ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
29-03-2024, 07:06
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  ห้องสาธารณะ  |  เทมาเสก ซื้อหุ้นชินคอร์ปครึ่งหนึ่งแล้วอีกครึ่งหนึ่ง คือใคร ? 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
เทมาเสก ซื้อหุ้นชินคอร์ปครึ่งหนึ่งแล้วอีกครึ่งหนึ่ง คือใคร ?  (อ่าน 3683 ครั้ง)
*Killer*
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: 15-04-2006, 16:12 »

อยากทราบว่า เงินทุนส่วนนั้นไม่ควรมาซื้อหุ้นตัวนี้หรืออย่างไร ?
ถึงได้แสดงอาการระริกระรี้ ต่อต้านกันเสียเหลือเกิน

และหุ้นตัวนี้ ประกอบกิจการที่ขัดกับ ศีลธรรม อันดีของประชาชนหรืออย่างไร ?
ทำไมถึงต้องต่อต้าน ?
บันทึกการเข้า
จูล่ง_j
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,901



« ตอบ #1 เมื่อ: 15-04-2006, 17:42 »

ที่ผ่านมา เทมาเส็กได้เข้ามาทยอย ซื้อหุ้นเมืองไทยเป็นจำนวนมาก
ธุรกิจสำคัญ เช่น ธนาคาร พลังงาน ห้างค้าปลีกยักษ์ อสังหาริมทรัพย์มากมาย ถูกเทมาเส็กซื้อไปเยอะ
แถม รัฐบาลก็ได้ถูกสื่อ สงสัยว่าเป็นนายหน้าขายหุ้นให้เทมาเส็ก
โดย กลต ก็ส่อมาตลอดว่าเข้าข้าง ทักษิน
เช่น บอกว่าการ ขายหุ้นของชินคอร์ปถูกต้อง แต่พอตรวจเข้าจริงๆ
ก็มีการติกผิด หลายครั้ง ย้ายหุ้น โอนหุ้น โดยไม่แจ้ง ซึ่งเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ ซุกหุ้น ภาค 1 แล้ว
ปัจจุบัน มีผู้บริหารจากสิงคโปร์ เข้ามาเป็นกรรมการ ในธุรกิจเมืองไทยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ซึ่งหากเป็น เช่นนี้ ในระยะยาว เมืองไทยอาจเป็นอันตรายได้ เงินไหลออก
ผู้บริหารก็เป็นคนต่างชาติมากๆ กิจการสำคัญถูกต่างชาติควบคุม อาจทำลายไทยได้
ถึงแม้เรา จำกัด% การขายหุ้นให้ต่างชาติ แต่เมืองไทย ยังไม่ค่อยเข้มงวดกับ พวกนอมีนี หรือ ตัวแทน ถือหุ้น
อย่าง ธุรกิจ ไทยแอร์เอเชีย ก็ยังเป็นที่ต้องสงสัย ว่า 51% ที่ไทยถือนั้นเป็น นอมีนี
หุ้นของทักษินเอง ก็ เติบโตมาจาก การเมือง ที่เข้าไปแก้กฎให้ตัวเองได้ประโยชน์ เช่น สัมปทานมือถือ ไอทีวี
ตอนมันยังอยู่ในมือคนไทยยังไม่เท่าไหร่ แต่ พอมันปั่นได้ที่ แล้วเอาไปขายสิงคโปร์มันน่าตระหนก
เรายังไม่รู้ว่าทักษิน ยังจะแบบนี้ อีกกี่ครั้งกี่หน
รัฐวิสาหกิจอีกหลายตัว หากถูกทักษิน ซื้อ ปั่น ขาย สิงคโปร์เรื่อยๆ ระยะยาวเราคงได้เป็นเมืองขึ้น สิงคโปร์กันหล่ะทีนี้
บันทึกการเข้า

*Killer*
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: 15-04-2006, 17:50 »

ผมเชื่อว่าคุณคงได้เคยอ่านบทความใน ประชาไท กันมาแล้ว
เกี่ยวกับการลงทุนของสิงคโปร์ ความสัมพันธ์กับกองทุน ในไทย

คุณต้องแยกให้ออกระหว่าง
1. การซื้อขายหุ้นนั้น ขั้นตอนถูกต้อง ตามกฏหมายหรือไม่ ?
2. การซื้อขายหุ้น ในตลาดหลักทรัพย์สมควรเปิดเสรีให้ต่างชาติหรือไม่ ?

เอาแค่นี้พอ...เรื่องการคาดการณ์ในอนาคต ด้วยความวิตกจริต อย่าเอามาคิด
1. ถ้าเห็นว่า การซื้อขายหุ้นนั้น ผิดกฏหมาย กฏของตลท. ก็ดำเนินการกันไปถูกไม๊??
2. ถ้าเห็นว่า ไม่ควรปล่อยให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในตลท. ก็ควรต้องแก้ไขที่กฏระเบียบถูกต้องไม๋ ??

แล้วทีนี้ก็ช่วยตอบหน่อยว่า กองทุนต่างชาติ และกองทุนไทย
ไม่ควรลงทุนใน ชินคอร์ป เพราะอะไร ? นอกเหนือจากความมั่นคง
กรณีนี้ มันต่างกับ เทเลนอร์ ก็ตรงที่ มีกิจการดาวเทียม
(ซึ่งถ้าเป็นความมั่นคงก็ต้องไปว่ากันที่ ซอฟท์แวร์ถอดรหัส- เข้ารหัส)
กิจการสายการบินนี่เลิกคุยได้เลย เพราะมันต้องเปิดเสรีน่านฟ้าแน่นอนแล้ว
บันทึกการเข้า
จูล่ง_j
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,901



« ตอบ #3 เมื่อ: 15-04-2006, 18:02 »

การขายหุ้นของ ชินวัตร ให้เทมาเส็ก นั้นมันไม่ปรกติ
1 มีการแก้ กฎ จาก 25% เป็น 49 % แล้วขายหุ้นภายในสองวัน
หุ้น 73000 ล้าน จะขายให้ใคร ยังไงก็ต้องเตรียมการเป็นเดือน กว่าจะโยกหุ้น จากที่ต่างๆ มารวมกัน
2 เป็นการขายเหมา แบบ ไม่ใช่ประกาศซื้อ ขาย ในตลาดหุ้นตามปกติ
แต่ ส่งกันถึงมือเลย

นี่เป็นความไม่ชอบมาพากล ของ ชินวัตร
เราไม่รู้เค้าจะแก้ กฎ เพื่อประโยชน์ตัวเองในเรื่องใด อีกรึเปล่า
เราไม่รู้ เค้าจะประเคน หุ้นไทย อะไรให้สิงคโปร์อีกรึเปล่า
ไม่คิดถึงคนไทยที่อยากได้หุ้นบ้างหรือ
ปตท คนไทยไปรอซื้อตั้งแต่ ตี 4 แต่หุ้น หมดภายในไม่กี่วินาที ทรท ทำอะไรไม่เกรงใจกันเลย
บันทึกการเข้า

*Killer*
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #4 เมื่อ: 15-04-2006, 18:05 »

1. คุณได้รับข้อมูลมาผิดแล้วครับ ถึงไม่มีการแก้ไขกฏหมายนี้ก็ทำการขายได้ครับ
กฏหมายนี้ แก้ไขมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยชวนแล้วครับ

2. คุณไม่เข้าใจการซื้อขายแบบ บิ๊กล็อต การขายแบบนี้เป็นเรื่องปกติและถูกต้องแล้ว
ถ้าทำการขายแบบทะยอยขาย เขาเรียก อินไซด์เดอร์ครับ โดนครับ
บันทึกการเข้า
Chicago
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #5 เมื่อ: 15-04-2006, 19:07 »

Insider อย่างคุณ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำใช่ไหม
แล้วทำไมไม่จัดการล่ะ กลต.

ตลท. ถามไปกี่ครั้ง บริษัทก็ไม่ตอบๆๆ หมายความว่าไง
ช่างโปร่งใสน่ารักน่าเชื่อใจจริงๆ
บันทึกการเข้า
*Killer*
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #6 เมื่อ: 15-04-2006, 21:39 »

กรณีการซื้อขายหลักทรัพย์ตัวนี้   การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นนะครับ
ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเขาไป

เอาง่ายๆ ซื่อๆ เลย...
ผมถามในหลักการกว้างๆ ก่อนเลยว่า
ตกลงจะให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ลงทุนในตลท.หรือไม่ ??
?
บันทึกการเข้า
Chicago
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #7 เมื่อ: 15-04-2006, 21:50 »

ถามซื่อๆ ก็ตอบซื่อๆ ว่าทำได้และควรทำ
ตราบเท่าที่มีความโปร่งใส และธรรมาภิบาล
แต่ประการนี้ไม่รู้พวกหมาเศรษฐีขี้โกง
(รวยจากการโกงและยังโกงต่อไปอย่างไม่มีวันเลิก)
จะบันดาลให้เป็นไปได้หรือเปล่า
ใครเล่าจะยอมทุบหม้อข้าว/ทางหากินของตัวเอง
บันทึกการเข้า
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #8 เมื่อ: 15-04-2006, 22:59 »

อ้างจาก: *Killer*
ผมเชื่อว่าคุณคงได้เคยอ่านบทความใน ประชาไท กันมาแล้ว
เกี่ยวกับการลงทุนของสิงคโปร์ ความสัมพันธ์กับกองทุน ในไทย

คุณต้องแยกให้ออกระหว่าง
1. การซื้อขายหุ้นนั้น ขั้นตอนถูกต้อง ตามกฏหมายหรือไม่ ?
2. การซื้อขายหุ้น ในตลาดหลักทรัพย์สมควรเปิดเสรีให้ต่างชาติหรือไม่ ?


เอาแค่นี้พอ...เรื่องการคาดการณ์ในอนาคต ด้วยความวิตกจริต อย่าเอามาคิด

1. ถ้าเห็นว่า การซื้อขายหุ้นนั้น ผิดกฏหมาย กฏของตลท. ก็ดำเนินการกันไปถูกไม๊??
2. ถ้าเห็นว่า ไม่ควรปล่อยให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในตลท. ก็ควรต้องแก้ไขที่กฏระเบียบถูกต้องไม๋ ??

แล้วทีนี้ก็ช่วยตอบหน่อยว่า กองทุนต่างชาติ และกองทุนไทย
ไม่ควรลงทุนใน ชินคอร์ป เพราะอะไร ? นอกเหนือจากความมั่นคง
กรณีนี้ มันต่างกับ เทเลนอร์ ก็ตรงที่ มีกิจการดาวเทียม
(ซึ่งถ้าเป็นความมั่นคงก็ต้องไปว่ากันที่ ซอฟท์แวร์ถอดรหัส- เข้ารหัส)
กิจการสายการบินนี่เลิกคุยได้เลย เพราะมันต้องเปิดเสรีน่านฟ้าแน่นอนแล้ว



เอาแค่นี้พอ...เรื่องการคาดการณ์ในอนาคต ด้วยความวิตกจริต อย่าเอามาคิด

ถ้าคิดแค่นี้ ก็ต้องเป็นคนรักทักษิณ สาวกฯ หรือ พวกหวอรูมนะซี..........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า



คุณ Killer และพรรคพวกคิดแค่นั้น จึงไม่รู้ว่า...
1. ประชาชนไปร่วมชุมนุมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพื่ออะไร ?
2. เสี่ยทักษิณไม่มีคุณธรรมและจริยธรรมในการเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะอะไร ?
3. เสี่ยทักษิณและครอบครัวถูกสังคมติฉิน นินทาในวิธีเลี่ยงภาษีในการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปให้เทมาเสก อย่างไร ?
4. ฯลฯ

ถ้าคุณ Killer และพรรคพวกคิดมากกว่า เอาแค่นี้พอ......... ก็จเข้าใจและตอบคำถามได้เองแหละ........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
samepong(ยุ่งแฮะ)
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,402



« ตอบ #9 เมื่อ: 15-04-2006, 23:00 »

คุณ killer ครับ ถ้าทำถูกต้องเฉพาะที่ตัวกฎหมายหรือเอาคำง่ายถูกตามตัวหนังสือก็พอ ผมว่าแย่นะครับ
นอมีนี ที่ถือแทนไม่มีความโปรงใสพอการตรวจสอบก็ดูแค่ชื่อว่าใครถือ
สมมุติ ธุรกิจ a เป้นธุรกิจที่ไม่สามารถให้ต่างชาติถือหุ้นได้เกิน49%เพราะจะกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ
บ.a ได้ถือภายใต้ชื่อ คนไทย51% แล้ว บ.จากเกาะอีก49% แต่ถ้าลึกๆ51%เป้น นอมีนีขอประเทศเกาะ หลายๆ บ.รวมกันแต่ชื่อเจ้าของเป้นคนไทย การตรวจสอบก็ดูแค่ชื่อผู้ถือหุ้น บ.นอมีนี นั้นๆก็พอ ตามกฎหมายที่คุณว่ามันถูก100%ผมไม่เถียง
แต่ มันถูกต้องตามความเป็นจริงหรือที่เราได้ยินได้ฟังคำว่า ธรรมาภิบาลหรือเปล่า หรือต่อไปทำอะไรก้ไปกางกฎหมายแล้วก็ตัวอักษรไหนมีอะไรที่ไม่ครอบคลุมก็ใช้ประโยชน์จากสิ่งนั้นๆมาสร้างประโยชน์ให้ตนเอง
ถ้าคุณ killer พูดเต็มปากๆ ออกมาว่า ถูกกฎหมายเอาแค่เพาะในตัวอักษรที่ระบุก็พอแล้ว ผมก็จะยอมรับว่าคุณพูดถุกผมไม่สามารถเอาอะไรมาแก้ต่างคุณได้อีกแล้ว
บันทึกการเข้า

