ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
25-04-2024, 01:26
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  มหศจรรย์ในราชดำเนิน ...ใครไม่เคยเห็นเข้ามาดูได้นะคะ...๕๕๕ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
มหศจรรย์ในราชดำเนิน ...ใครไม่เคยเห็นเข้ามาดูได้นะคะ...๕๕๕  (อ่าน 3484 ครั้ง)
คำตัดพ้อของใบไม้
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,032


ทุกคนคือเพื่อน ...แม้โจรก็เป็นเพื่อนเราได้


« เมื่อ: 26-08-2006, 08:50 »




...ตั้งกระทู้นี้ไว้เมื่อวาน ...

อดีตท่านนายกชวน ทำร้ายประเทศหรือทำให้คนไทยคนไหนเดือดร้อนมากนักเหรอคะ
http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P4654473/P4654473.html
...............................................................................



  คุยได้แป๊บหนึ่ง  พอดี
ตอนเย็น ....ปิดคอม  แล้วมาร้องเพลงคาราโอเกะ
กับครอบครัว   สังสรรค์เฮฮาปาร์ตี้  ไปตาม....
ประสาวันสุดท้ายของสัปดาห์ในครอบครัว  .......

  ไม่ได้เข้ามาอีกเลย  พอตอนนี้  เวลา  08.50 น.
ของวันนี้  26  ส.ค.  49 .....  แหมพอดีวันเกิด
ครบรอบ  86  ปี  ของท่านพลเอกเปรมพอดี

   เกิด มหศจรรย์  มายากลไปเรียบร้อยแล้วจ๊ะ...
โพสต์ตอบกลับไม่ได้แล้ว 


  Smile Smile Smile  อมยิ้มถูกยึดไปเรียบร้อยแล้ว ....

คิดดูแล้วเหมือนเรื่องมายากลเลยนะ
บันทึกการเข้า

....พูดดี  ทำดี  คิดดี ...ทุกวินาที
คิดได้อย่างนี้ก็เพียงพอแล้ว
คำตัดพ้อของใบไม้
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,032


ทุกคนคือเพื่อน ...แม้โจรก็เป็นเพื่อนเราได้


« ตอบ #1 เมื่อ: 26-08-2006, 08:51 »

อ่านกระทู้นี้แล้ว  ขนลุกขนพอง

http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P4653331/P4653331.html

เขาโกรธเขาเกลียดอะไรกันได้ขนาดนี้
เกลียดเท็จหรือเกลียดจริงคะ

ท่านชวนสร้างบาดแผลไว้กับท่านมากนักหรือคะ
ต้องใช้ภาษาว่าท่าน สามัคคีกันเกลียดจริงๆ

 พอบอกเหตุผลได้มั๊ย  ว่าอดีตท่านยกชวนทำให้ท่านเดือดร้อน  เรื่องอะไรบ้าง  มิว่าจะเป็นเรื่องการทำมาหากิน
ของท่าน  หรือว่าความเสื่อมโทรมของสังคม  หรือว่า
ความเสื่อมถอยด้านการศึกษา  หรือว่าประเทศตกต่ำไม่เจริญ  ลองว่ามานะคะ  เอาแบบชัดๆ  เลยนะคะ

ถ้าเปรียบเทียบด้านวัตถุ  ด้านจิตใจด้วยยิ่งดีเลยค่ะ


---- ขอชี้แจงในกระทู้นี้เลยนะคะว่า  เหตุผลที่ จขกท
ไม่เข้าไปตอบในกระทู้นั้น  เพราะ จขกท ไม่ได้มอง
อย่างที่กระแสเสียงส่วนมากในนั้นมอง  ไม่อยากไปขวางน้ำเชี่ยว

  จขกท มองว่า  ท่านชวนเป็นคนซื่อสัตย์ โปร่งใส
ถึงแม้บริหารประเทศด้านการเจริญทางด้านวัตถุเทคโนโลยีได้ไม่เก่งเท่าท่านนายกทักษิณ  ถึงแม้ทุกอย่างจะดำเนินไปอย่างเชื่องช้า  แต่การโกง  ผลประโยชน์ทับซ้อนถึงมีบ้าง  แต่ก็น้อยกว่ายุคนี้มาก  โดยเฉพาะด้านวัฒนธรรมคุณค่าทางด้านจิตใจ  คุณธรรมในสมัยที่ท่านชวนเป็น  คุณค่าจิตใจของคน  คุณค่าของวามดีงามถูกตระหนัก  มีความสำคัญมากกว่ายุคนี้

 และที่สำคัญเมื่อไปเวลาต่างประเทศ ท่านชวนก็พูดภาษาอังกฤษได้ถูกต้อง  เป็นสากล( ดร  สมเกียรติ อ่อนวิมล  ยังเคยเอ่ยชมไว้มาก)  ไม่อับอายขายหน้าใครหรอก  ถึงแม้ท่านชวนจะเจรจาการค้าไม่เก่งนัก  แต่ประเทศก็ไม่ได้ตกระกำลำบากอะไรมากนักมิใช่เหรอคะ
บันทึกการเข้า

....พูดดี  ทำดี  คิดดี ...ทุกวินาที
คิดได้อย่างนี้ก็เพียงพอแล้ว
นู๋เจ๋ง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,877



« ตอบ #2 เมื่อ: 26-08-2006, 08:52 »

ตถตา..มันเป็นเช่นนั้นเอง ค่ะ

 Very Happy

5555
บันทึกการเข้า

~จะแน่วแน่...แก้ไข...ในสิ่งผิด~
คำตัดพ้อของใบไม้
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,032


ทุกคนคือเพื่อน ...แม้โจรก็เป็นเพื่อนเราได้


« ตอบ #3 เมื่อ: 26-08-2006, 08:53 »

ความคิดเห็นที่ 1  

มาถามหาจริยธรรมรึปล่าวคะ
...

จากคุณ : NICE130   - [ 25 ส.ค. 49 15:26:41 ]  
  
 
  
 


 ความคิดเห็นที่ 2  

ถ้าพูดไปแล้วมีแต่การยกเรื่องนู้นเรื่องนี้มาค้าน มันน่าพูดไหมล่ะครับ?

ผมว่าไม่น่าพูด

ดังนั้น จบการตอบกระทู้

จากคุณ : zeros  - [ 25 ส.ค. 49 15:34:07 ]  
  
 
  
 


 ความคิดเห็นที่ 3  

ความคิดเห็นที่ 1  

มาถามหาจริยธรรมรึปล่าวคะ
...
----------------------------------------

 อยากทราบเหตุผลที่ท่านเกลียด
อดีตท่านนายกชวนค่ะ  งงว่าทำไม
ถึงสามัคคีกันเกลียดได้ขนาดนี้  ถ้า
เปรียบเทียบเหมือนนั่งบนเรือ  ก็เหมือน
เรืองเอียงแทบล่ม  เลยต้องคำถามไงคะว่า

----พอบอกเหตุผลได้มั๊ย  ว่าอดีตท่านยกชวนทำให้ท่านเดือดร้อน  เรื่องอะไรบ้าง  มิว่าจะเป็นเรื่องการทำมาหากิน
ของท่าน  หรือว่าความเสื่อมโทรมของสังคม  หรือว่า
ความเสื่อมถอยด้านการศึกษา  หรือว่าประเทศตกต่ำไม่เจริญ  ลองว่ามานะคะ  เอาแบบชัดๆ  เลยนะคะ

ถ้าเปรียบเทียบด้านวัตถุ  ด้านจิตใจด้วยยิ่งดีเลยค่ะ

จากคุณ : กตัญญูกตเวทีคุ้มครองโลก  - [ 25 ส.ค. 49 15:34:45 ]  
  
 
  
 


 ความคิดเห็นที่ 4  

นาย ชวย  หลีกภัย ไม่เคยทำอะไรเลยครับ เคยแต่หลีกภัย เห็นอะไรที่จะทำให้ตัวเองเสียหายก็หลีกไปไกลๆ แล้วปล่อยให้พวกตัวเขมือบที่อยู่ข้างๆ เขมือบ สปก. สหกรณ์การเกษตร และที่ท่านเก่งที่สุดคือการฉลองวันเกิด โดยการแบ่งเค๊กให้ สส.ฝ่ายค้าน สส.ฝ่ายรัฐบาล ข้าราชการ และกลุ่มทุนเก่าทั้งหลาย ก็เลยเป็นที่รักใคร่ของใครๆ

จากคุณ : hexagon (hexagon)  - [ 25 ส.ค. 49 15:34:58 ]  
  
 
  
 


 ความคิดเห็นที่ 5  

ก็ไม่รู้สิเคอะ ว่าท่านปากนกหัวขวานดีหรือเก่งแบบไหน
ถึงได้มีผู้แต่งกลอนสรรเสริญท่านไว้แบบเน้อ่ะค่ะ

------------
เด็กเอ๋ย "เด็กชวน" ต้องเป็นตัวป่วนสิบอย่างด้วยกัน  
    
เด็กเอ๋ย "เด็กชวน" ต้องเป็นตัวป่วนสิบอย่างด้วยกัน        


หนึ่ง ยึดถือการอิจฉา        

สอง จ้องกล่าวหา แก้ตัวมั่น      

สาม มุ่งใช้แต่วิชามาร        

สี่ วาจานั้น ส่อสันดาลพาล

ห้า ต้องใส่ความอยู่เป็นนิจ

หก ทุจริต แต่คิดร้ายป้ายคนอื่น      

เจ็ด ฝ่าฝืนมติชน ใช้เล่ห์กล บิดเบือนใส่ร้าย    

แปด ไม่รู้จักมียางอาย (มั่วภรรเมียเพื่อน)    

เก้า ทำลายหลักฐาน ที่โกงไว้ ปกปิดให้มิดชิด ยากค้นหา    

สิบ ทำตนไร้ประโยชน์ บาปบุญคุณโทษไม่ครณา ไม่คำนึงว่าชาติต้องพัฒนา      

เด็กสมัย "ประชาวิบัติ" จะเป็นเด็กอัตคัต ชาติจะวิบัติล่มจมเอย
--------------
ก๊อบเค๊ามาน่ะเนี่ย หนูไม่เกี่ยว อิ อิ

จากคุณ : หนูเพ็ญ   - [ 25 ส.ค. 49 15:36:47 ]  
  
 
  
 


 ความคิดเห็นที่ 6  

ความคิดเห็นที่ 2  

ถ้าพูดไปแล้วมีแต่การยกเรื่องนู้นเรื่องนี้มาค้าน มันน่าพูดไหมล่ะครับ?

ผมว่าไม่น่าพูด

ดังนั้น จบการตอบกระทู้

-----------------------------------------

 จะให้นั่งพับเพียบฟัง  และพยักหน้าว่า
ค่ะ ค่ะ   หรือคะ-------------

จากคุณ : กตัญญูกตเวทีคุ้มครองโลก  - [ 25 ส.ค. 49 15:38:34 ]  
  
 
  
 


 ความคิดเห็นที่ 7  

ทำไมไม่ลองไปหาอ่านประวัติศาสตร์ก่อนมาถามคนอื่นเค้าล่ะ

จากคุณ : CK-HERO   - [ 25 ส.ค. 49 15:38:44 ]  
  
 
  
 


 ความคิดเห็นที่ 8  

อ่านมา 5 คคห  รู้สึกจะตอบแค่ คคห 4 ส่วน คคห 5 เหมือนเคยเห็นกลอนคล้าย ๆ กัน แต่ไม่ใช่ชื่อ ชวน แหะ 555

จากคุณ : Lowepro  - [ 25 ส.ค. 49 15:40:28 ]  
  
 
  
 


 ความคิดเห็นที่ 9  

ขาย ปรส.ขาดทุนย่อยยับแบบโง่ๆ 6แสนล้าน (ต้องขายหุ้นชิน73,000ล้าน  7-8รอบถึงจะได้เท่านี้)

ไม่เท่านั้น ผลกระทบต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ คาดว่ามีความเสียหายในระบบเศรษฐกิจกว่า 1.4 ล้านๆบาท (ต้องขายหุ้นชินเกือบ 20รอบ)

ทั้งหมดนี้  นายชวย หลีกภัย ทำในเวลาปีเดียว

แถมยังสะเอาะมาจีบปากจีบคอไม่เว้นวันอยู่นั่นแหละ สำนึกจริยธรรมไม่มีในกมลสันดานซักนิด ว่าเคยทำลายชาติไปขนาดไหน

จากคุณ : waphoo  - [ 25 ส.ค. 49 15:40:36 ]  
  
 
  
 


  
 

บันทึกการเข้า

....พูดดี  ทำดี  คิดดี ...ทุกวินาที
คิดได้อย่างนี้ก็เพียงพอแล้ว
คำตัดพ้อของใบไม้
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,032


ทุกคนคือเพื่อน ...แม้โจรก็เป็นเพื่อนเราได้


« ตอบ #4 เมื่อ: 26-08-2006, 08:54 »

ความคิดเห็นที่ 10   

ความคิดเห็นที่ 9   

ขาย ปรส.ขาดทุนย่อยยับแบบโง่ๆ 6แสนล้าน (ต้องขายหุ้นชิน73,000ล้าน  7-8รอบถึงจะได้เท่านี้)

ไม่เท่านั้น ผลกระทบต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ คาดว่ามีความเสียหายในระบบเศรษฐกิจกว่า 1.4 ล้านๆบาท (ต้องขายหุ้นชินเกือบ 20รอบ)

ทั้งหมดนี้  นายชวย หลีกภัย ทำในเวลาปีเดียว

---------------------------------------------------

 ขอรบกวนหน่อยนะคะ  พอจะมีหลักฐานอย่างชัด
เจนมั๊ยคะ

จากคุณ : กตัญญูกตเวทีคุ้มครองโลก  - [ 25 ส.ค. 49 15:44:03 ] 
   
 
 
 


 ความคิดเห็นที่ 11   

ทำไมคนเขาเกลียด ทักกี้ ละครับ

ผมก็เกลียด ชวน ด้วยเหตุผลเดียวกัน

-โกง กิน ปรส
-โกง กิน สปก
-ขาดจริยธรรม ยุบสภา ทำไม สภาผิดอะไร
-เป็นรัฐบาลทำร้ายประชาชน ปล่อยหมากัดชาวบ้าน
-แทรกแซงสื่อ
-ทะเลาะกับหลวงตาบัว
ฯลฯ
โห..เลวๆ ทั้งนั้น 5 5 5

จากคุณ : bob_bob   - [ 25 ส.ค. 49 15:47:25 ] 
   
 
 
 


 ความคิดเห็นที่ 12   

good boy บนปก time ไงครับพี่ใบไม้ ความภาคภูมิใจที่ลุงชวนทำให้คนไทยได้เป็นที่ขบขันไปทั่วโลก

จากคุณ : yev rugrats   - [ 25 ส.ค. 49 15:48:47 ] 
   
 
 
 


 ความคิดเห็นที่ 13   

ท่าน"นายกทักษิณ"ทำร้ายประเทศหรือทำให้คนไทยคนไหนเดือดร้อนมากนักเหรอคะ

ขอรบกวนหน่อยนะคะ ที่กล่าวอ้างกันน่ะ พอจะมีหลักฐานอย่างชัดเจนมั๊ยคะ

จากคุณ : ~๐น้ำค้างกลางแสงดาว๐~  - [ 25 ส.ค. 49 15:49:01 ] 
   
 
 
 


 ความคิดเห็นที่ 14   

ผมเป็นแฟน ปชป มาตั้งแต่ยุคที่คุณพิชัย รัตตกุลเป็นรองนายก เคยมีโอกาสได้เข้าพบท่านในช่วงปี 2531 และก็เป็นแฟนกันเหนียวแน่น มาจนคุณชวนได้มาเป็นหัวหน้าและมีโอกาสได้ตั้งรัฐบาลที่มีนักการเมืองเป็นนายกรัฐมนตรีโดยไม่มีทหารเข้ามาเอี่ยว

ผมติดตามเรื่องการเมืองมาสม่ำเสมอ แม้ว่าจะยังอายุน้อยนัก แต่ก็ได้เห็นนักการเมืองหน่ม หน้าตาดี พูดจาดี มีหลักการ ซึ่งผมเองก็ได้ชื่นชมคุณชวนมาตลอด และยินดีอย่างยิ่งที่คุณชวนได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพราะผมชอบคนพูดจาดีมีหลักการ มีเหตุผลประกอบ

ในกาลต่อมา ได้เห็นคุณชวนเป็นนายกรัฐมนตรี ผมนั้นยินดียิ่งกว่าอะไรเสียอีก เพราะคนที่ผมเฝ้ามองเอาเป็นแบบอย่างได้ประสบความสำเร็จเรียกได้ว่าถึงขั้นสูงสุดเลยก็ว่าได้ และชื่นชมในการทำหน้าที่ของท่านตลอดมา

แม้ว่าจะได้ยินเสียงที่บ่นลอยมาตามลมว่า "งานที่อยู่ในมือท่านนั้น จะผ่านออกมาได้ก็จวนเจียนจะสิ้นเวลาเต็มที" หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ "ไม่กล้าตัดสินใจ" ซึ่งผมเองก็คิดค้านอยู่ว่า เรื่องอย่างนี้ช้าไว้จะดีกว่านะ มันเป็นเรื่องสำคัญ

แม้จะมองคุณชวนผ่านสื่อต่าง ๆ ก็ยังได้รับฟังถึงความเชื่องช้าของงานที่ผ่านมือท่านอยู่เนือง ๆ ว่าการงานมันเป็นไปได้ช้าจริง ๆ

วันที่ทำให้ผมรู้สึกเสียใจคือวันที่ท่านออกมาปกป้องคนที่มีอันจะกินแต่ไปรับเอกสารสิทธิ์ สปก 4-01 ที่ภูเก็ต เพราะว่าพื้นที่ต่าง ๆ ที่ได้รับการจัดสรรในโครงการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรนั่น โดยวัตถุประสงค์หลักแล้วก็เพื่อให้เกษตรกรที่ยังไม่มีที่ทำกินได้มีโอกาสมีที่ทางไว้สำหรับเพาะปลูกและเลี้ยงชีพได้บ้าง นั่นหมายถึงเกษตรกรที่ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเองจะได้มีโอกาสได้ลืมตาอ้าปาก หรืออย่างน้อยก็ไม่อดตาย ด้วยได้มีที่ดินสำหรับทำกินเป็นของตนเองเสียที

แต่กลับกลายเป็นว่า การส่งมอบเอกสารสิทธิ สปก นั้นไปกระทำในโรงแรมใหญ่ในเมืองภูเก็ต และที่ร้ายที่สุดคือ คนที่มารอรับเอกสารสิทธิ์ กลับกลายเป็นคนใกล้ชิดนักการเมือง ซึ่งบังเอิญอย่างยิ่งที่เป็นนักการเมืองของพรรคท่านเสียด้วย

เมื่อมีการทักท้วง ท่านกลับบอกว่ามันเหมือนการสอบชิงทุนที่ทุกคนมีโอกาสเหมือนกัน (ตรงนี้ทำให้ผมเห็นว่า ที่ท่านทำไปเพื่อพวกพ้อง โดยไม่ได้สนใจกับคนจนอย่างจริงจังนักหรอก หรือหากจะทำก็ด้วยเพื่อให้มีภาพพจน์เพียงเท่านั้น) ทั้งที่เจตนาแห่งกฏหมายนั้นก็เพื่อให้เกษตรกรได้มีที่ทำกินเท่านั้น

ตรงนั้นเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ผมเริ่มมองคุณชวนอย่างไม่ไว้ใจและไม่นับถืออีกต่อไป

จากคุณ : Steeringwheel Father   - [ 25 ส.ค. 49 15:52:30 ] 
   
 
 
 


 ความคิดเห็นที่ 15   

ไม่เกี่ยวกับชวน ไม่ได้สนใจ รู้แต่ตอนนี้ทักษิณมันเลว ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะเปรียบเทียบชวนกับทักษิณทำไม หรือบางคนชอบเปรียบเทียบสนธิกับทักษิณ คนละประเด็นไม่ได้จะให้สนธิเป็นนายกไม่ต้องมาบอกว่าสนธิเลวอย่างไร  ย้ำอีกครั้ง "รู้แต่ว่าทักษิณเลว" อย่าเลือกมัน

จากคุณ : อยากให้อยู่ด้วยไหม  - [ 25 ส.ค. 49 15:54:12 ] 
   
 
 
 


 ความคิดเห็นที่ 16   

จขกท.ค่ะถามคนที่เค้าไม่ชอบก็ได้คำตอบแบบนี้ล่ะเสียความรู้สึก อย่าถามเลยเราก็รู้ก็เห็นอยู่ว่าใครเป็นยังงัยแค่เรารู้ก็พอแล้วไม่ต้องไปสนใจว่าใครจะคิดยังงัย อย่างน้อยเราก็ไม่เคยคิดจะขายประเทศเหมือนคนบางคนอยู่แล้ว

จากคุณ : บันบัน009 (บันบัน009)  - [ 25 ส.ค. 49 15:54:37 ] 
   
 
 
 


 ความคิดเห็นที่ 17   

คุณลองอ่านซะนะ
http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P4587981/P4587981.html

จากคุณ : waphoo  - [ 25 ส.ค. 49 15:55:07 ] 
   
 
 
 


 ความคิดเห็นที่ 18   

ความคิดเห็นที่ 13   

ท่าน"นายกทักษิณ"ทำร้ายประเทศหรือทำให้คนไทยคนไหนเดือดร้อนมากนักเหรอคะ

ขอรบกวนหน่อยนะคะ ที่กล่าวอ้างกันน่ะ พอจะมีหลักฐานอย่างชัดเจนมั๊ยคะ


--------------------------------------------------


 มีมากค่ะ  ที่ทำร้ายประเทศ สังคมเห่อเหอม
ความฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย  เด็กขาดคุณธรรม  สังคม
เสื่อมโทรม  เกิดขึ้นมากในยุคไหนคะ  ใครเป็น
คนกระตุ้น  ใครเป็นคนสนับสนุน  ใครเป็นคนสนับ
สนุนทุนนิยม  ใครเป็นคนส่งเสริมความเจริญทางด้าน
วัตถุ  จนมองข้ามค่านิยมที่ดีงามของสังคม

 สมัยท่านชวน  เป็นแบบนี้มั๊ย

จากคุณ : กตัญญูกตเวทีคุ้มครองโลก  - [ 25 ส.ค. 49 15:55:21 ] 
   
 
 
 


 ความคิดเห็นที่ 19   

จริง ๆ แล้วมันสั่งสมมานาน หลายเรื่อง หลายความ ต่างกรรมต่างวาระ ซึ่งจุดสุดท้ายที่ทำให้ผมตัดสินใจจะไม่อยู่ข้าง ปชป อีกต่อไป คือ คำว่า "ถ้าประชาชนคิดว่าผมทำผิดก็ไม่ต้องเลือกพรรคประชาธิปัตย์"

นั่นหมายถึงการที่ตนทำให้ประชาชนเสียความรู้สึกดีดีที่มีต่อท่านแล้วยังท้าทายอีกว่าถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องเลือก นั่นผมจึงตัดสินใจทำตามความต้องการของท่าน และได้ทำอย่างนั้นตลอดมา คือการไม่เลือกพรรคประชาธิปัตย์อีกต่อไป

จากคุณ : Steeringwheel Father   - [ 25 ส.ค. 49 15:59:12 ] 
   
 
 
 


 ความคิดเห็นที่ 20   

จขกท. คล้ายป้าใบไม้แฮะ

จากคุณ : ไทอิสระ  - [ 25 ส.ค. 49 16:02:00 ] 
   
 
 
 


 ความคิดเห็นที่ 21   

รู้สึก จขกท จะมาแนวปัญญาอ่อนนะ
โพสต์ๆ มาไม่เห็นซึมซาบบ้าง
ผมว่ากระทู้นี้ให้มันเฉาตายไปดีกว่า........................

จากคุณ : lukemeedad   - [ 25 ส.ค. 49 16:02:19 ] 
   
 
 
 


 ความคิดเห็นที่ 22   

ท่านนายกไม่เคยทำให้ใครเดือนร้อนครับ แต่ทำให้ประเทศมีแต่ตัวเลขเศรฐกิจที่จอมปลอม

จากคุณ : InvisibleCom  - [ 25 ส.ค. 49 16:03:16 ] 
   
 
 
 


 ความคิดเห็นที่ 23   

เรื่องขาดคุณธรรมนี่ ขอถาม จขกท ว่า การยอมรับเป็นสามีของหญิงที่ยังไม่หย่าขาดจากสามีมาเป็นภรรยาของตนนั้นเป็นการส่งเสริมคุณธรรมหรือไม่ครับ

จากคุณ : Steeringwheel Father   - [ 25 ส.ค. 49 16:04:08 ] 
   
 
 
 


 ความคิดเห็นที่ 24   

ความเสื่อมของสังคม ผมขอยกเอาเรื่องคนเมายาบ้ามาถามท่าน จขกท ว่า มียุคใดสมัยใดที่มีคนเมายาบ้าออกมาก่อเหตุจี้ตัวประกันตามถนนหนทางมากเท่าสมัยที่คนที่ จขกท ชื่นชมบ้างไหมครับ


ปล. ผมเองก็ไม่รู้จะถามทำไม เพราะถึงอย่างไรคุณ จขกท ก็คงไม่ตอบ เพราะเป็นเรื่องที่รู้ ๆ กันอยู่ และมันหาทางตอบเลี่ยงให้สวย ๆ ได้ยาก

จากคุณ : Steeringwheel Father   - [ 25 ส.ค. 49 16:06:25 ] 
   
 
 
 


 ความคิดเห็นที่ 25   

ความคิดเห็นที่ 21   

รู้สึก จขกท จะมาแนวปัญญาอ่อนนะ
โพสต์ๆ มาไม่เห็นซึมซาบบ้าง
ผมว่ากระทู้นี้ให้มันเฉาตายไปดีกว่า........................

------------------------------------------------

 แล้วคนที่ต่อว่า  จขกท  อาจจะปัญญาดี
มสติสัมปชัญญะสูงมากนะคะ  เพราะทราบ
ชัดเจนทุกเรื่อง ว่าพรรคอื่นเลวหมดเสียหมด
ส่วน ทรท  ทุกหย่อมหญ้ากำลังเฝ้ามองว่า
เกิดอะไรขึ้นกับ  ทรท  แต่พวกท่านกลับ
พยักหน้าพร้อมกันว่า  ดีหมด

 คนอื่นๆๆเขางงมั๊ยคะ

จากคุณ : กตัญญูกตเวทีคุ้มครองโลก  - [ 25 ส.ค. 49 16:07:22 ] 
   
 
 
 


 ความคิดเห็นที่ 26   

ความคิดเห็นที่ 23   

เรื่องขาดคุณธรรมนี่ ขอถาม จขกท ว่า การยอมรับเป็นสามีของหญิงที่ยังไม่หย่าขาดจากสามีมาเป็นภรรยาของตนนั้นเป็นการส่งเสริมคุณธรรมหรือไม่ครับ

------------------------------------------------------

 ประชาชนคนไทยคนใด  หรือประเทศต้อง
เดือดร้อน เพราะเหตุการณ์  หรือเพราะเรื่อง
ราวนี้มั๊ยคะ  ตอบหน่อย  เป็นเรื่องส่วนตัวในครอบ
ครัวเขาใช่มั๊ยคะ  ถ้าเอาเรื่องนี้มาเปรียบเทียบกัน
ลองทบทวนให้ดีนะคะ   ว่า  ผู้นำยุคใดพลาดมากกว่ากัน

จากคุณ : กตัญญูกตเวทีคุ้มครองโลก  - [ 25 ส.ค. 49 16:11:05 ] 
   
 
 
 


 ความคิดเห็นที่ 27   

ไม่ได้เกลียด แต่ไม่ชอบคนนิสัยชอบกระแน่ะกระแหน คนอื่น นิสัยเหมือนกะเทยครับ วุฒิภาวะ ไม่มี พูดทุกครั้งลงท้ายต้องมีหยอด อย่างนี้ลูกผู้ชายเค้าเรียกนิสัยกะเทยครับ ถ้าเป็นเพื่อนฝูง ไอ้นี่เราจะไม่คบ มันนิสัยเสีย

จากคุณ : tupsak  - [ 25 ส.ค. 49 16:11:18 ] 
   
 
 
 


 ความคิดเห็นที่ 28   

การเปิดเสรีทางการเงินนั่นเกิดในสมัยใดครับ มีขึ้นเพื่ออะไรครับ เพื่อส่งเสริมทางวัตถุหรือไม่ หรือคุณจะมองว่า BIBF นั่นคือการส่งเสริมคุณธรรมรูปแบบหนึ่ง


ปล. คงไม่ตอบตามเคย เพราะเรื่องนี้มันค้ำคอคามืออยู่

จากคุณ : Steeringwheel Father   - [ 25 ส.ค. 49 16:13:22 ] 
   
 
 
 


 ความคิดเห็นที่ 29   

เป็นครับ  มันเป็นมาทุกสมัยตามสังคมทุนนิยมครับ
ไม่เกี่ยวว่าใครเป็นนายกหรอกครับ  ต้องดูว่าทำลายประเทศตรงไหนก่อนน่ะครับ  ขายหุ้นตัวเอง เอาเงินสิงคโปร์มาแล้วไม่จ่ายภาษีให้แปลกกว่าคนอื่นๆเขาที่ไม่ต้องจ่ายกัน
ควรทำเป็นแบบอย่างใช่ไหมครับ เป็นบรรทัดฐานไว้
แต่ให้ฝรั่งมาซื้อหนี้ปรส. ตอนเช้า ขายตอนบ่าย เอากำไรกลับไปสบายๆ  อย่างนี้คงไม่ได้ทำลายประเทศหรอก
แค่เสียรู้เท่านั้น  ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ

จากคุณ : man2bvit  - [ 25 ส.ค. 49 16:14:56 ]
 

บันทึกการเข้า

....พูดดี  ทำดี  คิดดี ...ทุกวินาที
คิดได้อย่างนี้ก็เพียงพอแล้ว
THE THIRD WAY
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,821


Love looks not with eyes, but with the mind.


« ตอบ #5 เมื่อ: 26-08-2006, 08:55 »

ใครตามเราอยู่
ใครขวางเราตาย



จะจะ
บันทึกการเข้า

ความรักนั้นหวาน ไม่ว่าจะรับหรือให้
************************
การขับไล่ทรราช เป็นภารกิจของเจ้าของประเทศ
คำตัดพ้อของใบไม้
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,032


ทุกคนคือเพื่อน ...แม้โจรก็เป็นเพื่อนเราได้


« ตอบ #6 เมื่อ: 26-08-2006, 08:56 »

ความคิดเห็นที่ 30   

ยัยใบ ฯเรื่องปรส.ถ้าคุณยังไม่รู้และต้องการหลักฐานผมว่าคุณเลิกเข้ามาในนี้เถอะนะ

จากคุณ : smitjam  - [ 25 ส.ค. 49 16:15:18 ] 
   
 
 
 


 ความคิดเห็นที่ 31   

คุณชวนมีจุดขายที่  ชวนเชื่องช้า...
และผมยังไม่ได้รับรายงาน.....

เมื่อไม่ได้ทำอะไร...รอรับรายงาน....

ผลงานไม่มี

โลกยุคcyber นี้เรารอไมได้ครับ

ปชป.มีความผิดหรือไม่...หลายสถานะตามแต่ว่ากัน

คุณ: ขอรบกวนหน่อยนะคะ ที่กล่าวอ้างกันน่ะ พอจะมีหลักฐานอย่างชัดเจนมั๊ยคะ

เมื่อคุณทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี

จากมุมมองที่ร่วมรัฐบาลกับคุณชวน คุณจิ๋ว คุณบรรหาร

หนึ่งเดียวของผมคนนี้มองออกว่า
ประชาธิปไตยแบบแยกกลุ่มแล้วรุมตี

ไม่มีทางที่จะทำให้การออกกฏหมายลื่นไหลไปได้

เพราะต้องยื่นหมูยื่นเช็ค....หน้าห้องน้ำ

ท่านเสียไปมากจึงเข้าใจดีว่า
ถ้ารวมเป็นกลุ่มเดียวเสียงเดียวและได้รับเต็มอิ่ม

อย่างน้อยที่ติดขัดอย่างเมื่อก่อนๆก็เดินไปได้

ผลงานจึงเป็นรูปธรรมขึ้นจากการที่ไม่ต้องรอรายงาน
เพราะสั่งเองลุยเอง

ฉลุย!!!!!!!!

ความผิดที่คุณถามหาจากคุณชวน...คุณถามหาหลักฐาน

แต่คุณไม่เคยถามหาหลักฐานจากความผิดของคนที่ทำงานวันยังค่ำคืนยังรุ่งอย่างคุณทักษิณ

คนรวยน่ะ เมื่อถึงเวลาที่เขารวยพอแล้ว

เขาเพียงอยากคืนสิ่งดีๆให้กับประเทศชาติบ้าง

แม้วิธีการบางอย่างจะถูกเบี่ยงเบนไปบ้าง

พวกไม่ต้องการหลักฐาน
ฟังเขามาต่อๆเขาชี้แจงอย่างไรก็ไม่ฟังทั้งสิ้น
ยอมรับไม่ได้กล่าวหาว่า ชั่ว....

คุณชวนไม่ใช่น่ารังเกียจครับ
แต่ไม่เหมาะที่จะเป็นนักปกครองเพราะเป็นนักพูด

คุณทักษิณสมควรเป็นนักปกครองเพราะพูดทีไรผิดทุกที

จิตวิทยาขั้นพื้นฐานครูอย่างคุณควรเรียนมาแล้ว

ไม่มีใครเก่งครอบจักรวาล

แต่เมื่อไม่มีหลักฐานทำไมคุณไว้ใจคุณชวน

แต่คุณทักษิณ...คุณประนามท่านทั้งๆที่แต่ละเรื่องเขามีคำตอบมาให้คุณและพวกทั้งหมดแล้ว

ปชป.ไม่มีสิทธิ์ปกครองประเทศครับ

เพราะนักการเมืองพรรคปชป.มีแต่พวก หัวหมอหาความ
แต่ไม่มีนักการค้า นักการลงทุน

เราจะยอมให้พรรคที่เห็นแต่ความผิดคนอื่น แต่ของตัวไม่เคยเห็น

กลับมาปกครองประเทศอีกไม่ได้

พอแล้วล่ะครับ

พวกพันปีทั้งหลาย
ให้คนรุ่นผมเลือกผู้ปกครองกันเองบ้างเถอะครับ

อย่าชี้นำเลย

เราไม่เลือกเขาแน่

ไม่คิดว่าเสียงเราจะดีเหมือนแต่ก่อน
แต่อย่างน้อยเสียงที่จะกลับมาอีกครั้งก็ยังเหมือนเดิม

คือไม่เอาปชป.....

จากคุณ : B.JJ (ThePhenix)   - [ 25 ส.ค. 49 16:16:13 ] 
   
 
 
 


 ความคิดเห็นที่ 32   

สมัยท่านชวนนี่สังคมดีสุดยอดเลย

สังคมเสื่อมโทรม ----> หลักฐานชัดเจนที่สุดคุณลองไปค้นหนังสือพิมพ์เก่าๆได้เลยว่ายุคไหนมีการเมายาจับเด็กเป็นตัวประกันมากที่สุด มีคนฆ่าตัวตายมากที่สุด

ทุนนิยม คนละความหมายกับ วัตถุนิยมนะครับ
Capitalism กับ Materialism น่ะ

จากคุณ : ~๐น้ำค้างกลางแสงดาว๐~  - [ 25 ส.ค. 49 16:16:38 ] 
   
 
 
 


 ความคิดเห็นที่ 33   

#5 อุอุ อุอุ ว่ะว่ะ กร๊ากกกกกก ขำว้อย

จากคุณ : ไอ้หนุ่มนอกบ้าน   - [ 25 ส.ค. 49 16:25:13 ] 
   
 
 
 


 ความคิดเห็นที่ 34   

ความคิดเห็นที่ 26 

ความคิดเห็นที่ 23   

เรื่องขาดคุณธรรมนี่ ขอถาม จขกท ว่า การยอมรับเป็นสามีของหญิงที่ยังไม่หย่าขาดจากสามีมาเป็นภรรยาของตนนั้นเป็นการส่งเสริมคุณธรรมหรือไม่ครับ

------------------------------------------------------

ประชาชนคนไทยคนใด  หรือประเทศต้อง
เดือดร้อน เพราะเหตุการณ์  หรือเพราะเรื่อง
ราวนี้มั๊ยคะ  ตอบหน่อย  เป็นเรื่องส่วนตัวในครอบ
ครัวเขาใช่มั๊ยคะ  ถ้าเอาเรื่องนี้มาเปรียบเทียบกัน
ลองทบทวนให้ดีนะคะ   ว่า  ผู้นำยุคใดพลาดมากกว่ากัน

จากคุณ : กตัญญูกตเวทีคุ้มครองโลก  - [ 25 ส.ค. 49 16:11:05 ]


เห็นเรียกร้องให้ผู้นำมีคุณธรรม แต่ไหงพอเป็นคนที่คุณชื่นชอบ กลับกลายเป็นว่าไม่มีคนอื่นเดือดร้อน

นี่มันสองมาตรฐานนะคุณ

จากคุณ : Steeringwheel Father   - [ 25 ส.ค. 49 16:27:44 ] 
   
 
 
 


 ความคิดเห็นที่ 35   

เห็นด้วยกับคุณ tupsak ไม่ชอบมากนิสัยชอยกระแนะกระแหนคนอื่น  และเกิดจุดเปลี่ยนเหมือนคุณsteeringwheel father

จากคุณ : คำฝอย  - [ 25 ส.ค. 49 16:34:12 ] 
   
 
 
 


 ความคิดเห็นที่ 36   

ยุคท่านชวน
เป็นยุคที่มีตัวเลขส่งสินค้าออก ปลอมๆมากที่สุด
มีแต่ในขนสำแดงส่งออก แต่ไม่มีสินค้าส่งออกไปจริง
แล้วพวกส่งออกปลอมๆ ก็ไปรับเงินชดเชยจากการกรมศุลกากร
ปีหนึ่งหลายร้อบล้านบาท หากอยากรู้ว่า ตัวเลขส่งออกปลอมๆ มีมูลค่าเท่าไร
คิดง่ายๆ รัฐคืนเงินชดเชยมากสุดไม่เกิน 6.5%
หากจ่ายเงินชดเชย 100 ล้านบาท
ตัวเลขส่งออกปลอมๆ ต้องไม่น้อย 93,000 ล้านบาท
หากตัวเลขเงินชดเชยมากกว่านี้ ตัวเลขส่งออกปลอมๆ
จะเป็นเท่าไร
นี่ก็เป็นผลงานในยุคท่านชวน ที่ชอบคุยนักหนาว่าส่งออก
มากกว่ารัฐบาลอื่นๆ
ที่สำคัญสุดมีข่าวว่า คนของนักการเมือง
มารอรับซื้อใบขนมุนน้ำเงิน เพื่อนำไปขอรับเงินชดเชย
นี่คือการทำทุจริตในกรมศุลฯ ที่รัฐบาลท่านชวนไม่เคยรู้ระแคะระคาย
แล้วจะไปปราบการทุจริตคอรัปชั่นได้อย่างไร
เป็นแค่ราคาคุย เท่านั้น ทราบหรือเปล่า ท่าน
แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 49 16:36:03

จากคุณ : ไททักษิณ  - [ 25 ส.ค. 49 16:34:40 ]
 
   
 
 
 


 ความคิดเห็นที่ 37   

สำหรับคุณ ช ภาพที่ผมหลับตาแล้วเห็นเลย คือ เป็นคนพูดจามีหลักการ แต่... การทำงานไม่เด็ดขาด มีความรอบคอบ แต่.. ตัดสินใจช้า...

เรื่องความเป็นคนดีนั้นผมว่า "ดีระดับนึง" คือ ไม่โกงกินจนร่ำรวยเหมือนนักการเมืองคนอื่นๆ (แต่ลูกน้องท่าน...)

ส่วนนายทัก การทำงานรวดเร็ว เด็ดขาด แต่นั่นก็เป็นข้อเสียเช่นกัน ทำงานรวดเร็วหมายถึงการตัดสินใจที่เร็ว นั่นคือการไม่รอบคอบ... เด็ดขาด หมายถึง การไม่ค่อยฟังเสียงคนอื่น.. มักคิดว่า "ตน" คิดถูกต้องที่สุด...

ผลก็คือ สื่อที่เคยรักท่านกลับมาเกลียดชังอย่างรุนแรง... นักการเมืองเก่าแก่ที่เคยสนับสนุนท่านทุกลดบทบาท (กดหัว) ทำให้ระยะหลังเริ่มโดดเดี่ยวท่านมากขึ้น (ตามทิศทางลม)...

ผมว่าตัวนายทักเองก็น่าจะรู้ข้อเสียนี้ดี แต่ไม่สามารถควบคุมได้ คือ เอาทิฐิมานะมาอยู่เหนือเหตุผล... ท่านต้องมองเสียงรอบข้างบ้าง... และไม่ควรวางพรรคพวกของตนเข้าไปอยู่ในหน่วยงานสำคัญๆ อย่าง "โจ่งแจ้ง" เช่นนี้...

เพราะจะทำให้คนอื่นๆ (โดยเฉพาะคนที่ไม่หวังดีกับนายทัก) คิดไปว่าต้องมี "ผลประโยชน์ทับซ้อน" ที่คิดว่าจะดี ก็จะกลายเป็นร้าย...

ณ.เวลานี้ผมไม่เห็นว่าใครจะ "เก่ง" เท่านายทัก ยังมีอีกคนที่ผมคิดว่าพอสมน้ำสมเนื้อ... แค่คนเดียวเท่านั้น... เพราะท่านกำลังทำหน้าที่ในเวทีระดับโลก ...

จากคุณ : นายแว่นธรรมดา  - [ 25 ส.ค. 49 16:35:12 ] 
   
 
 
 


 ความคิดเห็นที่ 38   

เกลียดชวน เพระเค้าให้ไปทำงานดันไปนั่งวาดรูป กางหูฟังคนข้างๆคุยกัน แล้วแอบเอามานินทา  เลยได้ฉายาเป็นอิแอบ ยี๊ หยะแหยง  เสียดายน้ำมันเครื่องบิน   eจวนปากจัด

จากคุณ : คนผ่านทาง (คนผ่านทางV.mem)   - [ 25 ส.ค. 49 16:39:42 ] 
   
 
 
 


 ความคิดเห็นที่ 39   

มีมากค่ะ  ที่ทำร้ายประเทศ สังคมเห่อเหอม
ความฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย  เด็กขาดคุณธรรม  สังคม
เสื่อมโทรม  เกิดขึ้นมากในยุคไหนคะ  ใครเป็น
คนกระตุ้น  ใครเป็นคนสนับสนุน  ใครเป็นคนสนับ
สนุนทุนนิยม  ใครเป็นคนส่งเสริมความเจริญทางด้าน
วัตถุ  จนมองข้ามค่านิยมที่ดีงามของสังคม

สมัยท่านชวน  เป็นแบบนี้มั๊ย
เป็นข้อหาอมตะ ที่ทุกรัฐบาลโดนเหมือนกันหมดนะ
เด็กขาดคุณธรรม โบราณเขาเรียก พ่อแม่ไม่สั่งสอน
คนสมัยนี้มีลูกน้อย รักและหวังมาก ทุ่มเททุกอย่างให้เด็ก ยกเว้นศีลธรรม
คนเดี๋ยวนี้พอใจที่ลูกตัวเอง เรียนดี พูดภาษาได้ มีความรู้ความสามารถพิเศษ แต่ลืมสอนให้เด็กเรียนรู้ชีวิต สอนให้แข่งขัน แต่ไม่เคยสอนให้แพ้เป็น Born to be number one
ไม่แปลกที่เด็กที่ถูกพ่อแม่สรรหาทุกอย่างตระเตรียมไว้ให้จึงมองโลกฉาบฉวย ไม่อดทน และชอบวัฒนธรรมแดกด่วน ไม่เรียนรุ้การแบ่งปัน ไม่สามารถปรับตัวกับความผิดหวัง และฟุ้งเฟ้อ
ใครผิด
เด็กยุคป้า เด็กยุคใบไม้ เด็กยุคต่อไป มันแตกต่างกันแน่ๆ อยู่ที่ต้นทางที่หล่อหลอมกันมา
รัฐบาลไหนๆก็คงจะมายัดเยียดการอบรมสั่งสอนบุตรหลานของเราไม่ได้
ถามถึงคุณชวน ข้อหนึ่งที่เขาขาดคือจริยธรรมนั่นแหละใบไม้ อย่าถามกลับว่าข้อไหน เพราะป้าไม่ตอบหรอก

จากคุณ : ป้าหนูดา  - [ 25 ส.ค. 49 16:40:04 ] 
   
 
 
 


 ความคิดเห็นที่ 40   

อดีตท่านนายกชวน ทำร้ายประเทศหรือทำให้คนไทยคนไหนเดือดร้อนมากนักเหรอคะ
=====================
มีมากครับ ที่ทำร้ายประเทศ
สมัยของชวน ไปที่ไหนก็มีแต่อิทธิพล
สังคมเห่อเหอ มีแต่ความฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย
การคอรับชันเต็มไปหมด ทั้งรัฐ ทั้งเอกชน
เด็กขาดคุณธรรม จริยธรรม สังคม  เสื่อมโทรม 
ยาบ้า การพนัน หวยเถื่อน บ่อนเถื่อน เต็มไปหมด

สมัยชวน ผู้มีอิทธิพลจาก การค้าของเถื่อน หวยเถื่อน ยาบ้า มากมาย รัฐไม่เคยปราบอย่างจริงจัง

สมัยชวน ดอกเบี้ย เงินกู้ เงินฝากสูง ชาวบ้านจำนวนมากเป็น ทาสของพวกปล่อยเงินกู้นอกระบบ โดยโกงยึดบ้าน ยึดรถ  บางคนหมดตัว บางคนก็ฆ่าตัวตาย บางคนเป็นบ้า 

ในสมัยชวน บางคนล้มละลาย จนเป็นบ้า เอาขี้ไปปาธนาคาร  และ มีคนไปผูกคอตายที่ตลาดหุ้นด้วย

ในสมัยชวน เป็น สมัยที่มีม้อบคนยาก คนจน เข้ามากรุงเทพบ่อย จนกลายเป็นเรื่องปกติ  สุดท้ายชวนก็ แก้ปัญหาอะไรให้ คนยากจนไม่ได้ ก็ได้แต่หลบเลี่ยงไปวันๆ  ประชาชนคนยากจน หมดความหวังกับชีวิต 

สมัยชวน ราคาพืชผล ตกต่ำ การส่งออกก็ไม่ดี  ราคายางในประเทศไม่ถึง 25 บาท  ราคาข้าว ราคาอ้อย  เกษตรกรเป็นหนี้เป็นสิน ขาดทุน  มีโครงการประกันราคาข้าวก็โกงกัน พ่อค้ารวยกันเป็นล่ำเป็นสัน

สมัยชวนทุกอย่างเชื่องช้าไปหมด
เวลาน้ำท่วม ไร่นา กว่าที่ประชาชนจะได้รับความช่วยเหลือก็ผ่านไปหลายเดือน  การช่วยแต่ละอย่างมีแต่การโกงกิน  ทำโครงการแจกปุ่ย แจกพันธ์ข้าว  แจกพันธ์ถั่วเขียว  โกงกันตั้งแต่ ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน นายอำเภอ ผู้ว่า จนถึง รัฐมนตรี   นายชวนก็ไม่ได้รับรายงานเหมือนเดิม

จากคุณ : webkit   - [ 25 ส.ค. 49 16:40:44 ] 
   
 
 
 

บันทึกการเข้า

....พูดดี  ทำดี  คิดดี ...ทุกวินาที
คิดได้อย่างนี้ก็เพียงพอแล้ว
คำตัดพ้อของใบไม้
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,032


ทุกคนคือเพื่อน ...แม้โจรก็เป็นเพื่อนเราได้


« ตอบ #7 เมื่อ: 26-08-2006, 08:58 »

ความคิดเห็นที่ 41   

ไม่หรอกครับ คุณชวนเป็นคนมีจริยธรรมสุดยอด ผิดมนุษย์มนา ใครต่อว่าก็แย่แล้วครับ

คุณชวนไม่ค่อยทำอะไรผิดกฏหมาย ไม่ทำอะไรขัดกฏหมาย แนวนโยบายอะไรที่สามารถเป็นประโยชน์ และแก้ปัญหาได้ แต่ขัดกฏหมายนายชวนก็ไม่ทำ เพราะมันขัดกฏหมาย กลัวคนว่าว่าทำผิดกฏหมาย (คุณชวนไม่ได้คอรัปชั่นสิ่งที่เป็นวัตถูจับต้องได้ครับ แต่คุณชวนคอรับชั่นชื่อเสียง)

ส่วนเรื่องสังคม ตอนนั้นที่คุณชวนเป็นนายกอยู่สังคมก็ดีสุดยอดครับ เกือบดีเท่าคุณชวน ไม่มี RCA ไม่มีสถานบริการ  ไม่มีคดีโกง ไม่มีเรื่องพนักงานยักยอกเงินเพื่อไปจ่ายหนี้พนันฟุตบอล ไม่มีการเสนอให้มีการขายหวยออนไลน์

ปัญหาเรื่องแรงงานเถื่อนไม่มี มีแต่แรงงานพม่าฆ่านายจ้าง

ส่วนเด็กที่ได้ไปแข่งโอลิมปิคเหรียญทองกลับมาในยุคทักษิณ เป็นผลพวงมาจากการทำงานของรัฐบาลชวน

ตอนนั้นประเทศไทยเป็นสังคมในอุดมคติ เป็นสังคมศรีอาริยเมตไตรครับ

จากคุณ : littlegodfather  - [ 25 ส.ค. 49 16:45:29 ] 
   
 
 
 


 ความคิดเห็นที่ 42   

ยุบ BBC  ทำห้ บริษัทผม  บ้านผม  โดนยึด ขายทอดตลาด ผมจะชื้อคืนก็ไม่ได้ ต้องให้ต่างชาติซื้ออย่างเดียว

จากคุณ : คน72000  - [ 25 ส.ค. 49 16:46:09 ] 
   
 
 
 


 ความคิดเห็นที่ 43   

#18

มีมากค่ะ  ที่ทำร้ายประเทศ สังคมเห่อเหอม
ความฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย  เด็กขาดคุณธรรม  สังคม
เสื่อมโทรม  เกิดขึ้นมากในยุคไหนคะ  ใครเป็น
คนกระตุ้น  ใครเป็นคนสนับสนุน  ใครเป็นคนสนับ
สนุนทุนนิยม  ใครเป็นคนส่งเสริมความเจริญทางด้าน
วัตถุ  จนมองข้ามค่านิยมที่ดีงามของสังคม

สมัยท่านชวน  เป็นแบบนี้มั๊ย
=================
ขอถามสักหน่อยครับ
สมัยนั้น "ไม่มี" หรือ "ไม่เคยเกิดเรื่องที่ยกตัวอย่างมาเลยหรือครับ
ถ้าจะพูดถึงจำนวนข่าวที่ออกมา ก็ต้องดูว่าทำไมสมัยนั้นถึงมีคนสนิท มือไม้ของนักการเมือง ไปพังแท่นพิมพ์บางสำนักพิมพ์ล่ะครับ

----------------
ตลอดระยะเวลาที่บริหารงานในตำแหน่งรัฐมนตรี หรือแม้กระทั่งตำแหน่งนายกฯ ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา

มีผลงานอะไรที่เป็นของคุณชวนบ้างครับ ผลงานที่ออกมาจากแนวความคิดของแกเองเลยครับ ที่พูดอย่างนี้ก็เพราะว่าทุกครั้งที่มีปัญหา ท่านก็ปัดไปให้เป็นความรับผิดชอบของรัฐมสตรีที่เกี่ยวข้อง หรือ ข้าราชการที่เกี่ยวข้องทุกครั้ง ตรงนี้รวมไปถึงเรื่องสปก.4-01 ด้วยครับ

#37 นายแว่นธรรมดา
คนดีในความหมายของคุณอาจจะต่างกับของผมก็ได้นะครับ

คนที่ไม่เคยทำผิดอะไร เพราะไม่เคยทำอะไร
คนที่ไม่เคยยอมรับว่าตัวเองทำผิด ทั้งๆ ที่หลายๆ ฝ่ายบอกว่าผิด
คนที่ไม่มีความสามารถในบริหารงาน ทั้งๆ ที่มีหน้าที่ต้องบริหารงาน
คนที่ไม่ยอมแสดงความรับผิดชอบ ทั้งๆ ที่ตัวเองมีส่วนร่วมกับผลงาน
คนที่แสดงความเชื่อมั่นในระบบรัฐสภา ที่แสดงหาอำนาจโดยไม่คำนึงถึงวิถีทางที่มา
คนที่ไม่กล้าแสดงออก หรือยอมรับสุภาพสตรีคนใดคนหนึ่งที่อยู่กินกันมาจน ลูกเต้าเติบโต
ฯลฯ

-ตรงนี้ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็ได้ครับ เรื่อง IMF, ปรส., สปก., งูเห่า, ไม่จดทะเบียนสมรส ฯลฯ

สำหรับผมแล้ว ขอยืนยันครับว่า "ไม่ใช่คนดี"

และยังรวมไปถึง คนที่รับเงินเดือนจากทางราชการแล้ว ไม่สร้างงานออกมาให้คุ้มค่ากับเงินที่ได้รับไป หรือไปขัดขวางการบริหารงานของคนอื่น ผมเรียกพวกนี้ว่า "พวกฉ้อราษฎร์บังหลวง" ครับ

พวกนี้มีค่าไม่มากไปกว่าเสาไฟฟ้าข้างถนนครับ ไม่เคยทำอะไรผิด, ไม่เคยโกงกิน และไม่เคยอ้าปากเที่ยวไปกัดใครต่อใครครับ และไคยแกล้งจน!
.

จากคุณ : POE  - [ 25 ส.ค. 49 16:58:40 ] 
   
 
 
 


 ความคิดเห็นที่ 44   

หายไปแล้วครับท่านผู้ชม เจ้าของกระทู้ พอมีคนมีเหตุผลมาอธิบายเธอก็หายไปตามฟอร์ม แล้วเธอก็หนีไปตั้งกระทู้ยั่วอารมย์ชาวบ้านต่อไปแบบ ไม่เคยได้รับบทเรียนอะไรไปเลยจากกระทู้เก่าที่ผ่านมา

จากคุณ : PUNHIN  - [ 25 ส.ค. 49 16:59:42 ] 
   
 
 
 


 ความคิดเห็นที่ 45   

ผมว่าท่านพายเรือให้โจรนั่งครับ.....จะด้วยจำเป้นที่ต้องอุ้มอดีตเลขา...คงจำตอนอดีตเลขาเมาไวน์แล้ว..โทรไปด่าขึ้นมรึงขึ้นกรู...ได้นะครับ...จริง ๆ แล้วโดยส่วนลึกผมชอบคุณชวนในบางมมุม แต่มุมของท่านควรเป็นแค่ประธานสภา แค่นั้นครับ เพราะท่านเอาภาพที่พยายามสร้าง..มาอุ้มพวกโจร จำวลีเด็ดได้ไหมครับ สปก. ก็เหมือนสอบชิงทุน จะรวยหรือจนย่อมมีสิทธิที่จะได้....

ปล. ที่กระทบแบบส่วนตัวเลยนะ..เรื่องกฎหมายฟิลม์ กรองแสง ที่ออกมาจากความโกรธเมียส่วนตัว แต่ทลึ่งให้ออกกฎหมาย..มาลอกฟิลม์กรองแสงรถทุกคน รู้ไหมว่าคนเขาลอกไปกี่คัน แล้วเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ และรู้มั้ยว่ามันส่งผลให้เปลืองน้ำมัน ที่ชาติต้องซื้อ..เพราะเมืองไทยเมืองร้อน...ยิ่งใช้แอร์รถเท่าไหร่ ยิ่งเปลืองน้ำมัน ท่านไม่ใช้สมองให้อยู่เหนืออารมณ์ครับ

จากคุณ : สายลมรัก  - [ 25 ส.ค. 49 16:59:49 ] 
   
 
 
 


 ความคิดเห็นที่ 46   

จขกท.อย่ามาทำตัวใสซื่อเลย  เกินวัยแล้ว!!!!!
ตั้งกระทู้แต่ละอย่างทำเป็นหนูม่ายรุ   

จากคุณ : BANKKINOVZKE  - [ 25 ส.ค. 49 17:02:15 ] 
   
 
 
 


 ความคิดเห็นที่ 47   

เกลียดที่ชอบไปนั่งวาดรูป ตอนเค้าประชุมระดับโลกมากเลยครับ

จากคุณ : Mr.DogGie   - [ 25 ส.ค. 49 17:08:31 ] 
   
 
 
 


 ความคิดเห็นที่ 48   

กระทู้ที่ถามความเห็นแบบ ไม่ได้ศึกษาข้อมูลมาก่อนเนี้ย เขาเรียกว่าถามแบบหาเรื่อง ครับ แล้ว จขกท . เนี้ย
การตั้งกระทู้เนี้ย คล้าย คุณ ใบไม้เลยครับ เปลี่ยนชื่ออะเปล่า 55555

จากคุณ : backsubport  - [ 25 ส.ค. 49 17:11:31 ] 
   
 
 
 


 ความคิดเห็นที่ 49   

#47
แต่ผมชอบแกเรื่อง วาดรูป เรื่องเดียวนี่แหละ
ผมก็ชอบวาดรูปตอนนั่งประชุมเหมือนกัน ไม่งั้นหลับครับ

จากคุณ : webkit   - [ 25 ส.ค. 49 17:16:12 ] 
   
 
 
 


 ความคิดเห็นที่ 50   

จขกท อยากรู้เรื่อง ปรส ลองอ่านดูนะครับ
คำวินิจฉัยของศปร.
"วิกฤติครั้งนี้เริ่มมาจากเอกชน แต่รัฐมีส่วนทำให้ปัญหาบานปลายอย่างไม่มีขีดจำกัด"
บทสรุปผู้บริหารจากรายงาน "ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์วิกฤติทางเศรษฐกิจ" ที่จัดทำโดยคณะกรรมการการศึกษา และเสนอแนะมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพ การบริหารจัดการระบบการเงินของประเทศ (ศปร.) เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูล

1.ข้อบกพร่องของโครงสร้างระบบการบริหารการเงินอันนำไปสู่วิกฤตการณ์และความไม่มีประสิทธิภาพในการตัดสินใจเชิงนโยบาย

วิกฤตการณ์เศรษฐกิจไทยครั้งนี้ มีจุดเริ่มต้นมาจากการก่อหนี้ของภาคเอกชน แต่การดำเนินนโยบายการเงินของรัฐ ก็มีส่วนทำให้ปัญหาการก่อหนี้บานปลายอย่างแทบไม่มีขีดจำกัด

จากคุณ : sam18  - [ 25 ส.ค. 49 17:19:25 ] 
 

บันทึกการเข้า

....พูดดี  ทำดี  คิดดี ...ทุกวินาที
คิดได้อย่างนี้ก็เพียงพอแล้ว
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #8 เมื่อ: 26-08-2006, 08:59 »

อมยิ้มพันทิพย์ คือตราอัปยศของสังคม  มีติดตัวไว้เท่ากับประดับ*****จังไรไว้ในตน

ยินดีด้วยค่ะ ที่สลัดมันทิ้งไปได้
บันทึกการเข้า
คำตัดพ้อของใบไม้
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,032


ทุกคนคือเพื่อน ...แม้โจรก็เป็นเพื่อนเราได้


« ตอบ #9 เมื่อ: 26-08-2006, 09:01 »

ความคิดเห็นที่ 51  

ต่อครับ
ขั้นตอนของความเพลี่ยงพล้ำในการดำเนินนโยบายการเงิน ลำดับได้ดังนี้

1. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจเลือกที่จะไม่ให้เปิดตลาดทุนเสรี ตั้งแต่พ.ศ. 2533 แต่ธปท.ก็เลือกที่จะให้เปิด การตัดสินใจให้เปิดครั้งนั้น นับว่าเป็นผลพวงของแนวนโยบายที่เป็นมาโดยต่อเนื่องเป็นระยะยาวนาน และสะท้อนความต้องการของฝ่ายการเมืองในขณะนั้นอย่างเต็มที่ เมื่อนายวิจิตรเข้ามารับตำแหน่งเป็นผู้ว่าการ ก็สานต่อนโยบายนั้นอย่างขะมักเขม้นถึงขั้นเปิดวิเทศธนกิจ ซึ่งก็ได้รับความเห็นชอบจากทุกฝ่าย

2.เมื่อธปท.เลือกที่จะเปิดตลาดเงินทุนให้เสรีแล้ว ธปท.ก็ควรเลือกที่จะให้อัตราแลกเปลี่ยนยืดหยุ่นมากกว่านี้ แต่ธปท.ก็เลือกที่จะรักษาช่วง (band) อัตราแลกเปลี่ยนที่แคบมากไว้ จะมาเริ่มพิจารณาก็ในเดือนเมษายน 2539 ซึ่งสายไปเสียแล้ว เพราะหลังจากนั้นอีกไม่กี่เดือน ปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นก็รุนแรง จนทำให้ธปท. กลัวที่จะดำเนินการใดๆ อีกต่อไป เพราะเกรงว่าจะส่งสัญญาณผิดให้กับตลาด

3.เมื่อธปท.เลือกที่จะรักษาอัตราแลกเปลี่ยนที่แคบไว้เช่นนั้น ก็หมายความว่า แนวนโยบายทางด้านอุปสงค์รวม จะต้องมีความระมัดระวัง (CONSERVATIVE) เป็นพิเศษ โดยเฉพาะในระยะตั้งแต่ พ.ศ. 2537 เป็นต้นมา นโยบายการคลังเป็นเรื่องของรัฐบาลและรัฐสภาก็จริงอยู่ แต่ธปท. ก็มิได้ผลักดันอย่างจริงจังในรัฐบาลมีนโยบายเกินดุล ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในช่วงนั้น ส่วนนโยบายการเงินที่ดึงปริมาณเงินในประเทศก็ไร้ผล เพราะถูกลบล้างด้วยเงิน***้จากต่างประเทศที่ไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

4. เมื่อธปท.ไม่สามารถใช้นโยบายการคลัง หรือการเงินได้ ก็ควรจะใช้มาตรการไม่ให้เงิน***้ไหลเข้าประเทศอย่างมากมายเสียตั้งแต่ต้น แต่มาตรการที่ประกาศเป็นมาตรการที่อ่อน และนำมาใช้เมื่อสายไปแล้ว คือหลังจากที่ไทยมีหนี้สินระยะสั้นในระดับสูงมากเกินไปเสียแ

จากคุณ : sam18  - [ 25 ส.ค. 49 17:20:31 ]  
  
 
  
 


 ความคิดเห็นที่ 52  

ต่อ ครับ
ข้างบนเป็นบทสรุปของ สปร.เกี่ยวกับสาเหตุใหญ่ที่ทำให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ซึ่งจะเห็นว่าเป้นปัญหาที่เกิดจากการเปิดเสรีทางการเงินแบบผิดๆ ต่อไปนี้คือเหตุผล


การเงินระหว่างประเทศมีหลักการพื้นฐานที่เรียกว่า “หลักการที่เข้ากันไม่ได้ของ 3 สิ่ง “ (Incompatibility of Trinity) คือ

1 . การใช้นโยบายการเงินที่เป็นของตัวเอง ( Independence Monetary Policy)
2. การคงอัตราแลกเปลี่ยนแบบตายตัว ( Fixed Exchange Rate )
3. การเคลื่อนย้ายเงินทุนโดยเสรี ( Freedom of Capital Movement )

ความหมายคือ ประเทศหนึ่งประเทศใดไม่สามารถจะทำทั้งสามสิ่งนี้ได้พร้อม ๆ กัน
เช่น ถ้าเราเลือกใช้อัตราแลกเปลี่ยนแบบตายตัว ( Fixed Exchange Rate )
และใช้นโยบายการเงินที่เป็นของตัวเอง ( Independent Monetary policy )
เราก็จะไม่สามารถปล่อยให้มีการเคลื่อนย้ายเงินทุนโดยเสรี ( Freedom of Capital Movement )ได้

เหมือนครั้งหนึ่งประเทศไทยเคยใช้ก่อนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ
และประเทศจีน มาเลเซีย กำลังใช้อยู่ในปัจจุบัน

เหตุผลง่ายๆคือการใช้เงินสกุลของตนเอง แต่ไปผูกติดกับเงินสกุลอื่น
ย่อมก่อให้เกิดค่าเงินที่ไม่ตรงต่อความเป็นจริง
เมื่อค่าเงินเพี้ยนจากความเป็นจริงมากๆ
ก็จะเปิดโอกาสให้สามารถทำกำไรจากค่าเงินได้
และยิ่งเมื่อมีองค์ประกอบที่สามเข้ามาอยู่ในที่เดียวกัน
คือเปิดเสรีให้เงินทุนสามารถไหลเข้าออกได้โดยไม่มีการควบคุม
การโจมตีค่าเงินก็สามารถกระทำได้อย่างง่ายดาย

จากคุณ : sam18  - [ 25 ส.ค. 49 17:21:53 ]  
  
 
  
 


 ความคิดเห็นที่ 53  

ต่ออีก ครับ
ตัวอย่างของการที่มีองค์ประกอบเพียงสองสิ่ง(ไม่ครบสาม)ที่เห็นง่ายๆคือ
ของไทยช่วงก่อนเปิดเสรี ที่เรามีเงินสกุลของตนเองและผูกติดค่าเงินไว้กับดอลล่า
แต่ไม่ได้เปิดเสรีทางการเงิน เราปลอดภัยและรอดพ้นจากการโจมตีมาได้

อีกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือประเทศมาเลเซีย
มาเลเซียก็ตกเป็นเป้าการโจมตีค่าเงินเช่นเดียวกับไทย แต่มาเลเซียมีผู้นำที่ฉลาดและกล้าหาญ
โดยกล้าออกกฎหมายควบคุมการเคลื่อนย้ายเงินทุน
ทำให้มาเลเซียสามารถฝ่ามรสุมทางการเงินในช่วงเวลานั้นมาได้โดยไม่เสียหาย


.........เมื่อรัฐบาลสมัยนั้นจะเปิด BIBF ก็ไม่ได้คำนึงถึงหลักสากลว่าควรจะปล่อยค่าเงินลอยตัว
.....ไม่เช่นนั้นต่อให้เทวดามาบริหารก็พังอยู่ดี......

ทำตัวเหมือนพวกทันยุค รู้มาก แต่ไม่รู้จริงหรอกครับ

ข้างบนนั้นเป็นเหตุผลว่าทำไมการเปิด BIBF จึงมีส่วนสำคัญในการให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ แต่โดยหลักการแล้ว ทุกอย่างจะต้องก่อตัวมาก่อน จนสถานะการณ์สุกงอม จึงจะเกิดปัญหาขึ้นได้


การก่อตัวของปํญหาในที่นี้เริ่มจาก
1. การขาดดุลย์การค้ามานับสิบปีตั้งแต่ช่วงรัตตะบานน้าชาติเป็นต้นมา ทั้งที่การส่งออกในช่วงนั้นบูมอย่างมาก แต่แท้จริงแล้วตัวเลขการนำเข้ากลับสูงกว่า เมื่อขาดดุลย์การค้า ค่าเงินมันก็น่าที่จะมีค่าน้อยลง แต่เนื่องจากเราเอาเงินบาทไปผูกติดกับ ยูเอสดี มันก็เลยคงที่อยู่ที่ประมาณ 25 บาท ... แต่ก็เป็นค่าที่ผิดจากฟามเป็นจริง

2. การเปิดเสรีทางการเงินแบบม่ายมีการควบคุมดูแลอย่างไกล้ชิด ทำให้มีการ***้เงินนอกเข้ามามากมาย ส่วนใหญ่เพื่อเก็งกำไรใน อสังหาฯ และตลาดทุน แต่ม่ายใช่การลงทุนในภาคการผลิต ........ ที่สำคัญต้องเข้าใจก่อนว่า การไหลของเงินนทุนนั้น มันมีธุรกรรมได้สามแบบ คือ IN-OUT, OUT-IN, และ OUT-OUT แต่หลังจากการเปผิดเสรีแล้ว ธุรกรรมแทบจะทั้งหมดมันเป้นแบบ OUT-In อย่างเดียวเท่านั้น นั่นหมายฟามว่า ***้เข้ามาลูกเดียว มันก็เลยม่ายสมดุลย์กัน ......... อีกส่วนก็คือ เราม่ายได้คำนึงถึงกฏเกณท์ “ (Incompatibility of Trinity) ตาม คคห. 10

3. การล้มลงของธนาคารกรุงเทพฯพณิชยการจากการดำเนินการอย่างม่ายโปร่งใส ทำให้เกิดฟามตื่นตระหนกในหมู่เจ้าหนี้ทั้งหลาย และเรื่มระแวงสงสัยในสถาบันการเงินต่างๆของไทย

4. เมื่อค่าเงินผิดเพี้ยนจากฟามเป็นจริงมากๆ ก็เท่ากับเปิดโอกาสให้นักเก็งกำไรค่าเงินสามารถเข้ามาโจมตีเพื่อหากำไรจากค่าเงินได้ และเผอิญ ธนาคารแห่งประเทศไทยในช่วงนั้นเอาเงินของประเทศเข้าทำการต่อสู้อย่างไร้สติ จนหมดหน้าตัก

5. และเมื่อเจ้าหนี้ทราบข่าวนี้ก็ทำการทวงหนี้คืนในทันที ในจำนวนหนี้ทั้งหมดในระยะนั้น ส่วนที่เป็นหนี้ระยะสั้นมีอยู่เป็นจำนวนมาก จึงทำให้ม่ายสามารถชำระคืนให้เจ้าหนี้ได้ทัน

รวมๆแล้วนี่คือสาเหตุของวิกฤติในครั้งนั้น

จากคุณ : sam18  - [ 25 ส.ค. 49 17:23:58 ]  
  
 
  
 


 ความคิดเห็นที่ 54  

ต่ออีก ครับ

การล้มลงของเศรษฐกิจเกิดขึ้นในช่วงของรัฐบาลพลเอกชวลิตจริง แต่สาเหตุมันได้ก่อตัวมาจากหลายๆรัตตะบานก่อนหน้านั้น และมาสุกงอมเอาในช่วงของชวลิต การ***้เงินดูได้การไปลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนง (LOI) ฉบับที่หนึ่งเซ็นในชาวของรัตตะบานชวลิต แต่ส่วนที่เหลือ ตั้งแต่ฉบับที่ 2-8 เป็นของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ต ที่รัฐบาลชุดนั้นประเคนให้ไปตามนิสัยของลูกที่ดีพึงจะปฏิบัติคต่อคุณพ่อไอเอ็มเอฟ ทำให้ประเทศไทยไร้ซึ้งศักดิ์ศรี และเกียรติศักดิ์เปรียบประดุจเหมือนการตกเป็นทาสของไอเอ็มเอฟ โดยไม่ฟังเสียงทัดทานของสื่อมวลชนและประชาชน


ฟามเสียหายจากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยไปต่อสู้ค่าเงินที่เสียหายไป 33,000 ล้านยูเอสดี แต่ฟามผิดพลาดในการแก้ไขปัญหสเศรษฐกิจโดนรัตตะบาน ปชป.นั้นกลับมากฝ่ามากมายนัก.

เรื่องการ***้เข้ามาเป็นเงินทุนสำรองนั้นก็จริงครับ ส่วนหนึ่งนำไปเป็นเงินกองทุนสำรอง เพราะหากกองทุนบ่จี๊ มันก็ม่ายมีเครดิตในสายตาของชาวโลก ค่าเงินบาทก็ม่ายเป็นที่ยอมรับ ......แต่อีกส่วนก็ต้องไปใช้ช่วยหนุนโครงการณ์แก้ไขปัญหาเศณษฐกิจต่างๆ


กลับมาที่กล่าวค้างไว้ ...... การสูญเสียจากวิกฤติเศรษฐกิจในช่วงนั้น นอกจากการสูญเสียในการต่อสู้กับค่าเงินแล้ว การเสียหายจากการดำเนินนโยบายในการแก้่ปัญหาต่างๆนั้นกลับมากฝ่าอีก ... ม่ายว่าจะเป็น

1. .การปิดสถาบันการเงิน 56 แห่งเป็นการถาวรโดยไม่มีมาตรการใดๆ รองรับ เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายทางการเงินอย่างใหญ่หลวง และกระทบไปถึงภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง นักธุรกิจชาวไทยต้องล้มระเนนระนาด และล้มหายตายจากไปบนถนนสายธุรกิจอย่างไม่มีวันจะหวนกลับคืนมาได้ รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เคยออกมารับผิดชอบประการใดหรือไม่
2.มาตรการ 14 สิงหาคมที่รัฐบาลชุดที่แล้วใช้เงินภาษีของประชาชนไปดำเนินมาตรการอุดหนุนพยุงสถานภาพของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบ ประสบความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง เงินที่ใช้ในมาตรการดังกล่าวนี้ ถูก “ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ” โดยไม่เกิดผลใดๆ ต่อประชาชน อีกทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในรัฐบาลชุดที่แล้ว ในอดีตเคยเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์จำกัด (มหาชน) มีผลประโยชน์ทับซ้อนอะไรหรือเปล่า? ช่วยตอบอย่างเสียงดังฟังชัดให้ประชาชนทั้งประเทศได้ยินด้วย
3.รัฐบาลชุดที่แล้ว ได้ใช้มาตรการไม่ให้เงินไหลออกไปนอกประเทศด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์อย่างสูงลิบลิ่ว เช่น อัตราดอกเบี้ยเงิน***้ในธนาคารพาณิชย์บางแห่งสูงกว่าร้อยละ 20 เป็นเหตุให้ภาคผู้ประกอบการที่แท้จริง ต้องประสบกับความล้มละลายไปโดยอัตโนมัติ


ในที่นี้ขอยกเพียงสามประการนี้มากล่าวถึงเท่านั้น

จากคุณ : sam18  - [ 25 ส.ค. 49 17:25:29 ]  
  
 
  
 


 ความคิดเห็นที่ 55  

ตอนจบครับ
ขอลงลึกในรายละเอียดในเรื่องการปิดสถาบันการเงิน 56 แห่ง เพราะส่วนนี้ทำให้เเราเสียหายไปประมาณ 600,000 ล้านบาทจาการปิดสถาบันการเงินและนำสินทรัพย์ของสถาบันเหล่านี้ออกขายในราคาถูกๆ


เรื่องก็คือ รัฐบาลชวลิตสั่งปิดสถาบันการเงิน 58 แห่งเป็นการชั่วคราวเมื่อเดือนตุลาคม 2540 เพื่อตรวจสอบและวิเคราะห์ สำหรับการการปฎิรูปและฟื้นฟูสถาบันการเงินเหล่านั้นเพื่อให้เธถรกรรมต่างๆของธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้ โดยตั้ง ปรส.ขึ้นมาเพื่อดำเนินการในครั้งนั้น..........เหมือนหมอที่วินิจฉัยโรคก่อนการลงมือรักษา

ครั้นรัฐบาลชวนเข้ามาในเดือนพฤศจิกายน 2540 ก็ได้สั่งปิดถาวร 56 ใน 58 สถาบันการเงินเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 1997

ในช่วงก่อนการประกาศปิดสถาบันการเงินแบบถาวรนั้น
ในช่วงต้นๆ สื่อต่างๆก็คาดเดาว่าอย่างเก่งก็คงปิดสักสิบกว่าราย
แล้วก็ลดลงมาเป็นคาดว่าจะมีสถาบันการเงินรอดได้ 16 แห่งในช่วงอาทิตย์สุดท้ายก่อนการประกาศ
เอาเข้าจริง สถาบันการเงินของไทยเป็นมะเร็งขั้นสุดท้าย 56 ใน 58 แห่ง
อันนี้ในสายตาของรัฐบาลขณะนั้น
แต่ในสายตาบุคคลทั่วไปต่างงง รวมถึงตัวผมด้วย
หาเหตุผลไม่ได้ว่าที่ทำกันเช่นนี้มันเป็นการฟิ้นฟูหรือทำลายกันแน่
จนเมื่อเห็นวิธีการประมูลทรัพย์สินให้ต่างชาติในราคาถูกๆแล้ว ผมจึงได้ถึงบางอ้อว่า
กลุ่มนี้มันวางแผนไว้อย่างแยบยลจริงๆ

ล่าสุด ผลสอบ ”ศปร. 3” ออกมาแล้ว และได้ชี้ให้เห้นถึงฟามไม่ชอบมาพากลและความผิดพลาดของปรส.ตั้งแต่ต้นจนปลาย (ลองหาอ่านในหนังสือ “เปลือยธารินทร์” จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ผู้จัดการ ที่เดี๋ยวนี้กลายเป็น "หนังสือหายาก" ไปแล้ว)

ขอสรุปสั้น ๆ ด้วยภาษาชาวบ้านดังนี้

1. รัฐบาลพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ตั้งปรส.ขึ้นมาให้ทำหน้าที่ปฏิรูปสถาบันการเงินให้มีความแข็งแรงและฟื้นฟูกิจการที่ได้รับผลกระทบเพื่อเป็นกำลังทางเศรษฐกิจของประเทศต่อไป จึงให้หยุดกิจการ 58 สถาบันการเงินเป็นการชั่วคราว แต่ครั้นเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ นโยบายก็เปลี่ยนแปลงไปหมด มีการสั่งปิดตาย 56 สถาบันการเงินทันที และเปิดใหม่เพียง 2 แห่ง เสมือนเป็นการเริ่มต้นของแผนร้ายที่ถูกเรียกขานว่า “ปล้นชาติ” และ “ขายชาติ” โดยไม่ดำเนินการตามวัตถุประสงค์เดิม

2. เมื่อปิดสถาบันการเงินแล้วโอนทรัพย์สินและลูกหนี้ประมาณ 8 แสนล้านบาทไปให้ปรส.บริหารจัดการ โดยรัฐบาลรับใช้หนี้เงินฝากแก่ประชาชน ดังนั้นการบริหารจัดการจึงต้องคำนึงถึงประโยชน์ที่จะได้รับ คือจะต้องจัดการให้ได้รับผลตอบแทนที่ทัดเทียมกัน มิฉะนั้นรัฐบาลก็จะเสียหาย ซึ่งก็คือประชาชนเสียหาย

3. ผู้บริหารปรส. และธปท. จ้างฝรั่งมาเป็นที่ปรึกษา และกำหนดให้ขายทรัพย์สินทั้ง 8 แสนล้านบาทโดยเร็ว แต่ไม่ให้ลูกหนี้เดิมมีส่วนซื้อ และจะขายเป็นกอง ๆ ละประมาณหมื่นล้านบาท เท่ากับเป็นการเปิดทางให้เฉพาะต่างชาติซึ่งเป็นพรรคพวกเท่านั้น

4. ที่ปรึกษาฝรั่งเข้ามาตรวจสอบรายการทรัพย์สินที่เป็นลูกหนี้ทั้งหมด รวบรวมเก็บข้อมูลทั้งหมด แล้วจัดกองลูกหนี้เองทั้งหมด จากนั้นก็กำหนดเงื่อนไขการขาย คือไม่ให้ลูกหนี้เข้าประมูล และเมื่อขายกองละหมื่นล้านบาทขึ้นไปก็เท่ากับกีดกันผู้ประมูลทั่วไปให้เหลือน้อยลง แต่คนที่รู้ไส้รู้พุงก็คือที่ปรึกษาฝรั่งนั้น

5. เมื่อประกาศประมูลก็มีผู้แสดงความสนใจหลายราย ต่อมามีการเปิดให้มีการตรวจกองลูกหนี้เพื่อจะได้รู้ฐานะและจะเสนอราคาได้ถูกต้อง หลังจากเปิดให้ตรวจแล้วมีการสลับกองลูกหนี้ ย้ายลูกหนี้กองนั้นไปไว้กองโน้น ทำให้ผู้สนใจที่มาตรวจดูกองลูกหนี้ไม่แน่ใจว่ากองหนี้ที่ตั้งใจจะประมูลเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร จึงทำให้มีผู้สละสิทธิ์ไม่เข้าประมูลหลายราย เหลือแต่พรรคพวกในขบวนการเดียวกันเท่านั้น

6. ในจำนวนผู้สนใจซื้อหนี้ มีบริษัทที่ที่ปรึกษาฝรั่งถือหุ้น 99.99 % รวมอยู่ด้วย และชนะการประมูลเพราะรู้ไส้รู้พุงหมดแล้ว

ทรัพย์สิน 8 แสนล้านบาทจึงขาย***เพียง 2 แสนล้านบาท

เท่ากับชาติถูกปล้นไป 6 แสนล้านบาท !

เป็นมหาวีรกรรมในการปล้นชาติระดับโลกที่ต้องจารึกไว้ชั่วลูกชั่วหลาน

7. พอชนะประมูลแล้วยังคิดโกงภาษีต่อไป โดยยกเว้นภาษีให้ แต่ต้องตั้งเป็นกองทุน ดังนั้นเมื่อถึงวันเซ็นสัญญา ผู้ชนะประมูลไม่ได้เซ็นสัญญา คงมีแต่ปรส.เซ็นชื่อข้างเดียว ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นการทำสัญญาแบบไหน แล้วมีการโอนเงินเข้ามาชำระเงินงวดแรก หลังจากนั้นอีกหลายเดือนเมื่อมีการตั้งกองทุนเสร็จ ก็เอากองทุนเข้ามาทำสัญญา เป็นการโกงภาษีอีกต่อหนึ่ง

ความเสียหาย 6 แสนล้านบาท คนไทยทั้งประเทศต้องรับภาระอยู่จนถึงทุกวันนี้ และต้องรับผิดชอบต่อไปอีกนานหลายปี

ฟามจริงยังมีวีรกรรมของ ปรส.ในยุคของรัตตบาะที่แล้วอีกหลายเรื่อง เช่นเรื่องการขายสัญญา ลี๊สซิ่งของสถาบันการเงินให้กับ จีอี แคปปิตอลในราคาถูกๆ แต่หัวใจก็คือ จีอีแค๊ปปิตอลนั้นมีประธานชื่อว่า อานัน ปัญญารชุน พอมองภาพออกนะครับ ว่าขาประจำในเคสนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร................ ไว้โอกาสหน้าถามมาแล้วจะวิสัชนาให้ฟังครับ

การบริหารจัดการกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน

ในส่วนของการบริหารจัดการกองทุนฟื้นฟูฯ นั้น ศปร. เห็นว่าบทบาทของกองทุนฟื้นฟูฯผิดไปจากเจตนารมณ์ของกฏหมาย เนื่องจากไม่มีการแยกแยะระหว่างปัญหาสภาพคล่องและปัญหาฐานะการดำเนินงานของสถาบันการเงิน สิ่งนี้เป็นผลให้กองทุนละเลยหน้าที่ในการฟื้นฟูกิจการด้วยการเพิ่มทุนให้เพียงพอ และไม่เผชิญกับปัญหาหนี้เสียอย่างตรงไปตรงมา อีกทั้งเมื่อให้กู้เงินไปก็ไม่มีการติดตามดูแลการดำเนินงานของสถาบันการเงินในฐานะเจ้าหนี้รายใหญ่ และแม้กระทั่งเมื่อมีการปิดสถาบันการเงินไปแล้ว กองทุนฟื้นฟูฯ ก็ไม่มีบทบาทในการเป็นผู้นำในการหารือกับเจ้าหนี้เพื่อฟื้นฟูกิจการแต่อย่างใด ในบางครั้งกลับไม่ยอมร่วมเจรจากับเจ้าหนี้อื่นเพื่อแก้ปัญา อันก่อให้เกิดผลเสียกับทั้งกองทุนฟื้นฟูฯ  เจ้าหนี้ และสถาบันการเงินอื่นในเวลาต่อมา

นอกจากนี้ในส่วนโครงสร้างของกองทุนฟื้นฟูฯ ในปัจจุบันก็มีปัญหาเนื่องจากขาดความอิสระการตรวจสอบในการประเมินฐานะของสถาบันการเงินก็ต้องอาศัยฝ่ายกำกับและตรวจสอบของ ธปท. ดำเนินการต่างๆ คณะกรรมการจัดการได้ก่อนทำให้ยาที่จะมีความเห็นทัดทานนโยบาย ธปท.ได้ ดังนี้จึงอาจสรุปได้ว่า ในช่วงวิกฤตการณ์ที่ผ่านมากองทุนฟื้นฟูฯ เป็นเพียงหน่วยงานที่ทำหน้าที่หาเงินและจ่ายเงินตามนโยบายของทางการเท่านั้น แต่ไม่มีส่วนร่วมในการประเมินและร่วมแก้ปัญหาแต่อย่างใด

ในส่วนการแก้ปัญหาสถาบันการเงินนี้ ศปร.เห็นว่า ธปท. ในฐานะผู้กำกับสถาบันการเงินและกองทุนฟื้นฟูฯ นั้นขาดวิสัยทัศน์ที่ชัด่เจนในการแก้ปัญหา และไม่มีการเตรียมแผนงานเพื่อรองรับในกรณีที่เกิดวิกฤตการณ์ขึ้น เป็นผลให้มาตรการและแนวทางที่ดำเนินการไปมีการเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้ง อันนำไปสู่การขาดความเชื่อมั่นของสาธารณชนต่อ ธปท. เมื่อประกอบกับการขาดความเชื่อมั่นในสถาบันการเงิน จึงเป็นเหตุนำไปสู่วิกฤตการณ์ที่ผ่านมา
3. ข้อเสนอแนะของ ศปร. เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการระบบการเงิน

ในการบริหารจัดการระบบการเงินให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพนั้น ศปร. มีความเห็นว่าควรมีการปรับปรุงโครงสร้างการบริหารการเงินให้เหมาะสม เพื่อที่จะสามารถบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความอิสระ และมีบทบาทความรับผิดชอบที่ชัดเจน รวมถึงมีการถ่วงดุลที่เหมาะสม นอกจากนี้ จะต้องมีการให้ความสำคัญกับขั้นตอนและกระบวนการคัดเลือกผู้ที่จะเป็นผู้บริหาร รวมถึงคณะกรรมการขององค์กรนั้นๆ ให้มากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากมีผลโดยตรงกับการบริหารงานภายใน และวัฒนธรรมขององค์กร

ในส่วนของโครงสร้างนั้น ศปร. เห็นว่าควรมีการแยกธนาคารกลางและการกำกับตรวจสอบดูแลสถาบันการเงินออกจากกัน ซึ่งจะเป็นผลดีในการช่วยลดการขัดแย้งด้านนโยบายและเป็นการง่ายต่อการสรรหาบุคลากรในระดับบริหาร ทั้งนี้เนื่องจากการหาบุคคลที่มีความสามารถทำงานทั้งสองด้านให้ดีเด่นคงทำได้ยาก อีกทั้งการแยกความรับผิดชอบที่เด่นชัดทำให้การประเมินผลทำได้ง่าย ในส่วนของกองทุนฟื้นฟูฯ นั้น ศปร.เห็นว่าควรมีการยกเลิกโดยเร็วโดยเฉพาะการรับประกันโดยไม่มีขอบเขต โดยแปลงมาเป็นส่วนงานทางด้านประกันเงินฝาก และรวมเข้ากับส่วนงานด้านกำกับและตรวจสอบสถาบันการเงิน ทั้งนี้เนื่องจากสถาบันประกันเงินฝาในฐานะผู้รับประกัน จำเป็นต้องมีการตรวจสอบฐานะการเงินของสถาบันการเงินต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่าอยู่ในสภาพที่เหมาะสม เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงของสถาบันประกันเงินฝาก ดังนั้นการรวม 2 ส่วนงานนี้เข้าด้วยกัน จึงเป็นสิ่งที่เหมาะสม

สำหรับทุนรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนนั้น ศปร. เห้นว่าควรยกเลิกเนื่องจากการทำงานซ้ำซ้อนและหมดความจำเป็น

ในส่วนของงานให้บริการต่อบุคคลอื่นที่อยู่ภายใต้กฏหมายดังเช่นงานกำกับและตรวจสอบสถาบันการเงินนั้น ควรมีการกำหนดเป็นกฏระเบียบ โดยกำหนดระยะเวลาการทำงานขององค์กรอย่างชัดเจน นอกจากนี้แล้วควรมีการกำหนดให้ต้องรายงานสรุปเรื่องที่ได้ดำเนินการไปแล้วต่อประชาชนด้วย เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและความระมัดระวังมากขึ้นการปฏิบัติงาน

นอกจากนี้ ศปร. เห็นว่าควรมีประชุมร่วมกันกันระหว่างผู้บริหารสถาบันทุกแห่งที่เกี่ยวข้องกับระบบการเงินของประเทศเป็นประจำ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดการประสานงานและมีการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นระหว่างหน่วยงานเพื่อให้ได้ข้อสรุปเชิงนโยบายที่ดีที่สุดอันจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศโดยรวม

ในส่วนของ ธปท. นั้น ศปร. เห็นว่าควรมีคณะกรรมการ 2 คณะ ร่วมกันบริหาร กล่าวคือ คณะกรรมการบริหารทำหน้าที่ดูแลการบริหารและการเงินภายใน และคณะกรรมการนโยบายการเงินเป็นผู้พิจารณาตัดสินในนโยบายการเงินและอัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงการกำหนดมาตรการทางการเงิน ทั้งนี้ในส่วนของคณะกรรมการนโยบายการเงินนั้นให้มีบุคคลภายนอกร่วมเป็นกรรมการจำนวนหนึ่ง สำหรับตำแหน่งผู้ว่าการนั้น ศปร. เห็นว่าควรมีการำหนดวาระไว้ รวมถึงวิธีการคัดเลือกและแต่งตั้งผู้ว่าการ ทั้งนี้การแต่งตั้งและคัดเลือกให้พิจารณาโดยบุคคลหลายฝ่าย เพื่อให้ผู้ดำรงตำแหน่งนี้เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางและมีอิสระในการดำเนินงาน

จากคุณ : sam18  - [ 25 ส.ค. 49 17:26:52 ]  
  
 
  
 


 ความคิดเห็นที่ 56  

Sam 18 กระทู้บน

ช่วยบอกแหล่งที่มาของ่ข้อมูลนิด ครับเพื่อความกระจ่าง

จากคุณ : backsubport  - [ 25 ส.ค. 49 17:30:01 ]  
  
 
  
 


 ความคิดเห็นที่ 57  

หนังสือ “เปลือยธารินทร์” และผลการสอบ ปาส ครับ

จากคุณ : sam18  - [ 25 ส.ค. 49 17:34:37 ]  
  
 
  
 


 ความคิดเห็นที่ 58  

http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P4653494/P4653494.html

E B A

จากคุณ : Extraordinary Brain Activities (Arty_belgium)  - [ 25 ส.ค. 49 17:47:36 ]  
  
 
  
 


 ความคิดเห็นที่ 59  

ราคายางตกฮวบ ยาบ้าเกลื่อนเมือง และอะไรอีกหลายๆอย่างที่เยอะจนไม่รู้จะว่ายังไง

จากคุณ : เทเลทับขี้   - [ 25 ส.ค. 49 18:10:09 ]  
  
 
  
 


 ความคิดเห็นที่ 60  

ปากกระเทยครับ

จากคุณ : Vincent Van Gogh   - [ 25 ส.ค. 49 18:26:32 ]  
  
 
  
 


 ความคิดเห็นที่ 61  

1. ด่า ทรท ว่าซื้อเสียง ประชาธิปัตย์ไม่เคยซื้อเสียง..ขอโทษนะครับ ผมเห็นกับตา รับมากับมือ

2. ผมยึดมั่นระบบรัฐสภา..จริงอยู่ คุณชวนอาจจะไม่เห็นด้วยกับการบอยคอตในตอนแรก
แต่แล้วก็ตามน้ำ ไป ๆ มา ๆ ก็ทวนน้ำ

และก็ฉกฉวยโอกาสไปเป็นของตัวเองบนกองเลือดของประชาชน สมัยพฤษภาทมิฬ

3. กลุ่มงูเห่า..เกิดขึ้นเพราะใคร ชวนไม่เกี่ยว คนอื่นทำ..
แล้วนั่งเสวยสุขเป็นนายกอย่างหน้าซื่อตาใสอยู่ได้
แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 49 18:34:49

จากคุณ : นั่งนั่งนอนนอน  - [ 25 ส.ค. 49 18:31:35 ]
 
  
 
  
 


 ความคิดเห็นที่ 62  

ไปแล้ว มันไปแล้ว

ขี้เสร็จเช็ดตูดแล้วออกไปอย่างเงียบ ๆ

นี่หลอกให้เรามาด่าลมด่าแล้งหรือไงเนี่ย


รู้ทั้งรู้ยังกดกันซะหมดแม๊กเลย

จากคุณ : Steeringwheel Father   - [ 25 ส.ค. 49 18:42:14 ]  
  
 
  
 


 ความคิดเห็นที่ 63  

ข้อมูลเยอะอย่างนี้ป้าใบไม้ไม่อ่านหรอกครับ  ตาลาย

เท่าที่ดูป้าเล่นตั้งกระทู้แล้วหายไปเลยแฮะ

จากคุณ : ตอบแทน ฯ  - [ 25 ส.ค. 49 18:50:55 ]  
  
 
  
 


 ความคิดเห็นที่ 64  

แก่จนหัวหงอกแล้ว ยังไม่รู้จักกาละเทศะ
เป็นนายกฯมาสองสมัยแก่จะเข้าโลงอยู่แล้ว
ยังไม่สำนึก พูดจากแบ่งแยกแผ่นดินตลอด  

จากคุณ : Angel ~ นรก  - [ 25 ส.ค. 49 19:10:44 ]  
  
 
  
 


 ความคิดเห็นที่ 65  

ไปแล้วครับ  ไปตั้งกระทู้ใหม่แล้ว ตามระเบียบ

อ้อ ความเห้นข้างบนครับ

คุณ จขกท เป็นคนเดียวกับคุณ คำพร่ำเพ้อของหน่อไม้ ครับ (ชื่อนี้มีคนตั้งให้เขาในบอร์ดนี้แหละครับ)

จากคุณ : SPP Crew  - [ 25 ส.ค. 49 19:36:10 ]  
  
 
  
 


 ความคิดเห็นที่ 66  

อดีตก้คืออดีตค่ะ    ไปตอกโลงเหอะ  

ตอนนี้เราพูดถึงปัจจุบันและอนาคตแล้วคะ


คงไม่มีใครอยากคิดถึงอดีตแล้วค่ะ .................... ไปชิ๊วๆๆๆ

จากคุณ : PaNok@Philharmonic   - [ 25 ส.ค. 49 19:55:35 ]  
  
 
  
 


 ความคิดเห็นที่ 67  

ใบไม้เน่าอีกแล้วววว..5555
เพราะยังไม่ได้รับรายงานจากชวน..เหอ เหอ เหอ

จากคุณ : พิงค์นคร49 (พิงค์นคร49)  - [ 25 ส.ค. 49 20:06:08 ]  
  
 
  
 


 ความคิดเห็นที่ 68  

เกลียดเพราะมันชอบยกภาคมาอ้าง
เกลียดเพราะ เจ้าของกระทู้ชอบเลีย
เกลียดเพราะมันเป็น ปชป.

จากคุณ : 48 (ที่รองรีด)   - [ 25 ส.ค. 49 20:14:21 ]  
  
 
  
 


 ความคิดเห็นที่ 69  

เธอไปแล้ว โดนยึดอมยิ้มไปแล้ว เดื๋ยวคงเปลื่ยนชื่อเข้ามาใหม่ ตามเคย
แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 49 20:23:04

จากคุณ : แฟนประจำ (ZaiZai_Ai_Ni)  - [ 25 ส.ค. 49 20:22:39 ]
 
  
 
  
 


 ความคิดเห็นที่ 70  

ผมไม่รู้..........


ผมรู้แต่ว่า............


ถ้าผมด่า.....เอ้ย.........วิจารณ์ทีไร.......



กระทู้โดนลบทุกที........





ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

จากคุณ : ฮั่นแน่...เชื่อผมเหรอ  - [ 25 ส.ค. 49 21:36:30 ]  
  
 
  
 


 ความคิดเห็นที่ 71  

เอ ไม่ใช่ บอใบไม้นั่นมั้ง เพราะเห็นเธอชื่นชมทักษิณนะ  แต่คนนี้ชอบนายชวน คงเชื่องช้าเหมือนกัน

จากคุณ : padivarutda  - [ 25 ส.ค. 49 23:41:48  
 

บันทึกการเข้า

....พูดดี  ทำดี  คิดดี ...ทุกวินาที
คิดได้อย่างนี้ก็เพียงพอแล้ว
น้องแบ๊งค์เองครับ
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 800


« ตอบ #10 เมื่อ: 26-08-2006, 09:51 »

ใครอยู่ตรงข้ามนายกตอนนี้ผมว่าต้องเงียบๆไว้ก่อนถ้าเข้าไปแสดงความเห็นบ่อยๆ ยังๆงเค้าก็ตั้งะงไว้ว่า ต้องกำจัดให้หมด ถ้าจะอยู่ต่อไปต้องอยู่อย่างพวกบ้าๆบอๆ มีเหตุผลห้ามโพส เพราะนายกเสียเครดิต รอผมอีกไม่นาน ผมจะเขียนเครือข่ายคนหมิ่นศาลและกองเชียร์นายกในราชดำเนิน ขอรวบรวมหลักฐานนิดเดียว งานนี้จะลากออกมาให้หมดตั้งแต่วอรูมขาประจำไปจนเวบมาสเตอร์เลย
บันทึกการเข้า
วินท์
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 176


« ตอบ #11 เมื่อ: 26-08-2006, 17:48 »

ใกล้เลือกตั้งก็ยังงี้แหละครับ
บันทึกการเข้า
mini
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 407


« ตอบ #12 เมื่อ: 27-08-2006, 16:03 »

ผมว่า ปรส ไม่ใช่ว่าขายขาดทุนอย่างเดียวหรอก

มันเป็นกลโกง ที่ใช้หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าต่ำๆ
มาประเมินในราคาสูง เพื่อกู้เงินได้จำนวนมากๆ
พอเอาหลักทรัพย์ออกมาขายจริงๆ ก็เลยได้เงินจำนวนน้อยกว่ามูลหนี้
บันทึกการเข้า
mini
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 407


« ตอบ #13 เมื่อ: 27-08-2006, 16:05 »

------------------------------------------------------------------------------------

วันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2549 ปีที่ 30 ฉบับที่ 3813 (3013)

ขุมทรัพย์ใหม่

คอลัมน์ โปร่งใสไร้เหลี่ยม

โดย ประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์

งบประมาณแผ่นดินเป็น "ขุมทรัพย์เก่า" ที่นักการเมืองแสวงหาผลประโยชน์มาอย่างยาวนาน

ความโลภทำให้นักการเมืองเหล่านี้สมคบกับพ่อค้านักธุรกิจและข้าราชการคิดโครงการต่างๆ ขึ้นมาเพื่อหวังกินค่า "หัวคิว" และเงินใต้โต๊ะจากโครงการดังกล่าวโดยเฉพาะ

นักการเมืองหลายคนที่มักเสนอโครงการขนาดใหญ่เป็นประจำได้รับฉายาว่า "จอมโปรเจ็กต์" บางคนกรรมตามทันสิ้นชีวิตไปด้วยโรคร้ายอย่างน่าอนาถ บางคนซึ่งเคยเป็นลูกน้องมีอำนาจในรัฐบาลไทยรักไทย ยังคงสืบทอดเจตนารมณ์เสนอโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งๆ ที่เป็นรัฐบาลรักษาการ

บางคนที่เคยเป็นนักธุรกิจ (ก่อนกระโดดเข้าเล่นการเมือง มีอำนาจสูงในรัฐบาลปัจจุบัน) ก็เคยสมคบนักการเมืองปั้นโครงการขึ้นมาหลายโครง การ เช่น โครงการด้านโทรคมนาคมมูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาทในช่วงรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ รักษาการในปี 2531

เป็นการอนุมัติโครงการแบบทิ้งทวนของรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงโดยใช้เวลาพิจารณาเพียงวันเดียว แต่เมื่อถูกสื่อมวลชนเปิดโปงก็ล้มไม่เป็นท่า ผลประโยชน์ในโครงการนี้อาจเป็นคำตอบว่า ทำไมหัวหน้าของพรรคการเมืองสองพรรคจึงมีความสัมพันธ์กันอย่างแนบแน่นจนถึงปัจจุบัน

แม้การหากินกับงบประมาณแผ่นดินผ่านโครง การขนาดใหญ่ถูกเปิดโปงบ่อยครั้ง แต่มิได้ทำให้นักการเมืองเหล่านี้หวาดหวั่น ยังคงเดินหน้าหากินในรูปแบบนี้ต่อไปจนค่าหัวคิวเพิ่มจาก 3-5% เป็น 20% ในปัจจุบัน เพราะค่าใช้จ่ายในทางการเมืองมีต้นทุนสูงขึ้น รวมถึง "ความโลภ" ที่เพิ่มขึ้นด้วย

แต่นักการเมืองเหล่านี้ยังคงแสวงหาทางใหม่ๆ ในการเก็บเกี่ยวเงินเข้ากระเป๋า เมื่อเศรษฐกิจเฟื่องฟูส่งผลให้ดัชนีในตลาดหลักทรัพย์ฯพุ่งกระฉูด ทำให้นักการเมืองบางกลุ่มมองเห็นว่าตลาดหุ้นน่าจะเป็น "ขุมทรัพย์ใหม่" ที่สามารถแสวงหาผลประโยชน์อย่างสะดวกสบายและเป็นกอบเป็นกำ

ตัวอย่างการเข้าไปแสวงหาประโยชน์จากตลาดหุ้นผ่านบริษัทจดทะเบียนที่น่าศึกษามากที่สุด คือ นักการเมืองกลุ่ม 16 และเครือข่าย จากรายงานการตรวจสอบของธนาคารแห่งประเทศไทยพบว่า มีนักการเมืองกลุ่มหนึ่งที่รู้จักกันดีในนามกลุ่ม 16 ซึ่งมีบทบาทสูงในรัฐบาลนายบรรหาร ศิลปอาชา เข้าไปใช้บริการเงินกู้จากธนาคารกรุงเทพฯพาณิชย์การ หรือบีบีซี ในช่วงปี 2537-2538 เป็นเงินสูงถึง 7,942-8,117

ขณะที่มีมูลค่าหลักประกันเพียงครึ่งหนึ่ง คือ 4,190 ล้านบาท (แบ่งเป็นหุ้น 2,584 ล้านบาท ที่ดิน 1,606 ล้านบาท)

รายละเอียดของการกู้เงินของนักการเมืองกลุ่มนี้ประกอบด้วย กลุ่มตันเจริญ 2,647-2,716 ล้านบาท กลุ่มหาญสวัสดิ์ 730-978 ล้านบาท, กลุ่มมุตตามระ 2,325-2,796 ล้านบาท, กลุ่มชิดชอบ 80-89 ล้านบาท, กลุ่มคุณปลื้ม 36 ล้านบาท, กลุ่มยี่สาร 70-103 ล้านบาท, กลุ่มกลิ่นประทุม 48 ล้านบาท, กลุ่มไพโรจน์ เปี่ยมพงษ์สานต์ 1,668-1,797 ล้านบาท

เงินกู้เหล่านี้ส่วนหนึ่งนำไปเทกโอเวอร์บริษัทในตลาดหุ้นบางบริษัท เช่น เอิร์ธ อินดัสเตรียล แล้วเก็บไว้ไม่ถึง 1 ปี มีการทำราคาให้สูงขึ้นและขายต่อให้ผู้ซื้อรายใหม่ที่สนับสนุนโดยบีบีซีเช่นเดียวกัน ได้กำไรไปทันที 200-300 ล้านบาท

เงินกู้หลายร้อยล้านบาทถูกนำไปกว้านซื้อที่ดินที่มีปัญหาเรื่องเอกสารสิทธิในราคาสูงกว่าความเป็นจริง แต่เงินกู้อีกจำนวนมากไม่รู้ว่าถูกนำไปใช้จ่ายอย่างไร

บริษัทหนึ่งอุปโลกน์คนรับใช้ของ คนขับรถของ ส.ส.ขึ้นมาเป็นกรรมการบริษัทกู้เงิน 261 ล้านบาท คือ บริษัทท่ายางคอนซูเมอร์ อีกบริษัทอุปโลกน์ลูกน้องเป็นกรรมการบริษัทกู้เงิน 269 ล้านบาท ไม่น่าเชื่อว่าต่อมากรรมการบริษัทคนดังกล่าวมีตำแหน่งสูงในวุฒิสภา โดย ส.ว.จำต้องเรียกขานด้วยความเคารพในที่ประชุม

ทั้งสองบริษัทกู้เงินกว่า 500 ล้านบาทโดยไม่มีหลักประกันแม้แต่บาทเดียว

นักการเมืองในกลุ่มนี้หลายคนสนิทแนบแน่นกับ ราเกซ สักเสนา (อดีตที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการบีบีซี ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงบีบีซีจนทำให้ธนาคารแห่งนี้ล้มครืน) ที่หลบหนีไปอยู่แคนาดานานสิบปีพอดิบพอดี

นักการเมืองเหล่านี้หลายคนเป็นใหญ่เป็นโตในรัฐบาลไทยรักไทย บางคนอยู่เป็นที่ปรึกษาคนสำคัญข้างกายผู้นำพรรคในยามกำลังตกต่ำ

นี่อาจเป็นคำตอบว่า ทำไมนายราเกซจึงไม่อยาก (กล้า) กลับเมืองไทย

เช่นเดียวกับนักการเมืองกลุ่มนี้ก็ไม่อยากให้นายราเกซหวนกลับมาอีกตลอดไป

------------------------------------------------------------------------------------
บันทึกการเข้า
A-NOY
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 546


« ตอบ #14 เมื่อ: 27-08-2006, 17:12 »

ที่นั่น(ราชดำเนิน)  มันคือทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ครับ  ไม่งั้นคงไม่พอเลี้ยงควายได้ฝูงใหญ่ขนาดนั้นหรอก
บันทึกการเข้า

A-NOY
lucky@winter
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 90



« ตอบ #15 เมื่อ: 27-08-2006, 17:34 »

ช่วงที่เข้าราชดำเนินจะเลี่ยงกระทู้ของคุณใบไม้ หลังจากติดตามมาสักพักนึง แล้วงงๆ เอ..เหลี่ยมจัดรึเปล่า Rolling Eyes
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #16 เมื่อ: 27-08-2006, 17:37 »

ยินดีต้อนรับเข้าสู่สมาคม "อมยิ้มพลีชีพ" ด้วยความเต็มใจ ฮ่า ฮ่า
บันทึกการเข้า

RiDKuN
Administrator
ขาประจำขั้นที่ 3
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,015



เว็บไซต์
« ตอบ #17 เมื่อ: 27-08-2006, 20:16 »

ผมไปนั่งทางใน อ่านใจ admin ของราชดำเนินมา
เลยรู้ว่าเขาตัดสินแบบนี้ เพราะว่ามีคนด่าคุณในกระทู้มากไป จึงสรุปได้ว่าคุณเป็นตัวปัญหา ควรจะแบนครับ  Mr. Green
บันทึกการเข้า

คนไม่มี "อุดมคติ" ไม่ใช่ "นักการเมือง"
หน้า: [1]
    กระโดดไป: