ทบ.ขอปืนคืน จนท.ป่ายื้อยืม"เอชเค"ใช้ต่อ
มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ฯเป็นห่วง หวั่นเอาไปปฏิบัตินอกหน้าที่
ทบ.ขอปืน"เอชเค"กว่าพันกระบอกคืนจากเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า ขณะที่อธิบดีกรมอุทยานฯทำเรื่องผ่อนปรนขอใช้ต่อ อ้างเพื่อป้องกันและต่อสู้กับพวกลักลอบตัดไม้-ล่าสัตว์ หวั่นลูกน้องเสียขวัญกำลังใจ ด้านมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าฯ คาด ทบ.กลัวเอาไปใช้นอกหน้าที่ หลังมีข่าวฝึกซ้อมอาวุธเพื่อปฏิบัติการบางอย่าง เผยลุยจับคนรุกป่าประสาน"ทหาร-ตร."ในพื้นที่อยู่แล้ว
เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ได้รับหนังสือจากกองทัพบกขอเรียกเก็บปืนเอชเค 33 ที่กรมอุทยานฯเคยทำเรื่องขอยืมมาให้เจ้าหน้าที่ของอุทยานฯและเจ้าหน้าที่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทั่วประเทศ จำนวน 143 แห่ง ใช้ในการป้องกันตัวขณะออกลาดตระเวนตรวจป่า ประมาณ 1,000 กระบอก ภายในวันที่ 1 ตุลาคม โดยทางกองทัพบกให้เหตุผลว่า จะนำปืนดังกล่าวไปให้ทหารพรานที่กำลังจะจัดตั้งขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ใช้ปฏิบัติหน้าที่ โดยขอให้คืนปืนทั้งหมด
"ล่าสุดนั้น ผมได้ทำหนังสือเพื่อขอผ่อนปรนไปแล้ว เนื่องจากเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าของเรามีความจำเป็นต้องใช้ปืนเพื่อป้องกันตัวขณะออกลาดตระเวนตรวจป่า เพราะขณะนี้มีพวกลักลอบตัดไม้และลักลอบล่าสัตว์จำนวนมาก โดยเฉพาะบริเวณชายแดนที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งพม่าและกัมพูชา มีหลายครั้งที่มีเหตุต้องต่อสู้ปะทะกับพวกลักลอบตัดไม้และค้าสัตว์ป่า ผมได้รับรายงานทุกเดือนว่ามีเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าของเราต้องบาดเจ็บและเสียชีวิตทุกเดือน ปีนี้นับแต่ต้นปีมีเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าเสียชีวิตไปแล้ว 8 คน แต่ไม่เคยเป็นข่าวเลย" นายดำรงค์กล่าว
อธิบดีกรมอุทยานฯกล่าวว่า เรามีกำลังเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าอุทยานฯละประมาณ 150 คน แต่ละแห่งมีปืนเอชเค 33 ที่ยืมมาจากกองทัพบกแค่ 3 กระบอก เราจัดกำลังผลัดกันออกลาดตระเวนทีมละ 7-10 คน มีปืนเอชเค 33 เป็นอาวุธหลัก ชุดละ 1 กระบอก ที่เหลือก็เป็นปืนลูกซองอีก 1-2 กระบอก ลูกกระสุนก็ไม่ค่อยจะมี แต่ที่เรายังอยู่กันได้เพราะใจ แต่ถ้าจะให้ถึงลูกถึงคน โดยไม่มีเครื่องมือสนับสนุนทุกคนก็กลัวเหมือนกัน ทุกวันนี้เงินงบประมาณที่ได้มาก็พยายามตัดเรื่องการก่อสร้างให้เหลือน้อยที่สุด แต่ให้มาเน้นเรื่องการดูแลรักษาป่ามากที่สุด เพราะที่ผ่านมาการท่องเที่ยวทำอุทยานฯและป่าบ้านเราเสียหายไปมากแล้ว
เมื่อถามว่า มีเรื่องเบื้องหลังอะไรเกี่ยวกับการเรียกคืนอาวุธปืนในครั้งนี้หรือไม่ นายดำรงค์กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่ที่ผ่านมาไม่เคยมีเรื่องแบบนี้มาก่อน ทั้งนี้ทุกๆ ปี ทางกรมอุทยานฯจะส่งเจ้าหน้าที่อุทยานฯและเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าไปร่วมฝึกระเบียบวินัย และฝึกอาวุธปืน รวมทั้งอบรมภาคสนามในหลักสูตรต่างๆ ไม่เคยขาด
เมื่อถามว่า หากทางกองทัพบกไม่ยอมให้ผ่อนผันจะทำอย่างไร นายดำรงค์กล่าวว่า หากเป็นแบบนั้นก็ต้องคืน เพราะปืนเป็นสมบัติของกองทัพบก อุทยานฯไม่มีสิทธิซื้อหรือครอบครองอยู่แล้วหากไม่ได้รับอนุญาต แต่ถึงเวลานั้นจริงๆ ขวัญและกำลังใจเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าทุกคนก็คงเสียไปไม่น้อยเหมือนกัน
อธิบดีกรมอุทยานฯกล่าวว่า สำหรับล่าสุดที่นายจำนง คนขยัน อายุ 42 ปี พนักงานราชการ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูสีฐานควบคุมพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์-จ.มุกดาหาร ซึ่งถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวนดักซุ่มยิงจนเสียชีวิต โดยมีคนพบศพใกล้กับหน่วยพิทักษ์ป่าแก่งแต้ ในเขตป่าสงวงแห่งชาติ ป่าดงบังอี เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูสีฐาน รอยต่ออำเภอเขาวง จ.กาฬสินธุ์ และ อ.ดงหลวง จ.มุกดาหารนั้น ในเดือนหน้าตนจะเดินทางเข้าพื้นที่บริเวณที่นายจำนงค์ถูกลอบยิง และจะสร้างอนุสาวรีย์รำลึกถึงความเสียสละของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าคนนี้ให้ทุกคนที่ผ่านเข้าไปในบริเวณนั้นรับทราบ และตนตั้งใจว่าต่อไปนี้หากมีเจ้าหน้าที่เสียชีวิต ตนจะสร้างอนุสาวรีย์เป็นอนุสรณ์เตือนใจให้ทุกคน
สำหรับนายจำนงเป็นพนักงานราชการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูสีฐาน ปฏิบัติหน้าที่พิทักษ์ป่าในเขตป่าสงวงแห่งชาติป่าดงบังอีมากว่า 20 ปี มีความประพฤติเรียบร้อยและมีหน้าที่สอดส่องหาข่าวขบวนการตัดไม้ทำลายป่า ในระยะหลังหน่วยพิทักษ์ป่าฯสามารถจับผู้ลักลอบตัดไม้ได้เป็นจำนวนมาก และเคยถูกตอบโต้ด้วยการวางเรือใบและการข่มขู่ต่างๆ รวมถึงซุ่มยิงกัน ปัจจุบันปัญหาการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าในพื้นที่ในเขตรอยต่อจังหวัดกาฬสินธุ์และมุกดาหารเริ่มทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น เนื่องจากป่าบริเวณนี้เป็นป่าดิบแล้งและป่าเบญจพรรณ จะมีไม้เต็ง ไม้รัง ไม้ประดู่ และไม้แดง ที่แก๊งตัดไม้ต้องการตัดไปส่งโรงเลื่อย และมีการว่าจ้างด้วยเงินจำนวนมากเพื่อกว้านซื้อไม้ป่าที่หายาก ซึ่งบริเวณเขตป่าสงวนถูกโค่นทำลายไปแล้วจำนวนมาก
ด้านนายนิคม พุทธา ผู้ประสานงานมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ ในฐานะอดีตเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ กล่าวว่า กรณีที่กองทัพบกเรียกปืนคืนจากเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่านั้น ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะหน่วยข่าวกรองเรื่องความมั่นคงของกองทัพบกวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองปัจจุบันว่าอย่างไรบ้าง เพราะที่ผ่านมานั้นมีกระแสข่าวว่านายยงยุทธ ติยะไพรัช รัฐมนตรี ทส. ได้ให้เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าฝึกอาวุธเพื่อเตรียมการที่จะทำอะไรบางอย่าง การขอคืนอาวุธสงครามอย่างปืนเอชเค 33 นี้ อาจจะเป็นเพราะทหารไม่ต้องการให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้มีอาวุธสงครามอยู่ในมือเพื่อปฏิบัติการนอกเหนือหน้าที่ก็ได้
นายนิคมกล่าวว่า ปกติเวลาลาดตระเวนป่านั้น เจ้าหน้าที่ป่าไม้จะมีอาวุธหลักคือปืนลูกซอง 5 นัด และปืนสั้น อาจจะมีเอ็ม 16 หรือเอชเค 33 บ้าง ทีมละ 1-2 กระบอก อย่างไรก็ตาม การออกตรวจป่าตามปกตินั้น มีการปะทะน้อยมาก แต่ถ้าจะเตรียมกำลังเพื่อออกไปปราบปรามผู้ลักลอบตัดไม้และล่าสัตว์ป่า ก็จะต้องประสานงานกับทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือทหารในพื้นที่อยู่แล้ว
"เห็นด้วยที่กองทัพบกเรียกอาวุธปืนคืนจากอุทยานฯ เพราะการครอบครองอาวุธสงครามเหมือนกับการใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา เมื่อเอาปืนคืนไปให้เขาแล้วก็เป็นหน้าที่ที่อุทยานฯต้องมาคิดว่าจะใช้วิธีการไหนที่หลีกเลี่ยงความรุนแรงแต่สามารถรักษาป่าไม้เอาไว้ได้" นายนิคมกล่าว หน้า 1
http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01p0113280849&day=2006/08/28ข่าวดี