เวลาจะพิสูจน์ความเชื่อ สักวัน ไม่ว่าความเชื่อนั้นจะถูกหรือผิด ผมขอรับไว้ด้วยตัวเอง คิเสียว่าทำแล้วเสียใจดีกว่าเสียใจที่ไม่ได้ทำ
*Killer*
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #10 เมื่อ: 15-04-2006, 23:19 »

ท่าทางมหาไล้ จะไม่เข้าใจประเด็นในกระทู้
ผมไม่ได้ถามถึงจริยธรรมในฐานะนายกฯ
ว่าขายหุ้นไม่ได้ เสียหายในวงกว้างกว่า
แต่ผิดลูกผิดเมียคนอื่นได้ เพราะเสียหายในวงแคบ...จริยธรรมเว้นวรรคสำหรับกรณีนี้

ไปอ่านประเด็นในกระทู้ใหม่
บันทึกการเข้า
อบเชย
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 56



« ตอบ #11 เมื่อ: 15-04-2006, 23:25 »

ประเด็นไม่ได้อยู่ว่า  ขายอะไร และขายให้ใครใช่มั้ยค่ะ
เพราะเป็นสมบัติของท่าน ของตระกูลท่าน..ย่อมเป็นสิทธิของท่าน
แต่เมื่อท่านได้ใช้สิทธินั้นแล้ว  ท่านและตระกูลท่านก็น่าจะรู้จักหน้าที่ของการเป็นพลเมืองไทยด้วยนะคะ
บันทึกการเข้า
*Killer*
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #12 เมื่อ: 15-04-2006, 23:26 »

ก็ผมอยากรู้ว่า ไอ้ 51% ที่ว่าเป็นของคนไทยน่ะ
มันเป็นเงินของใครกัน ???
บอกมาสิครับ ว่ากุหลาบแก้ว นอมินี่ของใคร ???
ทำให้ต้องฟันธงตัดสินใจ เลยว่า ทักษิณ ขายชาติ ขายสัมปทานไปเสียแล้ว
บันทึกการเข้า
snowflake
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,207



« ตอบ #13 เมื่อ: 16-04-2006, 02:09 »

อยากรู้ก็ไปถาม ดะโต๊ะ สุรินทร์ (นามสกุล อุปพัทธกุล หรืออุปพัทธางกูล ก็ไม่รู้) สิคะ
ว่าเอาเงินของใครมาซื้อหุ้นกุหลาบแก้ว เราไม่ใช่หนอนในท้องทั่น จะไปรู้ได้อย่างไร

ไม่งั้นก็รอคุณ อรจิต สิงคาลวณิช อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ผู้ตรวจสอบฯ
สรุปผลออกมาว่า เข้าข่ายนอมินีหรือเปล่า

ไอ้ที่มาถามๆ นี้ กะจะมาเฉลย หรือว่ามาข่มว่าตัวข้าฯเอง รู้ดีที่สุดในโลก
ผู้อื่นงี่เง่า รู้ไม่เท่าทัน ทั่น bully ผู้ยิ่งใหญ่ กันแน่?
บันทึกการเข้า

Even the smallest person can change the course of the future.
samepong(ยุ่งแฮะ)
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,402



« ตอบ #14 เมื่อ: 16-04-2006, 09:58 »

รู้สึกว่า คุณ killer จะยัดเยียดให้เรายอมรับว่า หุ้นที่ขายไม่ผิดหรือเปล่า เพราะผมลองอ่านหัวกระทู้ใหม่ มันมีคำนี้อยู่  
 
                    และหุ้นตัวนี้ ประกอบกิจการที่ขัดกับ ศีลธรรม อันดีของประชาชนหรืออย่างไร ?
                    ทำไมถึงต้องต่อต้าน ?

คำว่าทำไมถึงต้องต่อต้าน เราไม่ได้ ค่อค้านการขายหุ้นของบ.shin เจ้าของอยากขายก็ขายไปซิ แต่มันโปรงใสหรือเปล่า ทำถูกต้องตามหลักธรรมาภิบาลหรือเปล่าต่างหาก
บันทึกการเข้า

เวลาจะพิสูจน์ความเชื่อ สักวัน ไม่ว่าความเชื่อนั้นจะถูกหรือผิด ผมขอรับไว้ด้วยตัวเอง คิเสียว่าทำแล้วเสียใจดีกว่าเสียใจที่ไม่ได้ทำ
K I L L E R
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #15 เมื่อ: 16-04-2006, 10:09 »

อ้างจาก: snowflake
ไอ้ที่มาถามๆ นี้ กะจะมาเฉลย หรือว่ามาข่มว่าตัวข้าฯเอง รู้ดีที่สุดในโลก
ผู้อื่นงี่เง่า รู้ไม่เท่าทัน ทั่น bully ผู้ยิ่งใหญ่ กันแน่?

ไม่ต้องมาอวดฉลาดข่มกันหรอก นั่นมันไม่ใช่คนอย่างผม
แค่อยากรู้ว่า ไอ้อีก 51 % นั่นมันไม่ใช่เงินคนไทยหรืออย่างไรมิทราบ
เห็นทำกระแดะรังเกียจกันเสียเหลือเกิน

แล้วไอ้ที่นั่งกันหน้าสลอนทำงานกันอยู่ ในบริษัทเหล่านั้น
มันไม่ใช่คนไทยหรืออย่างไร หรือว่า จะต้องบังคับโอนสัญชาติตามไปด้วย
บันทึกการเข้า
K I L L E R
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #16 เมื่อ: 16-04-2006, 10:13 »

ตัดเรื่องเทคนิคการขายหุ้นทิ้งไปก่อน ผิดว่าไปตามผิด

อยากรู้แค่เพียงว่า หุ้นตัวนี้มันมีปัญหาอะไร ?
ใครมีเงินจะลงทุนไม่ได้หรือ ต่างชาติซื้อไม่ได้หรือ
บันทึกการเข้า
snowflake
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,207



« ตอบ #17 เมื่อ: 16-04-2006, 10:24 »

ไม่รู้เรียกมีปัญหาหรือเปล่า
เรียกว่ามีลักษณะ/คุณสมบัติ "พิเศษ" แล้วกัน
ตรงที่มูลค่าของมัน ขึ้นกับเจ้าของ
(อดีต หรือเปล่าไม่รู้ บางทีนึกสงสัยว่า
นอมินี ที่ว่า เผลอๆ ก็เจ้าของเดิมเปลี่ยนไปอยู่เบื้องหลัง
ก็วิชา "ซุก" อันล้ำลึกของทั่น ไม่แน่ว่าไปถึงไหน)

หากเจ้าของมีอำนาจ หุ้นก็มีมูลค่าสูง
เจ้าของหมดอำนาจ มูลค่าหุ้นก็ดิ่งลง
โดยไม่เกี่ยวกับอุปสงค์อุปทานอะไร

สงสัยคุณ killer ถือไว้เยอะหรือไง
กลัวราคาตกเหรอ
อืม ถ้าใช่ ก็น่าเห็นใจ
ถึงต้องมาร่ำร้องให้ทั่นกลับมา
บันทึกการเข้า

Even the smallest person can change the course of the future.
K I L L E R
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #18 เมื่อ: 16-04-2006, 10:34 »

ไม่ต้องเอาข้อมูลเชิงลึก เชิงเดา อะไรมาคาดการณ์ทั้งนั้น
เอาแค่ สามัญสำนึก ก็พอจะตัดสินได้แล้วว่า อะไรเป็นอะไร

ถ้าเขารู้ตัวอยู่แล้วว่า หากขายไปตอนนี้เกิดปัญหาแน่
แล้วเขาตัดสินใจขายเพื่ออะไร ถ้าไม่ขายปล่อยเอาไว้เฉยๆ
มันจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาล่ะหือ ?

แล้วคิดหรือว่า คนเราจะขายกิจการที่สร้าง
ขึ้นมากับมือกันแบบง่ายๆอย่างนี้
เพียงเพราะความโลภในราคาหุ้น อย่างที่เดาๆกัน

เพียงแค่ส่งซิกให้คนดูแลหุ้นตัวนี้ ปั๊มราคาขึ้นไปแล้วค่อยๆทะยอยขาย
ออกมา จะรับเละกว่านี้เสียอีก จริงหรือไม่
บันทึกการเข้า
snowflake
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,207



« ตอบ #19 เมื่อ: 16-04-2006, 10:50 »

อ้างจาก: K I L L E R
ไม่ต้องเอาข้อมูลเชิงลึก เชิงเดา อะไรมาคาดการณ์ทั้งนั้น
เอาแค่ สามัญสำนึก ก็พอจะตัดสินได้แล้วว่า อะไรเป็นอะไร

ถ้าเขารู้ตัวอยู่แล้วว่า หากขายไปตอนนี้เกิดปัญหาแน่
แล้วเขาตัดสินใจขายเพื่ออะไร ถ้าไม่ขายปล่อยเอาไว้เฉยๆ
มันจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาล่ะหือ ?

แล้วคิดหรือว่า คนเราจะขายกิจการที่สร้าง
ขึ้นมากับมือกันแบบง่ายๆอย่างนี้
เพียงเพราะความโลภในราคาหุ้น อย่างที่เดาๆกัน

เพียงแค่ส่งซิกให้คนดูแลหุ้นตัวนี้ ปั๊มราคาขึ้นไปแล้วค่อยๆทะยอยขาย
ออกมา จะรับเละกว่านี้เสียอีก จริงหรือไม่


อยากรู้เหมือนกันว่าขายเพื่ออะไร รอดูต่อไปก็แล้วกัน
ที่แน่ๆ ไม่เชื่อหรอกว่า "ลูกๆ เขาอยากทำเพื่อพ่อ" อย่างที่มาตอแหลไว้
ต่อไปควรเตี๊ยมให้ดี อย่าให้ลูกเผลอไปบอกว่า "เรื่องของผู้ใหญ่"

ขายเพราะโลภน่ะใช่ แต่อาจไม่ใช่แค่ได้เงินสดมาถือ
คงต้องมีแผนว่าจะทำอะไร มิอาจไปประมาท คนฉลาดเยี่ยงนั้นได้

แต่ทั่นกลับประเมินชาวบ้านอย่างเราผิดไป
พูดเองที่ไหนสักแห่งว่า รู้งี้ไม่ขาย
เลยต้องตอแยความยุ่งยากมากมาย
น่าสงสารจริงๆ พวกมีสำนึกที่ไม่ "สามัญ"
บันทึกการเข้า

Even the smallest person can change the course of the future.
K I L L E R
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #20 เมื่อ: 16-04-2006, 12:51 »

ตรรกะ พื้นๆแค่นี้ยังสับสน ไขว้เขว ประกอบกับโดนสื่อมวลชั่ว
มอมเมาด้วยอวิชชาเข้าไปอีกด้วยแล้ว ยิ่งไปกันใหญ่
ค่อยๆไล่เรียงประเด็นให้ดี สังเคราะห์ที่มาที่ไปให้รอบคอบ
ฝุ่นเริ่มจางแล้ว อย่าตกเป็นเหยื่อสถานการณ์
อย่าเพิ่งตัดสินใจ เชื่ออะไรลงไป
สิ่งที่ท่านเห็นอาจไม่ใช่สิ่งที่ท่านคิดก็เป็นได้

เอาแค่ประเด็น ที่ว่า คนระดับนั้นเขาจะไม่รู้เลยเชียวหรือว่า
ถ้าหากเขาขายหุ้นออกไปตอนนั้น จะเกิดปัญหาอะไรตามมา


ผมเคยบอกเอาไว้หลายครั้งที่ รดน.แล้วว่า
ก่อนหน้านี้บรรดานักวิเคราะห์ทุกสำนัก เชื่อโดยสนิทใจว่า
ตระกูล ชินวัตร จะกอบโกยไปยันชั่วลูกชั่วหลาน
เตรียมการเข้าสู่ระบบ 3G อย่างยิ่งใหญ่
พร้อมทั้งแสดงอาการสงสาร Ucom ที่ตัดช่องน้อย
ขายหุ้นทิ้งให้ต่างชาตินำไปก่อนแล้ว
เพราะไม่สามารถต่อกร กับกลุ่มทุน ท.ร.ท.ได้


แล้วเป็นไงล่ะ

พอกลับตาลปัตร เป็นแบบนี้เสียแล้ว
บรรดานักวิเคราะห์ทั้งหลายก็แสดงความฉลาด
เดาแก้เขินออกมาอีกว่า เป็นเพราะ หุ้นพีค ถึงขีดสุดแล้ว(ก่อนหน้านี้มันบอกว่ากอบโกยยันชั่ว
ลูกชั่วหลาน)
บางรายก็พลิกลิ้นบอกว่า เป็นเพราะทำ 3G ไม่ไหว(ก่อนหน้านี้มันบอกว่าทำได้สบายมาก)

เห็นหรือไม่....
บันทึกการเข้า
Killer
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,576


ช๊อบบ ชอบบ...ปฏิวัติ ปลื้ม ค่ะ


« ตอบ #21 เมื่อ: 13-05-2006, 18:27 »

มาจนถึง ณ ชั่วโมงนี้
สรุปได้หรือยังว่า....เทมาเสก และ กุหลาบแก้ว มาซื้อหุ้น Shin เป็นการขายชาติหรือเปล่า

ที่ต้องขุดกระทู้นี้ขึ้นมาอีกก็เพราะ ได้ไปเห็นหนังสือ ในเครือ gotomanager ของลูกไอ้ธิ แบหราอยู่บนหิ้ง
เนื้อหาภายในก็สาธยายฝีมือ เกียรติประวัติ คุณงามความดีชายที่ชื่อ ชุมพล ณ ลำเลียง ทั้งเล่ม
และในท้ายที่สุด ก็ระบุว่า ได้วางมือจาก ปูนใหญ่ ไปเป็นประธานบอร์ด สิงเทล
รัฐวิสาหกิจในเครือรัฐบาลสิงคโปร์ ที่มี เทมาเสก ถือหุ้นใหญ่
ถือเป็นคนไทยคนแรก ที่ไปนั่งเป็นผู้บริหารระดับสูงในบริษัทดังกล่าว


แล้วจะว่าไง...

บันทึกการเข้า
snowflake
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,207



« ตอบ #22 เมื่อ: 13-05-2006, 19:29 »

แล้วจะว่าไง... ไม่ต้องทำหนังสือตัวใหญ่มาข่มก็ได้ รู้แล้วว่าพี่น่ะ หญ่ายยยย...
จะให้ว่าไงล่ะ จะได้ว่าให้ถูกใจ เรานิสัยดีไม่ชอบข่มเหงกดขี่ผู้ใด  Smile

อย่างแรกเลย ไม่เคยว่าใครขายชาติ
จะว่าใครก็จำให้แม่นๆ หน่อย รู้จักแยกแยะอย่าเหมารวม
ถ้าจะพูดถึงเรื่องที่ไม่ชอบใจ deal นี้ก็คือ พฤติกรรมที่ไม่โปร่งใสแบบพ่อค้า
ทั้งๆ ที่ควรจะรู้ตัวว่าเป็น นายกรัฐมนตรี ของประเทศ
มีเกียรติและศักดิ์ศรีมากกว่ากันล้านเท่า
ไฉนยอมให้เงินไม่กี่พันล้านมาสำคัญกว่า

เคยได้รับการอภัยไปแล้วหนึ่งครั้ง ทำไมไม่เลิกนิสัย
ยังจะทำซุก ซ้อน ซ่อนเงื่อน โยกย้ายถ่ายเท
ทำกฎหมายให้ถูก ไม่ใช่ทำถูกฎหมายอย่างที่อ้าง
ใช้ช่องโหว่ ที่หาได้ มาทำให้ไม่ต้องเสียภาษี

คงจะภูมิใจมากสิที่ทำได้
ไม่คิดบ้างว่า ถ้าคนอื่นเอาอย่าง (ซึ่งอาจทำไม่ได้ เพราะไม่มีอำนาจยิ่งใหญ่)
ประเทศจะเป็นเช่นใด

ขาดเงินรายได้ภาษีสำหรับใช้ในการพัฒนาประเทศ
ยังไม่ร้ายแรงเท่าส่งเสริมให้พฤติกรรมดังกล่าวเป็นเรื่องที่ยอมรับได้
เพราะใครๆ เขาก็ทำกัน
คนไม่มีปัญญาทำอย่างทั่นมันก็พวก “จ๊าดง่าว” ที่ได้แต่ “อิจฉา”

รักไม่ลงหรอกจ้ะ ผู้นำที่ไม่มีจริยธรรม  Evil or Very Mad

อย่างที่สอง ใครจะไปประสบความสำเร็จเป็นใหญ่เป็นโตที่ไหน ก็เรื่องของเขา
มาเกี่ยวอะไรด้วยไม่ทราบ เอามาแปะไว้ทำไม จะให้เข้าใจว่าอะไร?   Rolling Eyes
บันทึกการเข้า

Even the smallest person can change the course of the future.
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #23 เมื่อ: 13-05-2006, 20:11 »

ลองถามคนชื่อ ชุมพล ณ ลำเลียง
บันทึกการเข้า

davil amature
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 154


วันว่าง ยามพัก ใจสู้ศึก


« ตอบ #24 เมื่อ: 13-05-2006, 21:53 »

เอาอีกแล้วคนอ้าง จริยธรรม ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร แล้วเอาจริยธรรมของตัวเองมาอ้างความชอบธรรมทั้ง ๆ เดาเอาทั้งหลายทั้งปวง
หลักฐานยังไม่มี จริงเท็จไม่ทราบ แต่ด่าไว้ก่อน รู้ไหมครับว่ามันผิดศีลธรรม ข้อที่4. มุสาวาทา เวรมณี (สิกฺขาปทํสมาทิยามิ) * เว้นจากการพูดเท็จ คำหยาบ หรือพูดส่อเสียด


ถามหน่อยสิครับ จริยธรรม ของคุณน่ะคืออะไร?



บันทึกการเข้า

ความจริงมันก็แค่สิ่งที่เรารับรู้ และจิตใจเรายอมรับว่าจริง ทั้ง ๆ ที่ความจริงมันไม่ใช่เลยก้ได้
Killer
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,576


ช๊อบบ ชอบบ...ปฏิวัติ ปลื้ม ค่ะ


« ตอบ #25 เมื่อ: 13-05-2006, 22:08 »

ให้ผมคิดแบบง่ายๆ ไม่ซับซ้อน มีคนไม่อยากให้ กองทุนไทย ดีล กับ กองทุนสิงคโปร์
หรือไม่ก็ไม่แคร์เรื่องนี้หรอก เพียงแต่ว่าขอหยิบฉวยเอาประเด็นนี้มาขยายผล ใส่สีตีใข่
เพื่อหวังโค่น ทักษิณ ให้สิ้นซาก....
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #26 เมื่อ: 13-05-2006, 22:52 »

ประเด็นเรื่องการขายหุ้น มันพิสูจน์ว่า คนเรารวยมาได้ยังไง

จากวันแรกที่รับตำแหน่ง กับวันที่ขายหุ้น

มันบอกว่า "ต้นทุนแฝง" คือ "อำนาจ"

ประชาชนทนไม่ได้กับควากลับกลอกตรงนี้

สังเกตจากจดหมายเปิดผนึกจากทุกส่วนของสังคม
บันทึกการเข้า

แอ่นแอ๊น
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,591


"Angela Gheorghiu" My goddess


เว็บไซต์
« ตอบ #27 เมื่อ: 13-05-2006, 23:39 »

บริษัทที่เข้ามาถือหุ้นในนามคนไทย มีสองบริษัท แต่ทั้งสองบริษัท ผู้มีอำนาจลงนามคือ คนเดียวกัน มีชื่อเป็นสิงคโปร์ จริงอยู่ว่า บริษัทเป็นสัญชาติไทย แต่โดยพฤตินัย ผู้ถือหุ้นคนไทย กลับเป็นผู้ถือหุ้นด้อยสิทธิ์ มีอำนาจ และรับสิทธิประโยชน์เพียง 3% ส่วนผู้ถือหุ้นสิงคโปร์ ซึ่งเทมาเซคถือผ่านบริษัทลูกกลับมีอำนาจเต็มในการบริหาร และรับสิทธิ์ประโยชน์ทั้งสองบริษัท โดยพฤตินัยแล้ว บริษัทชิน เป็นของสิงคโปร์ 97% ตามอำนาจลงนามของผู้ถือหุ้นตามกล่าวมาข้างต้น
ข้อมูลโดยละเอียดที่ทางชินได้แจ้งไปที่ตลาดหลักทรัพย์ เพียงแต่บอกสัดส่วนของผู้ถือหุ้น แต่ไม่ได้บอกในแง่อำนาจด้อยสิทธิ์ แต่ตามรายงานที่แจ้ง ก็มีบอกไว้ทั้งสองบริษัท (ร่วมทุนไทย 51%) นั้น ผู้ลงนามเป็นคนเดียวกัน อย่าดูแต่ตัวเลข % ผู้ถือหุ้นของแต่ละบริษัท เพราะผู้มีอำนาจลงนามตัวจริงต่างหากคือ เจ้าของเงิน
บันทึกการเข้า

       

"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
แอ่นแอ๊น
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,591


"Angela Gheorghiu" My goddess


เว็บไซต์
« ตอบ #28 เมื่อ: 14-05-2006, 00:09 »

กลุ่มที่มาซื้อชินแบ่งออกเป็น ซีด้าโฮลดิ้ง (กลุ่มที่มาซื้อชิน แบ่งเป็น ซีดาร์โฮลดิ้ง ซื่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างไทยกับสิงค์) และ แอสเปนโฮลดิ้ง (กลุ่มนี้ถือหุ้นโดยสิงค์ เกือบร้อยเปอร์เซ็นเป็นบริษัทลูกของเทมาเซค)

กลุ่มกุหลาบแก้วที่คุณคิลเลอร์เอ่ยถึง เป็น 1 ในกลุ่มผู้ถือหุ้นใน ซีด้าโฮลด้ง ซึ่งสัดส่วนการถือหุ้นในซีด้าฯ เป็นดังนี้

1. รายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้ง จำกัด

      รายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่          สัดส่วนการถือหุ้น (%)       หมายเหตุ

   1. บริษัท ไซเพรส โฮลดิ้ง จำกัด    49.00        เป็นบริษัทย่อยโดยทางอ้อมของ
      (ไซเพรส)                               Temasek Holding (Private)
                                             Limited


   2. บริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด        41.10        ผู้ถือหุ้นประกอบด้วย
                                             1.ไซเพรส ถือหุ้นร้อยละ 49.00
                                             2.นายพงส์ สารสิน
                                               ถือหุ้นร้อยละ 30.96
                                             3.นายศุภเดช  พูนพิพัฒน์
                                               ถือหุ้นร้อยละ 20

   3.ธนาคารไทยพาณิชย์จำกัด (มหาชน)   9.90         

โปรดสังเกตว่า ในกุหลาบแก้วเอง ไซเพรส (บริษัทลูกของเทมาเซค) ก็เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ แม้สัดส่วนของอันดับ 2 และ 3 จะเกินกว่า 50% แต่การถือหุ้นเป็นลักษณะด้อยสิทธิ์อย่างที่อธิบายไปแล้วด้านบน โดยนิตินัยแม้กุหลาบแก้วจะมีสัญชาติเป็นไทย แต่ใจเป็นสิงคโปร์
ส่วนที่ไทยพาณิชย์มาถือหุ้นอยู่ ก็พอจะทราบโดยทั่วไปว่าเป็นผู้ปล่อยวงเงินกู้ให้กับทั้งสองกลุ่ม ไม่แน่ใจว่าการเข้ามาถือหุ้นในซีดาร์เป็นหลักประกันหลักทรัพย์อย่างหนึ่งหรือไม่ เนื่องจากเป็นหนี้ก้อนใหญ่
บันทึกการเข้า

       

"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
HILTON (ปาล์มาลี)
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,310



« ตอบ #29 เมื่อ: 14-05-2006, 00:13 »

เอา  หนังเรื่องนี้จะเริ่มคุยอีกใช้ไหม  อย่างไงก็ไม่ยอมรับใหมว่าที่ทำมานะเข้าค่ายอะไร   มาถามว่าทำอย่างเทมาเว็กถืออยู่นี้มันผิดไหม  ทำไม่ไม่เริ่มคุยตั้งแต่ต้น   บอกแล้วไง  นายคนนี้ชอบทำอะไรดำ  ให้เป็นเทา  แล้วจากเทาพยายามให้เป็นขาว  แล้วเอาเฉพาะเรื่องขาวๆให้คนมาถกเถียงกัน  เถียงอย่างไงก็ต้องบอกว่าขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์นะไม่ผิด  และไม่ต้องเสียภาษี  จริธรรมไม่ต้องกล่าวก้ได้ถ้านายกไม่แค่สายตาคน  ถึงแม้มันจะตะเบงว่าขาว  แต่ถามหน่อย แล้วนายพานทองแท้นะทำผิดกฎตลาดหลักทรัพย์ไหม   ถ้าทุกอย่างที่ว่ามาถูก  แล้วไปเสียภาษี 2.8 ล้านนั้นทำไม   เอาละถ้าจะคุยเรื่องนี้ขอเริ่มที่นี้ได้ไหม

1 หุ้นชินที่ว่านี้  ใครถือเมื่อ เดือนธันวา ปี43 ถ้าเชื่อนายก  ว่าได้โอนให้ลูกไป  ทำไมไม่แจ้งตลาด  อย่าลืม  นายคนนี้เคยมีประสพการณ์เรื่องการซุกหุ้นให้คนรถ  คนใช้มาแล้วครั่งหนึ่ง    จะมาอ้างด้วยเหตุผลใดว่าไม่ได้แจ้งเพราะอะไร  จนนำมาสู่การปรับ2.8ล้าน  สำหรับผมฟังไม่ขึ้น
2 จากกรณี 1 ถ้านายคนนี้ไม่ได้โอนหุ้นจริง  เขาทำผิดรัฐธรรมนูณ หรือไม่ (การที่ผู้ดำรงค์ตำแหน่งรัฐมนตรีต้องไม่ถือหุ้นเกิน ) ถ้าอ้างว่าโอนให้ลูกแล้วทำไมไม่แจ้งกลต   นี้คือพื้นของคำร้องของสว ต่อศาลรัฐธรรมนูล 
3 การโอนหุ้นที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ให้กับพี่น้องที่ไม่ได้สืบสายเลือด(ไม่ใช่ลูก) ไม่ต้องเสียภาษีกำไรส่วนต่าง  อ้างไปถึงจดหมายถามตอบ 2 ฉบับของสรรพกร ฟังขึ้นไหม(ไปหาอ่านเอาเอง  และควรอ่านก่อนออกความเห็นประเด็นนี้) จนนำไปสู้การคืนภาษีในแบบอย่างกรณีนี้เป็นครั่งแรกของประเทศไทย
4 การที่แอมเพินริสโอนหุ้นให้นายโอ๊ค  นายโอ๊กไม่ใช่ลูกแอมเพินริส  เพราะแอมเพินริสเป็นนิติบุคล ส่วนต่างของกำไร 1 -49 ควรเสียภาษีไหม  ที่อ้างว่าไม่เสียเพราะบริษัทจดทะเบียนอยู่ต่างประเทศ  แต่  ถ้าพิสุจณ์ได้ว่าถือโดยคนไทย  (ในกรณีนี้ นายโอ๊ค ตั้งแต่ปี 43 ตามที่อ้าง ) สรรพกรสามารถเรียกเก็บภาษีได้หรือไม่  เมือเงินหรือผลกำไรนั้นกลับเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งตอนนี้นอนอยู่ที่ธ ไทยพานิชณ์
5 มีใครเชื่อว่าการซื้อขายหุ้นครั่งนี้ไม่ได้ดำเนินการโดยนายท้ากสินบาง  การไปสิงคโปร์ เพราะนิติกรรมสัญญาของสิงคโปร์ต้องเซ็นต์บนแผ่นดินของสิงค์โปร์  จึงทำให้ผู้บงการต้องไปด้วยตัวเอง   จำคำพูดโกหกได้บางไหม

จริธรรมมันอยู่ร่วมในนี้  ไม่ได้หมายถึงประเด็นใดประเด็นหนึ่ง  คนทุกคนคิดเองได้ว่าสิ่งที่เกินขึ้นนั้น  คุณรับได้หรือไม่  มาตารฐานของจริธรรมคนเราไม่เท่ากัน  เช่นเดียวกับกรณีนี้  อย่ามาเถียงว่าจริธรรมของคุณคืออะไร  จริธรรมมันอยู่ข้างในของแต่ละคน  บางโอกาสมันเป็นสิ่งผิด  บางโอกาสมันเป็นสิ่งถูก แต่สำหรับผมบางอย่างมันควรจะเป็นเรื่องผิดตลอดสำหรับทุกคน  คือการโกหก หลอกลวง  และการเห็นแก่ตัวของคนที่อาสามาเป็นผู้นำของเรา

เสียดายที่ประเด็นนี้ถูกเอามาคุยอีก  เพราะข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นของสภาทนายความ    ของคณะบดีจุฬา  ของเว็บ onopen  และบทความต่างๆ  มันผ่านเวลาของมันไป   ไม่สามารถเอามาลิ้งให้ได้ไปอ่าน ( ลบไปแล้ว) แม้แต่ของ ทรท ที่ผมตามไปอ่าน ไม่มีการตอบอะไรมากไปกว่า ไม่เสียภาษีถูกต้องแล้ว  ษริษัทที่เกาะนั้นใครๆก็มี  ฯ ไร้สาระ

ตอบคำถามของกระทู้  เทมาเสก ซื้อหุ้นชินคอร์ปครึ่งหนึ่งแล้วอีกครึ่งหนึ่ง คือใคร ?  ก็คือ เทมาเสก โดยพฤตินัย   ทั้งผ่านนอมินี  และการทำเทนเดอร์ (ขอซื้อหุ้นคืนจากรายย่อย ) ผ่านตลาดหลักทรัพย์


นิสัยนักธุระกิจ  เขาจะทำนิติกรรมให้ถูกต้อง  ส่วนพฤติกรรมเลวทรามชั่งมัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-05-2006, 00:18 โดย HILTON (ปาล์มาลี) » บันทึกการเข้า
แอ่นแอ๊น
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,591


"Angela Gheorghiu" My goddess


เว็บไซต์
« ตอบ #30 เมื่อ: 14-05-2006, 00:18 »

Shareholder    # shares                      %
 
Old
 Cedar Holdings    1,008,548,449    33.36%
 Aspen Holdings       479,191,671    15.85%
 
Total
       1,487,740,120    49.21%   

Shares offered to purchase
       1,512,093,307    50.01%
Shares tendered
       1,418,125,239    46.91%
 
New
Cedar Holdings    1,571,510,537    51.98%
Aspen Holdings    1,334,354,825    44.14%
 
Total
                                 2,905,865,362    96.12%
 
Free float              3.88%
บันทึกการเข้า

       

"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
แอ่นแอ๊น
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,591


"Angela Gheorghiu" My goddess


เว็บไซต์
« ตอบ #31 เมื่อ: 14-05-2006, 00:25 »

ตะกี้พยายามยามจัดหน้าแล้ว แต่ว่ายังออกมาเบี้ยวๆ  Sad

ที่เขียนว่า old คือ จำนวนหุ้นที่ซื้อจากตระกูลชิน
ส่วน new คือ จำนวนหุ้นที่ถืออยู่ทั้งหมดหลังจาก tender offer
ส่วนประมาณ 3% เศษตอนนี้ที่เหลืออยู่ในกองทุนประเภทกองทุนหุ้นที่ถือตามดัชนี ซึ่งมีการทวงถามไปทางกองทุนว่า ทำไมไม่ขาย ทางกองทุนตอบมาว่าไม่สามารถขายได้ เพราะ shin เป็นหุ้นที่อยู่ใน set50 ทำให้ยังต้องคงการถือหุ้นเอาไว้ตามกฎตลาด (ซึ่งโดนรายย่อยด่ายับ เพราะ free float เหลือเท่านี้จะขายก็ไม่ได้ ถ้าเกิดออกจากตลาดไป หรือมูลค่าหุ้นลดลง จะทำให้มีผลกระทบต่อผู้ถือหน่วยมาก ปัจจุบันราคา shin อยู่ที่ 39 บาท ต่ำกว่าราคาเทนเดอร์ออฟเฟอร์ที่ 49.25 บาท อยู่ 10 บาทเศษ (ตอนลงหนักๆ ลงไปเหลือแค่ 35.25)
บันทึกการเข้า

       

"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #32 เมื่อ: 14-05-2006, 10:50 »

"เทมาเสก ซื้อหุ้นชินคอร์ปครึ่งหนึ่งแล้วอีกครึ่งหนึ่ง คือใคร ?"

คุณ killer ถามตื้นเกินไป ปัญหาไม่ได้อยู่แค่ สัดส่วนการถือครองหุ้น
แต่อยู่ที่ สิทธิในการออกเสียง ดัวย

บริษัทที่ตั้งขึ้นจดทะเบียนในไทย หรือมีคนไทยถือหุ้นเกินครึ่งที่ว่าทำถูกต้องตามกฎหมาย
แต่เอาเข้าจริงหุ้นที่คนไทยถือ 51% เป็นหุ้นบุริมสิทธิ์ ขณะที่สิงคโปร์ถือ 49% เป็นหุ้นสามัญ
คราวนี้พอไปดูว่า หุ้นสามัญ มีสิทธิออกเสียง มากกว่า หุ้นบุริมสิทธิ์ 10 เท่า !!!
ตกลงคนไทยถือ 51% ออกเสียงได้ 51 คะแนน สิงคโปร์ถือ 49% ออกเสีนงได้ 490 คะแนน
แล้วจะคุยกันเรื่อง ครึ่งหนึ่ง กับ อีกครึ่งหนึ่ง ทำไม ?

..กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนาครับ..

บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #33 เมื่อ: 14-05-2006, 10:58 »

ขอบคุณครับ คุณแอ่นแอ๊น ที่กรุณาเอาข้อมูลละเอียดมาให้ดู

เพิ่มเติมจากที่ คุณแอ่นแอ๊น ว่ามาก็เท่ากับผู้ถือหุ้นสิงคโปร์มีสิทธิมากกว่าผู้ถือหุ้นไทยถึงกว่า 30 เท่า
แบบนี้ยิ่งตอกตะปูฝาโลงไปเลยว่า ไอ้เรื่องถูกต้องตามกฎหมายกับการเลี่ยงกฎหมายมันทำกันยังไง

คงไม่ต้องคุยเรื่อง ครึ่งหนึ่ง/อีกครึ่งหนึ่ง แล้วครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-05-2006, 11:01 โดย jerasak » บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
Killer
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,576


ช๊อบบ ชอบบ...ปฏิวัติ ปลื้ม ค่ะ


« ตอบ #34 เมื่อ: 14-05-2006, 11:03 »

งั้นแล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่า กองทุนสิงคโปร์
ไม่มีกองทุนไทย ไปถือหุ้นไขว้กันอยู่
เพราะอยู่ดีๆ กองทุนสิงคโปร์จะมาตั้งคนไทยไปเป็นประธานบอร์ด ได้ยังไงล่ะ ?
ถ้าไม่มีสายสัมพันธ์ทางด้านการลงทุนกันอยู่จริงหรือไม่ ?

ที่บอกว่าสัญชาติไทย แต่ใจสิงคโปร์ นั่นมันจำขี้ปากใครมาพูด
เพราะอย่างนี้ จะเอาเปอร์เซนต์การถือหุ้นใน Shin มาโชว์เพียงด้านเดียวไม่ได้หรอก

ต้องเอาเปอร์เซนต์การถือหุ้น กองทุนไทย ใน กองทุนสิงคโปร์มาโชว์ด้วยสิ จริงไม๊ ?



ประเด็นเรื่องการขายหุ้น มันพิสูจน์ว่า คนเรารวยมาได้ยังไง
จากวันแรกที่รับตำแหน่ง กับวันที่ขายหุ้น
มันบอกว่า "ต้นทุนแฝง" คือ "อำนาจ"
ประชาชนทนไม่ได้กับควากลับกลอกตรงนี้
สังเกตจากจดหมายเปิดผนึกจากทุกส่วนของสังคม


ทำไม...การรวยจากบริษัท ในตลาดหุ้นนี่มันเป็นความผิดตรงไหนหรือ ?
แล้วมันก็ย้อนไปถึงข้อสังเกตุของผม ว่า ถ้าเขารู้ว่าการขายหุ้นทั้งหมด
ณ สถานการณ์ ขณะนั้นมันจะก่อให้เกิดปัญหาตามมา เขาจะขายทำไม จริงไม๊ ?
แล้วมีหรือว่า เขาจะคาดไม่ถึงว่าจะก่อให้เกิตปัญหาตามมาบานปลายอย่างนี้

ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ก็มีบรรดาเกจิ ออกมาคาดการณ์กันไปในทิศทางเดียวว่า
ต่อไป Shin จะกินรวบทั้งระบบ ผลประโยชน์จะตามมามหาศาลไม่มีที่สิ้นสุด

แล้วจะขายทำไม เขาขายห่านที่ใข่ออกมาเป็นทองคำ ทำไม ?
บันทึกการเข้า
นู๋เจ๋ง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,877



« ตอบ #35 เมื่อ: 17-05-2006, 06:47 »

killer รับเงินจากทักกี้เดือนละเท่าไหร่?
บันทึกการเข้า

~จะแน่วแน่...แก้ไข...ในสิ่งผิด~
Killer
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,576


ช๊อบบ ชอบบ...ปฏิวัติ ปลื้ม ค่ะ


« ตอบ #36 เมื่อ: 17-05-2006, 15:14 »

killer รับเงินจากทักกี้เดือนละเท่าไหร่?

ตอบข้อสงสัยได้หรือไม่ ?  หรือว่า คิดไม่ทัน
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: