์เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง
หลังจากนั้น ฮิตเลอร์ก็โกยคะแนนเพิ่มไปอีก 5 ล้านคะแนน ได้ที่นั่งเพิ่มมาอีก 52 ที่นั่งในสภา
ปูทางไปสู่อำนาจเผด็จการที่เขาโหยหาสำหรับการสืบสวนคดีวางเพลิงนั้น ตำรวจก็ปิดคดีโดยสรุปว่า Van der Lubbe คือผู้วางเพลิง
นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ก็เชื่อเช่นนั้น แต่ก็ยังเชื่ออีกว่า Van der Lubbe ไม่ได้ลงมือเพียงลำพัง
แต่มีคนที่ได้ประโยชน์จากการนี้ ช่วยเหลือในการวางเพลิง ทำให้เพลิงเกิดขึ้นในหลายๆ จุดของรัฐสภาพร้อมๆ กัน
ดังนั้นคำว่า Reichstag Fire ทุกวันนี้ จึงมักใช้เรียกเหตุการณ์ที่นักการเมืองสร้างเหตุการณ์เลวร้ายบางอย่างขึ้น
เพื่อให้มีผลดีในทางการเมืองกับตนเอง เหมือนกับที่พรรคนาซีเคยทำมาแล้วในอดีต
ไม่รู้ว่า Reichstag Fire จะเกิดขึ้นในเมืองไทยบ้างหรือเปล่า 