999
|
|
« เมื่อ: 30-08-2006, 15:11 » |
|
ในสายลมเบาหวิวผ่านสัมผัส
เงียบสงัดหยุดนิ่งยิ่งกว่าฝัน
สายรุ้งเรืองทอทาบวูบวาบครัน
คราเมื่อนั้นบังเกิดรักในใจคน
ซึมสอดแทรกชำแรกเหมือนแยกร่าง
ทั่วสรรพางค์บางเบาเกินตาเห็น
จิตและกายผสานเดียวไร้ร้อนเย็น
เรื่อเรืองเช่นโชติชัชวาลย์ในม่านเมฆ
ผะผ่าวแผ่วไออุ่นปกคลุมอยู่
ระลึกรู้ลางเลือนแต่แจ่มใส
คะคลับคล้ายประทับกลางดวงใจ
เหมือนดั่งไฟดังน้ำแข็งไปพร้อมกัน
พลันปรากฎประกายยิ่งเจิดจ้า
กว่าดวงตาใดใดจ้องมองได้
สุกสว่างเจิดจรัสอยู่พราวพราย
หิวกระหายมลายสิ้นปราศนาการ
ดื่มกินได้ไม่สิ้นไร้ขอบเขต
ทั่วทิศเทศแคว้นคามไร้ความหมาย
อาหารทิพย์อันเจาะจงจักกำจาย
แสนสบายเพื่อเธอจะรู้เอง....
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-08-2006, 15:17 โดย 999 »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
la rosa
น้องใหม่
ออฟไลน์
กระทู้: 15
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: 30-08-2006, 19:03 » |
|
เจ้าบรรจงมอบวางไว้กลางใจพี่ คนเขลานี้หลงลมคารมฝัน หว่านคำรักโปรยคำซึ้งถึงดวงมาลย์ จะกี่วานกี่วันเดือนมิเคลื่อนคลาย
แม้ตัวจากหัวใจพี่ไม่เคยเปลี่ยน ยังเสถียรรอนางจนร่างสลาย อยากให้รู้ว่าสุดรักไม่กลับกลาย เป็นดาวรายเฝ้ามองน้องเรื่อยไป
หากกายเจ้าอิงแอบแนบชายอื่น ขอรักคืนจากเจ้าได้หรือไม่ แม้เคยเป็นอาหารทิพย์หยิบถึงใจ คงกลับกลายเป็นน้ำกรดรดราดริน
หากคลอนแคลนใจน้องไม่คงมั่น ไม่คาดคั้นคำสัญญาให้ถวิล ขอเพียงเจ้าบอกลาให้ได้ยิน จะไม่เป็นเหลือบไรริ้นมลทินนวล...
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-08-2006, 19:25 โดย la rosa »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
999
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: 31-08-2006, 06:03 » |
|
ภักษาหาร ทิพยพิมาน ลำธารใส เสมอใน สะท้านทรวง สนั่นเสียง ก้องกระแส สาดสะพัด สะบัดเคียง กระเซ็นเยี่ยง ระยับย้าย มิพ่ายแพ้
จะเป็นพิษ ฤทธิ์ละร้าย เมื่อพ่ายรัก จงตระหนัก รักมิขัด รักมิสม อาจจะเป็น รักหะห่าม รักมิตรม รักเชยชม รักในรัก จักเป็นคุณThe Supremes A Lover's Concerto Richard Marx Can't Help Falling In Love
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-08-2006, 06:07 โดย 999 »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ariyaka
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
ออฟไลน์
กระทู้: 31
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: 31-08-2006, 07:04 » |
|
สวัสดีครับ จขกท
ในสายลมเบาหวิวผ่านสัมผัส เงียบสงัดหยุดนิ่งยิ่งกว่าฝัน สายรุ้งเรืองทอทาบวูบวาบครัน คราเมื่อนั้นบังเกิดรักในใจ...คน
ซึมสอดแทรกชำแรกเหมือนแยกร่าง ทั่วสรรพางค์บางเบาเกินตา...เห็น จิตและกายผสานเดียวไร้ร้อนเย็น เรื่อเรืองเช่นโชติชัชวาลย์ในม่านเมฆ....ไม่นิยมลงคำท้ายบทด้วยคำตายเสียงยาว หากจะใช้คำตาย..นิยมใช้คำตายเสียงสั้นเสียงตรีเท่านั้น..ภพ..ซบ..ครบ..รัก..พักตร์ ฯ
ไม่แน่ใจว่าตั้งใจเขียนกลอนแปดหรือเปล่า แต่เห็นว่าขาดสัมผัสระหว่างบท คำสุดท้ายบทแรก คือ คน คำสุดท้ายวรรค ๒ ของบทต่อมา คือ เห็น ซึ่งไม่รับสัมผัส ต้องเป็น แม่กน เหมือน คน คือ หน..ผล..ด้น..ข้น..หม่น... จึงจะร้อยกลอนระหว่างบทต่อกันไปได้
ผะผ่าวแผ่วไออุ่นปกคลุมอยู่ ระลึกรู้ลางเลือนแต่แจ่มใส คะคลับคล้ายประทับกลางดวงใจ....คะคลับคล้าย..ก็คลับคล้าย..จะดีกว่า เหมือนดั่งไฟดังน้ำแข็งไปพร้อมกัน
พลันปรากฎประกายยิ่งเจิดจ้า กว่าดวงตาใดใดจ้องมองได้ สุกสว่างเจิดจรัสอยู่พราวพราย....สระอาย..ไม่ใช้รับ...สระไอ หิวกระหายมลายสิ้นปราศนาการ
ดื่มกินได้ไม่สิ้นไร้ขอบเขต ทั่วทิศเทศแคว้นคามไร้ความหมาย อาหารทิพย์อันเจาะจงจักกำจาย แสนสบายเพื่อเธอจะรู้เอง....
กลอนแต่ละบทที่เขียนถูกต้องในตัวอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่รับส่งระหว่างบทเท่านั้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ariyaka
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
ออฟไลน์
กระทู้: 31
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: 31-08-2006, 07:10 » |
|
๐ เพลงยาว ๐
๐ บรรจงจารอักษรเว้าวอนถึง ว่าท่วมอกลึกล้ำรอยคำนึง แต่ผู้ซึ่งไกลห่างอยู่ต่างแดน
๐ จากกระท่อมหลังเก่าใต้เงาพฤกษ์ ฝากรำลึกถึงใครผู้ไกลแสน เรียงบุปผาดังถ้อยเอาร้อยแทน ให้หอมแม้นเสน่หาที่อาวรณ์
๐ สู่เคหาสน์ยศถาบรรดาศักดิ์ ถวิลนักก็แต่ทอดฤทัยถอน หวังย่อมหวังสายตาเหลือบอาทร รับรู้ร้อนรอยเลศในเจตนา
๐ เหมือนสืบชาติปางหลังแต่ครั้งเก่า พอเห็นเข้าเฝ้าคอยละห้อยหา เสมอรูปพิมพ์ร่างท่านสร้างมา ให้หลอนตาลอบเร้นไม่เว้นวาย
๐ พี่เหมือนไม้ลอยแช่กระแสสินธ์ จะดับดิ้นก็ย่อมแต่กระแสสาย ลำธารเล่ห์เสน่หาไหลท้าทาย อาจดับหมายอันถวิลจนสิ้นลม
๐ รอคอยความปรานีใครมีให้ ต่ออาลัยเป็นพลังพลอยสั่งสม แนบช่วงกาลชุ่มชื่นมอบรื่นรมย์ ให้หอมห่มกรุ่นมนต์สุคนธา
๐ เหนี่ยวพุ่มพวงบุปผาบรรดาสี แทนใจที่มุ่งมาดด้วยปรารถนา วางกำลังสุจริตเป็นฤทธา เพื่อคุณค่าเผยในน้ำใจเดียว
๐ บำบวงทิพสังคีตให้กรีดกล่อม ใจหนึ่งน้อมเผื่อแผ่ช่วยแลเหลียว ค่ำคืนจักแขวนขวัญกับจันทร์เรียว ทั้งลอบเหนี่ยวอีกขวัญผูกกันไป
๐ ร้อยวาจาแทนใจมอบให้เจ้า อยู่กับเหย้ารอหน้าได้อาศัย ค่ำคืนนี้จะแทรกฝ่านิทราใคร เตรียมเถิดใจ...รอรับ...ทุกหลับตา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
999
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: 31-08-2006, 07:27 » |
|
สวัสดีครับ จขกท
ในสายลมเบาหวิวผ่านสัมผัส เงียบสงัดหยุดนิ่งยิ่งกว่าฝัน สายรุ้งเรืองทอทาบวูบวาบครัน คราเมื่อนั้นบังเกิดรักในใจ...คน
ซึมสอดแทรกชำแรกเหมือนแยกร่าง ทั่วสรรพางค์บางเบาเกินตา...เห็น จิตและกายผสานเดียวไร้ร้อนเย็น เรื่อเรืองเช่นโชติชัชวาลย์ในม่านเมฆ....ไม่นิยมลงคำท้ายบทด้วยคำตายเสียงยาว หากจะใช้คำตาย..นิยมใช้คำตายเสียงสั้นเสียงตรีเท่านั้น..ภพ..ซบ..ครบ..รัก..พักตร์ ฯ
ไม่แน่ใจว่าตั้งใจเขียนกลอนแปดหรือเปล่า แต่เห็นว่าขาดสัมผัสระหว่างบท คำสุดท้ายบทแรก คือ คน คำสุดท้ายวรรค ๒ ของบทต่อมา คือ เห็น ซึ่งไม่รับสัมผัส ต้องเป็น แม่กน เหมือน คน คือ หน..ผล..ด้น..ข้น..หม่น... จึงจะร้อยกลอนระหว่างบทต่อกันไปได้
ผะผ่าวแผ่วไออุ่นปกคลุมอยู่ ระลึกรู้ลางเลือนแต่แจ่มใส คะคลับคล้ายประทับกลางดวงใจ....คะคลับคล้าย..ก็คลับคล้าย..จะดีกว่า เหมือนดั่งไฟดังน้ำแข็งไปพร้อมกัน
พลันปรากฎประกายยิ่งเจิดจ้า กว่าดวงตาใดใดจ้องมองได้ สุกสว่างเจิดจรัสอยู่พราวพราย....สระอาย..ไม่ใช้รับ...สระไอ หิวกระหายมลายสิ้นปราศนาการ
ดื่มกินได้ไม่สิ้นไร้ขอบเขต ทั่วทิศเทศแคว้นคามไร้ความหมาย อาหารทิพย์อันเจาะจงจักกำจาย แสนสบายเพื่อเธอจะรู้เอง....
กลอนแต่ละบทที่เขียนถูกต้องในตัวอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่รับส่งระหว่างบทเท่านั้น
โอวิจารณ์ตรงๆ ดีครับ เพราะผมแต่งกลอนตามแบบธรรมชาติ ไม่เคยศึกษาเรื่องฉันทลักษณ์จริงจังเลยครับ เข้าใจว่าคงมีประโยชน์ในแง่แบบแผน เพื่อไม่ให้เพี้ยนไปมาก ส่วนรับระหว่างบทก็คงเพื่อให้สามารถมีเสียงเชื่อมโยงเป็นสักวาอะไรไป ขอบคุณครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
999
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: 31-08-2006, 07:41 » |
|
แต่งเพลงยาวเรียงร้อยเรียกร้อยกรอง ท่วงทำนองโบราณว่าเกี้ยวสาว หากจะแต่งต่อถ้อยสร้อยเรื่องราว คงถึงดาวที่พราวพรายประกายรัก หรือจะแต่งกาพย์กลอนท่องโคลงฉันท์ คำประพันธ์บอกใจผูกสมัคร ก็ยาวได้จนจบประสบพักตร์ เขาคึกคักข้าก็ว่าน่าจะดี..
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
999
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: 31-08-2006, 07:53 » |
|
กลับมา เรื่องรัก บทพัน กำนัล จากฟ้า ฤาไฉน จะแต่ง ก็ แต่งไป สุขใจ ได้ แต่งเอย
เอยแล้วก็ไม่จบได้ ร้องไห้ให้แกล้งเฉลย เรียกว่ากลอนยั่วก็เคย กลอนเกยไร้รูปจะจูบดม อิอิ จนครบพัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ariyaka
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
ออฟไลน์
กระทู้: 31
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: 31-08-2006, 08:15 » |
|
ครับ ยินดีที่ได้พูดคุยกัน
๐ งานบุญ ๐
๐ จะเอื้อมคว้าดอกไม้..........เด็ดประดับ เกรงภู่ภมรขยับ..................แย่งยื้อ ไรเกศระริกรับ....................รอมาศ ฤๅแม่ มาลย์กลิ่นเกรงอับอื้อ..........เมื่อกลั้วเกศศรี
๐ แต่งานบุญจุลกฐินได้ยินเสียง กลองกรับฉิ่งฉาบเคียงสำเนียงก้อง มวลดอกไม้โกสุมพานพุ่มทอง เคลื่อนสู่ท้องโรงทานข้างลานวัด
๐ ชั่วเพียงลมโบกปลิวผ่านริ้วหน้า ก็สบตาอกต้อง...จนข้องขัด เจ้า..ชดช้อยค่อยย่างอยู่กลางชัฏ เดินเลาะลัดผ่านเห็นใจเต้นรัว
๐ ปอยเส้นผมปัดปลิวคลอริ้วแก้ม แต่เมื่อแย้มชำเลืองก็เรืองทั่ว ห้องหัวใจโลมรดจนหมดมัว เริ่มกาลกลั้วอกกล้ำสู่ลำเค็ญ
๐ นิ้วเรียวนั้นหยิบจับสำรับส่ง ธำมรงค์วงไหนก็ไม่เห็น กิริยาจับเลือกล้วนเยือกเย็น นั่น.!..เหมือนยิ้มลอบเร้นพอเห็นนัย
๐ หรือ..มีบุญหนุนสร้างแต่ปางเก่า พอเห็นเข้าตรึงจิตพิสมัย ยากแต่ละสายตาจากหน้าไป ง่ายก็ใจรุ่มร้อนเกินผ่อนลง
๐ แม่เอย..ดั่งหยาดฝนที่หล่นต้อง ให้อกนองชื่นชุ่มด้วยลุ่มหลง ประทับล่วงสู่จิตเกินปลิดปลง คือรูปทรงเจ้าประทับอยู่นับนาน
๐ ถึงกาลเพลเกณฑ์แรงช่วยแบ่งจ่าย ร่วมถวายข้าวปลาภัตาหาร มือต่อมือแตะซ้ำเริ่มตำนาน สร้างยิ้มหนึ่งแสนหวานให้ผ่านตา
๐ สุรโลกชะลอลงก็คงใช่ แต่เมื่อใจผูกกันปลายพรรษา แม่เอย..ที่พร่างแพร้วในแววตา ย่อมรูปหน้าแม่หยั่ง...เสียทั้งนั้น
๐ แต่ละก้าวยกย่างแม่วางไว้ คอยเหยียบย่ำอกใจจนไหวสั่น แต่ละท่วงทีเคลื่อนก็เหมือนทัณฑ์ ที่กระทั้นเข้าแทรกชำแรกทรวง
๐ พอเสียงใจเต้นรัวร่ำทั่วอก ก็เหมือนยกอาลัยเป็นไห้หวง โหยเห็นปรารถนาสุดาดวง เกรงจะล่วงลับคำสิ้นสำเนียง
๐ พี่ดุจนกโบยบินมาถิ่นเหนือ ช่วยจุนเจือต่อถวิลให้ยินเสียง ขอบุญพระอุ้มชูได้คู่เคียง ร่วมภพเพียงแม่นั้นนิรันดร์เทอญ
๐ รอยภพราวแผ่ซ้อน...........ทับกัน ดึงจับสองใจพัน..................ผูกไขว้ ลำบากจักพรากขวัญ...........ไกลห่าง นะแม่ คงสาปใดบ่งไว้...................แน่นแฟ้นเหลือฝืน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
999
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: 31-08-2006, 08:15 » |
|
ในสายลมเบาหวิวผ่านสัมผัส
เงียบสงัดหยุดนิ่งยิ่งกว่าฝัน
สายรุ้งเรืองทอทาบวูบวาบครัน
คราเมื่อนั้นบังเกิดรักในคนเป็น
ซึมสอดแทรกชำแรกเหมือนแยกร่าง
ทั่วสรรพางค์บางเบาเกินตาเห็น
จิตและกายผสานเดียวไร้ร้อนเย็น
เรื่อเรืองเช่นโชติชัชวาลย์ในม่านไหม
ผะผ่าวแผ่วไออุ่นปกคลุมอยู่
ระลึกรู้ลางเลือนแต่แจ่มใส
ณ คลับคล้ายประทับกลางดวงใจ
เหมือนดั่งไฟดั่งน้ำแข็งพร้อมกันไป
พลันปรากฎประกายยิ่งเจิดจ้า
กว่าดวงตาใดใดจ้องมองได้
สุกสว่างเจิดจรัสอยู่พราวพราย
หิวกระหายมลายสิ้นล้วนกลับกลาย
ดื่มกินได้ไม่สิ้นไร้ขอบเขต
ทั่วทิศเทศแคว้นคามไร้ความหมาย
อาหารทิพย์อันเจาะจงจักกำจาย
แสนสบายเพื่อเธอจะรู้เอง....
บทที่1001...เพื่อ ariyaka และกลอนกานท์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ariyaka
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
ออฟไลน์
กระทู้: 31
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: 31-08-2006, 09:14 » |
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-08-2006, 13:53 โดย ariyaka »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
999
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: 31-08-2006, 09:35 » |
|
กาพย์กลอนนั้นหายาก ต้องลำบากค้นคว้ามา เรื่องราวตามประสา เขาจะว่าว่าอย่างราย แต่งต่ออย่าแต่งร้าย จิตสบายมิเคยว่า หากแต่งแย้งไปมา อาจเสียท่าให้ได้อาย ตามใจนะสหาย เรื่องคลับคล้ายไม่พูดกัน ต่อให้ถึงสวรรค์ ก็แค่ฉันกับตัวเธอ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-08-2006, 09:37 โดย 999 »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ดอกฟ้ากับหมาวัด
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: 01-09-2006, 02:54 » |
|
พ่อนิ่มเนื้อนวลใยอบไออุ่น กลิ่นกรุ่นกรุ่นหอมหวนยวนใจหญิง มาบอกรักรักลวงฤารักจริง อยากแอบอิงพิงซบอบอุ่นไอ
หรือเพียงล่อหลอกลวงดวงใจสาว ให้เจ็บร้าวอะคร้าวทรวงต้องร่ำไห้ มาแลตาแสร้งรักแล้วลืมไป ตัดบัวไม่เหลือใยเศร้าใจจริง
ดั่งรักเร่เล่ห์รักถวิลหา รักเจ้าขารักข้าฯดังถูกสิง รักเจ้าเอยหลอกล่อคล้ายฝูงลิง อย่าเฉยนิ่งโปรดตอบขอขอบคุณ
มาทำการบ้านส่งครูค่ะ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2006, 03:32 โดย ดอกฟ้ากับหมาวัด »
|
บันทึกการเข้า
|
***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ
น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
|
|
|
komyen
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: 01-09-2006, 11:29 » |
|
พี่เนื้อเหี่ยวเรี่ยวแรงน้อยค่อยค่อยย่อง คอยเยี่ยมเยี่ยมมองมองแม่น้องหญิง ใจไม่กล้าจะว่ารักหนักใจจริง หวังแอบอิงพิงหลังยืมตังค์เธอ
ไม่ลวงหลอกดอกสาวพี่หนาวเหน็บ ถึงปวดเจ็บคอยจ้องมองเสมอ จะคอยเฝ้าเจ้าไว้ไม่เผอเรอ หวังน้องเผลอไผลปลื้มให้ยืมตังค์
สวัสดีครับคุณ๙๙๙ คุณอริยกะ คุณดอกฟ้า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
somebody
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: 01-09-2006, 14:23 » |
|
กลอนตลาดการตลกก็ทำมา กลอนนำพาการนำกลอนมาผ่อนผัน กลอนพาไปไปพาเธอทุกคืนวัน กลอนพาฝันฝันเป็นเธอละเมอครวญ
ชวนยืมตังส์ตังส์ของชวนหรือทักษิณ ชวนไปบินบินไปชวนต้องสอบสวน ชวนดมดอมดอมดมโดยโชยยั่วยวน ชวนลำดวนดวลยืมตังส์พังน่ะซี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ดอกฟ้ากับหมาวัด
|
|
« ตอบ #15 เมื่อ: 02-09-2006, 01:30 » |
|
อยากตัดเยื่อไม่เหลือไว้ใยสวาท อยากตัดขาดจากโลกและทุกสิ่ง เพราะหลงรักเข้าแล้วจากใจจริง ด้วยรักยิ่งยอมทุกสิ่งพร้อมเผชิญ
''เถอะน้องจ๋าพี่ยืมก่อนผ่อนทีหลัง'' นั่งอึ้งฟังหลังพิงฝาทำท่าเขิน ตอนแรกรักทำท่ารักเหลือเกิน แสนบังเอิญน้องเพิ่งรู้อยากกู้เงินสวัสดีทุกท่านค่ะ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-09-2006, 01:44 โดย ดอกฟ้ากับหมาวัด »
|
บันทึกการเข้า
|
***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ
น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
|
|
|
komyen
|
|
« ตอบ #16 เมื่อ: 02-09-2006, 13:53 » |
|
กลอนตลาดดาษดื่นพี่ฝืนเขียน กลอนพากเพียรเรียนมาอย่าเห็นขัน กลอนพาไปใจพาเพ้อละเมอพลัน กลอนพาฝันกันใจเผลอเก้อเขินจริง
จะตัดเยื่อเหลือไยเอาไว้บ้าง ตัดสวาทขาดร้างห่างมิตรหญิง คนเข็ญใจไร้หลักให้พักพิง หนักใจยิ่งเธอทิ้งไปไม่ให้ยืม
ตอบ๒คนเลย คุณซัมบอดี้ คุณดอกฟ้า สวัสดีครับ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-09-2006, 12:07 โดย komyen »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|