ปชป.ขู่ ขรก.อย่ารู้เห็นเป็นใจ ช่วยเหลือนอมินี'เทมาเส็ก'
30 สิงหาคม 2549 18:59 น.
พีระพันธุ์ ขู่ ข้าราชการ อย่ารู้เห็นเป็นใจช่วยเหลือ นอมินีเทมาเส็ก จะเข้าข่ายละเว้นปฏิบัติหน้าที่
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ประธานพิจารณากฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า กรณีปัญหาการตรวจสอบการถือหุ้นของบริษัทกุหลาบแก้ว ที่มีการตั้งคณะกรรมการชุดใหม่มาตรวจสอบดีล ซื้อขายหุ้นในเครือชินวัตรว่าผิดกฎหมายหรือไม่ ทั้งที่มีการสรุปผลการสอบสวนไปแล้ว
โดยคณะกรรมการชุดที่มี น.ส.อรจิต สิงคาลวณิช อธิบดีพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่ามีความผิดนั้น เป็นพฤติกรรมที่อาจชี้ให้เห็นเจตนาของผู้มีอำนาจบางคน ที่ต้องการให้ความช่วยเหลือผู้ที่เกี่ยวข้อง ที่มีลักษณะเข้าข่ายการเป็นนอมินี ตามที่ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวระบุไว้
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ข้อกล่าวหาที่ว่า กฎหมายฉบับดังกล่าวนี้ขาดความชัดเจน ไม่สามารถเอาผิดกับผู้เป็นนอมินี ได้นั้น ในฐานะที่ตนเป็นผู้ยกร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง
เพราะกฎหมายฉบับนี้ ได้กำหนดสภาพแห่งพฤติกรรม และการลงโทษเอาไว้อย่างชัดเจน ความผิดที่ระบุไว้ในกฎหมาย ไม่ได้กำหนดเพียงเฉพาะการถือหุ้นแทน แต่ยังห้ามไปถึงการให้การสนับสนุน ช่วยเหลือ ทั้งของบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ให้แก่บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลต่างด้าว ในกิจการซึ่งกำหนดไว้เป็นการเฉพาะไว้อย่างชัดเจนด้วย
ทั้งนี้เนื่องจากกฎหมายดังกล่าว จะดูที่เจตนาของผู้กระทำความผิดเป็นสำคัญด้วย ว่ามีลักษณะเป็นการช่วยเหลือ หรือให้การสนับสนุนการกระทำความผิดตามกฎหมายดังกล่าวหรือไม่
นอกจากนั้นความผิดดังกล่าวนี้ มิใช่จะผิดเฉพาะแต่คนไทย หรือนิติบุคคลไทย ที่ยินยอมหรือช่วยเหลือหรือสนับสนุนในการให้ใช้ตนเองเป็นนอมินี แต่ความผิดยังรวมไปถึงบุคคลหรือนิติบุคคลต่างด้าว ที่ยินยอมหรือใช้ให้บุคคลเหล่านั้นเป็นนอมินีด้วย
การช่วยเหลือให้ชาวต่างชาติ เข้าทำกิจการในลักษณะของนอมินีตามกฎหมายนี้นั้น ถ้านิติบุคคลผิด กรรมการและผู้ถือหุ้นก็ผิดด้วย กฎหมายเขียนไว้ชัดเจนหมดแล้ว และ การสอบสวนในชั้นของกระทรวงพาณิชย์นั้น ไม่จำเป็นจะต้องลงให้ลึกทุกประเด็น เพราะเป็นเพียงการตรวจสอบเบื้องต้นเพื่อชี้มูล แล้วส่งต่อเพื่อดำเนินคดีได้ ที่เหลือเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนตามกฎหมาย " นายพีระพันธุ์กล่าวและว่านอกจากนั้นความผิดฐานดังกล่าวนี้ ก็ไม่อยู่ในอำนาจของกระทรวงพาณิชย์ ที่จะเปรียบเทียบปรับได้เอง จึงไม่มีเหตุผลและความจำเป็น ที่จะต้องสอบสวนให้รายละเอียดทั้งหมด เพียงแต่ดูเบื้องต้นว่ามีหลักฐานเพียงพอจะเชื่อได้ว่า มีการกระทำความผิดตามกฎหมายหรือไม่ก็เพียงพอแล้ว
ประธานพิจารณากฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ จะต้องระวังไม่กระทำการใดที่ส่อ และ ทำให้เชื่อได้ว่าพยายามเตะถ่วง หรือบิดเบือน และช่วยเหลือผู้กระทำความผิด
เพราะหากเป็นเช่นนั้นจะมีความผิดเสียเอง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
http://www.bangkokbiznews.com/2006/08/30/c001_133599.php?news_id=133599