ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
29-03-2024, 12:51
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  เพราะเป็นแค่ "แขนขาทักษิณ" พาณิชย์จึงไม่กล้าจัดการ"นอมินี" 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: 1 [2]
เพราะเป็นแค่ "แขนขาทักษิณ" พาณิชย์จึงไม่กล้าจัดการ"นอมินี"  (อ่าน 4518 ครั้ง)
แนวสกา
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 633



« ตอบ #50 เมื่อ: 04-09-2006, 02:32 »

ระบบการปกครองดีมีมาตรฐาน ไม่มีการโกงกินในรัฐบาล

มีระบบการตรวจสอบที่ดี สิ่งเหล่านี้มิใช่เหรอที่จะสร้างความน่าเชื่อถือ

ในการลงทุนและการค้าให้กับคู่ค้าต่างประเทศ
บันทึกการเข้า

ทุกคนล้วนมักมีอำนาจวาสนา ตัวข้าต้องการเพียงเสพดื่มกิน
เพนกวินน้อยนักอ่าน
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 866



« ตอบ #51 เมื่อ: 04-09-2006, 07:24 »

เป็นตัวอย่างของคนที่คิดไม่ทันรัฐบาลครับ เรื่อง GDP เป็นตัวหนึ่งที่ใช้เป็นตัวชี้วัดสำหรับ
สร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ รัฐบาลพยายามทำให้ GDP มัน
ขึ้นในอัตราที่มากกว่าปีที่แล้ว ดังนั้นไอ้สินค้าและบริการที่มีอยู่จริงแต่ไม่สามารถวัดได้เป็น
GDP เพราะมันอยู่นอกระบบตลอด ไม่มีการบันทึกในเอกสารราชการ เช่น ขายของไม่มีใบ
กำกับภาษี หวยใต้ดิน

ถ้าสามารถนำเข้าระบบได้ ก็จะเพิ่ม GDP ได้ทันทีโดยไม่ต้องทำอะไรมาก สังเกตจากรัฐบาล
พยายามให้ธุรกิจเข้าระบบออกใบกำกับภาษีถูกต้อง ถึงกับต้องให้ผู้บริโภคสุดท้ายขอใบกำกับ
ภาษีเพื่อนำไปชิงโชค คุณคิดว่าสิ่งที่อยู่นอกระบบ แล้วนำเข้ามาในระบบมันเป็นสัดส่วนนิดเดียว
เทียบกับการส่งออกลบนำเข้าหรือครับ อ่านน้อยไปหรือเปล่า

อย่าลืมว่ามีค่าใช้จ่ายภาครัฐอีกด้วย ที่เป็นตัวกำหนด จีดีพี
แค่หวยใต้ดิน ขึ้นบนดิน อ้างขยับจีดีพี บานเบอะ
สิ่งที่ช่วยจีดีพีไทย คือการใช้จ่าย ในการท่องเที่ยว มาตลอด
เพราะค่าอื่นๆ มันคงที่หรือเพิ่มในอัตราคงที่
การขยายตัวทางเศรษฐกิจ ถึงต้องดูที่จีดีพี
เพราะมันสะท้อน จำนวนของ มวลรวมแท้จริงออกมาได้
เพราะฉะนั้น รัฐจึงใช้วิธีนำเงินออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ
นี่คืออีกปัจจัยครับ ไม่ใช่หวยบนดินหรอกมูลค่าได้ทำให้กระเตื้องเลย จีดีพี
มันรวมอยู่ในค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล หรอก อันนี้คิดรวมมากกว่าเก็บภาษีด้วยซ้ำ
เป็นส่วนหนึ่งของการใช้จ่ายของคนไทย ซึ่งมันก็เพิ่มด้วยอย่างอื่นเหมือนกัน
ไม่ใช่เน้นซื้อหวย

การเก็บภาษีได้เยอะ คืออีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งไม่รวมในการคิดจีดีพีครับ
GDP = consumption + investment + government spending + (exports − imports)
อ่ะตัวเลขไหน คือการเก็บภาษี

ถ้าดูให้ดี หวยบนดิน อยู่ในconsumption
ถ้าบอกว่ามันช่วยเพิ่มจีดีพี อย่างเป็นนัยสำคัย จนทำให้มีคนมาคุยโวแทนทักษิณได้
ก็ต้องบอกว่าหมอนั่นสิ้นคิดครับ
ชาตินี้หมอนั่นมันคงไม่ต้องพึ่งการลงทุน การท่องเที่ยว การส่งออก และการสร้างสาธารณูปโภค ของรัฐหรอกครับ
ให้รัฐบาลเปิดบ่อนไก่ บ่อนถั่วโป ไฮโล โป๊กเกอร์นำเงินที่คนจำนวนนึงในไทย ใช้จ่ายเพื่อการพนัน
มาอ้างว่าเอานอกระบบมาอยู่ในระบบเพื่อเพิ่มจีดีพีไปละกัน

ไม่ต้องสนใจอย่างอื่น...
 Cool

ผมอ่านน้อยอ่านมากไม่เกี่ยวกะไอ้หมอนั่น แต่ฉลาดกว่าไอ้หมอนั่นที่ยึดแต่ ของนอกระบบละกัน
เพราะจำได้ว่าหมอนั่นมันชอบนอกระบบมาตลอด ไอทีวีต้องจ่ายสัมปทาน หมอนั่นมันก็ ลุ้นไม่ให้จ่าย
ไม่รู้มันเป็นญาติกะเทมาเส็คหรือเปล่า ไอ้หมอนั่น

ไอ้หมอนั่นที่ชอบแถแถ่ดแถด ลองคิดดูนะครับ
การเพิ่มค่าจีดีพี มันใช่หวยบนดินเป้นนัยสำคัญซะที่ไหน
 Rolling Eyes
บันทึกการเข้า
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #52 เมื่อ: 04-09-2006, 09:41 »

ผมไม่ได้เริ่มยกตัวอย่างหวยบนดินใต้ดิน มันมาจากความเห็นที่ 17
ที่ผมจะบอกคือไอ้การคิด GDP มันมาจาก การเก็บรวบรวมข้อมูลจาก
ภาครัฐ จากแบบที่ยื่นให้กรมสรรพากร กรมการค้าภายใน ซึ่งเป็นแบบ
ฟอร์มเสียภาษี และจะมีข้อมูลกำไรขาดทุนประกอบอยู่ ในบัญชีกำไร
ขาดทุนซึ่งต้องยื่นพร้อมกับงบดุลและแบบสำหรับนิติบุคคล และสำหรับ
บุคคลธรรมดารายได้ก็ต้องยื่นแบบให้กรมสรรพากร ข้อมูลกำไรขาดทุน
จะเป็นมูลค่าเพิ่มของสินค้าและบริการ ซึ่งถ้าเดิมมีการทำธุรกรรมอยู่
แล้วแต่ไม่ได้บันทึก ก็จะไม่ได้อยู่ในตัวเลข GDP การนำหวยใต้ดินมา
อยู่บนดินเป็นการนำตัวเลขที่มีอยู่แต่ไม่ได้บันทึกมาบันทึก เหมือนกับ
การให้ประชาชนขอใบกำกับภาษี การที่มีธุรกรรมซื้อขายหวยเกิดขึ้น
ก็เท่ากับมีรายได้ ถ้ามีการบันทึกก็จะเป็นส่วนหนึ่งของ GDP เดิมกิจการ
โรงงานบางอย่างสามารถออกใบกำกับภาษีได้เพียง 30% เท่ากับหาย
ไป 70% ครับ
บันทึกการเข้า
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #53 เมื่อ: 04-09-2006, 12:20 »

เป็นตัวอย่างของคนที่คิดไม่ทันรัฐบาลครับ เรื่อง GDP เป็นตัวหนึ่งที่ใช้เป็นตัวชี้วัดสำหรับ
สร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ รัฐบาลพยายามทำให้ GDP มัน
ขึ้นในอัตราที่มากกว่าปีที่แล้ว ดังนั้นไอ้สินค้าและบริการที่มีอยู่จริงแต่ไม่สามารถวัดได้เป็น
GDP เพราะมันอยู่นอกระบบตลอด ไม่มีการบันทึกในเอกสารราชการ เช่น ขายของไม่มีใบ
กำกับภาษี หวยใต้ดิน

ถ้าสามารถนำเข้าระบบได้ ก็จะเพิ่ม GDP ได้ทันทีโดยไม่ต้องทำอะไรมาก สังเกตจากรัฐบาล
พยายามให้ธุรกิจเข้าระบบออกใบกำกับภาษีถูกต้อง ถึงกับต้องให้ผู้บริโภคสุดท้ายขอใบกำกับ
ภาษีเพื่อนำไปชิงโชค คุณคิดว่าสิ่งที่อยู่นอกระบบ แล้วนำเข้ามาในระบบมันเป็นสัดส่วนนิดเดียว
เทียบกับการส่งออกลบนำเข้าหรือครับ อ่านน้อยไปหรือเปล่า

อย่าลืมว่ามีค่าใช้จ่ายภาครัฐอีกด้วย ที่เป็นตัวกำหนด จีดีพี
แค่หวยใต้ดิน ขึ้นบนดิน อ้างขยับจีดีพี บานเบอะ
สิ่งที่ช่วยจีดีพีไทย คือการใช้จ่าย ในการท่องเที่ยว มาตลอด
เพราะค่าอื่นๆ มันคงที่หรือเพิ่มในอัตราคงที่
การขยายตัวทางเศรษฐกิจ ถึงต้องดูที่จีดีพี
เพราะมันสะท้อน จำนวนของ มวลรวมแท้จริงออกมาได้
เพราะฉะนั้น รัฐจึงใช้วิธีนำเงินออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ
นี่คืออีกปัจจัยครับ ไม่ใช่หวยบนดินหรอกมูลค่าได้ทำให้กระเตื้องเลย จีดีพี
มันรวมอยู่ในค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล หรอก อันนี้คิดรวมมากกว่าเก็บภาษีด้วยซ้ำ
เป็นส่วนหนึ่งของการใช้จ่ายของคนไทย ซึ่งมันก็เพิ่มด้วยอย่างอื่นเหมือนกัน
ไม่ใช่เน้นซื้อหวย

การเก็บภาษีได้เยอะ คืออีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งไม่รวมในการคิดจีดีพีครับ
GDP = consumption + investment + government spending + (exports − imports)
อ่ะตัวเลขไหน คือการเก็บภาษี

ถ้าดูให้ดี หวยบนดิน อยู่ในconsumption
ถ้าบอกว่ามันช่วยเพิ่มจีดีพี อย่างเป็นนัยสำคัย จนทำให้มีคนมาคุยโวแทนทักษิณได้
ก็ต้องบอกว่าหมอนั่นสิ้นคิดครับ
ชาตินี้หมอนั่นมันคงไม่ต้องพึ่งการลงทุน การท่องเที่ยว การส่งออก และการสร้างสาธารณูปโภค ของรัฐหรอกครับ
ให้รัฐบาลเปิดบ่อนไก่ บ่อนถั่วโป ไฮโล โป๊กเกอร์นำเงินที่คนจำนวนนึงในไทย ใช้จ่ายเพื่อการพนัน
มาอ้างว่าเอานอกระบบมาอยู่ในระบบเพื่อเพิ่มจีดีพีไปละกัน

ไม่ต้องสนใจอย่างอื่น...
 Cool

ผมอ่านน้อยอ่านมากไม่เกี่ยวกะไอ้หมอนั่น แต่ฉลาดกว่าไอ้หมอนั่นที่ยึดแต่ ของนอกระบบละกัน
เพราะจำได้ว่าหมอนั่นมันชอบนอกระบบมาตลอด ไอทีวีต้องจ่ายสัมปทาน หมอนั่นมันก็ ลุ้นไม่ให้จ่าย
ไม่รู้มันเป็นญาติกะเทมาเส็คหรือเปล่า ไอ้หมอนั่น

ไอ้หมอนั่นที่ชอบแถแถ่ดแถด ลองคิดดูนะครับ
การเพิ่มค่าจีดีพี มันใช่หวยบนดินเป้นนัยสำคัญซะที่ไหน
 Rolling Eyes




  หวยบนดินเป็นหนทางดึงเงินเอื้ออาทรกลับจากรากหญ้าเนียบเนียนที่สุด........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #54 เมื่อ: 04-09-2006, 12:32 »

ทุเรศทักษิณจริงๆ มันยังมีหน้าไปไล่หลอกประชาชนทั่วประเทศขอความเห็นใจ บีบน้ำตาเรียกความสงสาร มีคนที่ไม่รู้เรื่องยอมเทใจเทกายให้ บางคนที่รู้เรื่องยินยอมให้ทักษิณขายชาติก็มีเยอะแยะ
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


เพนกวินน้อยนักอ่าน
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 866



« ตอบ #55 เมื่อ: 04-09-2006, 13:07 »

ผมไม่ได้เริ่มยกตัวอย่างหวยบนดินใต้ดิน มันมาจากความเห็นที่ 17
ที่ผมจะบอกคือไอ้การคิด GDP มันมาจาก การเก็บรวบรวมข้อมูลจาก
ภาครัฐ จากแบบที่ยื่นให้กรมสรรพากร กรมการค้าภายใน ซึ่งเป็นแบบ
ฟอร์มเสียภาษี และจะมีข้อมูลกำไรขาดทุนประกอบอยู่ ในบัญชีกำไร
ขาดทุนซึ่งต้องยื่นพร้อมกับงบดุลและแบบสำหรับนิติบุคคล และสำหรับ
บุคคลธรรมดารายได้ก็ต้องยื่นแบบให้กรมสรรพากร ข้อมูลกำไรขาดทุน
จะเป็นมูลค่าเพิ่มของสินค้าและบริการ ซึ่งถ้าเดิมมีการทำธุรกรรมอยู่
แล้วแต่ไม่ได้บันทึก ก็จะไม่ได้อยู่ในตัวเลข GDP การนำหวยใต้ดินมา
อยู่บนดินเป็นการนำตัวเลขที่มีอยู่แต่ไม่ได้บันทึกมาบันทึก เหมือนกับ
การให้ประชาชนขอใบกำกับภาษี การที่มีธุรกรรมซื้อขายหวยเกิดขึ้น
ก็เท่ากับมีรายได้ ถ้ามีการบันทึกก็จะเป็นส่วนหนึ่งของ GDP เดิมกิจการ
โรงงานบางอย่างสามารถออกใบกำกับภาษีได้เพียง 30% เท่ากับหาย
ไป 70% ครับ

เอาเหอะ เอาให้เหมาะ
ผมไม่กล้าต่อกร กับคุณเรื่องแถหรอก
เพราะเป็นเรื่องที่คุณชอบจริงๆ
อย่างหนึ่งที่ผมยอมรับคุณ คือคุณไม่หลอกตัวเอง และยอมรับตัวเองว่าเป็นคน ชอบแถ

ส่วนเรื่อง จีดีพี ผมไม่อยากขยายแล้ว
ไม่เอาชนะคะคานอะไรกับคุณด้วยหรอกครับ
ผมไม่คิดว่าคุณจะเลิกเชียร์ทักษิณง่ายๆหรอก ไม่มีประโยชน์จะพูดถึงอีกต่อไป

แต่กรุณา อย่าเอาข้อคิด ตื้นเขิน
อย่าง หวยบนดิน เป็นความชาญฉลาดของทักษิณในการเพิ่มจีดีพี มากล่าวอ้างอีก
เพราะมันดูถูก คนที่เขาตั้งใจทำมาหากิน ทำงานในภาคส่งออก
ภาคบริการ ภาคการท่องเที่ยว และรวมทั้งนักการเมืองด้านเศรษฐกิจในรัฐบาลเอง
ซึ่งพยายามช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ในหลายๆภาค รวมทั้งดูแลช่วยเหลือการลงทุน มาโดยตลอด

ใช่ว่าทักษิณ มันทำคนเดียวซะเมื่อไหร่ล่ะ
 Evil or Very Mad




บันทึกการเข้า
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #56 เมื่อ: 04-09-2006, 15:21 »

ก็เรื่องหวยผมไม่ได้เริ่มนี่ครับ แต่ต่อความ ยาวววว
ส่วนเรื่อง GDP ขอแถมวิธีคิดทางอ้อมครับ เพราะทางตรงมันหาไม่ได้
คือเอาพวกนี้มาบวกกัน
1. รายได้จากค่าจ้าง, เงินเดือน, เงินช่วยเหลือ
2. รายได้สุทธิจากดอกเบี้ย
3. รายได้จากค่าเช่า
4. ภาษีทางอ้อมของธุรกิจ
5. ค่าเสื่อมของเครื่องมือการผลิต
6. รายได้จากกำไรธุรกิจที่ไม่เป็นบริษัท
7. รายได้จากกำไรธุรกิจที่เป็นบริษัทก่อนเสียภาษี (ยังไม่หักภาษีกำไร, เงินปันผล, กำไรที่ไม่จัดสรรให้ผู้ถือหุ้น )
บันทึกการเข้า
เพนกวินน้อยนักอ่าน
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 866



« ตอบ #57 เมื่อ: 04-09-2006, 15:34 »

ผมสงสัยว่าคนที่เชียร์ทักษิณ จะหนุนนอมินีไหม
ถ้าทักษิณไม่ได้ ซุกหุ้นแล้วหันมาต้าน นอมินี เต็มตัว

เอาเข้าจริง พวกนี้ ไม่มีหลักการเลยมีแต่หลักกู
จริงๆ แล้ว เราต้องการให้เสียภาษีเต็มที่มากกว่า
ไม่ใช่ไปหลบนอมินี โดยใช้ช่องว่างทางกฎหมายหลบเลี่ยงภาษีหน้าด้านๆ

ส่วนนอมินี่ ทั่วไปที่ ต่างประเทศถือครอง ถ้ามันเกิน ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ก็สมควรอยู่ที่จะโดนเปิดโปง
อันที่ถือไม่เกินก็ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ได้ผิดกฎหมาย ถ้าแจ้งได้อย่างถูกต้อง

งงมาก ไอ้พวกไม่เอากฎหมายเอาแต่ทักษิณ เนี่ย
 Confused
บันทึกการเข้า
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #58 เมื่อ: 04-09-2006, 15:58 »

ความเป็นสีเทาของนอมินีมันมีมาก่อนทักษิณอีก ก็เหมือนหลับตาข้างหนึ่ง
ถ้ามันไม่ผิดทุเรศเกินไป แต่ประเทศมันเจริญขึ้น (หมายถึงตอนนั้นนะ) ตอน
นี้มันผ่านมานานแล้ว ถ้าคิดว่าเจริญพอแล้วจะแก้กฎหมายให้มันชัดมันก็ยังไม่
สาย ไม่ใช่มาหักดิบ ไอ้ที่ปล่อยให้ผ่านมาก็พังเพราะกฎหมาย(ตีความใหม่)
นะสิ คุณลองคิดดูเหมือนกับมอเตอร์ไซด์รับจ้าง อย่างไรก็ผิด ถ้ากฎหมาย
คิดหลักความปลอดภัย แต่มันแก้ไม่ได้สุดท้ายก็ต้องออกป้ายเหลือง
บันทึกการเข้า
เพนกวินน้อยนักอ่าน
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 866



« ตอบ #59 เมื่อ: 04-09-2006, 16:07 »

ความเป็นสีเทาของนอมินีมันมีมาก่อนทักษิณอีก ก็เหมือนหลับตาข้างหนึ่ง
ถ้ามันไม่ผิดทุเรศเกินไป แต่ประเทศมันเจริญขึ้น (หมายถึงตอนนั้นนะ) ตอน
นี้มันผ่านมานานแล้ว ถ้าคิดว่าเจริญพอแล้วจะแก้กฎหมายให้มันชัดมันก็ยังไม่
สาย ไม่ใช่มาหักดิบ ไอ้ที่ปล่อยให้ผ่านมาก็พังเพราะกฎหมาย(ตีความใหม่)
นะสิ คุณลองคิดดูเหมือนกับมอเตอร์ไซด์รับจ้าง อย่างไรก็ผิด ถ้ากฎหมาย
คิดหลักความปลอดภัย แต่มันแก้ไม่ได้สุดท้ายก็ต้องออกป้ายเหลือง

แล้วไงครับ ถูกก็ต้องทำให้ถูกต้องยิ่งขึ้น
ผิดก็ต้องแก้ไขสิครับ
นอมินี น่ะ มันน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆเพราะพวกฝรั่งหัวดำ ด้วยล่ะครับ
มันถึงเวลาเหมาะสมต้องแก้ ก็แก้ซะ

แหมใช้คำน่ากลัวว่าหักดิบ

กฎหมายบังคับใช้ เขาก็ทยอยแก้ไข กันล่ะครับ
ก็ต้องยอมรับกันสิ เพื่อผลประโยชน์ชาติ
ขอร้อง อย่าบิดเบือนขู่ให้เห็นว่าทักษิณ ทำถูกเลย
มันด้านไปหน่อยนะ พยายามให้เนียนๆหน่อยเถอะ

นอมินีที่ทักษิณทำผิดอ่ะ ชอบแถได้แถมาไกลมาก ไปอ่านที่ท่านปุ เจ้าของกระทู้โพสต์เถอะ
ว่านอมินีแบบไหนที่ต้องจัดการให้เรียบร้อย
บิดเบือนเก่งพอๆกะทักษิณเลยนะครับ คุณเนี่ย
ซุกหุ้นด้วยหรือเปล่าล่ะ Laughing
บันทึกการเข้า
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #60 เมื่อ: 04-09-2006, 16:37 »

ความเป็นสีเทาของนอมินีมันมีมาก่อนทักษิณอีก ก็เหมือนหลับตาข้างหนึ่ง
ถ้ามันไม่ผิดทุเรศเกินไป แต่ประเทศมันเจริญขึ้น (หมายถึงตอนนั้นนะ) ตอน

นี้มันผ่านมานานแล้ว ถ้าคิดว่าเจริญพอแล้วจะแก้กฎหมายให้มันชัดมันก็ยังไม่
สาย ไม่ใช่มาหักดิบ ไอ้ที่ปล่อยให้ผ่านมาก็พังเพราะกฎหมาย(ตีความใหม่)
นะสิ คุณลองคิดดูเหมือนกับมอเตอร์ไซด์รับจ้าง อย่างไรก็ผิด ถ้ากฎหมาย
คิดหลักความปลอดภัย แต่มันแก้ไม่ได้สุดท้ายก็ต้องออกป้ายเหลือง

แล้วไงครับ ถูกก็ต้องทำให้ถูกต้องยิ่งขึ้น
ผิดก็ต้องแก้ไขสิครับ
นอมินี น่ะ มันน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆเพราะพวกฝรั่งหัวดำ ด้วยล่ะครับ
มันถึงเวลาเหมาะสมต้องแก้ ก็แก้ซะ

แหมใช้คำน่ากลัวว่าหักดิบ

กฎหมายบังคับใช้ เขาก็ทยอยแก้ไข กันล่ะครับ
ก็ต้องยอมรับกันสิ เพื่อผลประโยชน์ชาติ
ขอร้อง อย่าบิดเบือนขู่ให้เห็นว่าทักษิณ ทำถูกเลย
มันด้านไปหน่อยนะ พยายามให้เนียนๆหน่อยเถอะ

นอมินีที่ทักษิณทำผิดอ่ะ ชอบแถได้แถมาไกลมาก ไปอ่านที่ท่านปุ เจ้าของกระทู้โพสต์เถอะ
ว่านอมินีแบบไหนที่ต้องจัดการให้เรียบร้อย

บิดเบือนเก่งพอๆกะทักษิณเลยนะครับ คุณเนี่ย
ซุกหุ้นด้วยหรือเปล่าล่ะ Laughing



  ความเป็นสีเทาของนอมินีมันมีมาก่อนทักษิณอีก ก็เหมือนหลับตาข้างหนึ่ง
ถ้ามันไม่ผิดทุเรศเกินไป..............



