เปิดผลสอบ'กุหลาบแก้ว' ชี้ชัดนอมินีเทมาเส็ก12 กันยายน 2549 10:13 น.
( รายละเอียด) ผลการตรวจสอบความเป็น"นอมินี"ของบริษัทกุหลาบแก้ว และบริษัทที่เกี่ยวข้องในการซื้อหุ้นชินคอร์ป ชุดที่นางอรจิต สิงคาลวณิช อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เป็นประธาน ได้ข้อสรุปชี้ชัดว่าเป็นนอมินีเทมาเส็กกรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : 1.เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2549 กระทรวงพาณิชย์ได้มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าในการตรวจสอบการถือหุ้นในบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในประเด็นเกี่ยวกับการถือหุ้นคนต่างด้าว ซึ่งเข้าข่ายเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2549
2.กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ดำเนินการตรวจสอบตามที่ได้รับมอบหมายทันที โดยเริ่มตรวจสอบตั้งแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2549 เป็นต้นมา และการตรวจสอบได้ตรวจสอบรายการทางทะเบียน บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัทที่เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทดังกล่าว ตรวจสอบสัดส่วนผู้ถือหุ้นของคนไทยและคนต่างด้าว ตรวจสอบการชำระเงินค่าหุ้น แหล่งที่มาของเงินลงทุน อำนาจบริหารองค์กรและอำนาจการเบิกจ่ายเงิน ตรวจสอบสิทธิและประโยชน์ที่จะได้รับของผู้ถือหุ้นคนไทยและผู้ถือหุ้นต่างด้าว
ในการตรวจสอบได้ขอหลักฐานจากบริษัท ธนาคารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งได้เรียกกรรมการ ผู้ถือหุ้น และผู้ที่เกี่ยวข้องไปชี้แจง และให้ถ้อยคำ การให้ส่งหลักฐาน และการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไปชี้แจงและให้ถ้อยคำ มีความจำเป็นต้องให้เวลาพอสมควรแก่ผู้ที่จะต้องส่งหลักฐาน และให้ถ้อยคำ ทั้งนี้เพื่อความเป็นธรรมและให้โอกาสแก่บุคคลดังกล่าวมีเวลาเพียงพอในการเตรียมเอกสารและไปให้ถ้อยคำ นอกจากนี้การตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานก็ต้องใช้เวลามากเช่นเดียวกัน เนื่องจากพยานหลักฐานมีจำนวนมาก
3.การตรวจสอบมีขั้นตอนและรายละเอียดข้อเท็จจริง ดังนี้
3.1 บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ.2535 และเป็นบริษัทที่มีหุ้นขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ต่อมาเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2549 บริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด และบริษัท แอสเพน โฮลดิ้งส์ จำกัด ได้เข้าซื้อหุ้นในบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และต่อมาบริษัทบริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด และบริษัท แอสเพน โฮลดิ้งส์ จำกัด ได้ทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งผลจากการทำคำเสนอซื้อหุ้นทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด (นิติบุคคลไทย) เพิ่มเป็น 51.98% และบริษัท แอสเพน โฮลดิ้งส์ จำกัด (คนต่างด้าว) เพิ่มเป็น 44.14% ตามลำดับ และส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นรายย่อย 3.88%
เนื่องจากผู้ถือหุ้นที่เข้าถือหุ้นในบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ดังกล่าว มีผู้ถือหุ้นที่เกี่ยวโยงกันหลายทอด ดังนี้
3.1.1 ผู้ถือหุ้นชั้นแรกในบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ประกอบด้วย บริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด และบริษัท แอสเพน โฮลดิ้งส์ จำกัด
3.1.2 ผู้ถือหุ้นที่สองซึ่งถือหุ้นในบริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด ประกอบด้วย บริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด
3.1.3 ผู้ถือหุ้นชั้นที่สามซึ่งถือหุ้นในบริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด ประกอบด้วย บริษัท ไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด นายพงส์ สารสิน นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ นายสุรินทร์ อุปพัทธกุล และผู้ถือรายย่อยอื่น
รายละเอียดรายชื่อผู้ถือหุ้น จำนวนหุ้นที่แต่ละคนถือและสัดส่วนการถือหุ้นของคนไทย คนต่างด้าวปรากฏตามแผนภูมิที่ได้ข้อมูลมาจากบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด หน้าที่เป็นนายทะเบียนหุ้นของบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
3.2 เนื่องจากตามหนังสือร้องเรียนได้ร้องเรียนว่าผู้ถือหุ้นในชั้นที่สอง คือบริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด อาจมีคนไทยถือหุ้นแทนคนต่างด้าวทำให้บริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด มีสถานะเป็นนิติบุคคลไทย ผลทำให้บริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นชั้นแรก และบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นนิติบุคคลไทยด้วย จึงได้ดำเนินการตรวจสอบบริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด ดังกล่าว มีรายละเอียดและข้อเท็จจริงที่ได้จากการตรวจสอบดังนี้
3.2.1 การตรวจสอบหลักฐานทางทะเบียนนิติบุคคลเกี่ยวกับการถือหุ้น การเพิ่มและที่ตั้งสำนักงานบริษัทปรากฏว่าบริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2549 โดยมีรายละเอียดดังนี้
(1) จดทะเบียนตั้งบริษัทครั้งแรกมีทุนจดทะเบียน 100,000 บาท เป็น 10,000 หุ้น) และมีผู้ถือหุ้น 8 คน ประกอบด้วย
-นายสมยศ สุธีรพรชัย ถือหุ้นกลุ่ม ก (หุ้นบุริมสิทธิ) 5,094 หุ้น
-บริษัท ไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด ถือหุ้นกลุ่ม ข (หุ้นสามัญ) 4,900 หุ้น
-นายโชติวิชญ์ งามสุวรรณ์ ถือหุ้นกลุ่ม ก 1 หุ้น
-นายศุภวัฒก์ ศรีรุ่งเรือง ถือหุ้นกลุ่ม ก 1 หุ้น
-นางสาวบุญยรัตน์ อภิวิศาลกิจ ถือหุ้นกลุ่ม ก 1 หุ้น
-นางสาวสายฝน เจริญเกียรติ ถือหุ้นกลุ่ม ก 1 หุ้น
-นางสาวอรุณี ธำรงค์ธนกิจ ถือหุ้นกลุ่ม ก 1 หุ้น
-นางสาวอมรรัตน์ สถาพรนานนท์ ถือหุ้นกลุ่ม ก 1 หุ้น
(2) เพิ่มทุนครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2549 เพิ่มทุนเป็น 164,400,000 บาท (แบ่งเป็น 16,440,000 หุ้น) โดยมีผู้ถือหุ้น 7 คนประกอบด้วย
-นายพงส์ สารสิน ถือหุ้นกลุ่ม ก (หุ้นบุริมสิทธิ) 5,096,396 หุ้น (รับโอนจากนายสมยศ 3,098 หุ้น และซื้อหุ้นเพิ่มทุน 5,093,300 หุ้น)
-นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ ถือหุ้นกลุ่ม ก 3,288,000 หุ้น (รับโอนจากนายสมยศ 2,000 หุ้น และซื้อหุ้นเพิ่มทุน 3,286,000 หุ้น)
-บริษัท ไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด ถือหุ้นกลุ่ม ข 8,055,600 หุ้น (ซื้อหุ้นเพิ่มทุน 8,050,700 หุ้น)
-นางสาวบุญยรัตน์ อภิวิศาลกิจ ถือหุ้นกลุ่ม ก 1 หุ้น
-นางสาวสายฝน เจริญเกียรติ ถือหุ้นกลุ่ม ก 1 หุ้น
-นางสาวอรุณี ธำรงค์ธนกิจ ถือหุ้นกลุ่ม ก 1 หุ้น
-นางสาวอมรรัตน์ สถาพรนานนท์ ถือหุ้นกลุ่ม ก 1 หุ้น
(3) เพิ่มทุนครั้งสองเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2549 เพิ่มทุนอีก 3,835,600,000 บาท รวมเป็น 4,000,000,000 บาท (แบ่งเป็น 400,000,000 หุ้น) โดยมีผู้ถือหุ้น 7 คน ประกอบด้วย
-นางพงส์ สารสิน ถือหุ้นกลุ่ม ก 5,096,396 หุ้น
-นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ ถือหุ้นกลุ่ม ก 8,288,000 หุ้น
-บริษัท ไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด ถือหุ้นกลุ่ม ข 119,615,800 หุ้น
-นายสุรินทร์ อุปพัทธกุล ถือหุ้นกลุ่ม ก และ ข 272,000,001 หุ้น (รับโอนจากนางสาวอมรรัตน์ 1 หุ้น และซื้อหุ้นเพิ่มทุนกลุ่ม ข 272,000,000 หุ้น)
-นางสาวบุญยรัตน์ อภิวิศาลกิจ ถือหุ้นกลุ่ม ก 1 หุ้น 3.2.2 ในการถือหุ้นของบริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด มีการแบ่งการถือหุ้นออกเป็นกลุ่ม คือ ผู้ถือหุ้นกลุ่ม ก (หุ้นบุริมสิทธิ) และผู้ถือหุ้นกลุ่ม ข (หุ้นสามัญ) ซึ่งข้อบังคับของบริษัทกำหนดผู้ถือหุ้นกลุ่ม ก ไว้แตกต่างจากหุ้นกลุ่ม ข ดังนี้
(1) ยกเว้นผู้ถือหุ้นกลุ่ม ข ผู้ถือหุ้นไม่อาจขาย โอนสิทธิ โอน จำนำ หรือจำหน่ายโดยวิธีการอื่น หรือก่อภาระผูกพันในหุ้นของบริษัท เว้นแต่จะได้รับความยินยอมจากคณะกรรมการ
(2) ในการออกเสียงลงคะแนนในที่ประชุมใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการออกเสียงโดยวิธีชูมือหรือโดยการลงคะแนนลับ ผู้ถือหุ้นกลุ่ม ก แต่ละรายมีสิทธิออกเสียง 1 เสียง สำหรับ 10 หุ้น ซึ่งตนเองเป็นผู้ถือ ผู้ถือหุ้น กลุ่ม ข แต่ละรายมีสิทธิออกเสียง 1 เสียง สำหรับ 1 หุ้น ที่ตนเองเป็นผู้ถือ
(3) ผู้ถือหุ้นกลุ่ม ก จะได้รับเงินปันผลอันเป็นส่วนแบ่งผลกำไรก่อนผู้ถือหุ้นกลุ่ม ข ในอัตรา 3% ตามจำนวนเงินที่ผู้ถือหุ้นกลุ่ม ก ได้ลงหุ้นไว้กับบริษัท
(4) เงินปันผลที่จ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นกลุ่ม ก ในแต่ละปีนั้น จะจ่ายในอัตราที่กำหนดไว้เท่านั้น และจะไม่มีการจ่ายเงินปันผลเพิ่มเติมอีกสำหรับหุ้นกลุ่ม ก
(5) การคืนทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นหลังจากบริษัทได้เลิกแล้ว ทรัพย์สินนั้นต้องได้รับการแจกจ่ายตามสัดส่วนที่เท่าเทียมกันในระหว่างผู้ถือหุ้น อย่างไรก็ดีสำหรับผู้ถือหุ้นกลุ่ม ก จะ...คืนเงินไม่เกินสัดส่วนการลงทุนในหุ้นที่ได้ลงไว้กับบริษัท 3.2.3 การตรวจสอบหลักฐานการชำระเงินค่าหุ้น ที่มาของเงินค่าหุ้นและอำนาจเบิกจ่ายเงินในบัญชีธนาคารของบริษัท ซึ่งปรากฏรายละเอียดดังนี้
1) มีหนังสือขอให้บริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด ส่งหลักฐานเกี่ยวกับการเงินค่าหุ้นของผู้ถือหุ้นในบริษัทรวม 2 ครั้ง ดังนี้
(1) หลักฐานการรับเงินและจ่ายเงินทั้งหมดตั้งแต่จัดตั้งบริษัทถึงวันที่นำส่งเอกสาร รวมทั้งหลักฐานการรับชำระค่าหุ้นตั้งแต่จัดตั้งบริษัทจนถึงการพิ่มทุนเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2549 ของผู้ถือหุ้นคนไทยทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ตลอดจนหลักฐานการจ่ายเงินในบริษัทอื่น
(2) สมุดบัญชีรายวันรับเงินและจ่ายเงินตั้งแต่จัดตั้งบริษัทจนถึงการส่งเอกสาร รวมทั้งสมุดบัญชีบันทึกเกี่ยวกับทุนจดทะเบียนและการรับชำระค่าหุ้น
(3) ใบแจ้งรายการบัญชีของธนาคาร (Bank Statements) ของธนาคารที่บริษัทเปิดบัญชีไว้ตั้งแต่จัดตั้งบริษัทจนถึงวันที่นำส่งเอกสาร
2) บริษัทโดยนายเอส ไอสวาราน กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทน ได้ส่งหลักฐานไปให้พนักงานเจ้าหน้าที่รวม 3 ครั้ง (แต่ไม่ได้ส่งสมุดบัญชีรายวันรับเงินและจ่ายเงินจัดตั้งบริษัท จนถึงวันที่นำส่งเอกสาร รวมทั้งสมุดบัญชีบันทึกเกี่ยวกับทุนจดทะเบียนและการรับชำระค่าหุ้น)
(1) ใบแจ้งรายการบัญชีเดินสะพัดธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาสำนักงานรัชโยธิน เลขที่ 111-3-06054-7 และใบแจ้งรายการบัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 2-74644-1
(2) สำเนาทะเบียนผู้ถือหุ้นและสำเนาใบหุ้น
(3) สำเนาหลักฐานการรับชำระเงินค่าหุ้น
จากหลักฐานที่ส่งดังกล่าวทำให้ทราบว่า บริษัทได้เปิดบัญชีกับธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 2 บัญชี คือ บัญชีเดินสะพัด และบัญชีออมทรัพย์ และบริษัท...ชำระค่าหุ้นจากนายพงส์ สารสิน และผู้ถือหุ้นคนไทยรายอื่นเป็นเงินสด ได้รับชำระค่าหุ้นจากบริษัท ไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด เป็นเงินโอน ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการรับชำระค่าหุ้นตามหลักฐานใบรับชำระเงินค่าหุ้นสอดคล้องกับใบแจ้งรายการบัญชีเดินสะพัดของธนาคาร (Bank Statements) ที่บริษัทส่งมาพร้อมกัน ปรากฏว่าการรับชำระเงินค่าหุ้นทั้งหมดเป็นเงินโอนเข้าบัญชีบริษัทในยอดเดียวกันจำนวน 131,540,000 บาท
3.2.4 ต่อมาได้มีหนังสือขอให้ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ไปชี้แจงส่งหลักฐานเกี่ยวกับบัญชีของบริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด บริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด และบริษัท ไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด รวม 3 ครั้ง คือ วันที่ 30 มีนาคม 2549 วันที่ 12 เมษายน 2549 และวันที่ 27 มิถุนายน 2549 ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ได้มอบหมายให้นายศิริชัย สมบัติศิริ และนางสาวกล้วยไม้ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เป็นผู้ไปชี้แจง 1 ครั้ง และส่งหลักฐาน 4 ครั้ง และจากการชี้แจง รวมทั้งหลักฐานที่ปรากฏว่า
(1) เงินโอนเข้าบัญชีบริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด จำนวน 131,540,000 บาท (ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่เท่ากับจำนวนเงินค่าหุ้นที่ผู้ถือหุ้นในขณะตั้งบริษัท นายพงส์ สารสิน และบริษัทไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด ต้องชำระค่าหุ้นให้กับบริษัท) เป็นเงินที่โอนมาจากบัญชีเดินสะพัดเลขที่ 111-3-44-0 ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาสำนักงานรัชโยธิน ของบริษัทไชเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด
(2) ตามใบแจ้งรายการบัญชีเดินสะพัดเลขที่ 111-3-06044-0 ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาสำนักงานรัชโยธิน ของบริษัทไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด มียอดเงินจำนวน 32,860,000 บาท (ซึ่งเป็นจำนวนเงินเท่ากับเงินที่นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ กู้ไปจากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เพื่อไปชำระค่าหุ้นในบริษัท กุหลาบแก้ว (จำกัด) โอนไปเข้าบัญชีออมทรัพย์เลขที่ 1-2-74724-3 ธนาคารสาขาเดียวกันของบริษัทไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด
นอกจากนี้แหล่งที่มาของเงินที่เข้ามาในบัญชีของบริษัทไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด และบริษัทไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด โอนไปเข้าบัญชีของบริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด ตาม 2.4 (1) ที่บริษัทไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด ใช้ค้ำประกันเงินกู้ของนายศุภเดช พูนพิพัฒน์ ตาม 2.4 (2) วงเงินที่บริษัทไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด จ่ายชำระค่าหุ้นในบริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด เป็นเงินโอนมาแหล่งเดียวกันคือ FULLERTON PRIVATE LIMITED ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม TEMASEK ประเทศสิงคโปร์
(3) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ได้ให้นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ กู้ยืมตามสัญญาเงินกู้เลขที่ 111-3-144349-9 เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2549 จำนวน 32,860,000 บาท อัตราดอกเบี้ย MRR+3.5 ต่อปี (อัตราดอกเบี้ย MRR ในขณะทำสัญญาเท่ากับ 7.25% ต่อปี) โดยได้จำนำสิทธิบัญชีเงินฝากออมทรัพย์เลขที่ 111-2-74724-8 ของบริษัทไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด และค้ำประกันเงินกู้โดยบริษัทไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด
(4) เงินค่าหุ้นของนายสุรินทร์ อุปพัทธกุล จำนวน 2,720,000,100 บาท เป็นเงินโอน BAHTNET TRN, LP BKHQ 48764 จากธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น ตามคำสั่งของนายสุรินทร์ อุปพัทธกุล และต่อมาเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2549 ได้มีหนังสือสอบถามธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น จำกัด และเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2549 ธนาคารแจ้งให้ทราบว่าธนาคารได้รับคำสั่งโอนเงินดังกล่าวเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2549 จากชื่อบัญชี Fairmont Investments Group Inc. (ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนจัดตั้งที่อาณาเขตหมู่เกาะบริติช เวอร์จิน ไอส์แลนด์ โดยมีบริษัท กรีนแลนด์ จำกัด แต่ผู้เดียวมีอำนาจกระทำการแทนบริษัท และได้มอบอำนาจให้นายสุรินทร์ อุปพัทธกุล เป็นผู้ดำเนินการลงทุนของบริษัท) ธนาคาร Credit Suisse, Singapore จำนวน 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เท่ากับ 2,730 ล้านบาท) เพื่อเข้าบัญชีเลขที่ 001-446277-200 ของนายสุรินทร์ อุปพัทธกุล และในวันเดียวกันนายสุรินทร์ อุปพัทธกุล ได้สั่งโอนเงินจำนวน 2,720,000,100 บาท ผ่าน BAHTNET เข้าบัญชีบริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด เลขที่ 111-2-74644-1 ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาสำนักงานพหลโยธิน
(5) ตั้งแต่เปิดบัญชีเป็นต้นมา ผู้มีอำนาจสั่งจ่ายเงินในบัญชีธนาคารของบริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด บริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด และบริษัทไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด เป็นบุคคลกลุ่มเดียวกัน คือ บุคคล 2 ใน 3 ดังต่อไปนี้
1.Mr S.Isawaran
2.Ms. Tan Ai Ching
3.Ms.Chia Yue Joo
ซึ่งผู้มีอำนาจสั่งจ่ายเงินของบริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด และบริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด แตกต่างไปจากผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทตามที่จดทะเบียนบริษัทไว้ กล่าวคือ
บริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด มีกรรมการ 3 คน คือ นายพงส์ สารสิน นายเอส ไอสวาราน และนางสาวไช ยู จู และกรรมการผู้มีอำนาจกระทำแทนบริษัท คือ กรรมการสองคนลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของบริษัท ต่อมาได้เปลี่ยนแปลงกรรมการเป็นนายเอส ไอสวาราน นายสุรินทร์ อุปพัทธกุล แ ละนางสุธีรา อุปพัทธางกูร และกรรมการผู้มีอำนาจกระทำแทนบริษัท คือ กรรมการสองคนลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของบริษัท และต่อมาได้เปลี่ยนแปลงกรรมการเป็น นายฟุน ชิว เฮง นายสุรินทร์ อุปพัทธกุล และนางสุธีรา อุปพัทธางกูร และกรรมการผู้มีอำนาจกระทำแทนบริษัท คือ กรรมการสองคนลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของบริษัท
บริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด มีกรรมการ 4 คน คือ นายเอส ไอสวาราน นางสาวทาน ไอ ชิง นางสาวไช ยู จู และนายบดินทร์ อัศวาณิชย์ และกรรมการผู้มีอำนาจกระทำแทนบริษัท คือ กรรมการสองคนลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของบริษัท ต่อมาได้เปลี่ยนแปลงกรรมการเป็นนายเอส ไอสวาราน นางสาวทาน ไอ ชิง นายบดินทร์ อัศวาณิชย์ และนายสุรินทร์ อุปพัทธกุล และกรรมการผู้มีอำนาจกระทำแทนบริษัท คือ กรรมการสองคนลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของบริษัท ปัจจุบันกรรมการบริษัท คือ นายฟุน ชิว เฮง นางสาวทาน ไอ ชิง นายบดินทร์ อัศวาณิชย์ และนายสุรินทร์ อุปพัทธกุล และกรรมการผู้มีอำนาจกระทำแทนบริษัท คือ กรรมการสองคนลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของบริษัท
3.2.5 บริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด บริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด บริษัท ไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด และบริษัท แอสเพน โฮลดิ้งส์ จำกัด ทั้ง 4 บริษัท ซึ่งเกี่ยวข้องในการเข้าถือหุ้นในบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มีสำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่ในที่เดียวกันเลขที่ 31/125-128 อาคารไทยวาทาวเวอร์ 2 ชั้น 17 ถนนสาทรใต้ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัท ฮันตัน แอนด์ วิลเลี่ยมส์ (ไทยแลนด์) จำกัด และต่อมาเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2549 บริษัท ฮันตัน แอนด์ วิลเลี่ยมส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ได้จดทะเบียนย้ายสำนักงานไปอยู่เลขที่ 1 อาคารคิวเฮ้าส์ ลุมพินี ชั้น 34 ถนนสาทรใต้ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร
3.2.6 ต่อมาได้มีหนังสือขอให้ผู้ถือหุ้นและกรรมการของบริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด และบริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด ไปชี้แจงข้อเท็จจริงรวม 10 คน คือ นายพงส์ สารสิน นายเอส ไอสวาราน นางสาวไช ยู จู นายสุรินทร์ อุปพัทธกุล นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ นางสุธีรา อุปพัทธางกูร นางสาวบุญยรัตน์ อภิวิศาลกิจ นางสาวสายฝน เจริญเกียรติ นางสาวอรุณี ธำรงค์ธนกิจ และนางสาวพิณประภัสร์ จาติกวนิช กรรมการและผู้ถือหุ้นได้ไปชี้แจงข้อเท็จจริง 8 คน คือ นายพงส์ สารสิน นายสุรินทร์ อุปพัทธกุล นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ นางสุธีรา อุปพัทธางกูร นางสาวบุญยรัตน์ อภิวิศาลกิจ นางสาวสายฝน เจริญเกียรติ นางสาวอรุณี ธำรงค์ธนกิจ และนางสาวพิณประภัสร์ จาติกวนิช และไม่ไปชี้แจง 2 คน คือ นายเอส ไอสวาราน และนางสาวไช ยู จู โดยมีรายละเอียดของการชี้แจงของแต่ละคนสรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
(1) นายพงส์ สารสิน
การลงทุนในบริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด กลุ่มบริษัท ไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด โดยนายเอส ไอสวาราน ตัวแทนของกลุ่ม เทมาเส็ก เป็นผู้ชักชวนโดยซื้อหุ้นมาจากนายสมยศ สุธีรพรชัย ทนายความของบริษัท ไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด จำนวน 3,000 หุ้น และชำระค่าหุ้นเป็นเงินสดให้นายสมยศ สุธีรพรชัย ประมาณ 30,000 บาท ต่อมาซื้อหุ้นเพิ่มทุนอีกกว่า 50 ล้านบาท และชำระเงินค่าหุ้นเพิ่มทุนโดยจ่ายเป็นเช็คธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาถนนวิทยุ เลขที่ 1418488 ลงวันที่ 20 มกราคม 2549 จำนวน 50,933,000 บาท คืนให้แก่บริษัท ไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด ในวันเดียวกันที่ บริษัท ไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด ได้ทดรองจ่ายค่าหุ้นให้ไปก่อน (ซึ่งจากการตรวจสอบใบแจ้งรายการบัญชีเดินสะพัดของนายพงส์ สารสิน เช็คฉบับดังกล่าวได้คัดจ่ายจากบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) วันที่ 29 พฤษภาคม 2549)
เหตุผลที่ถือหุ้นบุริมสิทธิที่ด้อยกว่าสิทธิของหุ้นสามัญ เนื่องจากเป็นหุ้นประเภทที่...ได้รับเงินปันผลแน่นอนร้อยละ 3 ต่อปี และเป็นประเภทปันผลสะสม ซึ่งคุ้มค่าทางธุรกิจและใกล้เคียงกับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารในขณะนั้น อีกทั้งในการควบคุมบริษัทได้แก่ ในการประชุมคณะกรรมการบริษัท และประชุมผู้ถือหุ้นจะต้องมีผู้ถือหุ้นฝ่ายไทยเข้าประชุมด้วยทุกครั้ง นอกจากนี้ยังมี...เปลี่ยนหุ้นบุริมสิทธิเป็นหุ้นสามัญได้ภายใน 1 ปี และมีข้อตกลงให้นายพงส์ สารสิน ดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) อีกด้วย
(2) นายศุภเดช พูนพิพัฒน์
การลงทุนในบริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด ได้มีการเจรจาระหว่างกลุ่มต่างประเทศ คือ บริษัท ไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด และกลุ่มคนไทย คือ นายพงส์ สารสิน และนายศุภเดช พูนพิพัฒน์ โดยนายศุภเดช พูนพิพัฒน์ ใช้เวลาในการตัดสินใจร่วมลงทุนประมาณ 2-3 สัปดาห์ เนื่องจากเคยเป็นกรรมการตรวจสอบของบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยซื้อหุ้นจากนายสมยศ สุธีรพรชัย จำนวน 2,000 หุ้น และชำระค่าหุ้นเป็นเช็คธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาสยามสแควร์ จำนวน 20,000 บาท สั่งจ่ายเข้าบัญชีให้นายสมยศ สุธีรพรชัย และต่อมาได้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท และชำระค่าหุ้นเป็นเช็คธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาสยามสแควร์ สั่งจ่ายให้บริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด
เงินค่าหุ้นเพิ่มทุนเป็นเงินส่วนตัวของนายศุภเดช พูนพิพัฒน์ โดยกู้จากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ อัตราดอกเบี้ย MRR+3.5 ต่อปี โดยไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และต้องชำระเงินกู้คืนทั้งหมดภายใน 5 ปี (ซึ่งจากการตรวจสอบหลักฐานหนังสือชี้แจงของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 30 มิถุนายน 2549 ชี้แจงว่า ธนาคารได้ให้นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ กู้เงินตามสัญญาเงินกู้เลขที่ 111-3-144349-9 เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2549 จำนวน 32,860,000 บาท อัตราดอกเบี้ย MRR+3.5 ต่อปี อัตราดอกเบี้ย MRR ในขณะทำสัญญาเท่ากับร้อยละ 7.25 ต่อปี
โดยจำนำสิทธิบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ เลขที่ 111-2-74724-3 ของบริษัท ไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด และค้ำประกันเงินกู้โดยบริษัท ไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด ซึ่งต่อมาภายหลังการตรวจสอบนายศุภเดช พูนพิพัฒน์ ได้มีหนังสือลงวันที่ 30 มิถุนายน 2549 ชี้แจงเพิ่มเติมว่านายศุภเดช พูนพิพัฒน์ ทราบว่าเงินกู้จำนวน 32,860,000 บาท ที่นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ กู้จากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) นั้น บริษัท ไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด ได้เข้าค้ำประกันเงินกู้ดังกล่าว และนายศุภเดช พูนพิพัฒน์ ได้ชำระเงินกู้คืนธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ไปทั้งหมดแล้ว เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2549
หุ้นที่นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ ถือเป็นประเภทหุ้นบุริมสิทธิและมีเหตุผลที่ถือหุ้นประเภทนี้เช่นกับนายพงส์ สารสิน(3) นายสุรินทร์ อุปพัทธกุล
การลงทุนในบริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด ได้รับการชักชวนจาก โกลด์แมนแซคส์ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาการลงทุนที่ประเทศสิงคโปร์ และก่อนที่จะร่วมลงทุนได้มาพบและเจรจาการเข้าร่วมลงทุนกับนายพงส์ สารสิน ซึ่งนายพงส์ สารสิน ก็ยินดีที่นายสุรินทร์ อุปพัทธกุล ร่วมลงทุนด้วย โดยนายสุรินทร์ อุปพัทธกุล ถือหุ้นสามัญ จำนวน 272 ล้านหุ้น และหุ้นบุริมสิทธิ จำนวน 1 หุ้น รวมถือหุ้นประมาณร้อยละ....
และจ่ายเงินค่าหุ้นด้วยเงินของนายสุรินทร์ อุปพัทธกุล เอง (ซึ่งจากการตรวจสอบหลักฐานเกี่ยวกับ..ของบริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) นำส่งปรากฏว่า เงินค่าหุ้นจำนวน 2,720,000,100 บาท เป็นเงินโอน BAHTNET TRN, LP BKHQ 45764 จากธนาคารฮ่องกงเซี่ยงไฮ้แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น จำกัด ตามคำสั่งของนายสุรินทร์ อุปพัทธกุล และเงินดังกล่าวเป็นเงินโอนจากคำสั่งมาจากบัญชี Fairmont Investments Group Inc. ธนาคาร Credit Suisse, Singapore อีกทอด หลักฐานการจดทะเบียนบริษัท แฟร์มอนท์ อินเวสท์เมนท์ส กรุ๊ป จำกัด (Fairmont Investments Group Inc.) ปรากฏว่า บริษัท แฟร์มอนท์ อินเวสท์เมนท์ส กรุ๊ป จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทที่อาณาเขตหมู่เกาะบริติช เวอร์จิน ไอส์แลนด์ เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2548 สำนักงานตั้งอยู่เลขที่ ปณ.905 โรด ทาวน์ ทอร์โตลา หมู่เกาะบริติช เวอร์จิน ไอส์แลนด์ ทุนจดทะเบียน 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็น 50,000 หุ้น หุ้นละ 1 ดอลลาร์สหรัฐ มีวัตถุประสงค์ประกอบธุรกิจหลัก คือ บริษัทร่วมลงทุนโดยบริษัท กรีนแลนด์ จำกัด แต่ผู้เดียวมีอำนาจกระทำการแทนบริษัท และธ..หนังสือมอบอำนาจบริษัท กรีนแลนด์ จำกัด ได้มอบอำนาจให้นายสุรินทร์ อุปพัทธกุล เป็นผู้กระทำการที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนของบริษัท(4) นางสุธีรา อุปพัทธางกูร
นางสุธีรา อุปพัทธางกูร เกี่ยวข้องเป็นกรรมการบริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด แต่ไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นที่เข้ามาเป็นกรรมการเนื่องจากนายสุรินทร์ อุปพัทธกุล ซึ่งเป็นน้องชายได้เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด ขอให้มาเป็นกรรมการนางสุธีรา อุปพัทธางกูร เป็นกรรมการที่ไม่มีอำนาจในการจ่ายเงินของบริษัทและเพิ่งเข้ามาเป็นกรรมการจึงยังไม่ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ในบริษัท
(5) นางสาวพิณประภัสร์ จาติกวนิช
นางสาวพิณประภัสร์ จาติกวนิช เป็นผู้เริ่มก่อการและถือหุ้นจำนวน 1 หุ้น ในบริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด ตั้งแต่เริ่มจัดตั้งบริษัท โดยนายสมยศ สุธีรพรชัย เป็นผู้ชำระค่าหุ้นแทนให้ ในการถือหุ้นของบริษัทแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ เทมาเส็ก ที่มาจากประเทศสิงคโปร์ และกลุ่มที่เป็นคนไทย จำชื่อไม่ได้เพราะมีการเพิ่มทุนภายหลัง และคณะกรรมการเอาหุ้นที่เพิ่มไปขายให้กับใคร กรรมการยังไม่ได้แจ้งให้ทราบ
นางสาวพิณประภัสร์ จาติกวนิช รู้จักนางสาวบุญรัตน์ อภิวิศาลกิจ นางสาวสายฝน เจริญเกียรติ และนางสาวอรุณี ธำรงค์ธนกิจ เนื่องจากเป็นผู้ถือหุ้นและเป็นพนักงานในบริษัท ฮันตัน แอนด์ วิลเลี่ยมส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ด้วยกัน
6) นางสาวบุญรัตน์ อภิวิศาลกิจ นางสาวสายฝน เจริญเกียรติ และนางสาวอรุณี ธำรงค์ธนกิจ ได้มอบอำนาจให้นายสมยศ สุธีรพรชัย เป็นผู้ชี้แจงแทน(
นางสาวบุญรัตน์ อภิวิศาลกิจ นางสาวสายฝน เจริญเกียรติ และนางสาวอรุณี ธำรงค์ธนกิจ เป็นพนักงานของบริษัท ฮันตัน แอนด์ วิลเลี่ยมส์ (ไทยแลนด์) จำกัด เกี่ยวข้องเป็นผู้เริ่มก่อการและผู้ถือหุ้นคนละ 1 หุ้น ในบริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด และบริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด และนายสมยศ สุธีรพรชัย ผู้ชำระค่าหุ้นเป็นเงินสดแทนให้
4.บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจเพื่อการลงทุนในบริษัทอื่น (Holding Company) กิจการเป็นที่ปรึกษาและบริหารงาน บริการให้เช่าและบริการคอมพิวเตอร์ ซึ่งธุรกิจที่ปรึกษาและบริหารงานบริการให้เช่าและบริการคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นธุรกิจบริการตามบัญชีสาม (21) พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 และบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เข้าลงทุนเป็นผู้ถือหุ้นโดยตรงในบริษัทอื่นมากกว่าร้อยละ 50 จำนวน 5 บริษัท ได้แก่ บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) (ประกอบธุรกิจด้านสถานีวิทยุและโทรทัศน์) บริษัท แคปปิตอล โอเค จำกัด (ประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อผู้บริโภค) บริษัท เอสซี แมทช์บอกซ์ จำกัด (ประกอบธุรกิจหลักในการบริการด้านโฆษณา) บริษัท เอดี เวนเจอร์ จำกัด (ประกอบธุรกิจอินเทอร์เน็ต) และบริษัท ไอ.ที.แอพพลิเคชั่นส์ จำกัด (ประกอบธุรกิจให้บริการคอมพิวเตอร์) รายละเอียดตามหลักฐานงบการเงินรวม งบการเงินเฉพาะบริษัทระหว่างกาล เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2549
5.ข้อกฎหมาย
พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 มาตรา 4 ในพระราชบัญญัตินี้ "คนต่างด้าว" หมายความว่า
(1) บุคคลธรรมดาซึ่งไม่มีสัญชาติไทย
(2) นิติบุคคลซึ่งไม่ได้จดทะเบียนในประเทศไทย
(3) นิติบุคคลซึ่งจดทะเบียนในประเทศไทย และมีลักษณะดังต่อไปนี้
(ก) นิติบุคคลซึ่งมีหุ้นอันเป็นทุนตั้งแต่กึ่งหนึ่งของนิติบุคคลนั้นถือโดยบุคคล (1) หรือ (2) หรือนิติบุคคลซึ่งมีบุคคลตาม (1) หรือ (2) ลงทุนมีมูลค่าตั้งแต่กึ่งหนึ่งของทุนจดทะเบียนในนิติบุคคลนั้น
(ข) ห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือห้างหุ้นส่วนสามัญที่จดทะเบียน ซึ่งหุ้นส่วนผู้จัดการ ผู้จัดการเป็นบุคคลตาม (1)
(4) นิติบุคคลซึ่งจดทะเบียนในประเทศไทย ซึ่งมีหุ้นอันเป็นทุนตั้งแต่กึ่งหนึ่งของนิติบุคคลนั้นถือโดยบุคคล ตาม (1) (2) หรือ (3) หรือนิติบุคคลซึ่งมีบุคคลตาม (1) (2) หรือ (3) ลงทุนมีมูลค่าตั้งแต่กึ่งหนึ่งของทุน ทั้งหมดในนิติบุคคลนั้น
เพื่อประโยชน์แห่งคำนิยามนี้ให้ถือว่าหุ้นของบริษัทจำกัดที่มีใบหุ้นชนิดออกให้แก่ผู้ถือหุ้นของคนต่างด้าว เว้นแต่จะได้มีกฎกระทรวงกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น
มาตรา 8 ภายใต้บังคับมาตรา 6 มาตรา 7 มาตรา 10 และมาตรา 12
(1) ห้ามมิให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจที่ไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบกิจการด้วยเหตุผลพิเศษตามที่กำหนดไว้ในบัญชีหนึ่ง
(2) ห้ามมิให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจที่เกี่ยวกับความปลอดภัยหรือความมั่นคงของประเทศ ธุรกิจที่มีผลกระทบต่อ ศิลปวัฒนธรรม จารีตประเพณี และหัตถกรรมพื้นบ้าน หรือธุรกิจที่มีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อม ตามที่กำหนดไว้ในบัญชีสอง เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีโดยการอนุมัติของคณะรัฐมนตรี
(3) ห้ามมิให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจที่คนไทยยังไม่มีความพร้อมที่จะแข่งขันในการประกอบกิจการกับคนต่างด้าว ตามที่กำหนดไว้ในบัญชีสาม เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากอธิบดีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ
มาตรา 36 ผู้มีสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าวตามพระราชบัญญัตินี้ให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุนหรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว อันเป็นธุรกิจที่กำหนดไว้ในบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ โดยคนต่างด้าวนั้นมิได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจดังกล่าว หรือร่วมประกอบธุรกิจของต่างด้าวโดยแสดงออกว่าเป็นธุรกิจของตนแต่ผู้เดียวหรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าวในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทจำกัด หรือนิติบุคคลใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ รวมทั้งคนต่างด้าวซึ่งยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าวตามพระราชบัญญัตินี้กระทำการดังกล่าว ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งให้เลิกการให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุน หรือสั่งให้เลิกร่วมประกอบธุรกิจ หรือสั่งให้เลิกการถือหุ้น หรือการเป็นหุ้นส่วนนั้นเสีย แล้วแต่กรณี หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลต้องระวางโทษปรับวันละหนึ่งหมื่นบาท ถึงห้าหมื่นบาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่
มาตรา 37 คนต่างด้าวผู้ใดประกอบธุรกิจโดยฝ่าฝืนมาตรา 6 มาตรา 7 หรือมาตรา 8 ระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ และให้สั่งเลิกการประกอบธุรกิจ หรือเลิกกิจการ หรือสั่งเลิกการเป็นผู้ถือหุ้น หรือเป็นหุ้นส่วน แล้วแต่กรณี ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลต้องระวางโทษปรับวันละหนึ่งหมื่นบาทถึงห้าหมื่นบาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่
มาตรา 41 ในกรณีที่นิติบุคคลเป็นผู้กระทำความผิดตามมาตรา 34 มาตรา 35 มาตรา 36 หรือมาตรา 37 กรรมการ หุ้นส่วน หรือผู้มีอำนาจ กระทำการแทนนิติบุคคลซึ่งรู้เห็นเป็นใจกับการทำความผิดนั้น หรือมิได้จัดการตามสมควรเพื่อป้องกันมิให้เกิดความผิดนั้น ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ http://www.bangkokbiznews.com/2006/09/12/w001_136829.php?news_id=136829