ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
25-04-2024, 00:22
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  เข้าใจการเมือง เข้าใจชุมชน 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
เข้าใจการเมือง เข้าใจชุมชน  (อ่าน 812 ครั้ง)
morning star
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,119


don't let them make up your mind


« เมื่อ: 02-09-2006, 16:27 »

สังคมไทยเป็นสังคมที่มีความขัดแย้งเกิดขึ้นเสมอมา เพราะโครงสร้างดั้งเดิมของสังคมไทย เป็นโครงสร้างแบบชุมชน ไม่ใช่โครงสร้างแบบชนชาติ

เมื่อเป็นโครงสร้างแบบชุมชน จึงเกิดความไม่ลงรอยทางด้านความคิดบ่อยครั้ง แต่ด้วยการปกครองระบอบกษัตริย์ ความขัดแย้งทั้งหลายจึงตกอยู่ในราชสำนักเสมอมา เพราะแต่ละชุมชนไม่ได้มีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางของรัฐ

แต่กระนั้น กษัตริย์กรุงศรี ถึงกรุงธนฯ กรุงสยาม ได้ปกครองชุมชนต่าง ๆ ตั้งแต่สมัยก่อนทั้งด้วยกำลัง และที่สำคัญด้วยทศพิธราชธรรมจึงยุติความขัดแย้งของชุมชนทั้งหลายให้รวมใจเป็นหนึ่งเดียวได้

จนกระทั่งเปลี่ยนแปลงการปกครอง อำนาจต่าง ๆ ในการปกครองประเทศจึงเปลี่ยนมือมาอยู่กับคณะราษฎร์ซึ่งประกอบไปด้วยขุนน้าขุนนางมีอำนาจทางทหาร และรวมทั้งผู้มีการศึกษาในรั้วในวัง และมีการแย่งชิงกันอยู่ในหมู่คนกลุ่มเดียว เพื่อใช้อำนาจที่ได้มานั้น แสวงหาประโยชน์จากพ่อค้านักธุรกิจที่เข้ามาพึ่งพาบารมีช่วยให้ค้าขายได้คล่อง และชิงความได้เปรียบในการทำการค้า

ไม่นานเท่าไหร่ ทหารเพิ่งจะถอยเท้าข้างที่อยู่ในอำนาจการเมืองออกไป จากเดิมที่เคยเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ร่วมกับนายทุนพ่อค้าต่าง ๆ เพื่อหลีกทางให้รัฐบาลเป็นรัฐบาลที่มาจากประชาชนจริง ๆ

เมื่อทหารถอยออกไป จึงเหลือเพียงนักเลือกตั้ง และ พ่อค้า ที่ยังอยู่แสวงหาผลประโยชน์กับความไม่รู้ของประชาชน

เมื่อสังคมไทยเป็นสังคมชุมชน คนที่เข้าถึงชุมชนจึงได้เปรียบ ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ การซื้อตัวบรรดาหัวคะแนนในชุมชนให้เข้ามาเป็นพรรคพวกของนักการเมือง..รวมทั้งการสร้างสิ่งต่าง ๆ ให้เป็นรูปธรรมให้ชุมชนได้เห็น จับต้องได้ เพื่อเรียกคะแนนจากชุมชนในการเข้ามามีอำนาจต่อไป

..การพัฒนาสังคม..ย่อมต้องพัฒนาชุมชนเป็นอันดับแรก ซึ่งไม่ง่ายเมื่อแต่ละชุมชนมีวิถีและการดำเนินชีวิตที่ต่างกันออกไป..ในปัจจุบันมนุษย์ต้องการสิ่งของ วัตถุ และ ปัจจัยต่าง ๆ มากขึ้นจนเกินความจำเป็นในการดำรงชีวิต สืบเนื่องจากการโฆษณาชวนเชื่อตามสื่อที่ได้เห็นกันทุกวี่วัน และ เงิน คือสิ่งที่ต้องมีเพื่อนำไปแลกกับสิ่งเหล่านั้น..การหยิบยื่นเงิน อาชีพทำเงิน จึงตรงกับสิ่งที่ชาวบ้านในชุมชนหลาย ๆ ชุมชนต้องการ..แต่จริง ๆ แล้วเขาต้องการสิ่งเหล่านั้นจริงหรือ

คำตอบคือ พวกเขาคิดว่าเขาต้องการสิ่งเหล่านั้นจริง..แต่สิ่งที่พวกเขาต้องการจริง ๆ คือความรู้ที่ภาครัฐต้องมอบให้เป็นอันดับแรก ความรู้ที่จะเปิดโอกาสของพวกเขาในการต่อสู้กับยุค โลกาภิวัฒน์ที่ ร ก นายกฯ ปลื้มนัก ปลื้มหนา ด้วยความรู้ที่พวกเขามี

เมื่อชุมชนไม่มีความรู้ (รวมถึงชุมชนในเมืองขณะนี้ด้วย) จึงอ่อนแอในการแข่งขัน สู้กับกระแสแห่งโลกปัจจุบันได้ยากเย็น..ต้องหาเช้ากินค่ำเพื่อหาเงินมาซื้อวัตถุ ปากกัดตีนถีบ กระทั่งไม่มีเวลาฟื้นฟูจิตใจ สร้างสรรค์สังคม และชุมชน ตามมาด้วยการแบ่งปันวิถีของแต่ละชุมชนเพื่อสร้างโครงสร้างของชนชาติให้เด่นชัดมากขึ้น

หากไม่ปรับเปลี่ยนโครงสร้างการศึกษาใหม่ คงยากที่ประเทศไทยจะก้าวทันความเปลี่ยนไปในโลกทุนนิยม เมื่อแต่ละชุมชน มุ่งที่จะพัฒนาเพียงชุมชนของตัวเอง โดยลืมคำว่าชาติไป อยากได้เีพียงผู้แทนของตัวเอง เพื่อพัฒนาชุมชนตัวเอง...ด้วยความไม่รู้เขาก็ลืมไปว่า หากชาติไม่พัฒนา ชุมชนคงอยู่ในชาติด้อยพัฒนาได้ยากยิ่ง

บันทึกการเข้า

อย่าเดินตามใคร เพราะเรามีจุดมุ่งหมายของเราเอง
Scorpio6
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,210


Man on Mission *เสี่ยวฯ>สันติภาพ*


« ตอบ #1 เมื่อ: 02-09-2006, 20:31 »


อืมม..น่าคิดครับ..ไม่ค่อยมีคนพูดถึง...ชุมชน..เท่าไหร่นัก

การเมืองที่ผ่านมาก็เหมือน..คุณMorning Star ว่ามา

ชุมชนห่างไกล.....ของไทยก็ขาดการหนุนเสริมเรื่อง..  องค์ความรู้

ภาคการเมืองต้อง..........หนุนเสริมภาคประชาชน...ผลักดันนโยบาย

ที่ให้ชุมชนพึ่งตัวเองได้...อย่าปล่อยภาคเอ็นจีโอ*.

เดี๋ยวจะหาว่า....ภาคประชาชน...... (*ภาคประชาสังคม องค์กรชุมชน

เอ็นจี.. อ้วน.. เอ๊ย เอ็นจีโอ ).....รับเงินต่างชาติมา...พัฒนาชุมชน

รัฐ...ต้องดูแลอย่างจริงจังแล้ว...ไทยถึงจะเสรี..หลังยุคทักษิโณมิค

บันทึกการเข้า



คิดจะล้มระบอบทักษิณ ต้องอ่านใจเนวินและเพื่อน
บล็อกเสี่ยวไทบ้าน*แวะเยี่ยมRepublican Collage ของคุณสุธา ชันแสง*
http://www.oknation.net/blog/thaibaan/2008/03/26/entry-1
"ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนและในฐานะอย่างไร จงตรองหาว่า จะมีทางใช้ชีวิต
ให้เป็นประโยชน์ในทางใดบ้าง เมื่อตั้งใจคิดถึงมันแล้วก็จะพบเสมอ
ไม่ว่าอยู่ที่ใด เมื่อพบทางแล้วจงลงมือทำสิ่งที่เป็นประโยชน์"
RiDKuN
Administrator
ขาประจำขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,015



เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 02-09-2006, 21:55 »

ด้วยเหตุนี้รัฐธรรมนูญปี 40 จึงกำหนดให้มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไงครับ
จุดประสงค์หลักคือเพื่อแยกการเมืองระดับชาติ ออกจากความต้องการระดับชุมชน
ไม่ให้นักการเมืองริยำใช้การพัฒนาชุมชนมาเป็นตัวประกัน เป็นสินบนเพื่อเปิดทางเข้าสู่สภา
เป็นวงจรอุบาทว์ในการปล้นภาษีระดับชาติมาจุนเจือระดับชุมชนครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างน่ารังเกียจ

ต้องลองคิดดูว่าทำไมการเอาเงินหว่านแบบ 1 อำเภอ 1 ทุน
หรือโยนงบไปอำเภอละหลายร้อยล้าน จึงเป็นการซื้อเสียงโดยเงินภาษีที่ได้ผลอย่างยิ่ง?
เหตุผลคือชุมชนในระดับตำบลของเรายังไม่สามารถปกครองตนเองได้
บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่า อบต. อบจ. มีไว้ทำอะไร ทุกวันนี้มีอะไรก็หันหน้าหานายกฯ
พอนายกฯ บอกว่าจะให้อำเภอละเป็นร้อยๆ ล้านก็ตาโต
ทั้งที่หารออกมาแล้วก็ไม่ได้เยอะกว่างบ อบต. สักเท่าไหร่???
(หน้าเหลี่ยมฉลาดมากที่แจกต่ออำเภอ เพราะมันมีแต่ อบต. กับ อบจ. ไม่มีองค์กรปกครองท้องถิ่นระดับอำเภอ)

การจะบอกว่า ชุมชนไม่เห็นแก่ชาติ พูดแบบนั้นก็ดูเหมือนจะเห็นแก่ตัวเกินไป
เพราะในเมื่อชุมชนไม่เข้มแข็ง เอาตัวเองยังไม่รอด จะให้ไปทำเพื่อชาติคงลำบาก

สิ่งที่เราควรสนับสนุน คือการรณรงค์สนับสนุนระบบการเมืองในชุมชนให้เข้มแข็ง
การรณรงค์เป็นเรื่องยากที่สุดเพราะไม่ใช่การสร้างหรือการทุ่มเงินทำอะไร
ตรงนี้เราจำเป็นต้องพึ่ง NGO อย่างมากจริงๆ ในการที่จะทำตรงนี้
เพราะคงไม่มีรัฐบาลไหนสนับสนุนให้ประชาชนปกครองตัวเองอย่างจริงจัง...
บันทึกการเข้า

คนไม่มี "อุดมคติ" ไม่ใช่ "นักการเมือง"
นู๋เจ๋ง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,877



« ตอบ #3 เมื่อ: 02-09-2006, 21:57 »

 Rolling Eyes
เข้ามาอ่านอย่างเดียวค่ะ
 Twisted Evil
บันทึกการเข้า

~จะแน่วแน่...แก้ไข...ในสิ่งผิด~
morning star
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,119


don't let them make up your mind


« ตอบ #4 เมื่อ: 02-09-2006, 22:38 »

ด้วยเหตุนี้รัฐธรรมนูญปี 40 จึงกำหนดให้มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไงครับ
จุดประสงค์หลักคือเพื่อแยกการเมืองระดับชาติ ออกจากความต้องการระดับชุมชน
ไม่ให้นักการเมืองริยำใช้การพัฒนาชุมชนมาเป็นตัวประกัน เป็นสินบนเพื่อเปิดทางเข้าสู่สภา
เป็นวงจรอุบาทว์ในการปล้นภาษีระดับชาติมาจุนเจือระดับชุมชนครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างน่ารังเกียจ

ต้องลองคิดดูว่าทำไมการเอาเงินหว่านแบบ 1 อำเภอ 1 ทุน
หรือโยนงบไปอำเภอละหลายร้อยล้าน จึงเป็นการซื้อเสียงโดยเงินภาษีที่ได้ผลอย่างยิ่ง?
เหตุผลคือชุมชนในระดับตำบลของเรายังไม่สามารถปกครองตนเองได้
บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่า อบต. อบจ. มีไว้ทำอะไร ทุกวันนี้มีอะไรก็หันหน้าหานายกฯ
พอนายกฯ บอกว่าจะให้อำเภอละเป็นร้อยๆ ล้านก็ตาโต
ทั้งที่หารออกมาแล้วก็ไม่ได้เยอะกว่างบ อบต. สักเท่าไหร่???
(หน้าเหลี่ยมฉลาดมากที่แจกต่ออำเภอ เพราะมันมีแต่ อบต. กับ อบจ. ไม่มีองค์กรปกครองท้องถิ่นระดับอำเภอ)

การจะบอกว่า ชุมชนไม่เห็นแก่ชาติ พูดแบบนั้นก็ดูเหมือนจะเห็นแก่ตัวเกินไป
เพราะในเมื่อชุมชนไม่เข้มแข็ง เอาตัวเองยังไม่รอด จะให้ไปทำเพื่อชาติคงลำบาก

สิ่งที่เราควรสนับสนุน คือการรณรงค์สนับสนุนระบบการเมืองในชุมชนให้เข้มแข็ง
การรณรงค์เป็นเรื่องยากที่สุดเพราะไม่ใช่การสร้างหรือการทุ่มเงินทำอะไร
ตรงนี้เราจำเป็นต้องพึ่ง NGO อย่างมากจริงๆ ในการที่จะทำตรงนี้
เพราะคงไม่มีรัฐบาลไหนสนับสนุนให้ประชาชนปกครองตัวเองอย่างจริงจัง...
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นมีเพื่อให้ชุมชนได้มีอำนาจในการพึ่งพา พัฒนาตนเอง ไม่ต้องรองบหรือ นโยบายที่เดินทางมาจากจังหวัดอย่างเมื่อก่อน เป็นสิ่งที่เขาตั้งใจกันไว้ครับ..แต่ในทางปฏิบัติ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ก็กลายเป็นที่ให้ผู้มีอันจะกินเข้าไปแสวงหาประโยชน์ กินงบ วางนโยบายให้เอื้อกับธุรกิจของตัวเองเหมือนเดิม...ผมเคยเห็นมาแล้ว นายก อบต ตำบลหนึ่งในอำเภอด่านช้างตัดถนนผ่านไร่ตัวเอง..หรือ กำนันลาออก ไปสมัครนายกฯ อบต ซื้อเสียงกันเหมือนเลือกตั้งทั่วไป..แข่งกันแย่งกันเป็น เพื่อจะเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์

ลำพัง NGO ที่วุ่นวายกับเรื่องป่าชุมชน เรื่องผักปลอดสารพิษ..หรือวิถีชาวบ้าน มันไม่ได้ตอบโจทย์ที่ว่า ทำยังไงจะมีจานดาวเทียมไว้ดูละครช่องสาม ทำไงจะหน้าขาว ทำยังไงจะมีปิคอัพไว้ใช้สักคัน..

แล้วขนาดเลือกตั้งระดับท้องถิ่น ชุมชนยังไม่มีความสามารถแยกแยะเรื่องไกลตัวกับเรื่องใกล้ตัวออกจากกันได้..NGO นั้นอย่าไปหวังครับ..ขนาดผักปลอดสารพิษ ป่าชุมชน ที่ทำกันอยู่ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังไม่เห็นด้วย

ทั้งหมดนี้ต้องความรู้เท่านั้นจึงจะช่วยให้ชุมชนพัฒนาได้อย่างถูกวิธี ไม่ให้พวกนายทุนมาเอารัดเอาเปรียบด้วยผลประโยชน์ซึ่งหน้า ล่อให้เข้าไปติดบ่วงที่เขาเอาไว้กอบโกย
บันทึกการเข้า

อย่าเดินตามใคร เพราะเรามีจุดมุ่งหมายของเราเอง
RiDKuN
Administrator
ขาประจำขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,015



เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 03-09-2006, 01:45 »

เรื่องที่ว่า อบต. อบจ. ทำงานไม่ได้เรื่องนั้นผมก็เข้าใจครับ ได้ยินมาเยอะ
แต่ว่ามันคือทฤษฎีที่ถูกต้องว่าต้องมีการกระจายอำนาจ เพียงแต่การดำเนินการจริงมันใช้ไม่ได้
บังคับเพียงแต่ว่าให้จัดสรรงบประมาณลงไป แต่ชาวบ้านไม่รู้ว่า อบต. อบจ. ทำอะไรให้ได้บ้าง
พอนายกฯ มาที ก็ไปตั้งแถวต้อนรับ รอเม็ดเงินที่จะหว่านลงไปให้ทีนึง แบบนี้ประเทศไทยคงไม่ไปถึงไหน

ตรงนี้ ถ้าเราไม่หวังพึ่ง NGO แล้วเราจะพึ่งใคร? ถ้าไม่หวังพึ่ง NGO ก็ต้องตั้ง NGO เองแล้วกระมัง
เพราะการรณรงค์ให้ชาวบ้านเข้าใจว่าการปกครองตนเองเป็นอย่างไรไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
แถมยังต้องเผชิญกับกลุ่มอำนาจการเมือง ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ
ที่ไม่ต้องการให้ชาวบ้านเข้ามาจุ้นจ้านกับผลประโยชน์ที่ได้จากเงินภาษีมากนัก

บอกตามตรงว่า มันต้องเป็น NGO แหละครับ ไม่ว่าจะในรูปไหน เพราะรัฐบาลไม่ยอมทำหรอก
หรือบางที เราน่าจะเสนอให้มีการจัดตั้งองค์กรอิสระเพื่อการปฏิรูปการปกครองส่วนท้องถิ่นไปเลยดีไหม?
บันทึกการเข้า

คนไม่มี "อุดมคติ" ไม่ใช่ "นักการเมือง"
morning star
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,119


don't let them make up your mind


« ตอบ #6 เมื่อ: 03-09-2006, 05:24 »

อ้างถึง
เราน่าจะเสนอให้มีการจัดตั้งองค์กรอิสระเพื่อการปฏิรูปการปกครองส่วนท้องถิ่นไปเลยดีไหม?

ก็น่าคิดนะครับ...น่าสนใจ
บันทึกการเข้า

อย่าเดินตามใคร เพราะเรามีจุดมุ่งหมายของเราเอง
หน้า: [1]
    กระโดดไป: