ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
20-04-2024, 12:02
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  วิทยานิพนธ์ดีเด่นธรรมศาสตร์ชี้นายกแปลง 'สิทธิ' เป็น 'อำนาจ' (นักวิชาการลุย) 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
วิทยานิพนธ์ดีเด่นธรรมศาสตร์ชี้นายกแปลง 'สิทธิ' เป็น 'อำนาจ' (นักวิชาการลุย)  (อ่าน 2166 ครั้ง)
นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« เมื่อ: 30-08-2006, 21:34 »

วิทยานิพนธ์ดีเด่นธรรมศาสตร์ชี้นายกแปลง 'สิทธิ' เป็น 'อำนาจ'

30 สิงหาคม 2549 17:30 น.
นายกฯทักษิณมีอำนาจล้นฟ้า ควบทั้งตำแหน่งฐานะนายกฯ ผู้คุมอำนาจรัฐ ผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญ แหล่งข่าว และสื่อมวลชนพร้อมเสร็จ
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ :

วิทยานิพนธ์ดีเด่นมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปีนี้ สะท้อนการแปลง 'สิทธิ' เป็น 'อำนาจ' ผ่านรายการวิทยุนายกฯทักษิณคุยกับประชาชน ในฐานะผู้นำที่มีอำนาจล้นเหลือเพราะเป็นทั้งฐานะนายกฯ ผู้ควบคุมอำนาจรัฐ  ผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญ แหล่งข่าว และสื่อมวลชนเอง

           สำนักงานบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดโครงการสัมมนาวิทยานิพนธ์ดีเด่นในรอบปีเมื่อวานนี้(29 ส.ค.) มีวิทยานิพนธ์ได้รับรางวัลจำนวนทั้งสิ้น 15 เรื่อง และหนึ่งในจำนวนนี้คือวิทยานิพนธ์ดีเด่น หัวข้อ "การแปลงสิทธิเป็นอำนาจผ่านรายการวิทยุนายกฯทักษิณคุยกับประชาชนศึกษากรณี:วิกฤติการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้" จัดทำโดยจิราภรณ์  เจริญเดช  บรรณาธิการเซค ชั่นจุดประกาย หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

     มหาบัณฑิตสาขาการบริหารสื่อสารมวลชน คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยว่าในการทำวิทยานิพนธ์ฉบับนี้ ได้ศึกษาคำพูดของนายกฯ ในรายวิทยุนายกฯทักษิณคุยกับประชาชน ตลอดปี 2547 เป็นเวลา 52 สัปดาห์ โดยเปรียบเทียบข้อมูลที่ปรากฏในหนังสือพิมพ์ 2 ฉบับ คือ หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจและมติชนตั้งแต่เดือนม.ค.- ธ.ค.2547 เช่นเดียวกัน

    จากการศึกษาถ้อยคำ ภาษา ประโยคหรือการกระทำทางภาษา ของนายกฯ พบว่าการแปลงสิทธิอำนาจเป็นอำนาจ มี 2 รูปแบบ คือ 1. เชิงโครงสร้างอำนาจและ2. เชิงวัจนกรรม

      ผู้ศึกษาพบว่าจากการพูดที่เกี่ยวกับการแก้ปัญหาภาคใต้นั้น พ.ต.ท.ทักษิณเสนอนโยบายสองด้านหลักคือ ด้านอ่อน จะมุ่งเน้นการพยายามแก้ปัญหาปัญหาความยากจน ให้การศึกษา เพื่อมีงานทำ และแก้ปัญหาหนี้สิน อันเป็นการพัฒนาทั้งระยะด่วนและระยะยาว  ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ปัญหาที่เกิดขึ้นหมดไปได้ ขณะเดียวกันด้านแข็งก็ใช้กฎหมายปราบปรามอย่างเด็ดขาด ใช้หลักกฎหมายที่ยังไม่หมดอายุความ และให้โอกาสผู้กระทำผิดได้กลับตัว

       “ ซึ่งผู้ฟังยังเห็นชัดเจนอีก หลายครั้ง ที่ว่าท่านได้แสดงความเป็นผู้นำด้วยการเสนอ สัญญา ยืนยัน รับรองว่าท่านจะพยายามแก้ปัญหาให้ได้ มีการพูดปลอบขวัญ กล่าวชม ยกย่อง การใหกำลังใจ ในขณะเดียวกันหากสื่อหรือคอลัมนิสต์เล่มไหนเขียนวิจารณ์การทำงานของนายกฯ ซึ่งแม้จะอ้างจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ ท่านนายกฯ ก็มักจะระบุว่าสื่อเหล่านั้นอคติ ซึ่งในแง่นี้ดิฉันอยากให้ท่านได้รับรู้ว่าการทำวิจัยนี้ ดิฉันได้ศึกษาคำพูดของท่าน ที่ท่านสื่อออกไปในรายการของท่าน อย่างมีกรอบทฤษฎี และหลักวิชามาวิเคราะห์ให้เห็นการพูดแบบต่าง ๆ ของท่าน นั้นท่านอาจทราบหรือไม่ทราบว่าท่านกำลังใช้อำนาจอย่างไร  และสังคมไทยเราก็ไม่อาจปฏิเสธว่านายกฯคนนี้มีเวทีพูดมากที่สุดเท่าที่เราเคยมีหลักฐานมา”

       สรุปสิ่งที่ค้นพบในการทำศึกษาคือ การแปลงสิทธิอำนาจเป็นอำนาจโดยเป็นการใช้อำนาจตามกฎหมายของนายกรัฐมนตรี ด้วยการผสานสิทธิอำนาจใน 3 อำนาจจาก 2 ฐานันดร คือ ฐานันดรแรกคือชนชั้นปกครอง ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นผู้มีสิทธิอำนาจเข้าถึงและตรวจสอบอำนาจรัฐทุกระดับ รวมทั้งสิทธิอำนาจในฐานะผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญในการบริหารจัดการ แหล่งข่าว กับสามในฐานะสื่อซึ่งเป็นฐานันดรที่สี่ทำหน้าที่ผลิตสาร กำหนดวาระประเด็นทางสังคม ส่งสาร ไปยังสาธารณะซึ่งในที่นี้นายกฯได้ทำหน้าที่สื่อ กำหนดวาระประเด็นผ่านรายการวิทยุอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ

      ผลการศึกษาการพูด ชี้ให้เห็นถึงยุทธศาสตร์ในการสื่อสารของนายกรัฐมนตรี ใน 3 ยุทธศาสตร์ คือ การจัดการกับความจริง การแสดงอำนาจและการแสดงความเป็นผู้นำ 

     สิ่งที่ผู้คึกษาได้ค้นพบจากการศึกษาการแปลงสิทธิอำนาจเป็นอำนาจเชิง         วัจนกรรมหรือการกระทำทางภาษานั้น สามารถนำมาสรุปเป็นแนวคิด ใหม่ คือ 1 Polity-policy แสดงถึง การกำหนดนโยบายเป็นการสื่อสารซึ่งอย่างน้อยนายกฯพูดถึง 19 นโยบายในระยะเวลา 10 เดือนของปี 2547  ผ่านการพูดในรายการ 2. Hetero-Strategy Speech Act แสดงถึงการใช้หลากหลายกลยุทธ์ในการพูด อย่างน้อยพบว่าจำนวน 17 กลยุทธ์  3. Multi-formulations แสดงถึงความสามารถในการใช้ถอยคำหลาย ๆ คำ เพื่อสื่อความหมาย
      ”การค้นพบนี้น่าจะเป็นประโยชน์ต่อสื่อมวลชนเพราะแสดงให้เห็นว่านายกฯพูดผ่านรายการวิทยุเพื่อให้ข้อมูลที่ประชาชนควรรู้ โดยการใช้อำนาจทั้งในฐานะรัฐบาล ผู้นำประเทศ ผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญและแหล่งข่าว รวมถึงยังทำหน้าที่เป็นสื่อกำหนดประเด็นทางสังคมเสียเอง

      ผศ.ดร.ทัศนีย์ บุญนาค อาจารย์คณะวารสารศาสตร์และสื่อมวลชน มธ.ในฐานะอาจารย์ที่ปรึกษาทำวิทยานิพนธ์ กล่าวว่า จากวิทยานิพนธ์นี้ ทำให้เห็นการใช้อำนาจของพ.ต.ท.ทักษิณไม่ใช่แค่ใช้อำนาจในการเป็นผู้บริหารประเทศ และอำนาจ ทางนิติบัญญัติเท่านั้น แต่ยังใช้อำนาจการสอบคือการเป็นสื่ออีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งไม่เคยมีใครทำมาก่อน โดยนายกฯใช้อำนาจทั้งในเชิงโครงสร้างและเชิงวัจนกรรมที่ไม่มีในรัฐธรรมนูญ
      ”การพูดของพ.ต.ท.ทักษิณมีทั้งยกย่อง ชมเชย ตำรวจ ทหาร ประชาชนที่ให้ความร่วมมือ แต่ก็มีตำหนิ อย่างทหารอบรมมาแล้วกลับมาก่อเหตุและคำมั่นสัญญาในการพัฒนาภาคใต้ในแง่งบประมาณ การศึกษา การมีงานทำภายใน 3 ปี ถือว่าพ.ต.ท.ทักษิณมีความตั้งใจดี  แต่ก็ต้องดูว่าอะไรเป็นอุปสรรคปัญหา ทำให้เหตุการณ์ภาคใต้ยังไม่สงบ ซึ่งการพูดมีทั้งอดีต ปัจจุบันและอนาคต วิทยานิพนธ์นี้ทำให้ดูว่าอะไรที่เป็นจริง มีช่องว่างที่ต้องแก้ไข เป็นการศึกษาในเชิงวิชาการเท่านั้น”ผศ.ดร.ทัศนีย์ กล่าว

นางสาวจิราภรณ์ได้นำเสนอข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่าปัญหาภาคใต้ยังคงไม่สามารถแก้ไขได้ หากพิจารณาข้อเท็จจริงจากการเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ ซึ่งเมื่อเทียบกับอดีต ในปี 2543 เกิดเหตุ 12 ครั้ง ปี 2544 เกิดเหตุ 50 ครั้ง ปี 2545 เกิดเหตุ 75 ครั้ง ปี 2546 เกิดเหตุ 110 ครั้ง และปี 2547 เดือนม.ค.-พ.ย.เกิดเหตุ 1,253 ครั้ง
             และ เมื่อนับจากต้นปี 2547 จนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 30 เดือน เกิดเหตุ 4,967 ครั้ง มีคนบาดเจ็บคนตาย รวม 4,037 คน แบ่งเป็นคนตาย 2,379 คน บาดเจ็บ 1,568 คน และในสี่อำเภอ คือ จะนะ สะบ้าย้อย เทพา นาทวี ของ จ.สงขลามีคนบาดเจ็บกว่า 100 คนในปีนี้

     ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ประธานเปิดการสัมมนาวิทยานิพนธ์ดีเด่นในรอบปี 2548 กล่าวว่า มธ.มีจุดมุ่งหมายจะพัฒนาขึ้นเป็นมหาวิทยาลัยเพื่อการวิจัย ในระยะยาวจะเน้นการรับนักศึกษาระดับสูงกว่าปริญญาตรีให้มากกว่านักศึกษาปริญญาตรี     

     ในปัจจุบันแต่ละปีมีนักศึกษาปริญญาโทและเอกทำวิทยานิพนธ์ออกมาประมาณ หนึ่งพันเล่ม แต่มีแค่ 20-30 เล่มเท่านั้นที่ได้รับยกย่องเป็นวิทยานิพนธ์ดีเด่น

http://www.bangkokbiznews.com/2006/08/30/w001_133469.php?news_id=133469

หมัก-จืด แบ่งประเด็นกันให้ถูก เยอะเหลือเกิน  Mr. Green Laughing Mr. Green
บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #1 เมื่อ: 30-08-2006, 21:41 »

มาตรฐานตกนะธรรมศาสตร์นี่ มีอำนาจจริงไม่อยู่อย่างงี้หรอก จบเรื่องไปนานแล้ว
บันทึกการเข้า
นู๋เจ๋ง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,877



« ตอบ #2 เมื่อ: 30-08-2006, 21:44 »

โอ้ จอร์จ มันเยี่ยมมาก!!

ทำโล๊ด วิจัยออกมากันเยอะๆ
เพื่อสนับสนุน ความจริง ตีแผ่ความเลว ความไม่ถูกต้อง ด้วยงานวิชาการที่พิสูจน์ได้!!!
บันทึกการเข้า

~จะแน่วแน่...แก้ไข...ในสิ่งผิด~
นู๋เจ๋ง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,877



« ตอบ #3 เมื่อ: 30-08-2006, 21:47 »

มาตรฐานตกนะธรรมศาสตร์นี่ มีอำนาจจริงไม่อยู่อย่างงี้หรอก จบเรื่องไปนานแล้ว
ด่าคน ด่าพระ ไม่พอ ไปว่าสถาบัน เลยเรอะ?
เดี๋ยวเถอะ แก่แล้วยังปากมอมอีกแน่ะ!!

ต้องการให้ มีอำนาจแบบไหนเหรอ รึจะเป็นพวกใช้แรงงานมากกว่าสมอง??
บันทึกการเข้า

~จะแน่วแน่...แก้ไข...ในสิ่งผิด~
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #4 เมื่อ: 30-08-2006, 21:52 »

ใช้แรงงานแต่สอนพวกใช้สมองให้ใช้ภาษาไทยให้ถูกก็ได้นะหนู
บันทึกการเข้า
นู๋เจ๋ง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,877



« ตอบ #5 เมื่อ: 30-08-2006, 21:55 »

เชย ..โบราณ ... ไม่พัฒนา..

อย่าได้มา อวดฉลาดมาสอนคนอื่น !!
บันทึกการเข้า

~จะแน่วแน่...แก้ไข...ในสิ่งผิด~
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #6 เมื่อ: 30-08-2006, 22:01 »

ไม่ต้องฉลาดมากเค้าก็รู้ว่า ลอลิง ไม่ใช้กับ วรรณยุกต์ตรี นะจ๊ะ
โบราณหน่อยแต่ก็ต้องเขียนให้ถูกนะภาษาไทยหนะ คือว่า
ลุงสงสารพวกรักชาติจนลืมภาษาของชาติว่าเขียนยังไง
บันทึกการเข้า
northstar
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 635


« ตอบ #7 เมื่อ: 30-08-2006, 22:11 »

ท่านชอบแถ... แถซะจนแดงไปแล้ว
บันทึกการเข้า
so what?
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,729


« ตอบ #8 เมื่อ: 30-08-2006, 22:13 »

จานแถของขึ้น ไล่ตรวจคำผิด อีกแร้นนนนนน   Mr. Green Laughing
บันทึกการเข้า
นู๋เจ๋ง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,877



« ตอบ #9 เมื่อ: 30-08-2006, 22:20 »

ลุง ลุง เอาเวลาที่จะมาสอนภาษาไทยชาวบ้าน ตามเว็บ
ไปสอนลูกหลาน ตัวเองให้รู้จัก ความดี ความชั่ว
สอนให้เค้าแยกแยะ ถูก ผิดให้ได้เหอะ
ลุ้งงงงงงงง


เค้าว่าพวกรับจ้างแก้ภาพพจน์ให้หน้าเหลี่ยม บนเว็บนี่รายได้ดีนี่คะ
แต่ต้องโพส ให้ได้จำนวนข้อความตามที่ตกลงกัน
กี่ ความเห็น ต่อชั่วโมงอ้ะลุง
ได้ข่าวว่าชั่วโมงละ หลายร้อย
ท่าทางจะรายได้ดีกว่าสอนภาษาไทยเด็กๆเน๊าะลุง


บันทึกการเข้า

~จะแน่วแน่...แก้ไข...ในสิ่งผิด~
RiDKuN
Administrator
ขาประจำขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,015



เว็บไซต์
« ตอบ #10 เมื่อ: 31-08-2006, 00:43 »

ถ้าจะสอนภาษาไทย ไปสอนหัวหน้าพรรคตัวเองก่อนไม่ดีเหรอครับ
เห็นท่านพูด "พรรคไทยลักไทย" ตลอดเวลา แต่ความจริงท่านพูดแบบนั้นมันก็สะท้อนภาพลักษณ์ได้ชัดเจนดีนะครับ  Laughing
บันทึกการเข้า

คนไม่มี "อุดมคติ" ไม่ใช่ "นักการเมือง"
นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« ตอบ #11 เมื่อ: 31-08-2006, 10:34 »

โอ้ จอร์จ มันเยี่ยมมาก!!

ทำโล๊ด วิจัยออกมากันเยอะๆ
เพื่อสนับสนุน ความจริง ตีแผ่ความเลว ความไม่ถูกต้อง ด้วยงานวิชาการที่พิสูจน์ได้!!!


มีเป็นร้อยงานวิจัยคงสู้กับ "ใบบอก" ม.จตุจักร ไม่ได้หรอกครับ เห็นเขาคุยกันว่างั้น  Mr. Green Wink Mr. Green
บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #12 เมื่อ: 31-08-2006, 11:04 »

จานแถของขึ้น ไล่ตรวจคำผิด อีกแร้นนนนนน   Mr. Green Laughing

อ้าว ก็ไล่ด่าอย่าอื่นไม่ได้นี่ แล้วนี่ก็เหลือแต่อย่างนี้แหล่ะ จับผิดคำ อิอิ
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
so what?
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,729


« ตอบ #13 เมื่อ: 31-08-2006, 11:28 »


อ้าว ก็ไล่ด่าอย่าอื่นไม่ได้นี่ แล้วนี่ก็เหลือแต่อย่างนี้แหล่ะ จับผิดคำ อิอิ

ดีครับ เอาไว้เป็นคนตรวจปรู๊ฟข้อความบนบอร์ด
ไม่ต้องเสียค่าจ้างด้วย    Laughing
บันทึกการเข้า
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #14 เมื่อ: 31-08-2006, 12:01 »

จริงจริงไอ้ที่มันใช้ภาษาผิดโดยไม่รู้มันเยอะจนน่ากลัวนะครับ
คุณลองไปอ่านกระทู้ต่างๆ ในนี้ดูจะเห็นมีเกือบทุกกระทู้
ถ้าปรับปรุงตัวหน่อยก็จะเป็นประโยชน์ต่อคุณเองไม่ใช่ผม
แค่การใช้วรรณยุกต์เบื้องต้น คำว่า สังเกต โอกาส อย่างนี้
ผมไม่เคยไปจับผิดคนพิมพ์ผิดนะครับ ไม่ได้รับจ้างมาตรวจ
ภาษาไทย
บันทึกการเข้า
mini
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 407


« ตอบ #15 เมื่อ: 31-08-2006, 13:58 »

กานใช้พาสาผิดมันเลวร้ายมากเหรอคับ

ถ้าเรามองที่วัดถุปะสงของกานสร้างพาสาขึ้นมาแล้วละก้อ
มันเพื่อไว้ใช้ในกานติดต่อสื่อสานนะคับ
ไม่ใช่ไว้เผื่อแบ่งแยกว่าใครรักไม่รักชาติ ใครอยู่สูงหรือยู่ต่ำ

ผมตั้งใจพิมผิดๆ แต่ถ้าคุนเข้าใจ
นั่นคือ ผมบันลุวัดถุปะสงเบื้องต้น ของกานใช้พาสา ถูกไหมคับ???

แล้วนั่นไม่เกี่ยวกับว่า ผมลักหรือไม่ลักใคร (รวมชาดด้วย)

พาสาเป็นวัฒนธรรม ไหลลื่นและเปลี่ยนแปลงได้คับ ในความคิดของผม
บันทึกการเข้า
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #16 เมื่อ: 31-08-2006, 15:11 »

กานใช้พาสาผิดมันเลวร้ายมากเหรอคับ

ถ้าเรามองที่วัดถุปะสงของกานสร้างพาสาขึ้นมาแล้วละก้อ
มันเพื่อไว้ใช้ในกานติดต่อสื่อสานนะคับ
ไม่ใช่ไว้เผื่อแบ่งแยกว่าใครรักไม่รักชาติ ใครอยู่สูงหรือยู่ต่ำ

ผมตั้งใจพิมผิดๆ แต่ถ้าคุนเข้าใจ
นั่นคือ ผมบันลุวัดถุปะสงเบื้องต้น ของกานใช้พาสา ถูกไหมคับ???

แล้วนั่นไม่เกี่ยวกับว่า ผมลักหรือไม่ลักใคร (รวมชาดด้วย)

พาสาเป็นวัฒนธรรม ไหลลื่นและเปลี่ยนแปลงได้คับ ในความคิดของผม
มันอยู่กับ how serious you want to communicate to or with
It does not matter if you've got nothing to do after fully eating.
Just for fun.
บันทึกการเข้า
hison
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 217


« ตอบ #17 เมื่อ: 02-09-2006, 00:25 »

 Winkเข้าใจคิดนะครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: