ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
24-04-2024, 20:58
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  เปิดเกม สื่อชนสื่อ - สื่อ คือ..อำนาจ รุกทุกทาง TV - Radio- Post - Online Net 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
เปิดเกม สื่อชนสื่อ - สื่อ คือ..อำนาจ รุกทุกทาง TV - Radio- Post - Online Net  (อ่าน 829 ครั้ง)
ThailandReport
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,415


« เมื่อ: 01-09-2006, 11:26 »

เปิดเกม สื่อชนสื่อ - เกมนี้ใครมี..สื่อ คือ..อำนาจ รุกทุกทาง TV - Radio- Post - Online-Net

http://www.manager.co.th/mgrWeekly/ViewNews.aspx?NewsID=9490000110815

เดินเกม “สื่อชนสื่อ” ปกป้องระบอบทักษิณ
 
โดย ผู้จัดการรายสัปดาห์ 1 กันยายน 2549 10:04 น. 
 
 
               “เนวิน” เดินเกมรุกด้านข่าวสารหวังปกป้อง “ระบอบทักษิณ”
        เดินหน้าสร้างเครือข่ายสื่อสารมวลชนทุกรูปแบบ เพื่อให้ข้อมูลความเห็นสนับสนุนฝ่ายทักษิณ และตอบโต้ฝ่ายต่อต้านแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน
        ส่วนคู่หูเชลียร์ ได้ที่สิงสถิตใหม่แล้ว หลังถูกอัปเปหิพ้นจากอสมท. และยูบีซี
       
        แหล่งข่าวจากวงการสื่อสารมวลชนวิเคราะห์ สถานะภาพของภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ในช่วงนี้นับว่าอยู่ในภาวะตกต่ำมาก แม้แต่การเกิดข่าวจับรถขนระเบิดโดยตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายคนระบุว่าเป็นแผนลอบสังหารผู้นำ แต่ผลการสำรวจความเห็นประชาชนโดยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ พบว่า สังคมกว่าครึ่งเชื่อว่าเป็นการ “สร้างฉาก” เพื่อกลบข่าวที่ตำรวจมีความลำเอียงในการจัดการกับกลุ่มคนที่ไปตะโกนขับไล่ทักษิณ และกลุ่มคนที่ไปเชียร์ทักษิณ จนถึงขั้นมีภาพข่าว เช่น จาก ASTV เป็นหลักฐานว่าตำรวจซึ่งอยู่ในเหตุการณ์เหมือนรู้เห็นเป็นใจกับอันธพาลที่เข้าไปทำร้ายคนชราและผู้หญิงเพื่อเอาใจนักการเมือง
       
        การไม่สามารถคุมสื่อโดยเฉพาะสื่อหนังสือพิมพ์ ที่มีการสืบค้นและเปิดเผยประเด็นที่ผิดปกติและผิดจริยธรรมของแกนนำรัฐบาล นับเป็นจุดอ่อนที่บั่นทอนคะแนนนิยมในหมู่ชนชั้นกลางขึ้นไปซึ่งสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร และเปิดรับข่าวสารจากสื่อสารมวลชนต่างๆ
       
        แหล่งข่าวในวงการเมืองที่ใกล้ชิดแกนนำรัฐบาล เปิดเผยว่าในความเป็นจริงขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ เผชิญกระแสกดดันจากปัญหาต่างๆ และกระแสข่าวที่รุกไล่อย่างหนักมาก จนพร้อมที่จะประกาศเว้นวรรคทางการเมือง หรือแม้แต่จะวางมือด้วยซ้ำไป
       
        “สิ่งที่คุณทักษิณทำตอนนี้จึงเป็นการวางแผนให้พรรคไทยรักไทยชนะเลือกตั้งให้ได้ แล้วค่อยประกาศตัดสินใจหากมีการเว้นวรรค เพื่อให้มั่นใจว่าได้วางกำลังทั้งด้านนักการเมือง และกำลังทหารตำรวจเพื่อเป็นเครื่องมือช่วยปกป้องความมั่นคงปลอดภัยของตัวเอง ครอบครัว และทรัพย์สมบัติ” แหล่งข่าวกล่าว
       
        แหล่งข่าวเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งแม้จะมีข่าวคราวที่คนเชื่อว่ามีช่องทางในการถ่ายเททรัพย์สมบัติไปเก็บในที่ปลอดภัย แต่ก็คงอยากมีชีวิตอยู่ในสังคมได้ หลังจากลงจากอำนาจ
       
        แกนนำคนใกล้ชิดทักษิณ จึงเห็นความสำคัญของบทบาทสื่อสารมวลชนในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร และความเห็นซึ่งปัจจุบันสื่อมืออาชีพส่วนใหญ่ถูกฝ่ายรัฐบาลมองว่า “ไม่เป็นมิตร” ถึงขนาดรำพันทำนองว่าถูกสื่อมวลชนไม่ให้ความเป็นธรรม แม้แต่สื่อของรัฐ
       
        นี่คือที่มาของเกมรุกด้านสื่อของฝ่ายรักษาการณ์รัฐบาลขณะนี้
       
       ยุทธศาสตร์สื่อศึกสื่อ
       
        ลักษณะกลยุทธ์แบบหนึ่งที่นักการเมืองพรรคไทยรักไทยดำนเนินการตอบโต้การที่ผู้นำรัฐบาลถูกวิพากษ์และรุกไล่ก็คือการจัดให้มีสื่อที่แสดงปฏิกิริยาย้อนกลับไป เช่น การจัดชุมนุมคนและการจัดกลุ่มเชียร์ เพื่อจะสื่อสารว่ามีกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับฝ่ายต่อต้าน
       
        แม้ว่าสื่อของรัฐทั้งที่เป็นวิทยุและโทรทัศน์ส่วนใหญ่มักถูกระบบการบริหารทำให้ต้องสนองนโยบายการสื่อสารในลักษณะที่ไม่เกิดผลลบต่อรัฐบาล คือ พยายามหลีกเลี่ยงการวิพากษ์วิจารณ์บทบาทและนโยบายของแกนนำรัฐบาล แต่เพื่อตอบโต้กับกระแสข่าวเชิงลบที่เกิดจากการเปิดประเด็นความไม่ถูกต้อง หรือการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องคุณธรรมที่ตรงข่ามกับแนวคิดและวิถีปฏิบัติของผู้นำรัฐบาล
       
        การเดินเกมรุกลงทุนปั้นสื่อแบบหลากหลายสนองความต้องการของแกนนำฝ่ายการเมือง รัฐบาลจึงเริ่มขึ้นซึ่งมีทั้งสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ โทรทัศน์ วิทยุ เว็บไซต์ และรายงานข่าวสั้นผ่านโทรศัพท์มือถือ (SMS) รวมทั้งสื่อหนังสือ
       
        การเปิดเว็บไซต์ www.reporter.co.th กับการเปิดตัวหนังสือพิมพ์ เดอะรีพอร์ตเตอร์ รายสัปดาห์โดยวางตลาดเล่มแรกไปแล้วเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ตลอดจนการเตรียมขอเช่าช่องสัญญาณดาวเทียม NSS 6 ของเนเธอร์แลนด์ และไทยคม 3 เพื่อนำเสนอข่าวผ่านดาวเทียมช่องใหม่ของพลพรรคพิทักษ์ทักษิณ ถือเป็นความเคลื่อนไหวในศึกสื่อชนสื่อระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กับกลุ่มฝ่ายตรงข้าม โดยมีเป้าหมายเพื่อชนกับ สนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ หนึ่งในแกนนำโค่นระบอบทักษิณ ในลักษณะตาต่อตาฟันต่อฟันเลยทีเดียว
       
       แม้ว่ารัฐจะครอบครองสื่อไว้ในมือเพียบทั้งฟรีทีวี 6 ช่อง สถานีวิทยุทั่วประเทศอีกกว่า 200 สถานี เคเบิลทีวี สื่อสิ่งพิมพ์อีกหลายฉบับ แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความพยายามครอบงำ และโฆษณาชวนเชื่อประชาชน ทั้งที่หากคิดเฉพาะฟรีทีวีเพียงอย่างเดียวก็เข้าถึงประชาชนได้กว่า 90% อยู่แล้ว และในจำนวน 10% ที่น้อยนิดของสื่อสิ่งพิมพ์นี้มีไม่กี่ฉบับเท่านั้นที่รายงานข่าวตามความเป็นจริง ตลอดจนกล้าวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมา
       
       วันนี้สื่อของสนธิ แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ใช้เป็นกระบอกเสียง และรายงานความจริงที่เกิดขึ้นจากการกระทำของรัฐบาลชุดนี้ มีหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ผู้จัดการ สถานีโทรทัศน์ ASTV ที่เช่าดาวเทียม NSS 6 ของเนเธอร์แลนด์
       
       ขณะที่พลพรรคพ.ต.ท.ทักษิณมีความเพียรอย่างยิ่งกับการเปิดสื่อใหม่ โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อชิงฐานมวลชนกลุ่มต่อต้านทักษิณ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข่าวสารในด้านที่ตนเองต้องการ ที่เปิดตัวไปแล้วคือเว็บไซต์ Reporter กับหนังสือพิมพ์ เดอะ รีพอร์ตเตอร์ รายสัปดาห์
       
       หนังสือพิมพ์ฉบับนี้มีทั้งหมด 64 หน้าราคาขาย 15 บาท มีเนื้อหาทั้งการเมือง เศรษฐกิจ ต่างประเทศ กีฬา และบันเทิง วางคอนเซปต์ว่า เป็นทางเลือกใหม่ของผู้บริโภคข้อมูลข่าวสาร
       
       เนื้อหาที่นำเสนอส่วนใหญ่จะเป็นการปกป้องการกระทำของรัฐบาล โดยเฉพาะเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับทักษิณ และดิสเครดิตข่าวของฝ่ายตรงกันข้าม ดังจะเห็นได้จาก ขณะที่หนังสือพิมพ์หลายฉบับ ไม่ว่าจะเป็น ประชาชาติธุรกิจ มติชน ผู้จัดการ กรุงเทพธุรกิจ โพสต์ทูเดย์ พยายามขุดคุ้ย และตีแผ่ความไม่ชอบมาพากลของบริษัทกุหลาบแก้วว่าเป็นนอมินีของต่างชาติ แต่หนังสือพิมพ์ เดอะรีพอร์ตเตอร์ ฉบับแรกกลับเป็นฉบับเดียวที่นำเสนอในประเด็น “คลี่กลีบกุหลาบแก้ว สายเลือดไทยพันเปอร์เซ็นต์”
       
       ในฉบับนี้จะมีเรื่องราวเกี่ยวกับบริษัทนี้มีสถานะทางธุรกิจอย่างไร มีอาณาจักรทางธุรกิจครอบคลุมไปทั่วทวีปเอเชีย เปิดปูมเบื้องลึกของ ดาโต๊ะสุรินทร์ หรือ สุรินทร์ อุปพัทธกุล ผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทกุหลาบแก้ว ที่มาเปิดตัวตนที่แท้จริงว่าเป็นคนไทยหรือไม่ ประกอบอาชีพมีหลักแหล่งที่ใดในประเทศไทย
       
       ว่ากันว่าทีมงานที่จัดทำเว็บไซต์ และหนังสือพิมพ์ดังกล่าวเป็นคนใกล้ชิดกับ เนวิน ชิดชอบ รักษาการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ เป็นผู้จัดทำขึ้น
       
       ไม่เพียงเท่านั้น ในคอลัมน์ ปิดไม่ลับ Special ของหนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันอาทิตย์ที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา นำเสนอว่า ล่าสุดได้มีการรุกคืบไปอีกขั้นด้วยการเข้าไปทำรายการโทรทัศน์ในช่อง UBC 9 ซึ่งมีกระแสข่าวว่า เนวินได้ขอเงินจากคุณหญิงพจมาน ชินวัตร มา 100 ล้านบาท เพื่อใช้ในการทำรายการโทรทัศน์ต่อสู้ด้านข่าวสารกับฝ่ายตรงกันข้ามโดยตรง และได้จัดให้บรรดาทีมรองโฆษกและทีมการเมืองของพรรคไทยรักไทยผลัดเปลี่ยนเข้าไปนั่งจัดรายการมาระยะหนึ่งแล้ว
       
       อย่างไรก็ตาม รายการนี้ได้ถูกยกเลิกไปเรียบร้อยแล้ว บ้างก็ว่า UBC หวั่นเกรงจะกลายเป็นเครื่องมือทางการเมือง ซึ่งกระทบต่อฐานลูกค้าฐานลูกค้าและการทำธุรกิจโดยตรง จึงพยายามยกเลิกไม่ให้กลุ่มนักการเมืองของพรรคไทยรักไทยเข้าไปจัดรายการอีก บ้างก็ว่าเป็นเพราะผู้จัดรายการไปกล่าวล่วงละเมิดคำตัดสินศาล ทำให้พรรคไทยรักไทยต้องหาช่องทางอื่นในการเสนอรายการโทรทัศน์ของตัวเอง
       
       แน่นอนว่าช่องทางที่เลือกใช้นำเสนอรายการโทรทัศน์ต้องเป็นการเช่าช่องสัญญาณดาวเทียม NSS 6 ที่สถานีโทรทัศน์ ASTV ของสนธิ และวัดธรรมกายใช้อยู่
       
        แหล่งข่าวเปิดเผยว่า การใช้ช่วงเวลาทาง UBC นั้นอยู่ในแผนชั่วคราว เพราะแผนใหญ่คือการทำรายการด้วยช่องช่องทางของตัวเอง คือ เตรียมการใช้ช่องสัญญาณ NBT (National Broadcast Television) ซึ่งเป็นเครือข่ายของสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 แล้วขายรายการผ่านธุรกิจเคเบิลทีวีตามจังหวัดต่างๆ
       
        นี่เป็นช่องกลยุทธ์ที่ ASTV ของเครือผู้จัดการ ซึ่งเป็นที่นิยมทั้งระดับประเทศ และระดับคนไทยในต่างประเทศ แหล่งข่าวเชื่อว่า มีผู้รับการสนับสนุนจากเนวินในการดำเนินการเรื่องนี้เพื่อสนองเป้าหมายทางการเมือง
       
        การรุกเข้ามาสร้างสื่อของตนเองเช่นนี้ แน่นอนว่าไม่ได้หวังผลในเชิงธุรกิจ หรือมองเรื่องกำไร-ขาดทุนแต่ประการใด เนื่องจากทั้งเว็บไซต์ Reporter และวิทยุชุมชน 89.75 ที่ทำหน้าที่ออกข่าวและดำเนินการสนองกลยุทธ์ด้านข่าวสารแนวบวกกับรัฐบาลเช่นนั้นนั้น เป็นสื่อที่สามารถสื่อสารได้ฉับพลันทันที เช่นเดียวกับโทรทัศน์ จึงเป็นเครื่องมือสื่อสารที่สามารถรับข้อมูลและสื่อสารเพื่อสนับสนุนและตอบโต้กับฝ่ายที่วิจารณ์หรือให้ข้อมูลที่กระทบรัฐบาล
       
        แหล่งข่าวกล่าวว่า ฝ่ายแกนนำคนใกล้ชิดทักษิณ หรือเนวินคงมองว่าถึงสัดส่วนของ “คนไม่ชอบทักษิณ” จะมีเปอร์เซ็นต์ไม่น้อยก็ตาม แต่พื้นที่ส่วนนี้ก็มีสื่อมากมายที่แข่งกันทำตลาดเพื่อแย่งลูกค้า ขณะที่สื่อที่ทำตลาดสำหรับ “คนที่ชอบทักษิณ” ยังมีน้อย ดังนั้น จึงเป็นโอกาสสำหรับสื่อที่สนองกลุ่มปกป้องทักษิณจึงมีโอกาสเกิด
       
       ผลิตรายการ
       เริ่มบุกอิสานก่อน
       
        แหล่งข่าวจากวงการสื่อสารกล่าวว่า ระยะที่ผ่านมาได้มีทุนการเมืองเข้ามาผลิตรายการโทรทัศน์ในรูปแบบสถานีข่าว ที่เนื้อหาเน้นการตอบโต้การนำเสนอข่าวสารของฝ่ายที่ไม่พึงพอใจนายกฯทักษิณ มีการออกอากาศในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่เป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคไทยรักไทย โดยเฉพาะในจังหวัดมีรัฐมนตรีคนสำคัญของพรรคเป็นมือไม้หลักของท่านนายกในเวลานี้
       
        “รายการนี้จะแทรกเข้าไปในช่องสัญญาณของผู้ให้บริการเคเบิ้ลในพื้นที่ภาคอิสานเป็นหลัก และมีความพยายามที่จะขยายพื้นที่ออกอากาศไปยังภูมิภาคอื่น ๆ”
       
        ขณะเดียวกันจากการสอบถามไปยังสมาคมเคเบิ้ลทีวีแห่งประเทศไทยถึงการออกอากาศของรายการดังกล่าว ได้รับคำตอบจากกรรมการท่านหนึ่งว่า เป็นเรื่องของผู้ให้บริการแต่ละแห่งว่าจะเลือกเอาสัญญาณที่ได้รับมานั้นปล่อยต่อให้กับลูกค้าหรือไม่ หากรายการนั้นเป็นรายการที่ไม่ดีผู้ให้บริการก็คงไม่นำมาบรรจุไว้ในแพ็กเกจที่เสนอให้กับลูกค้า
       
        จะเห็นได้ว่าผู้ให้บริการแต่ละรายจะมีรายการที่ไม่เหมือนกันทั้งหมด ขึ้นอยู่กับพื้นที่ให้บริการ เช่น พื้นที่บางแห่งมีคนเชื้อสายจีนมากก็อาจนำงิ้วหรือเพลงจีนเข้ามาบรรจุในแพ็คเกจ แต่จะมีรายการบางประเภทที่เหมือนกันเพราะเป็นรายการที่ซื้อร่วมกัน ทำให้ได้ต้นทุนของรายการที่ถูกลง
       
        นอกจากนี้เคเบิ้ลแต่ละแห่งมักมีช่องที่เสนอข่าวสำหรับท้องถิ่นนั้น ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข่าวทางด้านประชาสัมพันธ์ เช่น นักการเมืองหรือรัฐมนตรีที่เข้ามาตรวจพื้นที่เมื่อติดต่อมาที่ผู้ประกอบการก็จะออกไปถ่ายและนำภาพนั้นมาเสนอให้กับผู้ชม ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่เคเบิ้ลแทบทุกแห่งทำกันทั้งนั้น
       
       
บันทึกการเข้า

The only thing necessary for the triump of evil is for good men to do nothing !!
สิ่งเดียวที่จะทำให้คนชั่วได้รับชัยชนะ นั่นคือการที่ คนดีๆนิ่งดูดาย !
ThailandReport
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,415


« ตอบ #1 เมื่อ: 01-09-2006, 11:27 »

เปิดเครือข่าย “รีพอร์ตเตอร์”
       
        แหล่งข่าววงการสื่อสารมวลชน เปิดเผยว่า กลุ่มรีพอร์ตเตอร์เป็นกลุ่มที่รวบรวมคนที่เคยอยู่ในวงการข่าวจากหนังสือพิมพ์หลายฉบับ อาทิ ทองเจือ ชาติกิจเจริญ ที่เป็นบรรณาธิการข่าว ผ่านประสบการณ์มานาน อดีตเคยเป็นนักข่าวนสพ.สยามรัฐ ในยุคที่จัตวา กลิ่นสุนทร เป็นบรรณาธิการ ด้วยภารกิจทำให้ใกล้ชิด และเป็นที่ชอบพอกับเนวิน ชิดชอบ จนเข้าไปช่วยงานเป็นทีมที่ปรึกษาช่วงหนึ่ง ต่อมาร่วมกับสุภาพ คลี่ขจาย ทำรายการ “เที่ยงวันทันข่าว” ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 และมีบทบาทในการบริหารงานข่าวของช่อง 11 ด้วย
       
        แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ทองเจือหัวเรือใหญ่ของกลุ่มบอกคนใกล้ชิดว่าเป็นคนลงเงินในโครงการสร้างธุรกิจสื่อของกลุ่ม แต่ก็ยังเป็นที่สงสัยว่าเนวินอาจเป็นแหล่งเงินที่เชื่อมโยงกับทักษิณเพื่อให้ปกป้อวด้านข่าวสาร
       
        “มีคนเคยเห็นคุณเนวินไปประชุมกับคุณทองเจือ 3-4 ครั้ง แล้วยังแวะคุยเล่นกับคนในกองบก.ด้วย” แหล่งข่าวกล่าว ขณะที่คนในกองบก.ได้รับการบอกเล่าว่า เนวินแวะมาเยี่ยมในฐานะคนคุ้นเคย
       
       หมัก-จืด
       คู่ดูโอพิทักษ์ษิณเจริญ
       
        สมัคร สุนทรเวช กับดุสิต ศิริวรรณ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “หมัก-จืด” คู่หูนักจัดรายการที่วางตัวชัดเจนว่าเป็นปรปักษ์กับฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามทักษิณ
       
        นับตั้งแต่รายการ “เช้าวันนี้...ที่เมืองไทย” ที่ออกอากาศทางช่อง 5 กับ “สมัคร-ดุสิต คิดตามวัน” ที่ออกอากาศทางโมเดิร์น ไนน์ รวมทั้งผ่านรายการวิทยุเอฟเอ็ม 105 เมกะเฮิร์ตซ ของกรมประชาสัมพันธ์ทำไปก็เพื่อเป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลมากกว่าจะทำหน้าที่ของสื่อมวลชนอย่างตรงไปตรงมา บางคนตั้งข้อสังเกตว่าการที่บุคคลทั้งสองได้รับสิทธิ์ให้ดำเนินรายการทั้ง 2 ช่องนั้นเป็นเพราะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล
       
        ความที่รายการทั้ง 2 จะทำหน้าที่เชลียร์ด้วยความจงรักภักดี แต่เป็นความภักดีที่ไม่ลืมหูลืมตา จนถึงกับบังอาจก้าวล่วงใช้วาจาจาบจ้วง และวิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ จนตามมาซึ่งความไม่พอใจกับประชาชนและบรรดานายทหารทั้งหลาย จึงกดดันให้ทั้งคู่ออกมาขอโทษ และให้ถอดถอนรายการ ทว่า ทั้งคู่ไม่ยอมกล่าวขอโทษ แต่ยังดีที่แสดงความรับผิดชอบด้วยการของเลิกทำรายการทั้งหมดแทน
       
        แม้จะมีชนักติดหลังถึงเพียงนี้แต่ก็มีความพยายามจากฝั่งรัฐบาลให้ทั้งคู่กลับมาทำรายการวิทยุ และโทรทัศน์อยู่อีก
       
        เมื่อไม่นานมานี้ “หมัก” เพิ่งจะได้รับคำสั่งให้ไปจัดรายการที่ UBC 9 ซึ่งเป็นช่องที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ใช้เผยแพร่กิจกรรมการท่องเที่ยวในไทย โดยททท.จะเป็นผู้จัดสรรงบให้ ซึ่งลูกค้าช่องนี้ส่วนใหญ่เป็นพวกธุรกิจการบิน และบริษัทท่องเที่ยว ล่าสุดบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (ทอท.) เพิ่งแพลนงบโฆษณาสนามบินสุวรรณภูมิผ่านยูบีซี 9 กับช่องโมเดิร์นไนน์ เป็นเงินกว่า 30 ล้านบาท ว่ากันว่าผู้ที่ดึงงบก้อนนี้มาที่ยูบีซีก็คือ ดุสิต ศิริวรรณ แต่ปรากฏว่า “หมัก” ที่ไปจัดรายการชื่อ” รีพอร์เตอร์” ตั้งแต่เวลา 22.00-23.30 วันจันทร์ถึงศุกร์ที่ยูบีซี 9 ได้เพียง 4 วัน ดันไปวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของศาลทั้งเรื่องการสรรหากรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) การตัดสินว่าการทำงานของกกต.ชุดวาสนา เพิ่มลาภ มีความผิด เป็นต้น ด้วยเหตุดังกล่าวทำให้ UBC ต้องยกเลิกให้บริการในช่องดังกล่าว จนกระทั่งวันนี้ร่วม 2 อาทิตย์แล้ว ผลที่ตามมาคือสัญญาที่ททท. ทำไว้กับยูบีซี 9 ที่ต้องยิงสปอตโฆษณา 12 ชั่วโมงต่อวัน ต้องพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย
       
        จากนั้น “สมัครผู้ซื่อสัตย์” ได้รับไฟเขียวจากรัฐบาลให้กลับมาจัดรายการวิทยุทางคลื่นเอฟเอ็ม 96.5 คลื่นความคิด ซึ่งเป็นคลื่นข่าวอันดับ 1 ของอสมท.ขณะนี้ และ 100.5 เมกะเฮิร์ตซ ของสำนักข่าวไทย แต่จัดได้เพียง 3 วัน ก็ต้องระเห็จออกไปอีก เมื่อ พัชระ สารพิมพา ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ อสมท. ออกมาเคลื่อนไหว ด้วยการมีหนังสือไปยังผู้บริหารว่าปล่อยให้สมัครมาใช้คลื่นของอสมท. จัดรายการได้อย่างไร เพราะเป็นต้นเหตุของการทำให้เกิดความแตกแยกในสังคม
       
        ว่ากันว่าเรื่องนี้ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ส่งสัญญาณให้สหภาพเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ เนื่องจากมิ่งขวัญเองก็เกรงว่าจะถูกสังคม และฝ่ายทหารมองตนในแง่ลบ ว่าปล่อยให้สมัครเข้ามาจัดรายการวิทยุได้อย่างไร ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าก่อนหน้านี้ สมัคร-ดุสิต ออกมาวิพากษ์ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี อย่างเสียๆหายๆ
       
        การที่ “สมัคร” มีโอกาสเข้ามาจัดรายการทั้งที่ยูบีซีก็ดี หรือสถานีวิทยุของอสมท.ก็ดี หลายคนมองว่าเป็นเพราะได้รับไฟเขียวจาก เนวิน ชิดชอบ ที่ปัจจุบันเป็นรักษาการรัฐมนตรีสำนักนายกฯ ที่กำกับดูแล อสมท. นั่นเอง
       
        มีรายงานข่าวจากผู้จัดการรายวัน เมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า ในการติดต่อพูดคุยรายละเอียดที่จะให้สมัคร และดุสิตเข้าไปจัดรายการวิทยุครั้งนี้ คนของเนวิน ซึ่งเป็นผู้หญิงเป็นผู้พูดคุยกับผู้ดูแลคลื่นแต่ละคลื่นโดยตรง โดยมีผู้ใหญ่ของอสมท.เปิดไฟเขียวลงมาให้
       
        อย่างไรก็ตาม หลังข่าวนี้แพร่สะพัดออกไปได้มีบุคคลไปสอบถามเนวินว่าเปิดโอกาสให้คู่หูดูโอไปจัดรายการใช่หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้รักษาการรัฐมนตรีประจำสักนักนายกฯปฏิเสธว่า ไม่รู้เรื่องราวใดๆ
       
        ส่วน “สมัคร” หลังจากที่ถูกอัปเปหิออกจากรายการวิทยุของอสมท.ทั้ง 2 คลื่น และยูบีซี ตอนนี้สมัครเข้าไปจัดรายการที่ชื่อ “คุยปัญหา ภาษาสมัคร” ทางสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 89.75 ยูนิตี้เรดิโอ ซึ่งเป็นวิทยุชุมชน โดยกล่าวถึงการมาจัดรายการที่วิทยุชุมชนแห่งนี้ว่า “ไปจัดรายการโทรทัศน์ที่ยูบีซี 9 ได้ 4 วันก็ต้องเลิก เพราะมีอำนาจนอกรัฐธรรมนูญมาบอกให้เลิกจัด เจ้าของบอกว่าควรจะต้องเลิก พอไปจัดที่วิทยุ อสมท ได้ 3 วัน เขากล่าวหาว่ามีอำนาจนอก อสมท มาให้จัด”
       
        อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสมัคร-ดุสิต จะไม่มีเวทีให้เล่นทางสถานีโทรทัศน์แล้ว แต่ก็ยังทิ้งเชื้อเชียร์เอาไว้ผ่านรายการ “เช้าวันนี้ที่เมืองไทย” ออกอากาศทางช่อง 5 เวลา 06.15-07.40 น. ที่วันนี้ยังคงชื่อเดิมเอาไว้ แม้จะเปลี่ยนพิธีกรไปเป็นวสันต์ โพธิพิมพานนท์ แห่งเบนซ์ทองหล่อ กับศิริบูลย์ ณัฐพรรณ เจ้าของบริษัท สารสินไทยทรรศน์ เจ้าของรายการเช้าวันนี้ที่เมืองไทย ผู้ชักนำสมัคร-ดุสิต มาเป็นพิธีกร แต่ลักษณะการนำเสนอรายการยังคงยืนอยู่ข้างรัฐบาลโดยเฉพาะทักษิณอยู่ดี
       
        จึงไม่แปลกที่ประชาชนโดยเฉพาะระดับรากหญ้า และชนใช้แรงงานส่วนใหญ่ ยังให้ความนิยมชมชอบในตัวรักษาการนายกรัฐมนตรีคนนี้อยู่ เป็นเพราะกลยุทธ์การใช้สื่อสารพัดรูปแบบทั้งโทรทัศน์ วิทยุ คอย Bombard ข้อมูลข่าวสารในด้านดีของตนไปสู่โสตประสาทของประชาชน โดยเฉพาะรายการทักษิณคุยกับประชาชน ที่แม้จะหยุดออกอากาศไปแล้วนั้น ถือเป็นรายดาร “การโฆษณาชวนเชื่อ” ผลงานของตนและทิ่มแทงฝ่ายตรงข้ามกันตนดีนักแล
       
       **************
บันทึกการเข้า

The only thing necessary for the triump of evil is for good men to do nothing !!
สิ่งเดียวที่จะทำให้คนชั่วได้รับชัยชนะ นั่นคือการที่ คนดีๆนิ่งดูดาย !
ThailandReport
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,415


« ตอบ #2 เมื่อ: 01-09-2006, 11:28 »

รวมมิตรสื่อเชียร์รัฐ
       
        การเปิดเสรีสื่อสารโทรคมนาคม น่าจะถือเป็นยันต์คุ้มกันการเสียงด่าได้เป็นอย่างดีเวลาที่ผู้บริหารสื่อมีความคิดที่จะนำสื่อที่ตนเองดูแลอยู่มาปรับแนวการทำธุรกิจ แฝงการสร้างผลงานในการเชียร์รัฐบาลให้ถนัดถนี่ยิ่งขึ้น มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ เป็นผู้ประสบความสำเร็จในการนำองค์การสื่อสารมวลชน ทำหน้าที่นี้ การเปิดแผนงานพัฒนาช่อง 9 อสมท. เฟสแล้วเฟสเล่า จนผ่านพ้นจากชื่อแดนสนธยา มาเป็นแดนสร้างภาพของสารพัดโครงการจากรัฐบาล ทั้งโอทอป ธนาคารออมสิน ปตท. กฟผ.
       
       การปิดสัญญาเช่าสถานีวิทยุ อ.ส.ม.ท. 6 คลื่น ที่เคยมีเอกชนจ่ายเงินสัมปทาน แลกกับการเข้าไปทำรายการอยู่ เปลี่ยนมาเป็น อสมท.ผลิตรายการ และทำการตลาดเอง โดยบางสถานีมีการลอกแบบเอกชนที่เคยทำอยู่เดิมเอาดื้อๆ จนถึงเวลานี้แม้มีหลายคลื่นยังไม่มีทีท่าจะเป็นไปตามเป้าหมายทางธุรกิจที่มิ่งขวัญได้วางเอาไว้ หากแต่ภาพของสื่อที่นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีเรียกใช้อันดับ 1 ถือว่า ประสบความสำเร็จตามเป้า
       
        ขณะที่ อสมท. มีการดำเนินการปรับทัพอย่างรวดเร็วตามประสานักบริหารเอกชน แต่อีกฝากหน่วยงานรุ่นบุกเบิกอย่างกรมประชาสัมพันธ์ กลับมีการขยับตัวสนองรับการเป็นสื่อสร้างภาพที่มีประสิทธิภาพอย่างช้า ๆ เมื่อคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบในแผน 5 ปี(2549 – 2552) ในการปรับปรุงระบบเครือข่ายสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย(สวท.) โดยจะเปลี่ยนการกระจายเสียงจากระบบอะนาล็อก เป็นดิจิตอล ซึ่งจะทำให้การรับฟังวิทยุในเครือข่ายกรมประชาสัมพันธ์สามารถรับฟังจากคลื่นความถี่เดียวกันทั่วประเทศ และคมชัดยิ่งขึ้น ซึ่งในส่วนของงบประมาณราว 1,700 ล้านบาท นั้น ยังไม่มีเสียงตอบรับจากคณะรัฐมนตรี
       
        ทั้งนี้ ทุกปีสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจะได้รับงบประมาณประเทศจัดสรรมาให้เพียงปีละ 200 ล้านบาทเท่านั้น คลื่นความถี่ที่เปิดให้เอกชนเช่าใช้เป็นรายได้หลัก ๆ ก็มีเพียง 5 คลื่น มีรายได้เฉลี่ยคลื่นละ 40 ล้านบาทต่อปี อีกทั้ง 1 ในนั้น คลื่น 105 MHz ซึ่งเดิม Virgin Radio เป็นผู้จ่ายเงินสัมปทาน ผลิตเพลงสากลมานาน ก็ถอดใจกับสภาพขาดทุน คืนสัมปทานให้ สวท. ขาดรายได้ไปอีก 40 ล้านบาท ดังนั้น เป็นที่คาดการณ์กันได้ว่า ถึงอย่างไรผู้บริหารกรมประชาสัมพันธ์ และ สวท. ก็ต้องกลับไปออดอ้อนขอเงินจาก ครม. อยู่ดี แต่จะขออย่างไรจึงจะบรรลุตามเป้าหมาย
       
        ภายหลังจากปล่อยให้คลื่น 105 MHz ที่ผู้ฟังคุ้นเคยกับชื่อ Smooth FM ว่างไว้ไร้ผู้เช่านานกว่า 1 เดือน จนเป็นที่สงสัยกันในวงการวิทยุว่า สวท. จะนำคลื่น 105 นี้ไปทางไหน ต้นเดือนกุมภาพันธ์ จันทิมา เชยสงวน ผู้อำนวยการ สถานีวิทยุแห่งประเทศไทย จึงแถลงข่าวเปิดตัว Wisdom Radio 105 MHz คลื่นแห่งภูมิปัญญา ขึ้น นับเป็นปรากฎการณ์ใหม่ของ สวท. ที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาจะเน้นการทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงให้กับรัฐบาลทุกยุคทุกสมัย โดยยึดคลื่น 92.5 MHz เป็นสถานีหลัก และปล่อยคลื่นส่วนกลางอื่น ๆ เช่น 88, 93.5, 97, 99.5 และ 105 ให้เอกชนเป็นผู้รับสัมปทานไป หารายได้เข้าคลัง แต่ครั้งนี้ สวท. จะเป็นผู้บริหารสถานีในเชิงธุรกิจด้วยตนเอง
       
        โมเดลใหม่ของ FM 105 แห่งนี้ หากมองโครงสร้างการผลิตรายการก็พอยอมรับได้ว่า ใหม่แบบที่ยังไม่มีสถานีใดเคยทำมาก่อน ในขณะที่ อ.ส.ม.ท. ใช้วิธีไล่เอกชนออก แล้วใช้ศักยภาพของตนผลิตรายการเอง แต่ สวท. เลือกที่จะมองหาเอกชนที่มีศักยภาพ เชื้อเชิญเข้ามาผลิตรายการในแต่ละช่วงเวลา ทั้งดรีม มีเดีย ซึ่งเป็นบริษัทในเครือทราฟฟิก คอนเนอร์ ซึ่งมีผลงานด้านรายการข่าว วิเคราะห์ข่าว , เอ.อาร์.อินฟอร์เมชั่น ผู้ผลิตรายการ และข่าวสารด้านไอที และสยามอินเตอร์มัลติมีเดีย ผู้ผลิตคลื่นกีฬา Sport Radio ดึงจุดแข็งของแต่ละรายสร้างจิ๊กซอว์สถานีแห่งภูมิปัญญา โดยมีบางช่วงเวลาที่ สวท. กั๊กเอาไว้ผลิตรายการเอง
       
        ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจว่าช่วงเวลาที่ สวท. เก็บไว้ หรือจองไว้ให้กับใครเป็นพิเศษ ปรากฎชื่อรายการ และผู้จัดรายการที่คาดหวังได้ว่า จะเป็นช่วงเวลาแห่งการชื่นชมผลงานของรัฐบาล และฟาดฟันผู้ต่อต้านอย่างแน่นอน เริ่มจากวันจันทร์ – ศุกร์ หลังข่าวภาคเที่ยง อเคดิมิค เน็ตเวิร์ค ถูกเชื้อเชิญให้เป็นผู้ผลิตรายการช่วงนี้โดยเฉพาะ ใช้ชื่อรายการว่า “ข้อเท็จจริงวันนี้” มีผู้ดำเนินรายการ คือ สมัคร สุนทรเวช และดุสิต ศิริวรรณ คู่หู่คู่เชลียร์ มือวางอันดับ 1 ซึ่งก็น่ายินดีที่สามารถออกอากาศได้ไม่ถึง 2 สัปดาห์ ก็มีอันแพ้ภัยลาโรงไป
       
        เวลา 15.10 จนถึง 5 โมงเย็น นำเสนอรายการ สื่อสร้างสรรค์ ที่จะแสดงผลงานการปราบปรามสื่อลามกอนาจาร อันเป็นงานด้านสังคมที่สร้างภาพสวยงามให้กับรัฐบาลอยู่ในเวลานี้ โดยวันแรกเปิดสถานี แขกรับเชิญคนแรกที่เข้าร่วมพูดคุยในรายการ ชื่อ เนวิน ชิดชอบ ช่วงวันเสาร์ หลังจากฟังการถ่ายทอดรายการ นายกฯ ทักษิณ คุยกับประชาชนแล้ว ช่วงบ่ายหลังข่าวภาคเที่ยง เป็นช่วงเวลารายการ วิสัยทัศน์ประเทศไทย เปิดช่วงเวลากว้าง ๆ ที่ภาครัฐจะสามารถนำผลงานใด ๆ มาพูดคุยกันได้ และช่วงเวลาเดียวกันของวันอาทิตย์ โฆษกรัฐบาล สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี จะจัดรายการ เปิดซองร้องทุกข์
       
        แหล่งข่าวในวงการสื่อสารมวลชน มองว่า โมเดลการเปิดสถานีวิทยุ Wisdom Radio ของ สวท. ค่อนข้างแยบยล เมื่อพิจารณาจากความจำเป็นในการหารายได้ของ สวท. ทั้งการปรับองค์กรเป็นหน่วยงานบริการรูปแบบพิเศษ (SDU) ที่มุ่งแสวงหารายได้ อีกทั้งงบประมาณ 1,700 ล้านบาท ในการพัฒนาระบบเครือข่ายกระจายเสียงที่ยังไม่มีตัวตน ไม่มีเหตุผลใดที่ สวท. จะเปลี่ยนจากการเปิดประมูลหาผู้รับสัมปทานคลื่น 105 MHz ที่มีรายได้การันตีอย่างต่ำปีละ 40 ล้านบาท มาเป็นการเปิดให้เอกชนเข้ามาร่วมผลิตรายการ ซึ่งแม้แต่นางจันทิมา เชยสงวน ผอ. สวท.เองยังยอมรับว่า รายได้จะลดลงเหลือ 26 ล้านบาทต่อปี
       
        ที่ผ่านมาเป็นที่ทราบกันดีว่า สวท. ซึ่งรับหน้าที่ประชาสัมพันธ์ผลงานรัฐบาลจะใช้คลื่นวิทยุ 92.5 MHz. เป็นสถานีเผยแพร่ หากแต่ด้วยการแข่งขันของการผลิตรายการวิทยุในปัจจุบัน ที่เกิดคอนเซปต์ในการผลิตคลื่นทั้งคลื่นเพลง คลื่นข่าว คลื่นความรู้ ต่างเป็นตัวดึงดูดให้ผู้ฟังหนีห่างจากคลื่นที่ไม่มีการปรับตัวอย่าง 92.5 ไปเรื่อย ๆ ดังนั้นโมเดล Wisdom Radio จึงเหมือนเป็นการยืมจมูกเอกชนที่มีฐานผู้ฟังกว้างขวาง เป็นตัวสร้างเรตติ้ง แล้วสอดแทรกรายการที่เป็นการประชาสัมพันธ์ภาครัฐลงไประหว่างช่วงเวลา โดยไม่ให้มีมากเกินไปจนเหมือนยัดเยียด จากนี้ไปผลงานรัฐบาลที่เคยมีกลุ่มผู้ฟังแคบ ๆ อยู่ในคลื่น 92.5 จะขยายกว้างขึ้นในกลุ่มผู้ฟังที่เป็นแฟนกีฬา กลุ่มผู้สนใจไอที หรือแฟนรายการคลื่นข่าวทราฟฟิก คอนเนอร์
       
        แน่นอนว่าการยอมเฉือนรายได้ลงเกือบครึ่งต่อปีลง มาสร้างสถานีวิทยุที่มีผลงานชื่นชมรัฐบาล โดยมีเรตติ้งผู้ฟังกลุ่มคนระดับกลาง-บน ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ย่อมเป็นที่พึงพอใจของทั้งรัฐมนตรีที่มีโอกาสมาออกรายการ รัฐมนตรีที่กำกับดูแลกรมประชาสัมพันธ์ ตลอดจนนายกรัฐมนตรี และหากโมเดลนี้ประสบความสำเร็จ ผอ.สวท.ก็ได้ยืนยันในงานแถลงข่าวแล้วว่า อาจจะขยายต่อไปที่สถานีอื่น คาดการณ์ว่ารูปแบบในการเลือกผู้ผลิตรายการมาร่วม บางทีโมเดลต่อไป สกาย-ไฮ หรือจีเอ็มเอ็ม มีเดีย อาจถูกเรียกให้มาเป็นแม่เหล็กดึงเรตติ้งกลุ่มวัยรุ่น ก็เป็นได้ และเมื่อรายการนี้ถูกกำหนดไว้ให้ออกอากาศทั่วประเทศด้วยระบบดิจิตอล เชื่อว่าถ้า สวท.เสนอของบประมาณในการพัฒนาวิทยุดิจิตอล 1,700 ล้านบาทไป โอกาสก็จะมีมากขึ้น
       
       *************
       
บันทึกการเข้า

The only thing necessary for the triump of evil is for good men to do nothing !!
สิ่งเดียวที่จะทำให้คนชั่วได้รับชัยชนะ นั่นคือการที่ คนดีๆนิ่งดูดาย !
ThailandReport
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,415


« ตอบ #3 เมื่อ: 01-09-2006, 11:29 »

 *************
       
       "เนวิน ชิดชอบ"
       ทำทุกอย่างเพื่อ "นาย"!
       
        "เนวิน ชิดชอบ" กุนซือข้างกาย "ทักษิณ" ถนัดทั้งงาน "บู๋-บุ๋น"ไม่มีผิดหวัง อาศัยฝีมือบวกความภักดี แซงหน้ารัฐมนตรี "วงใน" จนเป็นที่อิจฉาของคนในพรรคไทยรักไทย และพรรคการเมืองอื่น ๆต้องจับตา
       
        ยิ่งสังคมจับตาและวิพากษ์วิจารณ์ตัว "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร"มากเท่าใด ก็ดูเหมือนว่าชื่อของกุนซือข้างกายที่นาทีนี้ต้องถือว่าใกล้ชิดมากกว่าใครที่สุดอย่าง "เนวิน ชิดชอบ" ก็อยู่ในสภาวะที่ไม่แตกต่างกันแต่อย่างใด และยิ่งมีเหตุการณ์ใดที่ดุเดือด สร้างความร้อนระอุให้แก่สังคมด้วยแล้ว ชื่อของเนวิน คนนี้มักจะถูกโยงใยเข้าไปในฐานะผู้อยู่เบื้องหลังอย่างไม่ต้องสงสัย...
       
        อาจมีข้อสังสัยว่าเหตุใดจากนักการเมืองที่มีสภาพไม่ต่างไปจาก "โมฆบุรุษ" ในสายตาของบรรดาคอการเมือง โดยเฉพาะการเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีซื้อเสียงที่จ.บุรีรัมย์ เมื่อปี 2548 จนได้ฉายา "ยี้ห้อย ร้อยยี่สิบ" จะแปรเปลี่ยนสถานะมาสู่กุนซือของผู้นำรัฐบาลไทยรักไทย ได้อย่างโดดเด่น จนกลายเป็นที่จับตาของนักการเมืองทั้งในพรรคไทยรักไทยเองและพรรคการเมืองอื่น ๆ
       
        โดยเฉพาะในยามที่รักษาการนายกฯทักษิณ ต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตทางการเมืองและวิกฤตสังคมอย่างหนักหนาสาหัส ยิ่งสถานการณ์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ย่ำแย่ มากเท่าใดยิ่งเหมือนเป็นการเสริมส่งให้ภาพของเนวิน ส่องประกายมากขึ้นทุกขณะ แม้ภาพที่ออกมาจะเอนเอียงไปในทาง"ลบ" ในสายตาและความรู้สึกของคนในสังคมก็ตาม แต่ต้องยอมรับว่ามือทำงานอย่าง เนวิน ก็สามารถสร้างผลงานชิ้นโบว์แดงให้พ.ต.ท.ทักษิณ ประทับใจมาได้อย่างต่อเนื่อง
       
        ขณะที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่ากันว่าผลงานล่าสุด ที่เพิ่งปรากฏออกสู่สังคมและได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ย่อมไม่พ้นเกมการจัดฉากให้ประชาชนนับร้อยคนที่สนับสนุนนายกฯทักษิณ ได้ไปร้องขอชีวิตนายกฯทักษิณ ต่อพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ที่บ้านพักสี่เสาเทเวศน์ เมื่อวันที่ 25 ส.ค.2549 ที่ผ่านมาซึ่ง "ผลลัพท์"ที่ได้กลับมานั้น นอกจากจะทำให้พ.ต.ท.ทักษิณ เสียรังวัดและยังถูกมองว่าเป็นการจัดฉากที่ไม่สมเหตุสมผล หาเหตุดึงประธานองคมนตรีเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองอย่างไม่สมควรที่สุด
       
        และที่น่าสนใจไปกว่านั้นงานนี้ทำให้พล.ต.จำลอง ศรีเมือง หนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนฯ และในฐานะ "ลูกป๋า"ถึงกับเขียนจดหมายเปิดผนึกถึงนายกฯทักษิณ เตือนสติให้ระวังโทษจากการมีลูกน้องที่ "โง่ขยัน" ซึ่งไม่รู้ว่ามหาจำลอง มีนัยยะที่ต้องการส่งผ่านไปถึงเนวิน โดยตรงหรือไม่ ?
       
        หากจะว่าไปแล้วคงต้องถือว่าผลงานของเนวิน ชิดชอบ ที่สรรสร้างให้กับรัฐบาลและตัวพ.ต.ท.ทักษิณ โดยตรงนั้นครอบคลุมทั้งงานฝ่าย "บู๊"และ "บุ๋น" เนื่องจากสถานะหนึ่งคือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ และอีกสถานะหนึ่งคือกุนซือข้างกายนายกฯทักษิณ ต่อสายตรงรับบัญชาโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการใดๆทั้งสิ้น คนอย่างเนวิน รู้ดีว่าเมื่อใดเขาควรสวมบทบาทในฐานะรัฐมนตรี คอยกลั่นกรองและผลิตผลงาน นโยบายรัฐเพื่อกวาดต้อนคะแนนในกลุ่มรากหญ้า หรือนายทุนกลุ่มสำคัญ
       
        หลายคนยอมรับว่าไม่ว่าโครงการหรือนโยบายเรื่องใดก็ตามหากได้มาผ่านมือคนอย่างเนวิน รับรองว่าจากนโยบายที่ธรรมดาที่สุด จะกลายเป็นผลงานชิ้นสำคัญเรียกความสนใจขึ้นมาอย่างกระทันหัน เพราะต้องไม่ลืมว่าเมื่อครั้งที่ไปนั่งเป็นรมช.เกษตรฯ ต่อจากสมศักดิ์ เทพสุทิน เพียงไม่นาน เนวิน ก็ผลักดันโครงการโคล้านตัว ให้แจ้งเกิดผ่านสายตาประชาชนด้วยการออกสปอร์ตทีวีประชาสัมพันธ์โครงการดังกล่าวอย่างครึกโครม ทั้งที่ในช่วงสมศักดิ์ เทพสุทิน นั่งเป็นเจ้ากระทรวงอยู่ก่อนหน้า กลับไม่ได้รับแรงหนุนที่ดีจากพ.ต.ท.ทักษิณ
       
        ต่อมาเมื่อย้ายไปนั่งเป็นรมช.พาณิชย์ ก็ดูเหมือนว่าผลงานของรัฐมนตรีช่วยอย่างเนวิน ดูจะโดดเด่นกว่าเจ้ากระทรวงเสียด้วยซ้ำ ขณะนั้นผลงานที่ถูกกล่าวขานย่อมไม่พ้นเรื่องกวาดล้างเทปผีซีดีเถื่อน แม้จะมีเสียงค่อนขอดว่านโยบายดังกล่าวเป็นการช่วยเหลือเพื่อนรัก เจ้าของค่ายเพลงใหญ่ "แกรมมี่" อย่าง "ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม"เพื่อนจากโรงเรียนสวนกุหลาบฯด้วยกันก็ตาม
       
        ขณะเดียวกันผลงานในทางบู๋ ของเนวิน อย่างกรณีเข้าไปเกี่ยวข้องกับการจัดม็อบสนับสนุนนายกฯทักษิณ ตอบโต้ฝ่ายตรงข้าม ก็ต้องถือเป็นเรื่องที่เขาถนัดไม่แพ้กับการกำกับนโยบาย โดยเฉพาะการที่มีม็อบรากหญ้าเชียร์ทักษิณ ยกพลไปปิดล้อมตึกเนชั่นเมื่อวันที่ 30 มี.ค. นั้นมีรายงานว่าเนวิน ไปนั่งจิบกาแฟบัญชาการอยู่ใกล้ที่ตึกเนชั่นเพื่อเฝ้าดูผลงานและสั่งการอย่างใกล้ชิด และไม่ว่าภายหลังเหตุการณ์เนวิน จะได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสื่อและสังคมมากแค่ไหน แต่กลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆออกมาจากเขา อาจเป็นเพราะเนวิน ไม่ได้ให้ความสำคัญต่อเรื่องที่เกิดขึ้นหรือ อาจเป็นเพราะในหัวของเขากำลังขบคิดวางแผนเปิดเกมใหม่ก็เป็นไปได้....
       
        หากมีใครถามใจของนายกฯทักษิณ ว่าอะไรที่ทำให้เขายังมองเห็นและให้ความสำคัญกับเนวิน มากกว่ารัฐมนตรี ข้างกายหลายต่อหลายต่อคนที่เคยร่วมสุขร่วมทุกข์กันมา ก็อาจตอบได้ไม่ยาก โดยเฉพาะเมื่อประมวลจากฝีไม้ลายมือการทำงานทั้งในฐานะรัฐมนตรีและในสถานะ "นักการเมือง"ที่รู้จักการใช้ยุทธวิธีทั้งใต้ดินและบนดินอย่างช่ำชองแล้ว คงต้องไม่ลืมว่าเนวิน ย่อมไม่ใช่หนึ่งใน 6 รัฐมนตรีที่ถูกนายกฯทักษิณรู้สึกหวาดระแวง เพราะเนวิน ไม่ได้เข้าร่วมในขบวนการ "โค่นทักษิณ"ร่วมรับประทานอาหารเนื่องในวันเกิดของ "ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์"รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ นั่นเอง...
       
        แต่วันนี้ชื่อของ เนวิน ชิดชอบ ก็ถูกโยงเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเปิดเกมรุกทางด้าน "สื่อสาร" เพื่อชนกับ "สื่อ"ที่ต้องการโค่นล้มระบอบทักษิณ ซึ่งอาจไม่ใช่เฉพาะสื่อในเครือ "ผู้จัดการ" แต่อาจหมายถึง "สื่อ"ทุกประเภททั้งที่เป็นของรัฐและเอกชนอื่นๆ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รู้สึกว่า "สื่อ"เหล่านี้ไม่เป็นธรรมเพราะไม่ออกมาปกป้อง พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคไทยรักไทย ซึ่งปฏิบัติการครั้งนี้ เนวิน จะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังจริงหรือไม่.?..เนวินและพ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้นที่รู้ดีที่สุด
 
บันทึกการเข้า

The only thing necessary for the triump of evil is for good men to do nothing !!
สิ่งเดียวที่จะทำให้คนชั่วได้รับชัยชนะ นั่นคือการที่ คนดีๆนิ่งดูดาย !
ThailandReport
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,415


« ตอบ #4 เมื่อ: 01-09-2006, 11:30 »

เปิดที่มา ของเว็บไซต์ www.reporter.co.th สู้สงครามสื่อhttp://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9490000110724
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 31 สิงหาคม 2549 13:35 น. 
 
   
เว็บไซต์กระบอกเสียงของระบอบทักษิณ 
 
              เปิดตัว “ทองเจือ ชาติกิจเจริญ” มือทำงานเนวิน อดีตผู้สื่อข่าวหลายฉบับที่หันไปรับจ้างทำสงครามข่าวบนดิน-ใต้ดินให้รัฐบาลทักษิณ โดยมุ่งโจมตีพันธมิตรฯ และสนธิ ลิ้มทองกุล และมีข่าวอยู่เบื้องหลังม็อบอีแต๋นที่สวนจตุจักร ที่มาปิดล้อมคมชัดลึก ก่อนสยายปีกเปิดตัวบริษัทที่ทำทั้งเว็บไซต์ หนังสือพิมพ์ วิทยุ และโทรทัศน์
       
       
       ภายหลังการเปิดตัวของเว็บไซต์ www.reporter.co.th สื่อออนไลน์น้องใหม่ ด้วยทุนจดทะเบียนชื่อบริษัท เดอะ รีพอร์ตเตอร์ จำกัด ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท มีที่ตั้งอยู่ที่ 23/3 ชั้น 2 โครงการรอยัลซิตี้ (บล็อกอี) ถนนพระรามที่ 9 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ ในจำนวนผู้บริหารคนหนึ่งคือ นายทองเจือ ชาติกิจเจริญ เป็นผู้มีอำนาจทำการแทนกิจการ นอกจากรู้กันดีในแวดวงผู้สื่อข่าวว่า นายทองเจือเป็นหนึ่งในคณะทำงานของนายเนวิน ชิดชอบ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทยแล้ว ก็ยังเป็นที่กล่าวขานถึงอย่างมากว่านายทองเจือมีที่มาที่ไปอย่างไร
       
       นายทองเจือ เป็นชาวปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รุ่นเดียวกับนายสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย ผู้ก่อตั้งบริษัท ทราฟฟิก คอนเนอร์ เข้าทำงานครั้งแรกที่หนังสือพิมพ์สยามรัฐ กรุงเทพธุรกิจ และหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ หลังจากออกจากผู้จัดการ นายทองเจือเข้าไปทำงานให้กับนายนิกร จำนง ในพรรคชาติไทย ทำให้นายทองเจือรู้จักกับนายเนวิน ชิดชอบ จากนั้นจึงเข้าไปทำงานกับนายสุรพงษ์ ร่วมกันทำหนังสือพิมพ์บางกอกทูเดย์ตั้งแต่ร่วมก่อตั้ง
       
       ยุคนี้ถือเป็นยุครุ่งเรืองของนายทองเจือ นอกจากก้าวกระโดดขึ้นมาเป็นผู้บริหารของหนังสือพิมพ์รายวันแล้ว ในฐานะผู้จัดการทั่วไป บริษัท ดรีมมีเดีย ในเครือของทราฟฟิกคอนเนอร์สยายปีกเข้าไปทำข่าวในช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ และวิทยุในเครือกรมประชาสัมพันธ์จำนวน 5 คลื่น โดยไม่มีการเปิดประมูลหรือให้มีการแข่งขัน ภายหลังจากที่ตระกูลวงศ์สวัสดิ์เข้าถือหุ้นในทราฟฟิกคอนเนอร์ และในเวลาต่อมานายสุรพงษ์ได้ขายหุ้นที่ถืออยู่ให้กับ พ.ต.ท.รวมนคร ทับทิมธงไชย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) กลุ่มบริษัท อาร์เอ็นที ในขณะที่นายทองเจือได้เข้าจัดตั้งทีมงานโดยรวบรวมนักข่าวจำนวนหนึ่งมาทำงานด้านสื่อให้กับนายเนวินเต็มตัว โดยนำบริษัท เดอะรีพอร์ตเตอร์ จำกัด ที่เคยจดทะเบียนเอาไว้มาใช้งานและเป็นแหล่งดูดเงินจากการสนับสนุนของนายเนวินเข้ามาสร้างเครือข่ายพิทักษ์ระบอบทักษิณ ซึ่งนายสุรพงษ์ เพื่อนร่วมรุ่นที่ชิงขายหุ้นหนีไปถึงกับเคยเปรยให้คนใกล้ชิดฟังว่า “นายทองเจือถลำลึกเกินไป”
       
       การเข้ามาทำงานกับนายเนวินทำให้นายทองเจือมีความสัมพันธ์กับ “กลุ่มแท็กซี่” ที่ออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายเนวินจึงใช้นายทองเจือเป็นมือทำงานตั้งแต่การประสานการออกมาเคลื่อนไหวในแต่ละครั้ง การจัดตั้งคลื่นวิทยุชุมชน รวบรวมอดีตผู้สื่อข่าวเข้ามาร่วมงาน รวมถึงมีสื่อรายงานว่า นายทองเจือเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการชุมนุมของ “คาราวานคนจน” ที่สวนจตุจักร การนำคาราวานคนจนมาปิดล้อมหนังสือพิมพ์คมชัดลึก การมาปิดล้อมผู้จัดการของม็อบแท็กซี่ การออกหนังสือชื่อกู้ชาติมาโจมตีนายสนธิ ลิ้มทองกุล นอกจากนั้น นายทองเจือยังเป็นมือผลิตสื่ออื่น เช่น ใบปลิว ซีดี เพื่อโจมตีพันธมิตรฯ โดยพุ่งเป้ามาที่นายสนธิเป็นหลัก
       
       ในขณะเดียวกัน ทีมงานของนายทองเจือ ในนามของบริษัท เดอะรีพอร์ตเตอร์ จำกัด ได้เข้าไปทำข่าวในยูบีซี 9 ซึ่งเดิมถูกกำหนดให้เป็นโทรทัศน์เพื่อการท่องเที่ยว โดยร่วมมือกับพ.ต.ท.รวมนครเพื่อเป็นกระบอกเสียงของรัฐบาล แต่ต่อมาทางผู้บริหารยูบีซีได้สั่งให้ระงับการออกอากาศเนื่องจากผิดวัตถุประสงค์ และนายสมัคร สุนทรเวช หนึ่งในผู้ดำเนินรายการทางช่องนี้ได้ออกมากล่าวหาว่ามีผู้มีอำนาจนอกรัฐธรรมนูญ บีบให้ปิดช่องยูบีซี 9 จนระเห็จออกมาตั้งวิทยุชุมชน กระทั่งออกมาเปิดตัวสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม MV1 โดยดึงนายสมัคร สุนทรเวช มาเป็นจุดขาย
       
       ทันทีที่หนังสือพิมพ์บางกอกทูเดย์ปิดตัว นายทองเจือได้นำทีมงานมาสังกัดหนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ชื่อ “เดอะรีพอร์ตเตอร์” และหนังสือพิมพ์รายปักษ์ชื่อ “บางกอกนิวส์” ที่ตัวเองเป็นเจ้าของในนามของบริษัท เดอะรีพอร์ตเตอร์ จำกัด โดยนโยบายก็คือเป็นกระบอกเสียงให้รัฐบาลและโจมตีฝ่ายตรงข้าม เช่นเดียวกับเว็บไซต์ที่เปิดตัวมาก่อนแล้ว
       
       ทำให้บริษัท เดอะ รีพอร์ตเตอร์ จำกัด ของนายทองเจือเติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากมีสื่ออยู่ในมือทั้งเว็บไซต์ หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ รายปักษ์ วิทยุชุมชน และโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ซึ่งการดำเนินการทั้งหมดต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก
 
 



 ***โปรดสังเกต ชื่อเวบเหมือนเหมือนชื่อล้อกอินของผมจังนะ ฮ่าๆๆ
***บอกได้เลยคับว่า..ผมเจตนา อยากดัง ฮิๆ
บันทึกการเข้า

The only thing necessary for the triump of evil is for good men to do nothing !!
สิ่งเดียวที่จะทำให้คนชั่วได้รับชัยชนะ นั่นคือการที่ คนดีๆนิ่งดูดาย !
ThailandReport
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,415


« ตอบ #5 เมื่อ: 01-09-2006, 11:40 »

ในฐานะ คนทำงานด้านสื่อ...
ผมค่อนข้างให้ความสำคัญ กับสื่อมากในแง่ของการเป็น...เครื่องมือ สำคัญ ในการบริหารประเทศ

ผมยกตัวอย่างสั้นๆคือ ...การปฏิวัติ ยึดอำนาจ  
จุดแรกที่ต้องยึด คือ...ทำเนียบรัฐบาล - ที่ตั้งกองกำลังทหาร
จุดต่อๆไป คือ....กรมประชาสัมพันธ์ และ เครือข่ายสถานี วิทยุโทรทัศน์ ครับ


คงไม่ต้องพูดอธิบายอะไรมากแล้ว แค่สั้นๆคงเข้าใจกันนะคับ


แต่ปัจจุบันนี้ เรามี สื่อ แปลกแยก....ออกมาหลายอย่างพอสมควร

เช่น เคเบิล TV (ท้องถิ่น)สถานีวิทยุ (ชุมชน)
และที่ร้ายสุด ตอนนี้ คือ....สื่อ Net Online

สถานีข่าวสาร รายการสด (ตับ ชิ้น เปื่อย ต้มยำ) ต่างๆบนอินเตอร์เนท

ผมคงขอเว้นไว้ว่า ร้าย ยังไง....ในตอนนี้เพื่อให้ท่านอื่นๆได้เสนอความเห็นก่อนครับ


ทีแรกผมอยากตัดทอนข้อความ เพราะมันยาวมาก
แต่บทวิเคราะห์  2  ชิ้นนี้มี ความสำคัญในรายละเอียดที่หลายหลาย
เลยต้องรบกวน เอามาลง ต่อเนื่องกันทั้ง 2ชิ้นจะดีสุดครับ


อ่านช้าๆ แล้วหา สิ่งที่เกิด - สิ่งที่หายไป ให้เจอนะคับ
นั่นแหละ...ประเด็นครับ !!

บันทึกการเข้า

The only thing necessary for the triump of evil is for good men to do nothing !!
สิ่งเดียวที่จะทำให้คนชั่วได้รับชัยชนะ นั่นคือการที่ คนดีๆนิ่งดูดาย !
หน้า: [1]
    กระโดดไป: