ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
20-04-2024, 19:30
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  การศึกษาไทยโคม่า? 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
การศึกษาไทยโคม่า?  (อ่าน 1030 ครั้ง)
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« เมื่อ: 25-08-2006, 21:14 »

ข่าวที่ทำให้ผมรู้สึกใจหายและต้องถอนหายใจลึกๆอยู่หลายนาทีเมื่อวันวานนี้ เห็นจะเป็นข่าวที่หนังสือพิมพ์หลายฉบับพาดหัวว่า โรงเรียนไทยของเรากว่า 2 หมื่นโรง อยู่ในสภาพตํ่ากว่ามาตรฐาน
และจาก 2 หมื่นโรงที่ว่านี้ ถึง 15,000 โรง จัดอยู่ในขั้นโคม่า ที่จะ ต้องได้รับการแก้ไขเยียวยาโดยด่วน
ทั้งนี้ทั้งนั้น เป็นผลจากการประเมินคุณภาพการศึกษา ของสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา ที่เรียกกันสั้นๆว่า สมศ. และนำมาแถลงโดยตัวคุณ สมหวัง พิธิยานุวัฒน์ ผอ.สมศ.เอง
ท่าน ผอ.ให้รายละเอียดว่า จากการประเมินผลรอบที่ 2 ในระหว่างปี 2549-2553 จำนวน 30,010 โรงนั้น มีโรงเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ถึง 2 ใน 3 เลยทีเดียว
เมื่อคิดเป็นโรงเรียนก็จะตกประมาณ 20,000 โรงเรียนอย่างที่ว่า แต่ถ้าคิดเป็นจำนวนนักเรียนจะมีจำนวนสูงถึง 4 ล้าน 5 แสนคน
โรงเรียนเหล่านี้มักเป็นโรงเรียนขนาดเล็กในชนบท กระจายอยู่ตามภาคต่างๆทั่วประเทศ
เหตุที่ผมใจหายและต้องถอนหายใจลึกๆนั้น เป็นเพราะผมเห็นด้วยกับคำกล่าวของท่านผู้รู้และผู้เชี่ยวชาญทุกๆท่านที่บอกว่า “ทรัพยากรมนุษย์” เป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดของทุกประเทศในโลกนี้
ประเทศที่จะประสบความสำเร็จในการพัฒนา จะต้องเป็นประเทศที่มี ทรัพยากรมนุษย์เข้มแข็งในทุกๆด้าน...ทั้งในด้านสุขภาพ ในด้านความรู้ และความดีงาม

ตัดแปะมาจาก www.thairath.co.th/news.php?section=society02&content=17287

เพลาเพลาจากเรื่องระเบิดมั่ง
บันทึกการเข้า
Solidus
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,381



« ตอบ #1 เมื่อ: 25-08-2006, 21:21 »

ถ้าให้รุ้มากเกินไปมันจะปกครองยาก
บันทึกการเข้า
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #2 เมื่อ: 25-08-2006, 21:29 »

คนเรียนต่อจาก ปวช ไป ปวส ไป ปริญญา มันเยอะขึ้นมากนะครับ
บทความเน้นเรื่อง คุณภาพการศึกษา
ต้องรอท่านผู้รู้มาให้ความเห็นเรื่อง คุณภาพของ ปริญญา ในปัจจุบัน
บันทึกการเข้า
so what?
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,729


« ตอบ #3 เมื่อ: 25-08-2006, 21:37 »

ข่าวเดียวกันครับ แต่อันนี้มุมมองของผมกับอีกสองสามคน   Laughing Mr. Green Laughing

http://forum.serithai.net/index.php?topic=6242.0
บันทึกการเข้า
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #4 เมื่อ: 25-08-2006, 21:45 »

คุณสังเกตความแตกต่างของข่าวจากสองแหล่งมั้ย
ตรงที่รอบแรก และ รอบที่สอง
บันทึกการเข้า
นู๋เจ๋ง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,877



« ตอบ #5 เมื่อ: 25-08-2006, 21:46 »

5 ปี ไม่ได้มีอะไรดี
จาตุรง จ๊กม๊ก ยังมีผลงานมากกว่า
บันทึกการเข้า

~จะแน่วแน่...แก้ไข...ในสิ่งผิด~
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #6 เมื่อ: 25-08-2006, 21:55 »

คุณคงไม่ได้เรียนจบในห้าปีของทักษิณนี้นะครับ
การใช้ภาษาไทยของคุณยังผิดโดยที่คุณไม่รู้เลย
นี่ผมไม่ได้พูดถึงคำว่า นู๋เจ๋ง หรือ ที่พิมพ์ตกอย่าง
จาตุรงนะครับ แสดงว่าปัญหามันมีมานานมากแล้ว
บันทึกการเข้า
so what?
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,729


« ตอบ #7 เมื่อ: 25-08-2006, 22:02 »

คุณคงไม่ได้เรียนจบในห้าปีของทักษิณนี้นะครับ
การใช้ภาษาไทยของคุณยังผิดโดยที่คุณไม่รู้เลย
นี่ผมไม่ได้พูดถึงคำว่า นู๋เจ๋ง หรือ ที่พิมพ์ตกอย่าง
จาตุรงนะครับ แสดงว่าปัญหามันมีมานานมากแล้ว

อ้าว ลืมไปว่าเป็นกระทู้ของอาจารย์แถ
ศิษย์เอกของท่านวรเดช ปรมาจารย์แห่งการตรวจคำผิด

ทีหลังนู๋เจ๋งห้ามพิมพ์ผิดนะครับ ไม่งั้นมีหักคะแนนจริงๆด้วย
    Laughing  Laughing
บันทึกการเข้า
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #8 เมื่อ: 25-08-2006, 22:09 »

ผมไม่ไร้สาระไปจับผิดคนพิมพ์ผิดหรอกครับ พิมพ์ผิดกันเต็มไปหมดเรื่องธรรมดา
แต่เรื่องที่น่าเอาใจใส่คือการใช้ภาษาผิดโดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ต่างหากครับ
อย่างคำว่า นู๋เจ๋ง ผมก็ไม่ได้ว่าเป็นคำผิด เป็นตามสมัยนิยมมากกว่า
บันทึกการเข้า
p
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,264


« ตอบ #9 เมื่อ: 26-08-2006, 10:04 »

คนเรียนต่อจาก ปวช ไป ปวส ไป ปริญญา มันเยอะขึ้นมากนะครับ

มันเป็นค่านิยมทางสังคมปัจจุบันครับ
ที่อะไรก็ต้องปริญญา ที่ไหนก็ต้องปริญญา และเมื่อไรก็ต้องปริญญาอยู่ตลอดเวลา
คำว่า"ปริญญา" นั้น
คนในสังคมส่วนหนึ่งหมายถึง "ใบปริญญา" เท่านั้น
"ใบปริญญา" ที่ว่านั้นเป็นกุญแจสำคัญหรือใบเบิกทางที่จะนำไปสู่ที่ไหนก็ได้ตามที่ต้อง
แต่ "ความรู้" ที่ควรจะได้รับหรือควรจะมีกลับถูกละเลยหรือไม่ได้รับการเอาใจใส่เท่าที่ควร
ดังนั้นผู้ที่อยากได้"ใบปริญญา" ก็ต้องทำทุกวิถีทางที่จะได้มาซึ่ง"ใบปริญญา"
ในขณะเดียวกันผู้ที่ให้ "ใบปริญญา" ก็ทำทุกวิถีทางที่จะให้ "ใบปริญญา" มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
แม้จะผิดจรรยาบรรณ ผิดศีลธรรม และคุณธรรมขนาดไหนเขาก็ไม่สนใจ
ว่างๆผมอยากให้ไปสังเกตการณ์ตามหน้ามหาวิทยาลัยบางแห่งที่เปิดสอนหลักสูตรพิเศษในวันเสาร์และวันอาทิตย์
จะมีรถเข้าออกมากเป็นพิเศษ
จะมีคนทุกเพศ ทุกวัย และทุกอาชีพเดินเข้าออกพลุกพล่านตลอดเวลา
เขาไปทำอะไรกันเหรอ
ไม่มีอะไรเป็นอย่างอื่น นอกไปจากไปแสวงหา "ใบปริญญา" ครับ

ดังนี้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไม คนเรียนต่อจาก ปวช ไป ปวส ไป ปริญญา มันเยอะขึ้นมาก

 Wink
บันทึกการเข้า

ถ้ามัวคิดแต่จะโกงและเอาเปรียบคนอื่น จะสอนลูกหลานให้เป็นคนดีได้อย่างไร
ThailandReport
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,415


« ตอบ #10 เมื่อ: 26-08-2006, 12:11 »

จับตา ดู ONET
Anet ปีนี้ดีๆละกัน


เหล้าเก่า ใน ขวดใหม่
ทปอ. เปลี่ยนแปลง อะไรไม่ได้
อ้างว่า แผนพัฒนา + นโยบาย กระทรวงศึกษา ต้องการให้คงมีข้อสอบอัตนัย !!
อยากหาเงินอีกปี ซะมากก่า...
ข้อสอบ 2-3 ข้อ อัตนัย มันช่วยอะไรได้ขนาดนั้นเลยเหรอ
คิดแล้วปวดนิ้วเท้า (เพราะไม่ได้ใช้มันสมองคิดแต่ใช้นิ้วตีนคิด) !!


คนบาป ส.ท.ศ. ลอยนวลแค่ลาออก +ลาบวช
และ ส.ก.อ. ตัวการยัง ยืนหัวโด่ ลอยตัวเหนือปัญหา


ตราบใดที่ ระบบการศึกษา เมืองไทย ยังมีคนชื่อ....
 สาดตราจาน อย่างหนา ด้านเป็นพิเศษ ภาวินาศ (สันตะโร) คนนี้อยู่ ...
การศึกษาไทย ตายไปนานแล้วครับ ไม่ใช่แค่ โคม่า!!
บันทึกการเข้า

The only thing necessary for the triump of evil is for good men to do nothing !!
สิ่งเดียวที่จะทำให้คนชั่วได้รับชัยชนะ นั่นคือการที่ คนดีๆนิ่งดูดาย !
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #11 เมื่อ: 26-08-2006, 21:38 »

มันเป็นค่านิยมทางสังคมปัจจุบันครับ
ที่อะไรก็ต้องปริญญา ที่ไหนก็ต้องปริญญา และเมื่อไรก็ต้องปริญญาอยู่ตลอดเวลา
คำว่า"ปริญญา" นั้น
คนในสังคมส่วนหนึ่งหมายถึง "ใบปริญญา" เท่านั้น
"ใบปริญญา" ที่ว่านั้นเป็นกุญแจสำคัญหรือใบเบิกทางที่จะนำไปสู่ที่ไหนก็ได้ตามที่ต้อง
แต่ "ความรู้" ที่ควรจะได้รับหรือควรจะมีกลับถูกละเลยหรือไม่ได้รับการเอาใจใส่เท่าที่ควร
ดังนั้นผู้ที่อยากได้"ใบปริญญา" ก็ต้องทำทุกวิถีทางที่จะได้มาซึ่ง"ใบปริญญา"
ในขณะเดียวกันผู้ที่ให้ "ใบปริญญา" ก็ทำทุกวิถีทางที่จะให้ "ใบปริญญา" มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
แม้จะผิดจรรยาบรรณ ผิดศีลธรรม และคุณธรรมขนาดไหนเขาก็ไม่สนใจ
ว่างๆผมอยากให้ไปสังเกตการณ์ตามหน้ามหาวิทยาลัยบางแห่งที่เปิดสอนหลักสูตรพิเศษในวันเสาร์และวันอาทิตย์
จะมีรถเข้าออกมากเป็นพิเศษ
จะมีคนทุกเพศ ทุกวัย และทุกอาชีพเดินเข้าออกพลุกพล่านตลอดเวลา
เขาไปทำอะไรกันเหรอ
ไม่มีอะไรเป็นอย่างอื่น นอกไปจากไปแสวงหา "ใบปริญญา" ครับ
ดังนี้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไม คนเรียนต่อจาก ปวช ไป ปวส ไป ปริญญา มันเยอะขึ้นมาก
ตรงนี้แหละครับ คือ ปัญหา ถ้าลืมเรื่องทักษิณไปก่อน คิดถึงรัฐบาลข้างหน้าจะมีนโยบายเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไรบ้าง

ต้องแยกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ยังไม่เรียนแต่กำลังจะเรียน กลุ่มที่กำลังเรียนอยู่ และ กลุ่มที่จบมาแล้ว
มองในมุมกลับกลุ่มคนที่ใช้แรงงานกลุ่มหนึ่งได้โอกาสเรียนก็จะเรียนให้ถึงที่สุด โดยสถาบันก็จัดให้
เหมือนกับให้โอกาสคนได้พัฒนาความรู้ ก็ยังดีกว่าไม่รู้ แต่มันก็ไปจนเละสร้างอีกปัญหาหนึ่ง

ถ้าจะแก้ปัญหา ไม่น่าจะทำได้ในหนึ่งรัฐบาลนะครับ ตอนนั้นกลุ่มที่จบมาแล้วก็จะมีขนาดใหญ่
จนหามาตรฐานไม่เจอ แล้วจะปรับปรุงพวกจบมาแล้วให้เข้ามาตรฐานอย่างไร ทุกวิชาชีพ ต้องมี
ใบประกอบวิชาชีพแบบต้องสอบหรือไม่ ตอนนี้ผู้จบทางบัญชีทำงานด้านบัญชีก็ต้องเข้ามาตรฐาน
ที่ทางรัฐกำหนด จะเป็นตัวอย่างของสาขาอาชีพอื่นหรือไม่

บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: