ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
29-03-2024, 02:52
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  อย่ากินคนเดียว 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
อย่ากินคนเดียว  (อ่าน 643 ครั้ง)
นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« เมื่อ: 04-09-2006, 12:01 »

อย่ากินคนเดียว

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แนะนำให้นักบริหารอ่านหนังสือ ชื่อ "อย่ากินคนเดียว"
ผมขอเชิญชวนให้นักบริหาร ข้าราชการ และประชาชนทุกท่าน ช่วยพิจารณาว่า พฤติกรรมและปรากฏการณ์ต่อไปนี้ เป็นเรื่องของการ "กินคนเดียว" ใช่หรือไม่ ?
1) การวิ่งเต้นเอาสัมปทานผูกขาดโทรศัพท์มือถือ
เพื่อให้บริษัทของตนประกอบธุรกิจโดยไม่มีคู่แข่ง ได้กินกำไรพิเศษจากการผูกขาด ไม่มีบริษัทคู่แข่งมากินส่วนแบ่งการตลาด หรือจำกัดคู่แข่งให้มีน้อยรายที่สุด สามารถตั้งราคาค่าบริการขูดรีดผู้บริโภคได้สูงสุด เพราะประชาชนถูกมัดมือ ไม่มีทางเลือกอื่น จำต้องตกเป็นเหยื่อของนักสัมปทานผูกขาดยาวนานตราบเท่าที่ยังมีอำนาจผูกขาดอยู่ในมือ
2) การไล่ซื้อ ควบรวม ยุบรวม และเทคโอเวอร์พรรคการเมืองอื่นๆ
 เพื่อรวบรวม ส.ส. เข้ามาเป็นฐานอำนาจในการยึดครองสภาผู้แทนราษฎร ทำให้การทำหน้าที่ตรวจสอบของฝ่ายนิติบัญญัติเป็นหมัน ระบบตรวจสอบถ่วงดุลไม่ทำงาน ฝ่ายบริหารใช้อำนาจได้โดยลำพังฝ่ายเดียว
นอกจากนี้ ยังมีการทุ่มเงินและใช้อำนาจการเมืองดูดเอากลุ่ม ส.ส.ในพรรคอื่นเข้ามาสังกัดในพรรคของตน โดยไม่คำนึงถึงมารยาททางการเมืองและจริยธรรมการเมือง สร้างความแตกแยกในพรรคการเมืองอื่นๆ เพื่อสถาปนาอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของตัวเองคนเดียว
3) การรวยจากการลอยตัวค่าเงินบาท
การประกาศลอยตัวค่าเงินบาทเมื่อปี 2540 ในยุครัฐบาลพลเอกชวลิต มีนายทนง พิทยะ ผู้ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นคนชักนำเข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
แหล่งข่าวที่เชื่อถือจำนวนมาก ยืนยันว่า มีข้อมูลรั่วไหลออกไปสู่คนนอก ก่อนหน้าที่จะมีการประกาศลอยตัวค่าเงินบาท
ผลจากการประกาศลอยตัวค่าเงินบาท ทำให้ธุรกิจส่วนใหญ่ที่มีธุรกรรมเกี่ยวกับต่างประเทศ โดยเฉพาะในส่วนที่ต้องนำเข้าวัสดุอุปกรณ์จากต่างประเทศ ต้องประสบปัญหาเงินบาทลดค่าอย่างหนัก มีเพียงจำนวนน้อยรายที่สามารถเอาตัวรอดจากวิกฤติเงินบาทลดค่าในช่วงนั้น
กลุ่มธุรกิจของครอบครัว พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถเอาตัวรอดจากสถานการณ์ลดค่าเงินบาทอย่างสบายๆ ราวกับรู้ว่าจะมีการลดค่าเงินบาทแน่ๆ
เรื่องนี้เข้าข่าย "อย่ากินคนเดียว" หรือ "กินคนเดียว" ?
และ "ใครกินคนเดียว" หรือ "ใครแบ่งให้ใครกินด้วย" ?
 4) การหลีกเลี่ยงไม่ยอมจ่ายภาษี
เมื่อมีรายได้จำนวนมหาศาลจากการขายหุ้น 73,000 ล้านบาท แต่กลับไม่ยอมจ่ายภาษีเงินได้ โดยตัดตอนอ้างว่า ขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไม่ต้องจ่ายภาษี ทั้งๆ ที่ มีกระบวนการหลบเลี่ยงภาษี ผ่านการโอนหุ้นนอกตลาดหลักทรัพย์ ยักย้ายถ่ายเทไปมา ผ่านเกาะฟอกเงิน ผ่านบริษัทนอมินี ก่อนจะมาจบที่ตลาดหลักทรัพย์
การขายหุ้นได้เงินมาจำนวนมหาศาล แต่ไม่ยอมจ่ายภาษีเงินที่ได้มา สะท้อนว่า ต้องการจะ "กินคนเดียว" โดยไม่ต้องการแบ่งให้คนอื่นๆ ในสังคมได้ประโยชน์จากความร่ำรวยบ้าง ใช่หรือไม่?
5) ไม่ใช่รัฐบาลพรรคเดียว แต่เป็นรัฐบาลคนเดียว
คุณเสนาะ เทียนทอง อดีตประธานที่ปรึกษาพรรคไทยรักไทย เขียนเปิดโปงเอาไว้ในหนังสือ "รู้ทันทักษิณ" เล่ม 4 ชี้ประเด็นสำคัญว่า
 "มีการใช้ระบบธุรกิจของครอบครัวเข้ามาจัดการผลประโยชน์ในรัฐบาลแบบเบ็ดเสร็จ เริ่มตั้งแต่ การขนเอาคนที่เคยทำงานกับตัวเองในบริษัท เข้ามาแบบยกชุด
มีการเอาคนของตัวเองเข้าไปวางไว้ในกระทรวง ทุกกระทรวง โดยไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่งที่มีอำนาจอย่างเป็นทางการ แต่ทุกคนในกระทรวงนั้นจะรู้กันว่า คนๆ นี้คือ "คนของเขา" ถ้าจะทำอะไรก็ต้องผ่านเข้าไปทางคนๆ นี้
เรียกว่า ส่งตัวแทนเข้าไปดูแลผลประโยชน์ในทุกกระทรวง และมีอยู่ 2-3 คน ที่ดูทุกกระทรวง เป็นเหมือน "หลงจู๊"
ในขณะเดียวกัน ก็ส่งคนของตัวเอง เข้าไปยึดในตำแหน่งสำคัญๆ ที่อาจจะให้คุณให้โทษกับผลประโยชน์ธุรกิจของตัวเองได้ ไม่ว่าจะเป็น ในคณะกรรมาธิการต่างๆ ของสภาผู้แทนราษฎร เช่น คณะกรรมาธิการโทรคมนาคม เป็นต้น
ในคณะรัฐมนตรีก็ไม่ต่างกัน ทุกเรื่อง ทุกโครงการงบประมาณที่จะมีการอนุมัติ ถ้ารัฐมนตรีคนใดจะเสนอเรื่องเข้ามาขอใช้งบกลาง ซึ่งมีการจัดสรรไว้จำนวนมหาศาลในแต่ละปี ก็จะต้องไปเคลียร์กับ "คนของเขา" ให้เรียบร้อยเสียก่อน
ถ้าใครจะใช้งบกลาง ต้องเคลียร์กันก่อน เขามองการบริหารแผ่นดินเหมือนทำงานบริษัท แต่ทำยิ่งกว่านั้นอีก ทำงานบริษัทยังมีกรรมการบริษัท อันนี้คนเดียวเลย หลงจู๊คนเดียว เพราะนี่คืออำนาจ CEO ที่เขาใช้ คนก็ไม่กล้าท้วง เพราะถ้าคุณท้วงคุณเป็นรัฐมนตรีอยู่ คุณก็เด้งทันทีเลย ยิ่งเป็นข้าราชการสามารถเด้งได้ตลอด 24 ชั่วโมง
รัฐมนตรีหลายคน จะมี "คนของเขา" เข้ามาบอกเลยว่า เดี๋ยวทำงบนะ จะเอากี่พัน(ล้าน) จะเอาห้าพันหรือหกพัน แต่ต้องเอาเข้าพรรค 10% หมายความว่า คุณไปทำอะไรขึ้นมาก็ได้ ไปเขียนโครงการมา
ถ้ารัฐมนตรีคนไหนทำไม่ได้ ก็อยู่ไม่ได้
เวลาทำโครงการ ก็จะต้องจ้างที่ปรึกษาที่เป็นคนของตัวเอง แล้วใช้วิธีที่เก่งที่สุด คือ การยกเว้นระเบียบพิเศษ ยิ่งใช้วิธีขีดเส้นตาย ว่าจะต้องเสร็จวันนั้น วันนี้ เหมือนกับที่สนามบินสุวรรณภูมิ ก็เพื่อจะได้อ้างในการใช้วิธีจัดซื้อจัดจ้างแบบพิเศษ
นโยบาย 10% นี้ ในการทำโครงการ รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงก็จะต้องทำโครงการโดยไปตกแต่งงบประมาณ ไปพอกหรือเพิ่มงบขึ้นมาก่อน เพื่อว่ามูลค่าโครงการที่เสนอขออนุมัตินั้น จะได้ครอบคลุมถึง 10% ที่จะต้องหักเข้าพรรคเอาไว้แล้ว
จากนั้นไปตกลงกับ "คนของเขา" ผ่านคุณหญิง ตกลงกันเรียบร้อยเมื่อไหร่ ก็ส่งเรื่องมาให้ "ตัวตายตัวแทนทางการเมือง" ที่เขาไว้ใจ คนที่เคยเป็นลูกจ้างในบริษัทมาก่อน พอเข้าครม. นายกรัฐมนตรีจะเป็นคนนำเสนอโครงการเองและอนุมัติให้เองเสร็จสรรพ รัฐมนตรีทุกคนไม่ต้องคิด ไม่ต้องสงสัย
 ทุกวันนี้ ยังไม่มีใครรู้ว่า 10% นั้น มีอยู่เท่าไหร่แล้ว"

ไหนใครบอกว่า "อย่ากินคนเดียว" !?!?

ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
http://www.naewna.com/news.asp?ID=24115

บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
O_envi
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 495



« ตอบ #1 เมื่อ: 04-09-2006, 12:36 »

ผมอ่านหนังสือพิมพ์เสร็จก็งง ครับ มันกล้าพูดแบบนี้เหรอ ไม่ละอายใจเลย
บันทึกการเข้า

The change musts come one by one.It has to start with you
หน้า: [1]
    กระโดดไป: