ติดคุกเพิ่ม347วัน โทษจรัญมือตื้บม็อบไล่หนีรายงานคุมประพฤติ
ราชทัณฑ์ตามเรื่องแว่นดำตื้บม็อบด่านายกฯ พบแล้ว ยอมรับเข้าใจผิดเป็นเหตุให้ทำเรื่องล่าช้า เตรียมเสนอคณะกรรมการพิจารณาโทษให้ที่ประชุมชี้ขาดเพิกถอน ยันมีความผิดชัด 99% เตรียมให้เรือนจำสุราษฎร์ฯ ประสานตำรวจ สน.ปทุมวัน นำตัวมาติดคุกอีก 347 วัน ด้านเหยื่อเผย เพิ่งรู้ให้คนคุกออกมาทำร้ายร่างกาย ชี้หาก ตร.ทำคดีอืด เตรียมฟ้องอาญาเอง
เหตุการณ์ นายจรัญ จงอ่อน หรือชายสวมชุดซาฟารีสวมแว่นดำ พร้อมด้วย นายชัยสิทธิ์ ลอม๊ะห์ ทำร้ายประชาชนคนชราและสตรี ขณะโห่ร้องไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ที่เซ็นทรัลเวิลด์ พลาซา เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ที่ผ่านมา ได้เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ปทุมวัน แต่ทีมข่าว "คม ชัด ลึก" ได้ตรวจสอบประวัติการกระทำผิด ยังพบด้วยว่า นายจรัญ ยังอยู่ระหว่างการหลบหนีคุมประพฤติที่ จ.สุราษฎร์ธานี โดยไม่มารายงานตัวตั้งแต่ครั้งที่ 7-12 ทางกรมราชทัณฑ์จะต้องติดตามตัวมาเข้าเรือนจำอีกครั้ง
ล่าสุด เมื่อวันที่ 7 กันยายน แหล่งข่าวจากกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเรื่องราวของนายจรัญ จงอ่อน ทั้งหมดแล้ว พบว่า ทางสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้ทำเรื่องส่งมายังกรมราชทัณฑ์ครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อเดือนมกราคม 2549 ภายหลังจากนายจรัญไม่ได้เข้ารายงานตัวครั้งที่ 7 กับสำนักงานคุมประพฤติดังกล่าว เพื่อให้พิจารณาการกระทำความผิดเพิกถอนวันลดโทษ
แหล่งข่าวคนเดิม กล่าวด้วยว่า เมื่อได้รับเรื่องแล้ว ทางกรมราชทัณฑ์ได้นำเรื่องนี้เสนอให้คณะกรรมการพิจารณาโทษนายจรัญ ตามที่สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดสุราษฎร์ธานีเสนอมา ซึ่งผลการประชุมครั้งนั้น มีนายชลิต ประจงจิต ผู้อำนวยการสำนักทัณฑปฏิบัติ เป็นประธาน คณะกรรมการมีหลายฝ่ายด้วยกัน ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ตำรวจ ซึ่งผลการพิจารณาของคณะกรรมการเสนอว่า ให้สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดสุราษฎร์ฯ ไปติดตามตัวนายจรัญ มาอีกครั้งหนึ่ง
หลังจากนั้นทางสำนักงานคุมประพฤติฯ ได้มีหนังสือตอบมาอีกครั้ง ระบุว่า ได้มีการติดตามตัวนายจรัญ ตามบ้านเลขที่ที่ได้แจ้งเอาไว้ ซึ่งเป็นบ้านพี่สาวของนายจรัญเอง เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงบ้านหลังดังกล่าวไม่พบตัวแต่อย่างใด ส่วนพี่สาวของนายจรัญก็ไม่พบเช่นกัน พบเพียงพี่เขย ซึ่งได้แจ้งเจ้าหน้าที่ว่า พี่สาวของนายจรัญไปทำงานที่ประเทศเยอรมนี ส่วนนายจรัญได้รับการยืนยันจากพี่เขยว่า ตั้งแต่อยู่ระหว่างการคุมประพฤติ เพิ่งจะกลับมาบ้านเพียงครั้งเดียว โดยบอกกับทางบ้านว่า ไปอยู่กับภรรยาที่กรุงเทพฯ และยังชอบเล่นการพนันอีกด้วย
"ส่วนความล่าช้าในการพิจารณาโทษนั้น เนื่องจากเป็นการเข้าใจผิดกับหนังสือของสำนักงานคุมประพฤติฯ ที่ตอบหนังสือมาแต่ไม่ได้อ้างถึงเรื่องเดิม คิดว่าเป็นการรายงานความผิดของนักโทษธรรมดาในระหว่างการคุมประพฤติ จึงทำให้ตกหล่นกันบ้าง จนกระทั่งพบว่ามีหนังสือพิมพ์ "คม ชัด ลึก" เสนอข่าวไป จึงได้ตรวจสอบกันอย่างเร่งด่วนอีกครั้ง
ซึ่งพบว่านายจรัญมีความผิดทั้งหมด 3 ข้อด้วยกัน คือ ไม่มารายงานตัว ออกนอกพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาต และเล่นการพนัน ถือว่าผิด 99% ไปแล้ว" แหล่งข่าวคนเดิม กล่าว ส่วนขั้นตอนการพิจารณาโทษนั้น แหล่งข่าวบอกด้วยว่า วันที่ 8 กันยายน จะมีการประชุมคณะกรรมพิจารณาเพิกถอนการลดโทษ โดยมีนายชลิต เป็นประธาน เมื่อเพิกถอนวันลดโทษทั้งหมด หลังจากนั้นจึงเป็นหน้าที่ของเรือนจำสุราษฎร์ธานี ที่ต้องประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ปทุมวัน ให้นำตัวนายจรัญ มาเข้าเรือนจำ และต้องถูกจองจำอีก 347 วัน ตามวันที่ได้รับการลดโทษมา พร้อมกับกลายเป็นนักโทษชั้นเลวไปทันที
ด้านนายฤทธิรงค์ ลิขิตประเสริฐกุล หนึ่งในผู้ที่ถูกชายสองคนทำร้าย กล่าวว่า ตั้งแต่ที่แจ้งความกับตำรวจมาจนถึงเวลานี้ ได้มีการสอบปากคำไปครั้งเดียว ไม่เห็นให้ไปชี้รูป หรือวิดีโอเพิ่มเติมอีก คงต้องปล่อยให้พนักงานสอบสวนดำเนินการไปตามขั้นตอนอีกระยะหนึ่ง ซึ่งตนติดตามอยู่ตลอดเวลา ถ้าต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเมื่อไร ตนก็พร้อมจะให้ความร่วมมือทันที
"ผมว่าคดีนี้ช้ามาก แต่ก็เป็นหน้าที่ของตำรวจ เขาไม่ได้ทำคดีของผมคนเดียว ต้องให้เวลาตำรวจบ้าง และผมเพิ่งรู้ว่ามีการปล่อยคนขี้คุกมารุมทำร้ายคนที่รักประเทศชาติอย่างพวกผม หากผมให้เวลาแล้วล่าช้าจนรอต่อไปอีกไม่ได้ ผมจะยื่นฟ้องศาลอาญาเอง" นายฤทธิรงค์ เหยื่อผู้ถูกชายแว่นดำตื้บ กล่าว
http://www.komchadluek.net/2006/09/08/a001_45178.php?news_id=45178