ศาลไม่อนุมัติหมายจับ 7 พันธมิตรฯ (บรรทัดฐานการเมืองภาคประชาชน)
ศาลอาญาพิจารณาคำเบิกความของ พล.ต.ต.ชัชวาลย์ ที่ขึ้นเบิกความไว้เมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า การกระทำของผู้ต้องหาทั้ง 7 คน กระทบต่อความมั่นคงของประเทศก่อให้เกิดความแตกแยกในหมู่ประชาชน ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของชาติ ต่างประเทศ และนักลงทุนขาดความเชื่อมั่น พิจารณาพฤติการณ์เข้าข่ายกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 116 , 215 และ 216 พ.ร.บ.การจราจรทางบก , พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง และ พ.ร.บ.รักษาความสะอาด ขณะที่แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั้ง 7 คน ชี้แจงต่อศาลอาญา ว่า การออกหมายเรียกของพนักงานสอบสวนทั้ง 2 ครั้ง ไม่ชอบด้วยกฎหมายเข้าข่ายกลั่นแกล้ง การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยังอยู่ภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญ อีกทั้งตลอดการชุมนุมก็ได้ติดต่อประสานตำรวจเรื่องความปลอดภัยของประชาชน
ศาลอาญาพิจารณาคำร้องของพนักงานสอบสวนแล้วเห็นว่าสมควรยกคำร้อง พิเคราะห์ว่า
บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบ และปราศจากอาวุธ การปราศรัยบนเวทีของแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทั้ง 7 คน มีเจตนาวิพากษ์วิจารณ์และโจมตีนโยบายการบริหารงาน รวมทั้งจริยธรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเท่านั้น ยังมิได้มีเจตนาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล หรือก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร จึงไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 7 คน ส่วนความผิดตาม พ.ร.บ.การจราจรทางบก พ.ร.บ.รักษาความสะอาด พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง มีอัตราโทษแค่ปรับสถานเดียว พนักงานสอบสวนสามารถออกหมายเรียกผู้ต้องหาเข้ารับทราบข้อกล่าวหาได้ตามกฎหมาย
http://www.thairath.co.th/onlineheadnews.html?id=18220การชุมนุมปราศรัยของบุคคลดังกล่าวก็มิได้ทำให้เกิดความไ ม่สงบเรียบร้อยขึ้นในบ้านเมือง จึงถือว่าเป็นการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 44 วรรคหนึ่ง ส่วนการพิจารณาเจตนาของผู้ขึ้นปราศรัยบนเวที ลักษณะของถ้อยคำที่กล่าวเป็นข้อสำคัญอยางหนึ่งที่ชี้ให้เห็นว่ามีเจตนาต่อผลอย่างไร
การพิจารณาถ้อยคำที่กล่าวนั้น ต้องดูข้อความทั้งหมดรวมกัน ไม่ใช่จับมาโดยเฉพาะคำใดคำหนึ่ง หรือข้อใดข้อหนึ่ง พิจารณาข้อความที่นายสุริยะใส และพวกที่กล่าวปราศรัยตามเอกสารท้ายคำร้องแล้ว เห็นว่ามีเจตนาวิพากษ์วิจารณ์และโจมตีนโยบาย การบริหารงาน รวมทั้งจริยธรรมของพ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะนายกฯ ซึ่งเป็นบุคคลสาธารณะ และเรียกร้องให้พ.ต.ท.ทักษิณ ลาออกจากตำแหน่งเป็นสำคัญ แม้จะมีการใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสมขาดความเคารพยำเกรง ก็หาได้มีเจตนาถึงขนาดเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อใป้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายของแผ่นดิน
รวมทั้งไม่มีเจตนาใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองแต่อย่างใดไม่ ดังนั้นหากบุคคลภายนอกถูกละเมิดสิทธิหรือได้รับความเสียหาย ก็ย่อมสามารถดำเนินคดีได้ตามกฎหมายอยู่แล้ว
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9490000111290การเมืองภาคประชาชน สิทธิตามรัฐธรรมนูญที่รัฐบาล(เผด็จการ)ต้องเรียนรู้
** ฝากถึงกองเชียร์รัฐบาล ที่เข้าใจผิดให้เข้าใจเสียใหม่ ในวาระเดียวกันด้วย **