ถ้าผมไม่มาต่อความเพิ่มขึ้น คนอื่น ๆ แล้วคล้อยตามคุณชอบแถไปด้วย
จะผยักหน้า งึก งึกเห็นด้วย
ไม่ทักท้วง ไม่ตำหนิอย่างทีคุณเพนกวินน้อยฯ

คุณชอบแถ ควรจะเปิดตา เปิดหู เปิดปาก ถามคนอื่น ๆบ้าง
หรือฉุกใจคิดบ้างว่า นักวิชาการ คณาจารย์ ผู้รู้ทั้งหลายประนามทักษิณขายชาติ
กรณีซื้อขายหุ้นชินคอร์ปให้เทมาเสก เพราะอะไร Question

ผมเชื่อว่าคุณชอบแถเข้าใจดี
เพราะมีสติปัญญาแถอย่างนี้
แต่ชอบพูดอะไร  ครึ่ง ๆ กลาง ๆ
ให้คนที่ไม่คิดละเอียดรอบคอบ เข้าใจผิด..... Exclamation

คนที่จะเชื่อตามคุณชอบแถ
ย่อมเป็นคนไม่มีสติปัญญา คิดอ่านไตร่ตรองด้วยตนเอง..


บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #61 เมื่อ: 04-09-2006, 17:36 »

จะชมหรือจะด่าเราเนี่ย เคยได้ยินมั้ยว่า
no reasons just result.
เชิญพยักหน้า งั่ก งั่ก งั่ก งั่ก ตามสบายครับ
บันทึกการเข้า
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #62 เมื่อ: 09-09-2006, 17:49 »

หมอเหวงยกเวบเทมาเส็กถือหุ้นชิน 96% Exclamation


นพ.เหวง โตจิราการ ประธานสมาพันธ์ประชาธิปไตยกล่าวว่า
ได้เข้ายืนยันตามการร้องเรียนต่อรัฐมนตรรีว่าการกระทรางพาณิชย์
เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2549 พร้อมทั้งมอบหลักฐานเพิ่มเติม
เกี่ยวกับการถือหุ้นชินคอร์ปของเทมาเส็ก
โดยการตรวจสอบจากเวบไซต์ www.temasek holdings.com.sg
เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ที่ผ่านมาพบว่าเทมาเส็กเข้าไปลงทุนในสายธุรกิจต่างๆ
ในส่วนของสายธุรกิจสื่อสารและสื่อ
มีการลวงทุนและครอบครองหุ้นในบริษัทชินคอร์ป รวมกัน 96%
ซึ่งเป็นหลักฐานที่ทางคณะทำงานฯ ควรนำไปพิจารณา
ประเด็นการถือหุ้นแทนต่างด้าว(นอมินี)เพิ่มเติม...



นายยรรยง รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ปกป้องทักษิณและครอบครัวอย่างนี้
ประชาชนที่ทำหน้าที่ตรวจสอบภาคประชาชนต้องเหนื่อยยาก
ลำบากมากกว่าปกติหลายเท่านัก.......
Exclamation


บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #63 เมื่อ: 09-09-2006, 21:03 »

เอาข้อมูลจากเว็บเทมาเส็กมาเป็นหลักฐานก็บ๊องแล้ว

เป็นหลักฐานได้มันต้องเป็นเอกสารที่ออกมาแบบเป็นทางการ
มีคนเซ็นต์รับรอง
บันทึกการเข้า
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #64 เมื่อ: 10-09-2006, 00:55 »

เอาข้อมูลจากเว็บเทมาเส็กมาเป็นหลักฐานก็บ๊องแล้ว

เป็นหลักฐานได้มันต้องเป็นเอกสารที่ออกมาแบบเป็นทางการ
มีคนเซ็นต์รับรอง



เอาข้อมูลจากเว็บเทมาเส็กมาเป็นหลักฐานก็บ๊องแล้ว
ถ้าคุณชอบแถคิดว่าข้อมูลใน"เทมาเส็ก"เป็นหลักฐาน" บ๊อง" เชื่อถือไม่ได้  ก็ไม่ว่าอะไร............ฮ่า  ฮ่า ฮ่า ฮ่า

 

บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #65 เมื่อ: 10-09-2006, 01:03 »

ผู้ดูแล www.temasek holdings.com.sg
อาจจะนิ่งเฉย ยอมรับเป็นข้อมูลบ๊อง


คุณริดคุนบอกได้หรือไม่ว่า
ข้อมูลใน"เสรีไทยเว็บบอร์ด "นั้น บ๊องน้อยกว่า

ข้อมูลใน www.temasek holdings.com.sg ในทัศนะของคุณชอบแถ..............ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #66 เมื่อ: 10-09-2006, 21:34 »

เสรีไทยมีอันนี้หรือยังถ้ายังแสดงว่าเชื่อถือได้มากกว่า web เทมาเส็กแน่นอน

CONDITIONS OF USE OF THIS WEB SITE
PLEASE READ THESE TERMS OF USE CAREFULLY BEFORE USING THIS WEB SITE.

By using this web site, you signify you have read and accept these terms of use. If you (the "user") do not agree to these terms of use, do not access or use the web site. The user is responsible for compliance with all applicable laws and regulations in any jurisdiction.

RESTRICTIONS ON USE OF MATERIALS

This web site and its contents are owned and operated by Temasek Holdings (Private) Limited (hereinafter referred to as "Temasek"), and as such is Copyright © 2004 Temasek Holdings (Private) Limited. All company names and logos and all related products and service names, design marks and slogans are trademarks and service marks are the properties of their respective owners. References to any names, marks, products or services of third parties do not necessarily constitute or imply Temasek's endorsement, sponsorship or recommendation of the third party, information, product or service. No material, graphic or image from this web site may be appropriated or modified in any manner, or reproduced, republished, uploaded, posted, transmitted or distributed in any way, without the prior written permission of Temasek. No party is permitted to establish links to this web site without prior written permission from Temasek. Temasek reserves all right to deny permission for any such links, Temasek is not under any obligation to establish reciprocal links with any third party. Nothing contained herein confers any licence or right under any copyright, patent, trademark or other proprietary rights of Temasek or any third party.

Neither Temasek, any of its affiliates, subsidiaries, employees, agents, partners, principals and representatives nor any other person is, in connection with this site, engaged in rendering auditing, accounting, tax, legal, advisory, consulting or other professional services or advice. Each user agrees not to use the content of this web site as a substitute for independent investigations and competent financial and business judgment of the user of this web site and such user shall obtain professional advice tailored to his particular factual situation.

Each user shall not:-

(a) upload, post, email, transmit or otherwise make available any content that is unlawful, harmful, threatening, abusive, harassing, tortious, defamatory, vulgar, obscene, libelous, invasive of another's privacy, hateful, or racially, ethnically or otherwise objectionable;

(b) upload, post, email, transmit or otherwise make available any unsolicited or unauthorized advertising, promotional materials, "junk mail," "spam," "chain letters," "pyramid schemes," or any other form of solicitation, except in those areas (such as shopping rooms) that are designated for such purpose; or

(c) upload, post, email, transmit or otherwise make available any material that contains software viruses or any other computer code, files or programs designed to interrupt, destroy or limit the functionality of any computer software or hardware or telecommunications equipment.


NO REPRESENTATION OR WARRANTIES

While every effort has been made to ensure that the information provided in this web site herein is up to date and accurate, Temasek and its affiliates, subsidiaries, employees, agents, partners, principals and representatives make no representation or warranty of any kind either express or implied as to the completeness, correctness, accuracy, suitability, reliability or otherwise of the web site or its content in this web site or the results of its use for any purpose, all of which is provided "as is" and "as available". It does not warrant that this web site or this server that makes it available is free of any virus or other harmful elements.

Temasek and its affiliates, subsidiaries, employees, agents, partners, principals and representatives disclaim all warranties and obligations relating to this web site, including but not limited to all implied warranties and obligations of merchantability, fitness for a particular purpose, title and non-infringement.

LIMITATION OF LIABILITY

The information contained herein in this web site shall be accessed and used at the user's own risk and to the fullest extent permissible and subject and pursuant to all applicable laws and regulations. Temasek and its affiliates, subsidiaries, employees, agents, partners, principals and representatives shall not be liable for any direct, indirect, incidental, special, exemplary, consequential or other damages whatsoever, (including but not limited to liability for loss of use, data or profits), including but not limited to contract, negligence or other tortious actions, arising out of or in connection with this site., even if any of Temasek and its affiliates, subsidiaries, employees, agents, partners, principals and representatives has been advised of the possibility of such damages or losses that were, are being or will be incurred.

MODIFICATIONS

Temasek reserves all rights to make any and all changes in this web site at its sole discretion without prior notice to the user. Temasek reserves the right to deny access to this web site to anyone at anytime without prior notice. Material on our web sites may include technical inaccuracies or typographical errors. Changes may be periodically incorporated into this material. We may make improvements and/or changes in the products, services and/or programs described in these materials at any time without notice.

SUGGESTIONS, COMMENTS AND FEEDBACK

Should the user respond to any part of the materials contained herein in this web site with any communications including feedback data, such as questions, comments, suggestions, or the like, such information shall be deemed to be non-confidential and Temasek and its affiliates, subsidiaries, employees, agents, partners, principals and representatives shall have no obligation whatsoever with respect to such communications and shall be free to reproduce, use disclose and distribute the information to others without limitation, and shall be free to use in any way for any purpose whatsoever the content of such communications including any ideas, know-how, techniques or concepts disclosed therein.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-09-2006, 21:35 โดย ชอบแถ » บันทึกการเข้า
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #67 เมื่อ: 10-09-2006, 23:27 »

^
^
^
^
เสรีไทย มีอันนี้หรือยัง ถ้ายังแสดงว่าเชื่อถือได้มากกว่า web เทมาเส็กแน่นอน Question
ข้อความข้างบนคืออะไร  Question
มีที่มาที่ไปจากที่ไหนหรือ Question

คุณชอบแถกำลังบอกว่า www.temasek holdings.com.sg เชื่อถือไม่ได้.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

หมอเหวงยกเวบเทมาเส็กถือหุ้นชิน 96%

นพ.เหวง โตจิราการ ประธานสมาพันธ์ประชาธิปไตยกล่าวว่า
ได้เข้ายืนยันตามการร้องเรียนต่อรัฐมนตรรีว่าการกระทรางพาณิชย์
เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2549 พร้อมทั้งมอบหลักฐานเพิ่มเติม
เกี่ยวกับการถือหุ้นชินคอร์ปของเทมาเส็ก
โดยการตรวจสอบจากเวบไซต์ www.temasek holdings.com.sg
เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ที่ผ่านมาพบว่าเทมาเส็กเข้าไปลงทุนในสายธุรกิจต่างๆ
ในส่วนของสายธุรกิจสื่อสารและสื่อ
มีการลวงทุนและครอบครองหุ้นในบริษัทชินคอร์ป รวมกัน 96%
ซึ่งเป็นหลักฐานที่ทางคณะทำงานฯ ควรนำไปพิจารณา
ประเด็นการถือหุ้นแทนต่างด้าว(นอมินี)เพิ่มเติม...

บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #68 เมื่อ: 11-09-2006, 09:35 »

ก็ต้องเอามาจาก www.temasekholdings.com.sq สิครับ จะมั่วเองได้อย่างไรยาวขนาดนี้
หมอเองก็ต้องรู้ว่าการจะรับรองข้อมูลอะไร มันก็ต้องมีหมายเหตุแนบท้ายอยู่ข้างล่าง ทางการ
แพทย์รับรองยากจะตายชัก พอทางธุรกิจทำเป็นเนียนว่าข้อมูลใน web เชื่อถือได้ทุกอย่าง
เค้ามีหมายเหตุประดับอยู่ใน web ที่ผมเอามาให้ดูนี่แหละ หมอดันไม่ยอมพูดเก๋าจริงจริง
บันทึกการเข้า
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #69 เมื่อ: 12-09-2006, 10:40 »

เปิดผลสอบ'กุหลาบแก้ว' ชี้ชัดนอมินีเทมาเส็ก

12 กันยายน 2549 10:13 น.
( รายละเอียด) ผลการตรวจสอบความเป็น"นอมินี"ของบริษัทกุหลาบแก้ว และบริษัทที่เกี่ยวข้องในการซื้อหุ้นชินคอร์ป ชุดที่นางอรจิต สิงคาลวณิช อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เป็นประธาน ได้ข้อสรุปชี้ชัดว่าเป็นนอมินีเทมาเส็ก
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : 1.เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2549 กระทรวงพาณิชย์ได้มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าในการตรวจสอบการถือหุ้นในบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในประเด็นเกี่ยวกับการถือหุ้นคนต่างด้าว ซึ่งเข้าข่ายเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2549


 2.กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ดำเนินการตรวจสอบตามที่ได้รับมอบหมายทันที โดยเริ่มตรวจสอบตั้งแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2549 เป็นต้นมา และการตรวจสอบได้ตรวจสอบรายการทางทะเบียน บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัทที่เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทดังกล่าว ตรวจสอบสัดส่วนผู้ถือหุ้นของคนไทยและคนต่างด้าว ตรวจสอบการชำระเงินค่าหุ้น แหล่งที่มาของเงินลงทุน อำนาจบริหารองค์กรและอำนาจการเบิกจ่ายเงิน ตรวจสอบสิทธิและประโยชน์ที่จะได้รับของผู้ถือหุ้นคนไทยและผู้ถือหุ้นต่างด้าว
 

ในการตรวจสอบได้ขอหลักฐานจากบริษัท ธนาคารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งได้เรียกกรรมการ ผู้ถือหุ้น และผู้ที่เกี่ยวข้องไปชี้แจง และให้ถ้อยคำ การให้ส่งหลักฐาน และการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไปชี้แจงและให้ถ้อยคำ มีความจำเป็นต้องให้เวลาพอสมควรแก่ผู้ที่จะต้องส่งหลักฐาน และให้ถ้อยคำ ทั้งนี้เพื่อความเป็นธรรมและให้โอกาสแก่บุคคลดังกล่าวมีเวลาเพียงพอในการเตรียมเอกสารและไปให้ถ้อยคำ นอกจากนี้การตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานก็ต้องใช้เวลามากเช่นเดียวกัน เนื่องจากพยานหลักฐานมีจำนวนมาก


3.การตรวจสอบมีขั้นตอนและรายละเอียดข้อเท็จจริง ดังนี้
 

3.1 บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ.2535 และเป็นบริษัทที่มีหุ้นขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ต่อมาเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2549 บริษัท ซีดาร์  โฮลดิ้งส์ จำกัด และบริษัท แอสเพน โฮลดิ้งส์ จำกัด ได้เข้าซื้อหุ้นในบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และต่อมาบริษัทบริษัท ซีดาร์  โฮลดิ้งส์ จำกัด และบริษัท แอสเพน โฮลดิ้งส์ จำกัด ได้ทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งผลจากการทำคำเสนอซื้อหุ้นทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัท ซีดาร์  โฮลดิ้งส์ จำกัด  (นิติบุคคลไทย) เพิ่มเป็น 51.98% และบริษัท แอสเพน โฮลดิ้งส์ จำกัด (คนต่างด้าว) เพิ่มเป็น 44.14% ตามลำดับ และส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นรายย่อย 3.88%

 

เนื่องจากผู้ถือหุ้นที่เข้าถือหุ้นในบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ดังกล่าว มีผู้ถือหุ้นที่เกี่ยวโยงกันหลายทอด ดังนี้
 

3.1.1 ผู้ถือหุ้นชั้นแรกในบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)  ประกอบด้วย บริษัท ซีดาร์  โฮลดิ้งส์ จำกัด และบริษัท แอสเพน โฮลดิ้งส์ จำกัด
 

3.1.2 ผู้ถือหุ้นที่สองซึ่งถือหุ้นในบริษัท ซีดาร์  โฮลดิ้งส์ จำกัด ประกอบด้วย บริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด
 

3.1.3 ผู้ถือหุ้นชั้นที่สามซึ่งถือหุ้นในบริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด ประกอบด้วย บริษัท ไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด นายพงส์ สารสิน นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ นายสุรินทร์ อุปพัทธกุล และผู้ถือรายย่อยอื่น
 

รายละเอียดรายชื่อผู้ถือหุ้น จำนวนหุ้นที่แต่ละคนถือและสัดส่วนการถือหุ้นของคนไทย คนต่างด้าวปรากฏตามแผนภูมิที่ได้ข้อมูลมาจากบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด หน้าที่เป็นนายทะเบียนหุ้นของบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
 

3.2 เนื่องจากตามหนังสือร้องเรียนได้ร้องเรียนว่าผู้ถือหุ้นในชั้นที่สอง คือบริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด อาจมีคนไทยถือหุ้นแทนคนต่างด้าวทำให้บริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด มีสถานะเป็นนิติบุคคลไทย ผลทำให้บริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นชั้นแรก และบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นนิติบุคคลไทยด้วย จึงได้ดำเนินการตรวจสอบบริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด ดังกล่าว  มีรายละเอียดและข้อเท็จจริงที่ได้จากการตรวจสอบดังนี้
 

3.2.1 การตรวจสอบหลักฐานทางทะเบียนนิติบุคคลเกี่ยวกับการถือหุ้น การเพิ่มและที่ตั้งสำนักงานบริษัทปรากฏว่าบริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2549 โดยมีรายละเอียดดังนี้
 (1) จดทะเบียนตั้งบริษัทครั้งแรกมีทุนจดทะเบียน 100,000 บาท เป็น 10,000 หุ้น) และมีผู้ถือหุ้น 8 คน  ประกอบด้วย
 -นายสมยศ สุธีรพรชัย ถือหุ้นกลุ่ม ก (หุ้นบุริมสิทธิ) 5,094 หุ้น
 -บริษัท ไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด ถือหุ้นกลุ่ม ข (หุ้นสามัญ) 4,900 หุ้น
 -นายโชติวิชญ์ งามสุวรรณ์ ถือหุ้นกลุ่ม ก 1 หุ้น
 -นายศุภวัฒก์ ศรีรุ่งเรือง ถือหุ้นกลุ่ม ก 1 หุ้น
 -นางสาวบุญยรัตน์ อภิวิศาลกิจ ถือหุ้นกลุ่ม ก 1 หุ้น
 -นางสาวสายฝน เจริญเกียรติ ถือหุ้นกลุ่ม ก 1 หุ้น
 -นางสาวอรุณี ธำรงค์ธนกิจ ถือหุ้นกลุ่ม ก 1 หุ้น
 -นางสาวอมรรัตน์ สถาพรนานนท์ ถือหุ้นกลุ่ม ก 1 หุ้น
 (2) เพิ่มทุนครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2549 เพิ่มทุนเป็น 164,400,000 บาท (แบ่งเป็น 16,440,000 หุ้น) โดยมีผู้ถือหุ้น 7 คนประกอบด้วย
 -นายพงส์ สารสิน ถือหุ้นกลุ่ม ก (หุ้นบุริมสิทธิ) 5,096,396 หุ้น (รับโอนจากนายสมยศ 3,098 หุ้น และซื้อหุ้นเพิ่มทุน 5,093,300 หุ้น)
 -นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ ถือหุ้นกลุ่ม ก 3,288,000 หุ้น (รับโอนจากนายสมยศ 2,000 หุ้น และซื้อหุ้นเพิ่มทุน 3,286,000 หุ้น)
 -บริษัท ไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด ถือหุ้นกลุ่ม ข 8,055,600 หุ้น (ซื้อหุ้นเพิ่มทุน 8,050,700 หุ้น)
 -นางสาวบุญยรัตน์ อภิวิศาลกิจ ถือหุ้นกลุ่ม ก 1 หุ้น
 -นางสาวสายฝน เจริญเกียรติ ถือหุ้นกลุ่ม ก 1 หุ้น
 -นางสาวอรุณี ธำรงค์ธนกิจ ถือหุ้นกลุ่ม ก 1 หุ้น
 -นางสาวอมรรัตน์ สถาพรนานนท์ ถือหุ้นกลุ่ม ก 1 หุ้น
 (3) เพิ่มทุนครั้งสองเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2549 เพิ่มทุนอีก 3,835,600,000 บาท รวมเป็น 4,000,000,000 บาท (แบ่งเป็น 400,000,000 หุ้น) โดยมีผู้ถือหุ้น 7 คน ประกอบด้วย
 -นางพงส์ สารสิน ถือหุ้นกลุ่ม ก 5,096,396 หุ้น
 -นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ ถือหุ้นกลุ่ม ก 8,288,000 หุ้น
 -บริษัท ไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด ถือหุ้นกลุ่ม ข 119,615,800 หุ้น
 -นายสุรินทร์ อุปพัทธกุล ถือหุ้นกลุ่ม ก และ ข 272,000,001 หุ้น (รับโอนจากนางสาวอมรรัตน์ 1 หุ้น และซื้อหุ้นเพิ่มทุนกลุ่ม ข 272,000,000 หุ้น)
 -นางสาวบุญยรัตน์ อภิวิศาลกิจ ถือหุ้นกลุ่ม ก 1 หุ้น

 

3.2.2 ในการถือหุ้นของบริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด มีการแบ่งการถือหุ้นออกเป็นกลุ่ม คือ ผู้ถือหุ้นกลุ่ม ก (หุ้นบุริมสิทธิ) และผู้ถือหุ้นกลุ่ม ข (หุ้นสามัญ) ซึ่งข้อบังคับของบริษัทกำหนดผู้ถือหุ้นกลุ่ม ก ไว้แตกต่างจากหุ้นกลุ่ม ข ดังนี้


   (1) ยกเว้นผู้ถือหุ้นกลุ่ม ข ผู้ถือหุ้นไม่อาจขาย โอนสิทธิ โอน จำนำ หรือจำหน่ายโดยวิธีการอื่น หรือก่อภาระผูกพันในหุ้นของบริษัท เว้นแต่จะได้รับความยินยอมจากคณะกรรมการ
 

(2)  ในการออกเสียงลงคะแนนในที่ประชุมใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการออกเสียงโดยวิธีชูมือหรือโดยการลงคะแนนลับ ผู้ถือหุ้นกลุ่ม ก แต่ละรายมีสิทธิออกเสียง 1 เสียง สำหรับ 10 หุ้น ซึ่งตนเองเป็นผู้ถือ ผู้ถือหุ้น กลุ่ม ข แต่ละรายมีสิทธิออกเสียง 1 เสียง สำหรับ 1 หุ้น ที่ตนเองเป็นผู้ถือ
 

(3) ผู้ถือหุ้นกลุ่ม ก จะได้รับเงินปันผลอันเป็นส่วนแบ่งผลกำไรก่อนผู้ถือหุ้นกลุ่ม ข ในอัตรา 3% ตามจำนวนเงินที่ผู้ถือหุ้นกลุ่ม ก ได้ลงหุ้นไว้กับบริษัท
 

(4) เงินปันผลที่จ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นกลุ่ม ก ในแต่ละปีนั้น จะจ่ายในอัตราที่กำหนดไว้เท่านั้น และจะไม่มีการจ่ายเงินปันผลเพิ่มเติมอีกสำหรับหุ้นกลุ่ม ก
 

(5) การคืนทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นหลังจากบริษัทได้เลิกแล้ว ทรัพย์สินนั้นต้องได้รับการแจกจ่ายตามสัดส่วนที่เท่าเทียมกันในระหว่างผู้ถือหุ้น อย่างไรก็ดีสำหรับผู้ถือหุ้นกลุ่ม ก จะ...คืนเงินไม่เกินสัดส่วนการลงทุนในหุ้นที่ได้ลงไว้กับบริษัท

 

3.2.3 การตรวจสอบหลักฐานการชำระเงินค่าหุ้น ที่มาของเงินค่าหุ้นและอำนาจเบิกจ่ายเงินในบัญชีธนาคารของบริษัท ซึ่งปรากฏรายละเอียดดังนี้
 1) มีหนังสือขอให้บริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด ส่งหลักฐานเกี่ยวกับการเงินค่าหุ้นของผู้ถือหุ้นในบริษัทรวม 2 ครั้ง ดังนี้
 

(1) หลักฐานการรับเงินและจ่ายเงินทั้งหมดตั้งแต่จัดตั้งบริษัทถึงวันที่นำส่งเอกสาร รวมทั้งหลักฐานการรับชำระค่าหุ้นตั้งแต่จัดตั้งบริษัทจนถึงการพิ่มทุนเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2549 ของผู้ถือหุ้นคนไทยทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ตลอดจนหลักฐานการจ่ายเงินในบริษัทอื่น
 

(2) สมุดบัญชีรายวันรับเงินและจ่ายเงินตั้งแต่จัดตั้งบริษัทจนถึงการส่งเอกสาร รวมทั้งสมุดบัญชีบันทึกเกี่ยวกับทุนจดทะเบียนและการรับชำระค่าหุ้น
 

(3) ใบแจ้งรายการบัญชีของธนาคาร (Bank Statements) ของธนาคารที่บริษัทเปิดบัญชีไว้ตั้งแต่จัดตั้งบริษัทจนถึงวันที่นำส่งเอกสาร


2) บริษัทโดยนายเอส ไอสวาราน กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทน ได้ส่งหลักฐานไปให้พนักงานเจ้าหน้าที่รวม 3 ครั้ง (แต่ไม่ได้ส่งสมุดบัญชีรายวันรับเงินและจ่ายเงินจัดตั้งบริษัท จนถึงวันที่นำส่งเอกสาร รวมทั้งสมุดบัญชีบันทึกเกี่ยวกับทุนจดทะเบียนและการรับชำระค่าหุ้น)


(1) ใบแจ้งรายการบัญชีเดินสะพัดธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาสำนักงานรัชโยธิน เลขที่ 111-3-06054-7 และใบแจ้งรายการบัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 2-74644-1
 

(2) สำเนาทะเบียนผู้ถือหุ้นและสำเนาใบหุ้น
 

(3) สำเนาหลักฐานการรับชำระเงินค่าหุ้น
 จากหลักฐานที่ส่งดังกล่าวทำให้ทราบว่า บริษัทได้เปิดบัญชีกับธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 2 บัญชี คือ บัญชีเดินสะพัด และบัญชีออมทรัพย์ และบริษัท...ชำระค่าหุ้นจากนายพงส์ สารสิน และผู้ถือหุ้นคนไทยรายอื่นเป็นเงินสด ได้รับชำระค่าหุ้นจากบริษัท ไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด เป็นเงินโอน  ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการรับชำระค่าหุ้นตามหลักฐานใบรับชำระเงินค่าหุ้นสอดคล้องกับใบแจ้งรายการบัญชีเดินสะพัดของธนาคาร (Bank Statements) ที่บริษัทส่งมาพร้อมกัน ปรากฏว่าการรับชำระเงินค่าหุ้นทั้งหมดเป็นเงินโอนเข้าบัญชีบริษัทในยอดเดียวกันจำนวน 131,540,000 บาท
 

3.2.4 ต่อมาได้มีหนังสือขอให้ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ไปชี้แจงส่งหลักฐานเกี่ยวกับบัญชีของบริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด บริษัท ซีดาร์  โฮลดิ้งส์ จำกัด และบริษัท ไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด รวม 3 ครั้ง คือ วันที่ 30 มีนาคม 2549 วันที่ 12 เมษายน 2549 และวันที่ 27 มิถุนายน 2549 ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ได้มอบหมายให้นายศิริชัย สมบัติศิริ และนางสาวกล้วยไม้ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เป็นผู้ไปชี้แจง 1 ครั้ง และส่งหลักฐาน 4 ครั้ง และจากการชี้แจง รวมทั้งหลักฐานที่ปรากฏว่า
 

(1) เงินโอนเข้าบัญชีบริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด จำนวน 131,540,000 บาท (ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่เท่ากับจำนวนเงินค่าหุ้นที่ผู้ถือหุ้นในขณะตั้งบริษัท นายพงส์ สารสิน และบริษัทไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด ต้องชำระค่าหุ้นให้กับบริษัท) เป็นเงินที่โอนมาจากบัญชีเดินสะพัดเลขที่ 111-3-44-0 ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาสำนักงานรัชโยธิน ของบริษัทไชเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด
 

(2) ตามใบแจ้งรายการบัญชีเดินสะพัดเลขที่ 111-3-06044-0 ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาสำนักงานรัชโยธิน ของบริษัทไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด มียอดเงินจำนวน 32,860,000 บาท (ซึ่งเป็นจำนวนเงินเท่ากับเงินที่นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ กู้ไปจากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เพื่อไปชำระค่าหุ้นในบริษัท กุหลาบแก้ว (จำกัด) โอนไปเข้าบัญชีออมทรัพย์เลขที่ 1-2-74724-3 ธนาคารสาขาเดียวกันของบริษัทไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด


นอกจากนี้แหล่งที่มาของเงินที่เข้ามาในบัญชีของบริษัทไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด และบริษัทไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด โอนไปเข้าบัญชีของบริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด ตาม 2.4 (1) ที่บริษัทไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด ใช้ค้ำประกันเงินกู้ของนายศุภเดช พูนพิพัฒน์ ตาม 2.4 (2) วงเงินที่บริษัทไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด จ่ายชำระค่าหุ้นในบริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด เป็นเงินโอนมาแหล่งเดียวกันคือ FULLERTON PRIVATE LIMITED ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม TEMASEK ประเทศสิงคโปร์


(3) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ได้ให้นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ กู้ยืมตามสัญญาเงินกู้เลขที่ 111-3-144349-9 เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2549 จำนวน 32,860,000 บาท อัตราดอกเบี้ย MRR+3.5 ต่อปี (อัตราดอกเบี้ย MRR ในขณะทำสัญญาเท่ากับ 7.25% ต่อปี) โดยได้จำนำสิทธิบัญชีเงินฝากออมทรัพย์เลขที่ 111-2-74724-8 ของบริษัทไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด และค้ำประกันเงินกู้โดยบริษัทไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด


(4) เงินค่าหุ้นของนายสุรินทร์ อุปพัทธกุล จำนวน 2,720,000,100 บาท เป็นเงินโอน BAHTNET TRN, LP BKHQ 48764 จากธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น  ตามคำสั่งของนายสุรินทร์ อุปพัทธกุล และต่อมาเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2549 ได้มีหนังสือสอบถามธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น จำกัด และเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2549 ธนาคารแจ้งให้ทราบว่าธนาคารได้รับคำสั่งโอนเงินดังกล่าวเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2549 จากชื่อบัญชี Fairmont Investments Group Inc. (ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนจัดตั้งที่อาณาเขตหมู่เกาะบริติช เวอร์จิน ไอส์แลนด์ โดยมีบริษัท กรีนแลนด์ จำกัด แต่ผู้เดียวมีอำนาจกระทำการแทนบริษัท และได้มอบอำนาจให้นายสุรินทร์ อุปพัทธกุล  เป็นผู้ดำเนินการลงทุนของบริษัท) ธนาคาร Credit Suisse, Singapore จำนวน 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เท่ากับ 2,730 ล้านบาท) เพื่อเข้าบัญชีเลขที่ 001-446277-200 ของนายสุรินทร์ อุปพัทธกุล และในวันเดียวกันนายสุรินทร์ อุปพัทธกุล ได้สั่งโอนเงินจำนวน 2,720,000,100 บาท ผ่าน BAHTNET เข้าบัญชีบริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด เลขที่ 111-2-74644-1 ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาสำนักงานพหลโยธิน
 (5) ตั้งแต่เปิดบัญชีเป็นต้นมา ผู้มีอำนาจสั่งจ่ายเงินในบัญชีธนาคารของบริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด บริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด และบริษัทไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด เป็นบุคคลกลุ่มเดียวกัน คือ บุคคล 2 ใน 3 ดังต่อไปนี้
 1.Mr S.Isawaran
 2.Ms. Tan Ai Ching
 3.Ms.Chia Yue Joo
 ซึ่งผู้มีอำนาจสั่งจ่ายเงินของบริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด และบริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด แตกต่างไปจากผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทตามที่จดทะเบียนบริษัทไว้ กล่าวคือ


บริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด มีกรรมการ 3 คน คือ นายพงส์ สารสิน นายเอส ไอสวาราน และนางสาวไช ยู จู และกรรมการผู้มีอำนาจกระทำแทนบริษัท คือ กรรมการสองคนลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของบริษัท ต่อมาได้เปลี่ยนแปลงกรรมการเป็นนายเอส ไอสวาราน นายสุรินทร์ อุปพัทธกุล แ ละนางสุธีรา อุปพัทธางกูร และกรรมการผู้มีอำนาจกระทำแทนบริษัท คือ กรรมการสองคนลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของบริษัท และต่อมาได้เปลี่ยนแปลงกรรมการเป็น นายฟุน ชิว เฮง นายสุรินทร์ อุปพัทธกุล และนางสุธีรา อุปพัทธางกูร และกรรมการผู้มีอำนาจกระทำแทนบริษัท คือ กรรมการสองคนลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของบริษัท


บริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด มีกรรมการ 4 คน คือ นายเอส ไอสวาราน นางสาวทาน ไอ ชิง นางสาวไช ยู จู และนายบดินทร์ อัศวาณิชย์ และกรรมการผู้มีอำนาจกระทำแทนบริษัท คือ กรรมการสองคนลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของบริษัท  ต่อมาได้เปลี่ยนแปลงกรรมการเป็นนายเอส ไอสวาราน นางสาวทาน  ไอ ชิง นายบดินทร์ อัศวาณิชย์ และนายสุรินทร์ อุปพัทธกุล และกรรมการผู้มีอำนาจกระทำแทนบริษัท คือ กรรมการสองคนลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของบริษัท ปัจจุบันกรรมการบริษัท คือ นายฟุน ชิว เฮง นางสาวทาน ไอ ชิง นายบดินทร์ อัศวาณิชย์ และนายสุรินทร์ อุปพัทธกุล และกรรมการผู้มีอำนาจกระทำแทนบริษัท คือ กรรมการสองคนลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของบริษัท


3.2.5 บริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด บริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด บริษัท ไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด และบริษัท แอสเพน โฮลดิ้งส์ จำกัด ทั้ง 4 บริษัท ซึ่งเกี่ยวข้องในการเข้าถือหุ้นในบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มีสำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่ในที่เดียวกันเลขที่ 31/125-128 อาคารไทยวาทาวเวอร์ 2 ชั้น 17 ถนนสาทรใต้ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัท ฮันตัน แอนด์ วิลเลี่ยมส์ (ไทยแลนด์) จำกัด และต่อมาเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2549 บริษัท ฮันตัน แอนด์ วิลเลี่ยมส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ได้จดทะเบียนย้ายสำนักงานไปอยู่เลขที่ 1 อาคารคิวเฮ้าส์ ลุมพินี ชั้น 34 ถนนสาทรใต้ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร


3.2.6 ต่อมาได้มีหนังสือขอให้ผู้ถือหุ้นและกรรมการของบริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด และบริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด ไปชี้แจงข้อเท็จจริงรวม 10 คน คือ นายพงส์ สารสิน นายเอส ไอสวาราน นางสาวไช ยู จู นายสุรินทร์ อุปพัทธกุล นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ นางสุธีรา อุปพัทธางกูร นางสาวบุญยรัตน์ อภิวิศาลกิจ นางสาวสายฝน เจริญเกียรติ นางสาวอรุณี ธำรงค์ธนกิจ และนางสาวพิณประภัสร์ จาติกวนิช  กรรมการและผู้ถือหุ้นได้ไปชี้แจงข้อเท็จจริง 8 คน คือ นายพงส์ สารสิน นายสุรินทร์ อุปพัทธกุล นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ นางสุธีรา อุปพัทธางกูร นางสาวบุญยรัตน์ อภิวิศาลกิจ นางสาวสายฝน เจริญเกียรติ นางสาวอรุณี ธำรงค์ธนกิจ และนางสาวพิณประภัสร์ จาติกวนิช และไม่ไปชี้แจง 2 คน คือ นายเอส ไอสวาราน และนางสาวไช ยู จู โดยมีรายละเอียดของการชี้แจงของแต่ละคนสรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้


(1) นายพงส์ สารสิน
 การลงทุนในบริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด กลุ่มบริษัท ไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด โดยนายเอส ไอสวาราน ตัวแทนของกลุ่ม เทมาเส็ก เป็นผู้ชักชวนโดยซื้อหุ้นมาจากนายสมยศ สุธีรพรชัย ทนายความของบริษัท ไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด จำนวน 3,000 หุ้น และชำระค่าหุ้นเป็นเงินสดให้นายสมยศ สุธีรพรชัย ประมาณ 30,000 บาท ต่อมาซื้อหุ้นเพิ่มทุนอีกกว่า 50 ล้านบาท และชำระเงินค่าหุ้นเพิ่มทุนโดยจ่ายเป็นเช็คธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาถนนวิทยุ เลขที่ 1418488 ลงวันที่ 20 มกราคม 2549 จำนวน 50,933,000 บาท คืนให้แก่บริษัท ไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด ในวันเดียวกันที่ บริษัท ไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด ได้ทดรองจ่ายค่าหุ้นให้ไปก่อน (ซึ่งจากการตรวจสอบใบแจ้งรายการบัญชีเดินสะพัดของนายพงส์ สารสิน เช็คฉบับดังกล่าวได้คัดจ่ายจากบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) วันที่ 29 พฤษภาคม 2549)


เหตุผลที่ถือหุ้นบุริมสิทธิที่ด้อยกว่าสิทธิของหุ้นสามัญ เนื่องจากเป็นหุ้นประเภทที่...ได้รับเงินปันผลแน่นอนร้อยละ 3 ต่อปี และเป็นประเภทปันผลสะสม ซึ่งคุ้มค่าทางธุรกิจและใกล้เคียงกับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารในขณะนั้น อีกทั้งในการควบคุมบริษัทได้แก่ ในการประชุมคณะกรรมการบริษัท และประชุมผู้ถือหุ้นจะต้องมีผู้ถือหุ้นฝ่ายไทยเข้าประชุมด้วยทุกครั้ง นอกจากนี้ยังมี...เปลี่ยนหุ้นบุริมสิทธิเป็นหุ้นสามัญได้ภายใน 1 ปี และมีข้อตกลงให้นายพงส์ สารสิน ดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) อีกด้วย


(2) นายศุภเดช พูนพิพัฒน์
การลงทุนในบริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด ได้มีการเจรจาระหว่างกลุ่มต่างประเทศ คือ บริษัท ไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด และกลุ่มคนไทย คือ นายพงส์ สารสิน และนายศุภเดช พูนพิพัฒน์ โดยนายศุภเดช พูนพิพัฒน์ ใช้เวลาในการตัดสินใจร่วมลงทุนประมาณ 2-3 สัปดาห์ เนื่องจากเคยเป็นกรรมการตรวจสอบของบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยซื้อหุ้นจากนายสมยศ สุธีรพรชัย จำนวน 2,000 หุ้น และชำระค่าหุ้นเป็นเช็คธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาสยามสแควร์ จำนวน 20,000 บาท สั่งจ่ายเข้าบัญชีให้นายสมยศ สุธีรพรชัย และต่อมาได้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท และชำระค่าหุ้นเป็นเช็คธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาสยามสแควร์ สั่งจ่ายให้บริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด


เงินค่าหุ้นเพิ่มทุนเป็นเงินส่วนตัวของนายศุภเดช พูนพิพัฒน์ โดยกู้จากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ อัตราดอกเบี้ย MRR+3.5 ต่อปี โดยไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และต้องชำระเงินกู้คืนทั้งหมดภายใน 5 ปี (ซึ่งจากการตรวจสอบหลักฐานหนังสือชี้แจงของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 30 มิถุนายน 2549 ชี้แจงว่า ธนาคารได้ให้นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ กู้เงินตามสัญญาเงินกู้เลขที่ 111-3-144349-9 เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2549 จำนวน 32,860,000 บาท อัตราดอกเบี้ย MRR+3.5 ต่อปี อัตราดอกเบี้ย MRR ในขณะทำสัญญาเท่ากับร้อยละ 7.25 ต่อปี  โดยจำนำสิทธิบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ เลขที่ 111-2-74724-3 ของบริษัท ไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด และค้ำประกันเงินกู้โดยบริษัท ไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด ซึ่งต่อมาภายหลังการตรวจสอบนายศุภเดช พูนพิพัฒน์ ได้มีหนังสือลงวันที่ 30 มิถุนายน 2549 ชี้แจงเพิ่มเติมว่านายศุภเดช พูนพิพัฒน์ ทราบว่าเงินกู้จำนวน 32,860,000 บาท ที่นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ กู้จากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) นั้น บริษัท ไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด ได้เข้าค้ำประกันเงินกู้ดังกล่าว และนายศุภเดช พูนพิพัฒน์ ได้ชำระเงินกู้คืนธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ไปทั้งหมดแล้ว เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2549


หุ้นที่นายศุภเดช พูนพิพัฒน์  ถือเป็นประเภทหุ้นบุริมสิทธิและมีเหตุผลที่ถือหุ้นประเภทนี้เช่นกับนายพงส์ สารสิน



(3) นายสุรินทร์ อุปพัทธกุล
 การลงทุนในบริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด ได้รับการชักชวนจาก โกลด์แมนแซคส์ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาการลงทุนที่ประเทศสิงคโปร์ และก่อนที่จะร่วมลงทุนได้มาพบและเจรจาการเข้าร่วมลงทุนกับนายพงส์ สารสิน ซึ่งนายพงส์ สารสิน ก็ยินดีที่นายสุรินทร์ อุปพัทธกุล ร่วมลงทุนด้วย โดยนายสุรินทร์ อุปพัทธกุล ถือหุ้นสามัญ จำนวน 272 ล้านหุ้น และหุ้นบุริมสิทธิ จำนวน 1 หุ้น รวมถือหุ้นประมาณร้อยละ.... และจ่ายเงินค่าหุ้นด้วยเงินของนายสุรินทร์ อุปพัทธกุล เอง (ซึ่งจากการตรวจสอบหลักฐานเกี่ยวกับ..ของบริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) นำส่งปรากฏว่า เงินค่าหุ้นจำนวน 2,720,000,100 บาท เป็นเงินโอน BAHTNET TRN, LP BKHQ 45764 จากธนาคารฮ่องกงเซี่ยงไฮ้แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น จำกัด ตามคำสั่งของนายสุรินทร์ อุปพัทธกุล และเงินดังกล่าวเป็นเงินโอนจากคำสั่งมาจากบัญชี Fairmont Investments Group Inc. ธนาคาร Credit Suisse, Singapore อีกทอด


หลักฐานการจดทะเบียนบริษัท แฟร์มอนท์ อินเวสท์เมนท์ส กรุ๊ป จำกัด (Fairmont Investments Group Inc.) ปรากฏว่า บริษัท แฟร์มอนท์ อินเวสท์เมนท์ส กรุ๊ป จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทที่อาณาเขตหมู่เกาะบริติช เวอร์จิน ไอส์แลนด์ เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2548 สำนักงานตั้งอยู่เลขที่ ปณ.905 โรด ทาวน์ ทอร์โตลา หมู่เกาะบริติช เวอร์จิน ไอส์แลนด์ ทุนจดทะเบียน 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็น 50,000 หุ้น หุ้นละ 1 ดอลลาร์สหรัฐ มีวัตถุประสงค์ประกอบธุรกิจหลัก คือ บริษัทร่วมลงทุนโดยบริษัท กรีนแลนด์ จำกัด แต่ผู้เดียวมีอำนาจกระทำการแทนบริษัท และธ..หนังสือมอบอำนาจบริษัท กรีนแลนด์ จำกัด ได้มอบอำนาจให้นายสุรินทร์ อุปพัทธกุล เป็นผู้กระทำการที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนของบริษัท


(4) นางสุธีรา อุปพัทธางกูร
 นางสุธีรา อุปพัทธางกูร เกี่ยวข้องเป็นกรรมการบริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด แต่ไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นที่เข้ามาเป็นกรรมการเนื่องจากนายสุรินทร์ อุปพัทธกุล ซึ่งเป็นน้องชายได้เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด ขอให้มาเป็นกรรมการนางสุธีรา อุปพัทธางกูร เป็นกรรมการที่ไม่มีอำนาจในการจ่ายเงินของบริษัทและเพิ่งเข้ามาเป็นกรรมการจึงยังไม่ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ในบริษัท


(5) นางสาวพิณประภัสร์ จาติกวนิช
  นางสาวพิณประภัสร์ จาติกวนิช เป็นผู้เริ่มก่อการและถือหุ้นจำนวน 1 หุ้น ในบริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด ตั้งแต่เริ่มจัดตั้งบริษัท โดยนายสมยศ สุธีรพรชัย เป็นผู้ชำระค่าหุ้นแทนให้ ในการถือหุ้นของบริษัทแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ เทมาเส็ก ที่มาจากประเทศสิงคโปร์ และกลุ่มที่เป็นคนไทย จำชื่อไม่ได้เพราะมีการเพิ่มทุนภายหลัง และคณะกรรมการเอาหุ้นที่เพิ่มไปขายให้กับใคร กรรมการยังไม่ได้แจ้งให้ทราบ


นางสาวพิณประภัสร์ จาติกวนิช รู้จักนางสาวบุญรัตน์ อภิวิศาลกิจ นางสาวสายฝน เจริญเกียรติ และนางสาวอรุณี ธำรงค์ธนกิจ เนื่องจากเป็นผู้ถือหุ้นและเป็นพนักงานในบริษัท ฮันตัน แอนด์ วิลเลี่ยมส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ด้วยกัน


6) นางสาวบุญรัตน์ อภิวิศาลกิจ นางสาวสายฝน เจริญเกียรติ และนางสาวอรุณี ธำรงค์ธนกิจ ได้มอบอำนาจให้นายสมยศ สุธีรพรชัย เป็นผู้ชี้แจงแทน(


นางสาวบุญรัตน์ อภิวิศาลกิจ นางสาวสายฝน เจริญเกียรติ และนางสาวอรุณี ธำรงค์ธนกิจ เป็นพนักงานของบริษัท ฮันตัน แอนด์ วิลเลี่ยมส์ (ไทยแลนด์) จำกัด เกี่ยวข้องเป็นผู้เริ่มก่อการและผู้ถือหุ้นคนละ 1 หุ้น ในบริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด และบริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด และนายสมยศ สุธีรพรชัย ผู้ชำระค่าหุ้นเป็นเงินสดแทนให้


4.บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจเพื่อการลงทุนในบริษัทอื่น (Holding Company) กิจการเป็นที่ปรึกษาและบริหารงาน บริการให้เช่าและบริการคอมพิวเตอร์ ซึ่งธุรกิจที่ปรึกษาและบริหารงานบริการให้เช่าและบริการคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นธุรกิจบริการตามบัญชีสาม (21) พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 และบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เข้าลงทุนเป็นผู้ถือหุ้นโดยตรงในบริษัทอื่นมากกว่าร้อยละ 50 จำนวน 5 บริษัท ได้แก่ บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) (ประกอบธุรกิจด้านสถานีวิทยุและโทรทัศน์) บริษัท แคปปิตอล โอเค จำกัด (ประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อผู้บริโภค) บริษัท เอสซี แมทช์บอกซ์ จำกัด (ประกอบธุรกิจหลักในการบริการด้านโฆษณา) บริษัท เอดี เวนเจอร์ จำกัด (ประกอบธุรกิจอินเทอร์เน็ต) และบริษัท ไอ.ที.แอพพลิเคชั่นส์ จำกัด (ประกอบธุรกิจให้บริการคอมพิวเตอร์) รายละเอียดตามหลักฐานงบการเงินรวม งบการเงินเฉพาะบริษัทระหว่างกาล เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2549


5.ข้อกฎหมาย
 พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 มาตรา 4 ในพระราชบัญญัตินี้ "คนต่างด้าว" หมายความว่า
 (1) บุคคลธรรมดาซึ่งไม่มีสัญชาติไทย
 (2) นิติบุคคลซึ่งไม่ได้จดทะเบียนในประเทศไทย
 (3) นิติบุคคลซึ่งจดทะเบียนในประเทศไทย และมีลักษณะดังต่อไปนี้
  (ก) นิติบุคคลซึ่งมีหุ้นอันเป็นทุนตั้งแต่กึ่งหนึ่งของนิติบุคคลนั้นถือโดยบุคคล (1) หรือ (2) หรือนิติบุคคลซึ่งมีบุคคลตาม (1) หรือ (2) ลงทุนมีมูลค่าตั้งแต่กึ่งหนึ่งของทุนจดทะเบียนในนิติบุคคลนั้น
  (ข) ห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือห้างหุ้นส่วนสามัญที่จดทะเบียน ซึ่งหุ้นส่วนผู้จัดการ ผู้จัดการเป็นบุคคลตาม (1)
 (4) นิติบุคคลซึ่งจดทะเบียนในประเทศไทย ซึ่งมีหุ้นอันเป็นทุนตั้งแต่กึ่งหนึ่งของนิติบุคคลนั้นถือโดยบุคคล ตาม (1) (2) หรือ (3) หรือนิติบุคคลซึ่งมีบุคคลตาม (1) (2) หรือ (3) ลงทุนมีมูลค่าตั้งแต่กึ่งหนึ่งของทุน ทั้งหมดในนิติบุคคลนั้น
 

เพื่อประโยชน์แห่งคำนิยามนี้ให้ถือว่าหุ้นของบริษัทจำกัดที่มีใบหุ้นชนิดออกให้แก่ผู้ถือหุ้นของคนต่างด้าว เว้นแต่จะได้มีกฎกระทรวงกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น
 มาตรา 8 ภายใต้บังคับมาตรา 6 มาตรา 7 มาตรา 10 และมาตรา 12


(1) ห้ามมิให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจที่ไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบกิจการด้วยเหตุผลพิเศษตามที่กำหนดไว้ในบัญชีหนึ่ง
 

(2) ห้ามมิให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจที่เกี่ยวกับความปลอดภัยหรือความมั่นคงของประเทศ ธุรกิจที่มีผลกระทบต่อ ศิลปวัฒนธรรม จารีตประเพณี และหัตถกรรมพื้นบ้าน หรือธุรกิจที่มีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อม ตามที่กำหนดไว้ในบัญชีสอง เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีโดยการอนุมัติของคณะรัฐมนตรี
 

(3) ห้ามมิให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจที่คนไทยยังไม่มีความพร้อมที่จะแข่งขันในการประกอบกิจการกับคนต่างด้าว ตามที่กำหนดไว้ในบัญชีสาม เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากอธิบดีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ
 มาตรา 36 ผู้มีสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าวตามพระราชบัญญัตินี้ให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุนหรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว อันเป็นธุรกิจที่กำหนดไว้ในบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ โดยคนต่างด้าวนั้นมิได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจดังกล่าว หรือร่วมประกอบธุรกิจของต่างด้าวโดยแสดงออกว่าเป็นธุรกิจของตนแต่ผู้เดียวหรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าวในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทจำกัด หรือนิติบุคคลใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ รวมทั้งคนต่างด้าวซึ่งยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าวตามพระราชบัญญัตินี้กระทำการดังกล่าว ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งให้เลิกการให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุน หรือสั่งให้เลิกร่วมประกอบธุรกิจ หรือสั่งให้เลิกการถือหุ้น หรือการเป็นหุ้นส่วนนั้นเสีย แล้วแต่กรณี หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลต้องระวางโทษปรับวันละหนึ่งหมื่นบาท ถึงห้าหมื่นบาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่
 

มาตรา 37 คนต่างด้าวผู้ใดประกอบธุรกิจโดยฝ่าฝืนมาตรา 6 มาตรา 7 หรือมาตรา 8 ระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ และให้สั่งเลิกการประกอบธุรกิจ หรือเลิกกิจการ หรือสั่งเลิกการเป็นผู้ถือหุ้น หรือเป็นหุ้นส่วน แล้วแต่กรณี ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลต้องระวางโทษปรับวันละหนึ่งหมื่นบาทถึงห้าหมื่นบาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่


มาตรา 41 ในกรณีที่นิติบุคคลเป็นผู้กระทำความผิดตามมาตรา 34 มาตรา 35 มาตรา 36 หรือมาตรา 37 กรรมการ หุ้นส่วน หรือผู้มีอำนาจ กระทำการแทนนิติบุคคลซึ่งรู้เห็นเป็นใจกับการทำความผิดนั้น หรือมิได้จัดการตามสมควรเพื่อป้องกันมิให้เกิดความผิดนั้น ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 
http://www.bangkokbiznews.com/2006/09/12/w001_136829.php?news_id=136829
 





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-09-2006, 10:53 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #70 เมื่อ: 12-09-2006, 11:13 »

ผมขอให้สุจริตชนได้อ่านคำชี้แจงของ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ที่ระบุชัดว่า "กุหลาบแก้ว"ใช้เงินเทมาเส็ก ตั้งบริษัท พบแหล่งที่มาของเงินจ่ายค่าหุ้นของ " พงส์-ศุภเดช" จาก Fullerton Private Limited บริษัทในกลุ่มเทมาเส็ก โอนผ่านไพรส โฮลดิ้งส์  ได้พิจารณาเอาเอง

" ศุภเดช" แจงใช้เงินกู้ส่วนตัวซื้อหุ้นไม่มีหลักทรัพย์ประกัน ก่อนสารภาพภายหลังไซเพรสค้ำประกันให้และผู้มีอำนาจสั่งจ่ายเงินของบริษัทล้วนเป็นสิงคโปร์ ต่างจากผู้มีอำนาจกระกระทำแทนบริษัทที่แจ้งจดทะเบียนทางการ.....[/color]

สุจริตชนได้อ่านสิทธิและอำนาจของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่ถูกครอบงำ และปฎิบัติตามโดยผู้ถือหุ้นรายย่อยและคณะกรรมการบริษัท ย่อมสามารถใช้สามัญสำนึกได้ว่า บริษํทกุหลาบแก้ว เป็นไทยเทียม/นอมินีให้ต่างด้าวอย่างไร... Exclamation

เวลานี้มีแต่ทักษิณ แกนนำไทยรักไทยบางคน และคนรักทักษิณบางคนที่เชื่อว่าบริษัทกุหลาบแก้วเป็นบริษัทของคนไทย ไม่ใช่ไทยเทียม/นอมินี............ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


ผมคัดลอกจากกรุงเทพธุรกิจที่นำข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แถลงชี้แจงโดยคุณอรจิต สิงคาลวนิช อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ที่มีหน้าที่รับผิดชอบต้องตรวจสอบความจริงมาให้อ่าน..... 

หลังจากนี้ ท่านจะเชื่อถือข้อมูล ข้อเท็จจริงที่นำมาให้อ่านหลายครั้ง หรือจะชอบอ่านที่คุณชอบแถ และคิดว่าการชอบแถและความเชื่อของเขา สามารถลบล้างข้อเท็จจริงได้ ก็ตามใจเถอะ  ทุกคนต่างก็มีสติปัญญาและวุฒิภาวะกันทั้งสิ้น.... Exclamation




 

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-09-2006, 11:16 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
เพนกวินน้อยนักอ่าน
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 866



« ตอบ #71 เมื่อ: 12-09-2006, 11:56 »

นอมินี เป็นเรื่องแสลงใจ ของสาวกทักกี้ ครับ
เพราะไม่สามารถตอบเรื่องกุหลาบแก้วได้

ได้แต่ไปพูดเรื่อง อื่นๆ แถไปเรื่องบริษัทอื่นอีกต่างหาก
กะลากมาตายให้หมด
โดยไม่ได้มองที่ความผิดกฎหมายเลย
กลับไปมองประเด็นเอาบริษัทอื่นเป็นตัวประกัน
ถ้าทำฉัน ต้องทำคนอื่นด้วย

ถ้าทักษิณ อยากจะให้ต่างชาติถือครองได้เยอะๆ
ก็แก้กฎหมายตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นรัฐบาลสิ
ทำไมต้องมาหมกเม็ด แล้วทำตัวทุเรศอย่างนี้
 Cool

บันทึกการเข้า
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #72 เมื่อ: 12-09-2006, 21:57 »

1.  พงส์-ศุภเดช อาศัยความเป็นคนไทย เป็นไทยเทียม/นอมินีของนักลงทุนต่างด้าว เทมาเส็ก....

2. ธนาคารไทยพาณิชย์ อาศักความเป็นธนาคารไทย ช่วยเหลือไทยเทียม/นอมินีของนักลงทุนต่างด้าว เทมาเส็ก....

ทั้งบุคคลและสถาบันการเมือง สำนึกความเป็นไทย หรือไม่ Question


บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #73 เมื่อ: 12-09-2006, 22:00 »

ธนาคารไทยพาณิชย์เป็นของใครเฮียไม่รู้เหรอ
คุณหญิงแกตัดสินใจเองได้หมดเลยเหรอเรื่องใหญ่ขนาดนี้
หรือว่าเป็นคุณวิชิต หรือว่าเป็น......
บันทึกการเข้า
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #74 เมื่อ: 02-10-2006, 16:32 »

'พาณิชย์'เผยกุหลาบแก้วนอมินีผิดกฏหมายธุรกิจคนต่างด้าว

2 ตุลาคม 2549 15:37 น.
"รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า"เผยผลสอบ “กุหลาบแก้ว” ถึงตำรวจ ย้ำมีมูลผิด พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจคนต่างด้าว
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : นายดุสิต อุชุพงศ์อมร รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ได้ส่งผลการสอบบริษัทกุหลาบแก้วถือหุ้นแทนในการซื้อขายหุ้นชินคอร์ป ให้กับเจ้าพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ

เมื่อวันที่ 28 กันยายน เพื่อให้ทางตำรวจดำเนินการสอบสวนอีกครั้ง  ซึ่งผลสอบที่ทางกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ส่งไปนั้น เป็นการตรวจสอบเส้นทางการเงินของนักลงทุนแต่ละรายที่เข้ามาลงทุน

โดยเป็นเงินลงทุนจากต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนในบริษัทต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นการชี้ตัวบุคคลและถือเป็นขบวนการที่กรมชี้มูลว่า เข้าข่ายผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจคนต่างด้าว


มาตรา 36 ในการสนับสนุน หรือถือแทน โดยผลสอบของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า คงไม่สามารถเปิดเผยในรายละเอียดได้ทั้งหมด และคงไม่ชี้ชัดว่า เข้าข่ายเป็นนอมินีหรือไม่ แต่ให้ทางพนักงานสอบสวนเป็นผู้ตรวจสอบรายละเอียดหาข้อมูลเพิ่มเติม และเมื่อเจ้าพนักงานเห็นว่า เป็นความผิดจริง ก็จะต้องส่งให้ศาลตัดสินคดีอีกครั้งหนึ่ง



รัฐบาลใหม่ ปลัดกระทรวงเก่า อธิบดีกรมพัฒนาการค้าใหม่ จะทำความกระจ่างเรื่อง ตัวแทนเชิด/ไทยเทียม/นอมินีของบริษัทกุหลาบแก้วได้หรือไม่ Exclamation

บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #75 เมื่อ: 02-10-2006, 21:26 »

เสร็จนาฆ่าโคถึก จะเชือดพวกเดียวกันลงคอเหรอ
หรือว่าเป็นคนละพวกที่อยู่ในพวกเดียวกัน พวกหา
เงินเค้าก็ไม่ได้ด้อยกว่า พวกคอยหาอำนาจนา
คอยดูเค้าถล่มกันเองดีกว่า
บันทึกการเข้า
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #76 เมื่อ: 04-10-2006, 22:24 »

เสร็จนาฆ่าโคถึก จะเชือดพวกเดียวกันลงคอเหรอ
หรือว่าเป็นคนละพวกที่อยู่ในพวกเดียวกัน พวกหา
เงินเค้าก็ไม่ได้ด้อยกว่า พวกคอยหาอำนาจนา
คอยดูเค้าถล่มกันเองดีกว่า


เสร็จนาฆ่าโคถึก จะเชือดพวกเดียวกันลงคอเหรอ  Exclamation

คุณชอบแถอยากจะเป็นคนรักทักษิณ
สร้างภาพให้ทักษิณดีก็ทำไปเถอะ

แต่อย่าทำลายความหมายสุภาษิตไทยเลย 
บรรพบุรุษไทยจะสาปแช่ง
........ Exclamation



บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #77 เมื่อ: 05-10-2006, 09:48 »

เสร็จนาฆ่าโคถึก จะเชือดพวกเดียวกันลงคอเหรอ
หรือว่าเป็นคนละพวกที่อยู่ในพวกเดียวกัน พวกหา
เงินเค้าก็ไม่ได้ด้อยกว่า พวกคอยหาอำนาจนา
คอยดูเค้าถล่มกันเองดีกว่า
เสร็จนาฆ่าโคถึก จะเชือดพวกเดียวกันลงคอเหรอ  Exclamation

คุณชอบแถอยากจะเป็นคนรักทักษิณ
สร้างภาพให้ทักษิณดีก็ทำไปเถอะ

แต่อย่าทำลายความหมายสุภาษิตไทยเลย 
บรรพบุรุษไทยจะสาปแช่ง
........ Exclamation
เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่านทักษิณเลย พวกเดียวกันเล่นกันเอง ให้ผลสอบเรื่องนี้ออกมาก็รู้ครับ
บันทึกการเข้า
RiDKuN
Administrator
ขาประจำขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,015



เว็บไซต์
« ตอบ #78 เมื่อ: 05-10-2006, 13:34 »

ได้ข่าวว่าแจ้งตำรวจแล้ว ใครทำอะไรไว้ เดี๋ยวได้รู้กัน   
บันทึกการเข้า

คนไม่มี "อุดมคติ" ไม่ใช่ "นักการเมือง"
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #79 เมื่อ: 05-10-2006, 14:18 »

ได้ข่าวว่าแจ้งตำรวจแล้ว ใครทำอะไรไว้ เดี๋ยวได้รู้กัน   


ตำรวจท้องที่โอดครวญว่า คดีอย่างนี้
พวกเขามือไม่ถึงและใจไม่ถึง......... Exclamation

รองอธิบดีฯ ที่ส่งเรื่องไปตำรวจท้องที่ไม่ได้เฉลียวใจ หรือว่า รู๊แล๊ววว Exclamation
บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #80 เมื่อ: 10-10-2006, 11:26 »

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ออกมาระขุแล้ว่ากรณีการตรวจสอบความเกี่ยวโยงของผู้ถือหุ้นบริษัทเอสซี แอสแสท คอร์ปอเรชั่นจำกัด ขณะนี้รอข้อข้อมูลจากต่างประเทศว่า Overseas Growth Fund Inc. และ Offshore Dynamic Fund Inc. มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลชินวัตรหรือไม่

เนื่องจากข้อมูลจากต่างประเทศจะนำไปสู่บทสรุปว่า ตระกูลชินวัตรจะมีความผิดในเรื่องการรายงานข้อมูลอันเป็นเท็จต่อสำนักงาน ก.ล.ต.หรือไม่ และที่สำคัญ พตท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเข้าข่ายความผิดฐานซุกหุ้นด้วยหรือไม่ เช่นกัน....ฯลฯ

คัดลอกจาก"แกะรอยคอร์รั่ปชั่นเครือข่ายทักษิณ" กลต.เจาะ"วินมาร์ด"โยงใยปมซุกหุ้นภาค 2.....กรุงเทพธุรกิจ วันนี้...


ก่อนหน้านี้นายธีระชัยไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่"เลขาธิการ สำนักงาน กลต." เต็มที่ เพราะอำนาจ อิทธิพลมืดของทักษิณ เผด็จการจากการเลือกตั้ง  ขณะนี้ทักษิณได้ถูกคณะปฎิรูปการปกครองฯ ทำการรัฐประหารแล้ว จึงสมควรที่นายธีระชัย จะกลับมาสำนึกถึงหน้าที่รับผิดชอบของตนเอง.....

ถ้านายธีระชัย จะเลิกเป็นแขนขาฯ ทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่ นายธีระชัย จะเป็นกุญแจดอกสำคัญพิสูจน์ ยืนยันว่าทักษิณ ครอบครัว รวมทั้งบริวาร เช่นคนใช้ แม่นม คนขับรถ คนสวน และแม่บ้านเป็นต้น ร่วมกันซุกหุ้น ภาค1 และ ภาค2.....

บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #81 เมื่อ: 17-10-2006, 11:27 »

"เทมาเส็ก "ออกแถลงการณ์ยอมรับลดสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท ชิน คอร์ป ให้เหลือในสัดส่วนที่เหมาะสม โดยใช้วิธี 2 แนวทาง กระจายหุ้นให้รายย่อย และหานักลงทุนสถาบันที่แข็งแกร่งเข้ามาร่วมถือหุ้น "จิมมี่ ฟุน" ระบุช่วงเวลาการลดสัดส่วนหุ้นนั้น จะพิจารณาตามความเหมาะอีกครั้ง
นายจิมมี่ ฟุน กรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายการลงทุนบริษัท เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ ได้ออกแถลงการณ์ ช่วงเย็นวานนี้ ยอมรับว่าจะลดสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น 96.29% หลังจากที่กองทุนรัฐบาลสิงคโปร์ โดนแรงต่อต้านจากประชาชนชาวไทย อันเนื่องมาจากเข้าถือหุ้นในกิจการที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ ขณะเดียวกันโครงสร้างการถือหุ้นกำลังถูกตรวจสอบ และมีแนวโน้มว่าจะเข้าข่ายนอมินี ทำให้ต้องหาทางออก เจรจากับรัฐบาลไทย โดยการลดสัดส่วนการถือหุ้นให้อยู่ระดับไม่เกิน 49%เพื่อไม่ให้ขัดกับกฎหมายประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว

ในแถลงการณ์วานนี้ ระบุว่า ตามที่มีการคาดเดาปรากฏในสื่อต่างๆ ซึ่งเกี่ยวกับการลงทุนของเทมาเส็กในบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เทมาเส็ก จึงใคร่ขอชี้แจงนโยบายการลงทุนของเทมาเส็ก ว่าเทมาเส็กเป็นกลุ่มทุนซึ่งมีรากฐานอยู่ในเอเชีย เทมาเส็กเชื่อว่าเป็นการดีที่จะลงทุนในเอเชียเพื่อประโยชน์ร่วมกัน

ดังนั้น เทมาเส็กจึงตัดสินใจลงทุนในประเทศไทยเพราะพิจารณาแล้วเห็นว่าประเทศไทยมีศักยภาพสูง มีความเสถียรภาพ และความพร้อมสำหรับการเติบโตอย่างยั่งยืน แนวทางการลงทุนของเทมาเส็กดังกล่าวจะยังคงดำเนินต่อไปไม่เปลี่ยนแปลง

http://www.bangkokbiznews.com/2006/10/17/index_page1.php


ผู้บริหารกองทุนเทมาเส็ค หน้าบาง ละอายต่อความผิดมากกว่านักธุรกิจการเมืองและบริวาร อย่างคนรักทักษิณ สาวกฯ หวอรูม ที่ตะแบง บิดเบือนข้อเท็จจริงมาตลอด วันนี้ผู้บริหารเทมาเส็คยอมรับด้วยตนเอง คนรักทักษิณ สาวกฯ หวอรูม ยังจะหน้าด้าน หน้าหนา รับใช้"นาย"ของตนอีกหรือไม่ Question

ถึงกองทุนเทมาเส็คถือหุ้น 49 % โดยไม่สร้าง"ตัวแทนเชิด/ไทยเทียม/นอมินี" ใหม่ ที่ยากจะพิสูจน์ได้อีกก็ตาม  การถือหุ้น 49% แล้วขายหุ้นให้บริษัทเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของไทย(น่าจะเป็นบริษัทปูนซีเมนท์ไทย/ธนาคารไทยพาณิชย์)ที่ไว้วางใจ จะร่วมธุรกิจได้ ก็ยังมีอำนาจการบริหารทางพฤตินัยได้ดังเดิม....

รัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ ควรจะตรวจสอบการแก้ไขกฏหมายโทรคมนาคมที่ให้คนต่างด้าวถือหุ้น 25% เป็น 49% นั้นสมควรแก้ไขใหม่หรือไม่ เพราะเจตนาการแก้ไขกฏหมายของทักษิณนั้นส่อเจตนาชัดเจนว่าแก้ไขเพื่อจะสามารถขายหุ้นให้กองทุนเทมาเส็คให้ได้.... Exclamation

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-10-2006, 11:34 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #82 เมื่อ: 17-10-2006, 11:31 »

การยอมลดสัดส่วนถือหุ้นชินคอร์ปลงเหลือ 49% จากเกือบ 100% นั้น
จะทำให้รัฐบาลหรือเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบเลิกตรวจสอบเอาผิด
ละเมิดกฏหมายการประกอบอาชีพของคนต่างด้าวหรือไม่ Question

ผู้ถือหุ้นไทย เจ้าพนักงานฯไทย และเจ้าหน้าที่ฯ ไทยที่เคยร่วมมือ สมยอม
รับรู้การซื้อ-ขายหุ้นชินคอร์ปให้แก่กองทุนเทมาเส็ค ทั้งการเป็น"ตัวแทนเชิด/
ไทยเทียม/นอมินิ" จะมีความผิดต้องรับโทษหรือไม่ Question

บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #83 เมื่อ: 17-10-2006, 11:32 »

มันก็จะออกมารูปแบบนี้ตั้งแต่ต้นแล้ว เทมาเส็กมันแค่เศรษฐีใจดีซื้อหมูมาชำแหละขาย
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2]
    กระโดดไป: