ปุถุชน
|
|
« ตอบ #100 เมื่อ: 26-08-2006, 12:16 » |
|
เมื่อวานนี้ ผมไปดูสถานที่รถบรรทุกระเบิดจอดอยู่ใต้สะพานสี่แยกบางพลัด เห็นถุงใส่กล้วยทอดปลิวตามลมมาหยุดหน้าที่ผมยืนอยู่ ผมเหลือบไปดูมีตัวอักษรตัวโต ๆ ว่า ข้อเท็จจริงที่คนรักทักษิณต้องอ่านทำให้ผมต้องก้มลงไปหยิบและแกะถุงออก คาบน้ำมันกล้วยทอดยังหลงเหลืออยู่เลย.... ข้อความใน ใบบอกนั้น คนรักทักษิณได้อ่านกันถ้วนแล้ว ผมจะไม่เล่าซ้ำให้ เหม็นเบื่ออีก เดี๋ยวจะเบี่ยงประเด็นว่า ผมอ่านก่อนแล้ว ลุง.... ผมขอเล่าให้คนต่อต้านทักษิณฟังคร่าว ๆว่า เนื้อหาบอกว่า รถบรรทุกระเบิดที่จอดอยู่ที่ใต้สะพานสี่แยกบางพลัดนั้นเป็นของ นายทหารยศร้อยโทที่สนิทสนมกับอดีตรอง ผอ.กอ.รมน.พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณีที่ถูกปลดกลางอากาศไปเรียบร้อยโรงเรียนทักษิณแล้ว... ผมได้นำแผงผังบริเวณที่รถบรรทุกจอดอยู่มาให้พิจารณาประกอบด้วย เพราะใน ใบบอกนั้นไม่มี....
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-08-2006, 15:12 โดย ปุถุชน »
|
บันทึกการเข้า
|
หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด
อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
|
|
|
buntoshi
|
|
« ตอบ #101 เมื่อ: 26-08-2006, 12:47 » |
|
ปรบมือให้ อะไรจ๊ะ กับ คุณ ชอบแถ ดันกระทู้นี้ เกิน 100 คห. แล้ว สุดยอดจริงๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เราต้องสร้างคนดีมากกว่าคนเก่ง เพราะคนเก่งจะเห็นคนอื่นเก่งกว่าไม่ได้ จะพยายามเก่งกว่าคนอื่น แต่คนดีจะมีความสุขที่ได้ทำให้คนอื่นเก่ง รวมทั้งคนดีทุกคน ล้วนเก่งทั้งนั้น.... ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ---------------------------
|
|
|
ปุถุชน
|
|
« ตอบ #102 เมื่อ: 26-08-2006, 13:56 » |
|
'สนธิ'แฉร.ท.ธวัชชัยมือระเบิด อยู่หน้าห้องเสธ.ไอซ์ตท.10
25 สิงหาคม 2549 13:51 น.
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : แกนนำพันธมิตรฯบุกสำนักงานตำรวจแห่งชาติยื่น 5 ข้อเรียกร้องให้ตำรวจปฏิบัติต่อผู้สนับสนุนและกลุ่มต่อต้านนายกรัฐมนตรี อย่างทัดเทียมกัน'สนธิ'แฉมือระเบิดเป็นหน้าห้องเสธ.ไอซ์ตท.10 เพื่อนนายกฯ
เวลา11.00 น.วันนี้(25 ส.ค.) แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนำโดย นายสนธิ ลิ้มทองกุล พล.ต.จำลองศรีเมือง นายสมศักดิ์ โกสัยสุข และนายพิภพ ธงไชย ได้ยื่นหนังสือเปิดผนึกถึง พล.ต.อ.โกวิทวัฒนะ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผ่าน พล.ต.ต.ประวุฒิถาวรศิริ เลขานุการตำรวจแห่งชาติ เพื่อยื่นข้อเรียกร้อง 5 ข้อคือ1. ยุติการดำเนินคดีกับประชาชนที่ชุมนุมต่อต้านและตะโกนขับไล่พ.ต.ท.ทักษิณชินวัตร นายกรัฐมนตรี หากไม่ยุติการดำเนินคดีกับกลุ่มต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณก็ขอให้สั่งดำเนินคดีกับผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ2.ให้ดำเนินคดีพ.ต.ท.ทักษิณข้อหาร่วมหรือสนับสนุนประชาชนที่ไปตะโกนสนับสนุนตามสถานที่ต่าง ๆ 3.ให้สอบสวนดำเนินคดีกับคนร้ายและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สนับสนุนให้ใช้กำลังทำร้ายร่างกายกักขังหน่วงเหนี่ยวผู้ชุมนุมต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ4.ให้สอบสวนดำเนินคดีกับตำรวจที่เลือกปฏิบัติเจาะจงจับกุมเฉพาะผู้ชุมนุมต่อต้านพ.ต.ท.ทักษิณและ 5. เรียกร้องให้ตำรวจร่วมกับทหารและประชาชนหยุดยั้งสงครามกลางเมือง ที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นสูงในสถานการณ์ปัจจุบัน
พร้อมกันนี้แกนนำพันธมิตรฯ ยังได้มอบแผ่นวีซีดีบันทึกเหตุการณ์ปะทะกันที่หน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ และสยามพารากอน พร้อมภาพนิ่ง และข้อความที่ถอดจากคำพูดของ พ.ต.อ.ฤทธิรงค์เทพจันดา ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนนครบาล 6 ที่สั่งการให้ชายฉกรรจ์ล็อกคอผู้ชุมนุมต่อต้านพ.ต.ท.ทักษิณชินวีตร นายกรัฐมนตรี ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของตำรวจสันติบาล และ ตำรวจ สน.ปทุมวันกว่า 100 นาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีการติดตั้งเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดที่ประตูทางเข้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยให้ผู้ชุมนุมที่จะเข้าไปผ่านเครื่องตรวจวัตถุระเบิด ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมหันมาปักหลักอยู่ด้านหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติแทน จนตำรวจต้องสั่งปิดช่องทางการจราจร 1 ช่องทางที่มุ่งหน้าศูนย์การค้าสยามพารากอนจนตำรวจต้องปรับแผนการเดินรถใหม่
อย่างไรก็ตามการชุมนุมครั้งนี้พุ่งเป้าไปที่ พ.ต.อ.ฤทธิรงค์โดยนำภาพคัตเอาท์ขนาดใหญ่ของ พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ขณะสนทนากับ นายจรัญ จงอ่อน และนายชัยสิทธิ์ ลอม๊ะ มาติดไว้เพื่อยืนยันว่า ตำรวจร่วมมือกับชายฉกรรจ์ทำร้ายประชาชน
นายสนธิยังกล่าวว่าโจมตีการทำงานของตำรวจและแฉว่าร.ท.ธวัชชัยกลิ่นชนะ มือระเบิด เป็นหน้าห้องของพล.อ.ไตรรรงค์ อินทรทัต ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก และเป็นตท.10
Car Bomb
.ผลงานล่าสุดของขบวนการทำลายชาติที่สังคมไทยควรร่วมกันประนาม!!
เอามาให้เจ้าของกระทู้และพรรคพวกอ่าน จะเชื่อไม่เชื่อ จะฟังหูไว้หู ก็ตามใจ แต่ให้ทบทวนความคิดเห็น ความปักใจเชื่อใบบอกของทักษิณใหม่เถอะ........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด
อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #103 เมื่อ: 28-08-2006, 09:00 » |
|
อะไรจ๊ะก็หลับหูหลับตาเชื่อนายกฯ ไปเรื่อยแหละครับ ผมเข้าใจ ถ้าพรุ่งนี้นายกฯ บอกว่ามี 100 คน อะไรจ๊ะก็จะเชื่อว่ามี 100 คน ถ้ามะรืนนายกฯ เปลี่ยนใหม่ บอกว่ามี 1,000,000 คน อะไรจ๊ะก็จะเชื่ออีกว่ามี 1,000,000 คน บางทีเชื่ออะไรแบบไม่ลืมหูลืมตานี่มันก็ดีเหมือนกันนะครับ อะไรจ๊ะว่าไหม
ใจเย็นๆครับท่าน อย่าเพิ่งวู่วามฟันธงฉับๆเพียงเพราะท่านขี้เกียจวิเคราะห์และให้ข้อมูลอย่างมีเหตุมีผล ก็เลยพูดจาเอามันส์เอาเผือกให้สะใจตัวเองแบบนั้นเลยครับ ท่านก็พยายามให้เหตุผลและตรรกะมิซิครับว่าทำไมถึงเชื่อว่าการลอบสังหารคือการจัดฉาก
ส่วนผมเองก็กำลังวิเคราะห์สาเหตุเพิ่มเติมว่าทำไมเรื่องลอบสังหารเป็นเรื่องจริง....เอาความคิดมาต่อสู้กันดีไหมครับท่าน!?!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Solidus
|
|
« ตอบ #104 เมื่อ: 28-08-2006, 09:06 » |
|
รอแค่วันเจอของจริง
ก็เข้าใจอารมณ์ของคนเฉียดตาย กำลังอยู่ในห้วงขวัญผวา
อย่างที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกตัวล่วงหน้า จากนี้ไปมาตรการรักษาความปลอดภัย ของผู้นำจะเพิ่มระดับความเข้ม หลังแคล้วคลาด “คาร์บอมบ์” หวุดหวิด
ต้องขอโทษสื่อมวลชนที่อาจจะทำให้การติดตามทำข่าวลำบากหน่อย
ทีแรกเลยก็นึกว่าจะมีแค่คิวเปลี่ยนกำหนดการต่างๆไม่ล็อกเวลาตายตัวให้ เป็นเป้านิ่ง หรือปรับวิธีการให้สัมภาษณ์นักข่าวในที่มิดชิดป้องกันเหตุลอบทำร้าย ไม่ให้ผู้ไม่ประสงค์ดีบุกเข้าถึงตัวได้ง่ายๆ
ไม่นึกว่าจะเข้มถึงขนาดล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีการวางแผนให้รถตำรวจ นำขบวน ของกองปราบฯ และชุดรักษาความปลอดภัยของนายกฯ ขับลวงขบวนรถติดตามของ สื่อมวลชนที่ไปเฝ้ารอที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ซอยจรัญฯ 69
หลอกล่อให้หลงตามไปทางหนึ่ง
แต่อีกด้านหนึ่งก็เปิดทางให้รถของนายกฯทักษิณหลบออกอีกด้าน โดยมีเพียงรถมอเตอร์ไซค์ ตำรวจขับนำ เพื่อหนีการติดตามของสื่อมวลชน
แม้แต่นักข่าวที่เคยติดสอยห้อยตามกันมายังถูกกันออกจากชั้นความปลอดภัย
นาทีนี้ “ทักษิณ” ไม่ไว้ใจหน้าไหนทั้งสิ้น
และก็เป็น พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร ผู้บังคับการตำรวจสันติบาล 3 หัวหน้าชุดรักษาความปลอดภัยนายกฯ ที่ชี้แจงกับนักข่าว
ช่วงหลังเกิดเหตุจับรถเก๋งบรรทุกระเบิด หน่วย รปภ.จำเป็นต้องมีการเพิ่มมาตรการ รักษาความปลอดภัยบริเวณรอบบ้านของนายกฯ อยู่ในขั้นสูงสุด และหากนายกฯต้องการที่จะออกจากบ้านไปปฏิบัติภารกิจส่วนตัวนอกบ้าน ก็ต้องปกปิดเป็นความลับ ไม่ให้ บุคคลใดล่วงรู้
แต่ก็อีกนั่นแหละ ไม่รู้เก็บความลับกันท่าไหน
ในที่สุดก็หนีไม่พ้นขีดความสามารถของนักข่าวที่สืบเสาะจนได้ นายกฯทักษิณแอบแวบไปตีกอล์ฟกับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เลขาธิการพรรคไทยรักไทย ที่สนามกอล์ฟอมตะสปริง คันทรีคลับ จังหวัดชลบุรี
ตามไปจนเจอ
ขนาดนักข่าวยังเจาะได้ นับประสาอะไรจะรอดหูรอดตาหน่วยล่าสังหาร
อะไรไม่ว่า ในห้วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน สถานการณ์เสี่ยงๆ ตามรูปการณ์แล้วก็น่าจะเก็บตัว อยู่ในที่มิดชิด “ทักษิณ” ยังมีอารมณ์ออกรอบตีกอล์ฟ
ยอมตกเป็นเป้าในที่โล่งแจ้ง
เอาเป็นว่า ถ้าตั้งท่าจะหลบขบวนล่าหัวกันจริงๆ ด้วยมาตรการรักษาความปลอดภัย เท่าที่เป็นอยู่ ระดับความเข้มในการระมัดระวังตัวแค่นี้
“ทักษิณ” ยังหนีไม่ห่างจากความตาย
ก็ยังดี สนามกอล์ฟที่ว่า สงวนให้เฉพาะสมาชิกวีไอพี เข้า-ออกได้เท่านั้น
และระหว่างที่ พ.ต.ท.ทักษิณออกรอบไปถึงหลุมที่อยู่ใกล้กับถนนหน้าด้านหน้า จุดล่อแหลมตกเป็นเป้าให้เล็งได้ ก็มีตำรวจติดตามยืนอารักขาอยู่ทุกจุด
ค่อยดูอยู่ในชั้นการระแวดระวังผู้นำที่ตกเป็นเป้าล่าสังหารหน่อย
พูดก็พูดเถอะ “ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐ” ไม่อยากใช้คำว่า “ให้มันสมบทบาทหน่อย” เพราะมันจะเป็นการให้ร้ายกับ “ทักษิณ” ทิ้งน้ำหนักไปที่การสร้าง สถานการณ์มากไป
ทั้งๆที่ยังไม่รู้อะไรเป็นอะไร
แต่ พ.ต.ท.ทักษิณก็อย่าลืมว่า นาทีนี้สังคมอยู่ในช่วงก้ำกึ่ง เชื่อกับไม่เชื่อ
ล่าสุด ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพล มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เปิดผลการสำรวจความคิดเห็นของ ประชาชนในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล จำนวน 1,174 ตัวอย่าง ในหัวข้อ คิดอย่างไรกับเรื่อง “คาร์บอมบ์”
ปรากฏร้อยละ 49.8 เชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ และในจำนวนนี้ ร้อยละ 60.6 มองว่าเป็นการกระทำโดยฝ่ายรัฐบาล
มีเพียงร้อยละ 20.5 เชื่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นการมุ่งร้ายต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ
นี่แหละที่ “ทักษิณ” ต้องคิดหนัก ในสถานการณ์มั่วๆ ไม่รู้อันไหนของจริงอันไหนของปลอม สร้างสถานการณ์เองหรือโดนฝ่ายตรงข้ามล่าหัวจริงๆ
และที่แย่กว่านั้น สำหรับคนชื่อ “ทักษิณ” ตัวเลขคนไม่เชื่อมากกว่าคนเชื่อ โดยอารมณ์ของคนส่วนใหญ่พิพากษาแล้ว
ของปลอมก็ว่าปลอม ของจริงก็ว่าปลอม
นับจากนี้ไป เป้าล่ออย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ลุ้นแค่ว่าเมื่อไหร่จะเจอของจริง
วันที่ไม่มีโอกาสได้เล่าวินาทีเฉียดตาย.
“ทีมข่าวการเมือง”
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #105 เมื่อ: 28-08-2006, 09:15 » |
|
ว่าจะถามคุณปุถุชนหลายครั้งแล้วครับว่า 'ใบบอก' มันคืออะไร? แล้วใครเป็นคนทำใบบอก?
ทำไม พี่จ้ะ ของกู ถึงได้โง่ งี้ว้า ?
ใบบอก = ใบเซียมซี ไงเพ่
ที่เวลาเขานั่งสั่นๆๆๆๆๆ กระบอกแล้ว มีไม้ติ้ว ตกเลขออกมาไงเพ่
แล้วเพ่ก็เอาเลขนั่นไป ขอใบบอกที่ตรงกันกะเลขที่ไม้ติ้ว
แล้วก็ เอาข้อความมาลอกๆๆๆ เขียนๆๆ อย่างที่ทำมาหากินกันนี่ไงเพ่...โด่ ...ไม่เคยหยอดเหรียญ...ค่าใบบอกละเดะ ทำไม่รู้จัก ฝากเพื่อนหยิบประจำชมะ งก ก็บอกเหอะ พี่จ้ะ !! เฮ้ย...โทดหว่ะไอ๊น้อง พี่จ๊ะไม่ได้อยู่ในวงการเซียมซีไรนั่น ใบบ่งใบบอกอะไรก็ไม่รู้จัก ประเด็นก็คือ ใครมันจะบ้ายอมเสียตังค์เดือนละเกือบแปดหมื่นบาทให้มาโต้กะพวกAT เพราะรู้ๆอยู่ว่ามันไม่ได้คะแนน ไม่ได้พวก และไม่ได้ใจ พวกATยังไง๊ยังไงก็เปลี่ยนแนวคิดพวกเค้าไม่ได้ แต่พี่จ๊ะชอบน๊ะ...มันสะใจดีหว่ะเวลายิงอ่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
The Piggy@u
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #106 เมื่อ: 28-08-2006, 09:18 » |
|
ตายไปซะไอ้เหลี่ยม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #107 เมื่อ: 28-08-2006, 09:23 » |
|
เรื่องตำรวจ มันเป็นเรื่องพื้นฐานที่ว่าตำรวจจะตั้งธงไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาผิด แต่บางทีมันตั้งธงเร็วเกินไปก็ไม่ถูกต้อง ถ้าเป็นตำรวจที่ดี ก็จับผู้ต้องหาที่คิดว่ากระทำผิด ถ้าเป็นตำรวจเลว ก็จับแพะ แต่บทสรุปเหมือนกัน คือมันต้องสรุปให้ผู้ต้องหาผิดให้ได้ เพราะว่าจับผิดตัวมันเป็นเรื่องเสียหน้าเสียหายเสียเกียรติมาก แถมยังอาจเป็นความผิดอีกด้วย ดังนั้นความเห็นของตำรวจจึงเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถนำมายึดถือเป็นข้อเท็จจริงได้ เพราะเป็นการตั้งธงไว้แต่แรกแล้วว่าคนนั้นกระทำผิดจึงได้จับกุม (หรือถ้าตำรวจเลวก็ตั้งธงไว้แล้วว่ากรูจะป้ายสีมัน)
ดังนั้นทุกคนจึงควรฟังข้อมูลทุกฝ่าย จับพิรุธที่มีมากมายออกมาให้ได้ ตอนนี้หางเริ่มโผล่แล้ว ข้อมูลขัดแย้งกันเอง ตำรวจไทยใครก็รู้เป็นอย่างไร เป็นอย่างนี้มาแต่โบราณแล้ว ไม่งั้นจะมีคำว่า "แพะ" บัญญัติไว้ในพจนานุกรมตำรวจไทยหรือ อย่าหลับหูหลับตาเชื่ออะไรให้มากนักดีกว่า
ลองคิดถึงผลท้ายสุดออกมาศาลตัดสินปล่อยธวัชชัยดูซิครับว่าถ้าเป็นเช่นนั้นจริง...คุณทักษิณหมดอนาคตทางการเมืองแน่ๆเพราะทุกคนจะเข้าใจว่าการลอบสังหารคือการจัดฉาก คุ้มไหมครับที่จะจัดฉากและจับแพะแลกต่อการหมดอนาคตทางการเมือง!?!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
RiDKuN
|
|
« ตอบ #108 เมื่อ: 28-08-2006, 09:29 » |
|
เสียใจด้วยครับคุณอะไรจ๊ะ เพราะว่าตำรวจยังไม่กล้าสั่งฟ้องข้อหาเจตนาฆ่าเลย ความจริงถ้าพกระเบิดพร้อมใช้งาน (อย่างที่ตำรวจอ้าง) ไปแบบนั้น ฟ้องข้อหาเจตนาฆ่าได้อยู่แล้ว แต่ไม่กล้าฟ้อง เพราะ??? เพราะกลัวเป็นแบบที่อะไรจ๊ะพูดยังไงละครับ อะไรจ๊ะน่าจะเข้าใจด้วยครับว่างานนี้เขาจัดฉากให้เป็นข่าวใหญ่ แต่ไม่ต้องการให้ขึ้นศาลครับ เพราะถ้าศาลตัดสินว่าไม่จริง คงดูไม่จืดครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
คนไม่มี "อุดมคติ" ไม่ใช่ "นักการเมือง"
|
|
|
Solidus
|
|
« ตอบ #109 เมื่อ: 28-08-2006, 09:35 » |
|
เป็นข่าวซะใหญ่โตแต่โดนแค่มีระเบิดไว้ครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต แล้วที่บอกมีผู้ร่วมขบวนการ 4-5 คนจะโดนข้อหาอะไรหว่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #110 เมื่อ: 28-08-2006, 09:51 » |
|
เสียใจด้วยครับคุณอะไรจ๊ะ เพราะว่าตำรวจยังไม่กล้าสั่งฟ้องข้อหาเจตนาฆ่าเลย ความจริงถ้าพกระเบิดพร้อมใช้งาน (อย่างที่ตำรวจอ้าง) ไปแบบนั้น ฟ้องข้อหาเจตนาฆ่าได้อยู่แล้ว แต่ไม่กล้าฟ้อง เพราะ??? เพราะกลัวเป็นแบบที่อะไรจ๊ะพูดยังไงละครับ อะไรจ๊ะน่าจะเข้าใจด้วยครับว่างานนี้เขาจัดฉากให้เป็นข่าวใหญ่ แต่ไม่ต้องการให้ขึ้นศาลครับ เพราะถ้าศาลตัดสินว่าไม่จริง คงดูไม่จืดครับ Good morningครับคุณริดกุน การเตรียมระเบิดของผู้ต้องหาดังกล่าวตามกฎหมายไม่สามารถตั้งข้อหาพยายามฆ่าได้เพราะผู้ต้องหายังไม่ได้ลงมือ กฎหมายเปิดให้เอาผิดในกรณีเดียวกันนี้ได้หากผู้ถูกลอบปองร้ายเป็นเชื้อพระวงศ์ กรณีนี้ทางตำรวจจึงได้แค่พยายามสอบเพื่อให้ธวัชชัยเปิดปากผู้เกี่ยวข้องอื่นๆและขยายผลเพื่อให้มีหลักฐานอันนำไปสู่การพยายามฆ่าครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #111 เมื่อ: 28-08-2006, 10:02 » |
|
รอแค่วันเจอของจริง
ก็เข้าใจอารมณ์ของคนเฉียดตาย กำลังอยู่ในห้วงขวัญผวา
อย่างที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกตัวล่วงหน้า จากนี้ไปมาตรการรักษาความปลอดภัย ของผู้นำจะเพิ่มระดับความเข้ม หลังแคล้วคลาด คาร์บอมบ์ หวุดหวิด
ต้องขอโทษสื่อมวลชนที่อาจจะทำให้การติดตามทำข่าวลำบากหน่อย
ทีแรกเลยก็นึกว่าจะมีแค่คิวเปลี่ยนกำหนดการต่างๆไม่ล็อกเวลาตายตัวให้ เป็นเป้านิ่ง หรือปรับวิธีการให้สัมภาษณ์นักข่าวในที่มิดชิดป้องกันเหตุลอบทำร้าย ไม่ให้ผู้ไม่ประสงค์ดีบุกเข้าถึงตัวได้ง่ายๆ
ไม่นึกว่าจะเข้มถึงขนาดล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีการวางแผนให้รถตำรวจ นำขบวน ของกองปราบฯ และชุดรักษาความปลอดภัยของนายกฯ ขับลวงขบวนรถติดตามของ สื่อมวลชนที่ไปเฝ้ารอที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ซอยจรัญฯ 69
หลอกล่อให้หลงตามไปทางหนึ่ง
แต่อีกด้านหนึ่งก็เปิดทางให้รถของนายกฯทักษิณหลบออกอีกด้าน โดยมีเพียงรถมอเตอร์ไซค์ ตำรวจขับนำ เพื่อหนีการติดตามของสื่อมวลชน
แม้แต่นักข่าวที่เคยติดสอยห้อยตามกันมายังถูกกันออกจากชั้นความปลอดภัย
นาทีนี้ ทักษิณ ไม่ไว้ใจหน้าไหนทั้งสิ้น
และก็เป็น พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร ผู้บังคับการตำรวจสันติบาล 3 หัวหน้าชุดรักษาความปลอดภัยนายกฯ ที่ชี้แจงกับนักข่าว
ช่วงหลังเกิดเหตุจับรถเก๋งบรรทุกระเบิด หน่วย รปภ.จำเป็นต้องมีการเพิ่มมาตรการ รักษาความปลอดภัยบริเวณรอบบ้านของนายกฯ อยู่ในขั้นสูงสุด และหากนายกฯต้องการที่จะออกจากบ้านไปปฏิบัติภารกิจส่วนตัวนอกบ้าน ก็ต้องปกปิดเป็นความลับ ไม่ให้ บุคคลใดล่วงรู้
แต่ก็อีกนั่นแหละ ไม่รู้เก็บความลับกันท่าไหน
ในที่สุดก็หนีไม่พ้นขีดความสามารถของนักข่าวที่สืบเสาะจนได้ นายกฯทักษิณแอบแวบไปตีกอล์ฟกับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เลขาธิการพรรคไทยรักไทย ที่สนามกอล์ฟอมตะสปริง คันทรีคลับ จังหวัดชลบุรี
ตามไปจนเจอ
ขนาดนักข่าวยังเจาะได้ นับประสาอะไรจะรอดหูรอดตาหน่วยล่าสังหาร
อะไรไม่ว่า ในห้วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน สถานการณ์เสี่ยงๆ ตามรูปการณ์แล้วก็น่าจะเก็บตัว อยู่ในที่มิดชิด ทักษิณ ยังมีอารมณ์ออกรอบตีกอล์ฟ
ยอมตกเป็นเป้าในที่โล่งแจ้ง
เอาเป็นว่า ถ้าตั้งท่าจะหลบขบวนล่าหัวกันจริงๆ ด้วยมาตรการรักษาความปลอดภัย เท่าที่เป็นอยู่ ระดับความเข้มในการระมัดระวังตัวแค่นี้
ทักษิณ ยังหนีไม่ห่างจากความตาย
ก็ยังดี สนามกอล์ฟที่ว่า สงวนให้เฉพาะสมาชิกวีไอพี เข้า-ออกได้เท่านั้น
และระหว่างที่ พ.ต.ท.ทักษิณออกรอบไปถึงหลุมที่อยู่ใกล้กับถนนหน้าด้านหน้า จุดล่อแหลมตกเป็นเป้าให้เล็งได้ ก็มีตำรวจติดตามยืนอารักขาอยู่ทุกจุด
ค่อยดูอยู่ในชั้นการระแวดระวังผู้นำที่ตกเป็นเป้าล่าสังหารหน่อย
พูดก็พูดเถอะ ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐ ไม่อยากใช้คำว่า ให้มันสมบทบาทหน่อย เพราะมันจะเป็นการให้ร้ายกับ ทักษิณ ทิ้งน้ำหนักไปที่การสร้าง สถานการณ์มากไป
ทั้งๆที่ยังไม่รู้อะไรเป็นอะไร
แต่ พ.ต.ท.ทักษิณก็อย่าลืมว่า นาทีนี้สังคมอยู่ในช่วงก้ำกึ่ง เชื่อกับไม่เชื่อ
ล่าสุด ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพล มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เปิดผลการสำรวจความคิดเห็นของ ประชาชนในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล จำนวน 1,174 ตัวอย่าง ในหัวข้อ คิดอย่างไรกับเรื่อง คาร์บอมบ์
ปรากฏร้อยละ 49.8 เชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ และในจำนวนนี้ ร้อยละ 60.6 มองว่าเป็นการกระทำโดยฝ่ายรัฐบาล
มีเพียงร้อยละ 20.5 เชื่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นการมุ่งร้ายต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ
นี่แหละที่ ทักษิณ ต้องคิดหนัก ในสถานการณ์มั่วๆ ไม่รู้อันไหนของจริงอันไหนของปลอม สร้างสถานการณ์เองหรือโดนฝ่ายตรงข้ามล่าหัวจริงๆ
และที่แย่กว่านั้น สำหรับคนชื่อ ทักษิณ ตัวเลขคนไม่เชื่อมากกว่าคนเชื่อ โดยอารมณ์ของคนส่วนใหญ่พิพากษาแล้ว
ของปลอมก็ว่าปลอม ของจริงก็ว่าปลอม
นับจากนี้ไป เป้าล่ออย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ลุ้นแค่ว่าเมื่อไหร่จะเจอของจริง
วันที่ไม่มีโอกาสได้เล่าวินาทีเฉียดตาย.
ทีมข่าวการเมือง
การจัดโพลล์ดังกล่าวเกิดขึ้น 1-2 วันหลังจากที่เกิดเหตุ ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวมีหลายฝ่ายออกมาแสดงความคิดเห็นเช่น พล.อ. พัลลภ เสธฯแดง ฝ่ายค้าน หรือแม้กระทั่งสื่อเองที่ไม่มีใครสักคนอยู่ในเหตุการณ์แต่ก็ตั้งข้อสันนิฐานเองเสร็จสรรพว่าเป็นการจัดฉาก ในขณะที่ทางโฆษกสตช.เพิ่งแถลงข่าวหลังจากที่โพลล์ถูกจัดทำเรียบร้อยแล้ว
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-08-2006, 10:13 โดย A-Rai-Ja »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
RiDKuN
|
|
« ตอบ #112 เมื่อ: 28-08-2006, 10:35 » |
|
ว่าตามจริง เอาปืนมาจ่อก็ถือว่าพยายามฆ่าแล้วนะครับ เอาระเบิดมาจ่อแบบนี้มันก็เหมือนกัน ก็บอกแล้วว่าอย่าไปเชื่อตำรวจมาก ก็เชื่ออยู่นั่นแหละ ต้องพิจารณากฎหมายจริงๆ ด้วย การเตรียมการน่ะยังไม่ถือว่าพยายามฆ่าจริง แต่ถ้าถึงขั้นจะลงมือแล้วก็ถือว่าพยายามฆ่าแล้วครับ แต่ที่ไม่ฟ้อง... เพราะว่ามันจัดฉากไงเล่า ลองดูคดีอื่นสิ ดันทุรังไปถึงอัยการทั้งนั้นแหละครับถึงจะสั่งไม่ฟ้อง แน่จริงส่งให้อัยการสิครับ ไม่กล้าส่ง เพราะรู้ว่าส่งไปก็มีแต่เจ๊ง เลยมุบมิบให้พวกเดียวกันตัดสินกันเอง งานนี้ตำรวจไม่กล้าส่งให้คนอื่นพิจารณาหรอกครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
คนไม่มี "อุดมคติ" ไม่ใช่ "นักการเมือง"
|
|
|
RiDKuN
|
|
« ตอบ #113 เมื่อ: 28-08-2006, 10:40 » |
|
แล้วไทยรัฐนี่ก็เลียอย่างออกนอกหน้าเหลือเกิน ความจริงเมื่อเจอข่าวแบบนี้ การรักษาความปลอดภัยก็ต้องทำเข้มงวดขึ้นอย่างมากอยู่แล้ว เพราะว่าเขามีหน้าที่รักษาความปลอดภัย มัีนก็ต้องยึดความปลอดภัยไว้ก่อน การที่มีคนออกมาบอกว่าจัดฉาก มันไม่ได้ทำให้การรักษาความปลอดภัยน้อยลงเลยครับ เพราะมันไม่เกี่ยวกัน งานนี้จัดฉาก งานหน้าอาจจะมีของจริงก็ได้อย่างที่เขาว่า ดังนั้น รปภ. ต้องทำงานหนักขึ้นเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว ไทยรัฐอย่าเลียให้มากเลยขอร้อง ฉบับอื่นเขายังกล้าเขียน กล้าสงสัยเลยว่าเป็นการจัดฉากหรือเปล่า จรรยาบรรณในการนำเสนอข่าวทั้งสองด้านก็น่าจะมีบ้างนะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
คนไม่มี "อุดมคติ" ไม่ใช่ "นักการเมือง"
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #114 เมื่อ: 28-08-2006, 10:46 » |
|
ตอนนี้คดีกำลังอยู่ในขั้นสอบสวนของจนท.ตำรวจครับ ถ้าการสอบสวนผู้ต้องหาแล้วเสร็จ...ก็จะส่งเรื่องถึงพนง.อัยการเพื่อตรวจสอบดูว่าสมควรฟ้องศาลหรือไม่
อย่างที่บอกครับว่า กฎหมายไม่ได้อนุญาตให้การเตรียมระเบิดเป็นคดีพยายามฆ่าในกรณีที่ไม่ใช่เชื้อพระวงศ์ ไม่ได้เกี่ยวกับตำรวจสักนิดว่าทำไมตำรวจถึงตั้งข้อหาพยายามฆ่ากับธวัชชัยไม่ได้ หากแต่เป็นเรื่องของกฎหมายที่ระบุไว้ต่างหาก
พร้อมกันนี้ผมใคร่ขอเสนอเหตุผล 5 ประการว่าด้วยเรื่องการลอบสังหารนายกฯทักษิณ ดังนี้
ประการแรก หากการจัดฉากเกิดขึ้นจริง...ทำไมมีการจับผู้ต้องหาที่เป็นอดีตลูกน้องเก่าของพล.อ. พัลลภ ผู้ซึ่งมีความคิดเห็นไม่ตรงกับรัฐบาลในช่วงหลังๆมานี่? จะไม่เนียนกว่าหรือหากจัดฉากโดยไม่มีผู้ต้องหา?
ประการที่สอง หากการจัดฉากเกิดขึ้นจริง....ภาพลักษณ์ของประเทศไทยที่เสียหายไปแล้วทั่วโลกอันทำให้นักลงทุนและนักท่องเที่ยวไม่ขนเงินมาประเทศไทยซึ่งทำให้เศรษฐกิจประเทศเสียหายและส่งผลให้การทำงานของรัฐบาลลำบากในที่สุด
ประการที่สาม หากมีการจัดฉากเกิดขึ้นจริง....ศาลจะเป็นผู้วินิจฉัยในท้ายสุด หากตำรวจจับแพะและศาลมีคำสั่งปล่อยธวัชชัย ก็เท่ากับอนาคตทางการเมืองของคุณทักษิณจบสิ้นเพราะประชาชนจะไม่ให้ความเชื่อถืออีกต่อไป มันคุ้มไหมที่จะเอาอนาคตทางการเมืองและเครดิตต่างๆที่สั่งสมในอดีตมาแลกแบบนี้?
ประการที่สี่ หากมีการจัดฉากจริง....การที่คุณทักษิณประกาศต่อลูกพรรคว่าไม่สามารถไปช่วยหาเสียงได้ เท่ากับเป็นการเสียโอกาสในการหาเสียง เพราะโพลล์ออกมาระบุว่าปชช.เลือกทรท.เพราะคุณทักษิณกว่า60% ในขณะที่เลือกทรท.เพราะนโยบายพรรคเพียง30กว่า% เท่ากับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้คุณทักษิณไม่สามารถออกมาช่วยลูกพรรคหาเสียงได้เหมือนการเลือกตั้งที่ผ่านๆมา
ประการสุดท้าย หากมีการจัดฉากจริง....ทำไมผู้เชียวชาญด้านวัตถุระเบิดที่เป็นผู้เก็บกู้ถึงบอกว่าระเบิดพร้อมทำงาน ในขณะที่คนอื่นๆที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์รู้ได้อย่างไรว่าเป็นการจัดฉาก? บุคคลเหล่านั้นไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์จริงๆแต่ดูจากรูปถ่ายและวิดิโอจะมารู้ดีกว่าผู้เชียวชาญที่เก็บกู้ระเบิดจริงได้อย่างไร?
จึงอยากให้ทุกท่านโปรดวิเคราะห์เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นด้วยจิตใจที่เป็นกลาง โดยเฉพาะการกล่าวหาว่ารัฐบาลจัดฉากเพื่อกลบกระแสกรณีSiam Paragon + World Trade ซึ่งจากที่กล่าวมาข้างต้น หากรัฐบาลคิดแก้เกมส์ดึงความสนใจเพื่อลดกระแสล่อก็...เอาเรื่องอื่นที่มันไกลตัวนายกฯที่ไม่ต้องให้กระบวนการทางกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้องไม่ดีกว่าหรือ?
โปรดตรองดูเถิด!!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
RiDKuN
|
|
« ตอบ #115 เมื่อ: 28-08-2006, 11:25 » |
|
เป็นข้อสงสัยที่ไม่น่าสงสัยเลยนะครับความจริงแล้ว ข้อแรก ทำไมต้องเป็น ร.ท. คนดังกล่าว? ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน รู้แต่ว่าแพะมันหาไม่ได้ง่ายๆ หรอกครับ การจะหลอกเขาให้เข้าคุก จะมีสักกี่คนที่ยอม บางทีมันก็เลือกไม่ได้ครับ คนนี้อาจจะเหมาะสมที่สุดแล้วก็ได้ และค่อนข้างชัดเมื่อมีการไปชุมนุมที่บ้านป๋าเปรมในวันรุ่งขึ้น ว่าคนที่จัดฉากนี้ต้องการโยงไปถึงป๋าเปรม ซึ่ง ร.ท. ธวัชชัยก็เหมาะสมดีกับการจัดฉากดังกล่าว ข้อสอง การทำงานของรัฐบาลจะลำบากหรือไม่ ไม่มีผลต่อคะแนนเสียงครับ เพราะถ้าปั่นหัวประชาชนให้เชื่อได้ว่าเป็นการลอบสังหาร ก็จะไม่มีใครมองว่าเป็นความผิดของรัฐบาล จุดประสงค์ของพรรคไทยรักไทย คือวันที่ 15 ต.ค. นี้ต้องเข้าเป็นรัฐบาลเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของพวกพ้อง และป้องกันการเชคบิลย้อนหลังให้ได้ ส่วนบ้านเมืองจะดีหรือฉิบหายพวกมันไม่สนอยู่แล้ว ขอให้ประชาชนเลือกมาเป็นรัฐบาลก็พอ ส่วนทักษิณนั้นไม่มีปัญหาอยู่แล้วเพราะไม่เคยทำงาน มีแต่ออกงานอย่างเดียว ข้อสาม ก็ตอบไปแล้ว ว่าตำรวจยังไม่กล้าส่งให้อัยการพิจารณาเลย ไม่ต้องพูดไปถึงศาลหรอกเพราะมันไม่มีวันถึงศาล ตรงนี้มันไม่ใช่เรื่องของกฎหมายอาญา กฎหมายพยายามฆ่ามันมีอยู่แล้ว แต่ไม่มีระบุว่าเตรียมระเบิดเพื่อฆ่าแล้วไม่ผิด มันเป็นบรรทัดฐานของการพิจารณาที่ผ่านๆ มา ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้เพราะกรณีนี้มันอยู่ในเขตสีเทา ระเบิดมันพร้อมจะระเบิดอยู่แล้ว (ในความเห็นของตำรวจ) ที่ไม่กล้าส่งให้อัยการฟ้องนั่นก็เป็นพิรุธอย่างมากแล้วครับ เพราะที่ผ่านๆ มาตำรวจไทยจับแพะขึ้นศาลมากมาย จนต้องเอาภาษีประชาชนจำนวนมากมาชดใช้ให้กับบุคคลเหล่านั้น แต่พอมาถึงวันนี้กลับไม่กล้าส่งเรื่องให้อัยการด้วยซ้ำ มันบ่งบอกว่าตำรวจปกปิดความจริงไว้ครับ ข้อสี่ คะแนนเสียงจะขึ้นหรือลง ไม่ได้อยู่ที่ว่าทักษิณไปหาเสียงหรือไม่ ถ้าทักษิณไม่ไปโดยอ้างว่าโดนคาร์บอมบ์ ชาวบ้านก็ต้องเข้าใจและคงไม่มีผลกระทบอะไร นี่คือสิ่งที่ผู้จัดฉากได้คำนึงถึงอยู่แล้ว ข้อสุดท้าย ระเบิดจะพร้อมทำงานหรือไม่ ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดฉาก เพราะมีเรื่องอื่นให้พิจารณาอีกมาก แต่ก็อยากให้สังเกตว่าผู้เชี่ยวชาญระเบิดนั้นมาจากหน่วยไหนกองใดสังกัดอะไรด้วย เป็นหน่วยเดียวกับที่เคยพิสูจน์พบว่ามีการวางระเบิดบนเครื่องบินโบอิ้งเพื่อลอบสังหารทักษิณรึเปล่า? ตอนนี้คดีกำลังอยู่ในขั้นสอบสวนของจนท.ตำรวจครับ ถ้าการสอบสวนผู้ต้องหาแล้วเสร็จ...ก็จะส่งเรื่องถึงพนง.อัยการเพื่อตรวจสอบดูว่าสมควรฟ้องศาลหรือไม่
อย่างที่บอกครับว่า กฎหมายไม่ได้อนุญาตให้การเตรียมระเบิดเป็นคดีพยายามฆ่าในกรณีที่ไม่ใช่เชื้อพระวงศ์ ไม่ได้เกี่ยวกับตำรวจสักนิดว่าทำไมตำรวจถึงตั้งข้อหาพยายามฆ่ากับธวัชชัยไม่ได้ หากแต่เป็นเรื่องของกฎหมายที่ระบุไว้ต่างหาก
พร้อมกันนี้ผมใคร่ขอเสนอเหตุผล 5 ประการว่าด้วยเรื่องการลอบสังหารนายกฯทักษิณ ดังนี้
ประการแรก หากการจัดฉากเกิดขึ้นจริง...ทำไมมีการจับผู้ต้องหาที่เป็นอดีตลูกน้องเก่าของพล.อ. พัลลภ ผู้ซึ่งมีความคิดเห็นไม่ตรงกับรัฐบาลในช่วงหลังๆมานี่? จะไม่เนียนกว่าหรือหากจัดฉากโดยไม่มีผู้ต้องหา?
ประการที่สอง หากการจัดฉากเกิดขึ้นจริง....ภาพลักษณ์ของประเทศไทยที่เสียหายไปแล้วทั่วโลกอันทำให้นักลงทุนและนักท่องเที่ยวไม่ขนเงินมาประเทศไทยซึ่งทำให้เศรษฐกิจประเทศเสียหายและส่งผลให้การทำงานของรัฐบาลลำบากในที่สุด
ประการที่สาม หากมีการจัดฉากเกิดขึ้นจริง....ศาลจะเป็นผู้วินิจฉัยในท้ายสุด หากตำรวจจับแพะและศาลมีคำสั่งปล่อยธวัชชัย ก็เท่ากับอนาคตทางการเมืองของคุณทักษิณจบสิ้นเพราะประชาชนจะไม่ให้ความเชื่อถืออีกต่อไป มันคุ้มไหมที่จะเอาอนาคตทางการเมืองและเครดิตต่างๆที่สั่งสมในอดีตมาแลกแบบนี้?
ประการที่สี่ หากมีการจัดฉากจริง....การที่คุณทักษิณประกาศต่อลูกพรรคว่าไม่สามารถไปช่วยหาเสียงได้ เท่ากับเป็นการเสียโอกาสในการหาเสียง เพราะโพลล์ออกมาระบุว่าปชช.เลือกทรท.เพราะคุณทักษิณกว่า60% ในขณะที่เลือกทรท.เพราะนโยบายพรรคเพียง30กว่า% เท่ากับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้คุณทักษิณไม่สามารถออกมาช่วยลูกพรรคหาเสียงได้เหมือนการเลือกตั้งที่ผ่านๆมา
ประการสุดท้าย หากมีการจัดฉากจริง....ทำไมผู้เชียวชาญด้านวัตถุระเบิดที่เป็นผู้เก็บกู้ถึงบอกว่าระเบิดพร้อมทำงาน ในขณะที่คนอื่นๆที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์รู้ได้อย่างไรว่าเป็นการจัดฉาก? บุคคลเหล่านั้นไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์จริงๆแต่ดูจากรูปถ่ายและวิดิโอจะมารู้ดีกว่าผู้เชียวชาญที่เก็บกู้ระเบิดจริงได้อย่างไร?
จึงอยากให้ทุกท่านโปรดวิเคราะห์เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นด้วยจิตใจที่เป็นกลาง โดยเฉพาะการกล่าวหาว่ารัฐบาลจัดฉากเพื่อกลบกระแสกรณีSiam Paragon + World Trade ซึ่งจากที่กล่าวมาข้างต้น หากรัฐบาลคิดแก้เกมส์ดึงความสนใจเพื่อลดกระแสล่อก็...เอาเรื่องอื่นที่มันไกลตัวนายกฯที่ไม่ต้องให้กระบวนการทางกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้องไม่ดีกว่าหรือ?
โปรดตรองดูเถิด!!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
คนไม่มี "อุดมคติ" ไม่ใช่ "นักการเมือง"
|
|
|
A-NOY
|
|
« ตอบ #116 เมื่อ: 28-08-2006, 11:26 » |
|
อะไรจ๊ะ...ตอบหน่อยว่าทำไมตำรวจไม่ยอมเรียกเต้นท์รถที่เจ้าของรถบอกว่าเอาไปขายให้ตั้งแต่หลายปีมาแล้วมาสอบซะที ทั้งๆที่ก็รู้ที่มาของรถ เมื่อตำรวจยังไม่มีพยานหลักฐานว่าเป็นการปองร้ายนายกฯ ทำไมรีบออกข่าวว่าเป็นการปองร้าย ที่ตำรวจไม่กล้าแจ้งข้อหาพยายามฆ่าเพราะว่าองค์ประกอบความผิดยังไม่ครบ เนื่องจากระเบิดยังไม่ได้ประกอบจนพร้อมระเบิดน่ะสิ ถ้าประกอบพร้อมมันเข้าอง๕ประกอบพยายามฆ่าแล้วล่ะคุณ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
A-NOY
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #117 เมื่อ: 28-08-2006, 12:00 » |
|
เป็นข้อสงสัยที่ไม่น่าสงสัยเลยนะครับความจริงแล้ว
ข้อแรก ทำไมต้องเป็น ร.ท. คนดังกล่าว? ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน รู้แต่ว่าแพะมันหาไม่ได้ง่ายๆ หรอกครับ การจะหลอกเขาให้เข้าคุก จะมีสักกี่คนที่ยอม บางทีมันก็เลือกไม่ได้ครับ คนนี้อาจจะเหมาะสมที่สุดแล้วก็ได้ และค่อนข้างชัดเมื่อมีการไปชุมนุมที่บ้านป๋าเปรมในวันรุ่งขึ้น ว่าคนที่จัดฉากนี้ต้องการโยงไปถึงป๋าเปรม ซึ่ง ร.ท. ธวัชชัยก็เหมาะสมดีกับการจัดฉากดังกล่าว
ถ้าอยากจัดฉากจริงก็น่าจะจัดทำแบบไม่มีการจับกุมผู้ต้องหาให้เสี่ยงต่อการถูกจับผิดไม่ดีกว่าหรือครับงั้น?
ข้อสอง การทำงานของรัฐบาลจะลำบากหรือไม่ ไม่มีผลต่อคะแนนเสียงครับ เพราะถ้าปั่นหัวประชาชนให้เชื่อได้ว่าเป็นการลอบสังหาร ก็จะไม่มีใครมองว่าเป็นความผิดของรัฐบาล จุดประสงค์ของพรรคไทยรักไทย คือวันที่ 15 ต.ค. นี้ต้องเข้าเป็นรัฐบาลเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของพวกพ้อง และป้องกันการเชคบิลย้อนหลังให้ได้ ส่วนบ้านเมืองจะดีหรือฉิบหายพวกมันไม่สนอยู่แล้ว ขอให้ประชาชนเลือกมาเป็นรัฐบาลก็พอ ส่วนทักษิณนั้นไม่มีปัญหาอยู่แล้วเพราะไม่เคยทำงาน มีแต่ออกงานอย่างเดียว
อย่าลืมน๊ะครับว่าศาลจะเป็นผู้ชี้ขาดในคดีนี้ ทรท.ไม่สามารถปั่นหัวใครได้ และอีกประเด็นที่สำคัญก็คือ พรรคทรท.ชนะการเลือกตั้งโดยไม่จำเป็นต้องสร้างเรื่องขึ้นมาแต่อย่างใด การสร้างเรื่องและถูกจับได้จะทำให้เสียคะแนนด้วยซ้ำ การที่คุณทักษิณไม่ออกมาช่วยลูกพรรคหาเสียง....พรรคทรท.เสียเปรียบคู่แข่งครับ...ขอย้ำ
ข้อสาม ก็ตอบไปแล้ว ว่าตำรวจยังไม่กล้าส่งให้อัยการพิจารณาเลย ไม่ต้องพูดไปถึงศาลหรอกเพราะมันไม่มีวันถึงศาล ตรงนี้มันไม่ใช่เรื่องของกฎหมายอาญา กฎหมายพยายามฆ่ามันมีอยู่แล้ว แต่ไม่มีระบุว่าเตรียมระเบิดเพื่อฆ่าแล้วไม่ผิด มันเป็นบรรทัดฐานของการพิจารณาที่ผ่านๆ มา ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้เพราะกรณีนี้มันอยู่ในเขตสีเทา ระเบิดมันพร้อมจะระเบิดอยู่แล้ว (ในความเห็นของตำรวจ) ที่ไม่กล้าส่งให้อัยการฟ้องนั่นก็เป็นพิรุธอย่างมากแล้วครับ เพราะที่ผ่านๆ มาตำรวจไทยจับแพะขึ้นศาลมากมาย จนต้องเอาภาษีประชาชนจำนวนมากมาชดใช้ให้กับบุคคลเหล่านั้น แต่พอมาถึงวันนี้กลับไม่กล้าส่งเรื่องให้อัยการด้วยซ้ำ มันบ่งบอกว่าตำรวจปกปิดความจริงไว้ครับ
เรื่องยังอยู่ขั้นการสืบสวนของตำรวจครับ ไม่ใช่อยู่ๆจะข้ามขั้นตอนส่งเรื่องไปที่อัยการเลย โดยเฉพาะเรื่องสำคัญและละเอียดอ่อนแบบนี้ ตำรวจเค้าก็ต้องใช้เวลาในการรวบรวมหลักฐานให้แน่นหนาเพื่อส่งอัยการ ซึ่งหากอัยการเห็นว่าหลักฐานอ่อนก็ตีกลับไม่ฟ้อง ไม่ใช่ตำรวจไม่กล้าส่งเรื่องให้อัยการตามที่คุณริดกุลกล่าวหาครับ
ข้อสี่ คะแนนเสียงจะขึ้นหรือลง ไม่ได้อยู่ที่ว่าทักษิณไปหาเสียงหรือไม่ ถ้าทักษิณไม่ไปโดยอ้างว่าโดนคาร์บอมบ์ ชาวบ้านก็ต้องเข้าใจและคงไม่มีผลกระทบอะไร นี่คือสิ่งที่ผู้จัดฉากได้คำนึงถึงอยู่แล้ว อย่างที่บอกครับว่ามีโพลล์สำรวจความเห็นระบุว่าคนกว่า60%เลือกทรท.เพราะคุณทักษิณ การที่คุณทักษิณเสียโอกาสในการหาเสียงเหมือน 2 ครั้งที่ผ่านมา...พรรคทรท.เสียเปรียบครับ ถ้าคุณริดกุลคิดว่าไม่ใช่...งั้นให้คุณอภิสิทธิ์ไม่ต้องช่วยลูกพรรคหาเสียงซิครับเอาไหม!?!
ข้อสุดท้าย ระเบิดจะพร้อมทำงานหรือไม่ ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดฉาก เพราะมีเรื่องอื่นให้พิจารณาอีกมาก แต่ก็อยากให้สังเกตว่าผู้เชี่ยวชาญระเบิดนั้นมาจากหน่วยไหนกองใดสังกัดอะไรด้วย เป็นหน่วยเดียวกับที่เคยพิสูจน์พบว่ามีการวางระเบิดบนเครื่องบินโบอิ้งเพื่อลอบสังหารทักษิณรึเปล่า? ถ้าไม่เชื่อผู้เชียวชาญด้านระเบิดแล้วจะเชื่อใครครับ? ประสงค์/สนธิ/เสธฯแดง/พล.อ. พัลลภ? ที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์งั้นหรือครับ? อย่าลืมว่าการพิจารณาของศาลท่านจะให้น้ำหนักความน่าเชื่อถือต่อผู้เชียวชาญที่เกี่ยวข้องกับคดีน๊ะครับ ไม่ใช่ความคิดเห็นของคนภายนอก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
RiDKuN
|
|
« ตอบ #118 เมื่อ: 28-08-2006, 12:04 » |
|
ผมละเบื่อที่ต้องมานั่งพูดซ้ำแล้วซ้ำอีก คุณอะไรจ๊ะควรไปตามข่าวบ้างว่าตำรวจเขาบอกแล้วว่า "ฟ้องข้อหาพยายามฆ่า" ไม่ได้ ซึ่งความจริงคุณอะไรจ๊ะก็รู้อยู่แล้ว แต่ยังพยายามจะแถว่าเรื่องนี้จะไปถึงศาล จะแถทำไม?
แล้วถ้าถึงชั้นศาลจริง กว่าศาลจะตัดสิน นู่นครับ เลยเลือกตั้งไปหลายเดือน อาจจะเป็นปีด้วยซ้ำ อย่าแกล้งโง่ครับ ขอร้อง! ปั่นหัวประชาชนให้หลงเชื่อ เพื่อเข้าไปนั่งขายชาติต่อได้อีกเป็นปีแล้วครับ!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
คนไม่มี "อุดมคติ" ไม่ใช่ "นักการเมือง"
|
|
|
A-NOY
|
|
« ตอบ #119 เมื่อ: 28-08-2006, 13:20 » |
|
คุณริดคุนครับ คุณอะไรจ๊ะนี่แกไม่เรื่องขบวนการพิจารณาคดีหรอกครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
A-NOY
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #120 เมื่อ: 28-08-2006, 13:32 » |
|
ผมละเบื่อที่ต้องมานั่งพูดซ้ำแล้วซ้ำอีก คุณอะไรจ๊ะควรไปตามข่าวบ้างว่าตำรวจเขาบอกแล้วว่า "ฟ้องข้อหาพยายามฆ่า" ไม่ได้ ซึ่งความจริงคุณอะไรจ๊ะก็รู้อยู่แล้ว แต่ยังพยายามจะแถว่าเรื่องนี้จะไปถึงศาล จะแถทำไม? ก็คงต้องเรียนคุณริดกุลซ้ำๆอีกครั้งครับว่า ตำรวจไม่มีอำนาจที่จะต้องข้อหาผู้ต้องสงสัยว่าพยายามฆ่า เพราะไม่มีกฎหมายกำหนดไว้ ไม่เกี่ยวกับศาลเลยครับ
แล้วถ้าถึงชั้นศาลจริง กว่าศาลจะตัดสิน นู่นครับ เลยเลือกตั้งไปหลายเดือน อาจจะเป็นปีด้วยซ้ำ อย่าแกล้งโง่ครับ ขอร้อง! ปั่นหัวประชาชนให้หลงเชื่อ เพื่อเข้าไปนั่งขายชาติต่อได้อีกเป็นปีแล้วครับ! ก็ยิ่งมีคนสงสัยมากเท่าไหร่ขณะที่ศาลไม่ตัดสินคดีดังกล่าว ก็จะเป็นเรื่องง่ายที่จะนำเรื่องดังกล่าวมาบิดเบือนมากกว่าจะเป็นประโยชน์ต่อคุณทักษิณ อย่างที่เรียนไปแล้วว่าแม้เรื่องลอบสังหารนายกฯนี้จะไม่เกิด...พรรคทรท.ก็ชนะเลือกตั้งอยู่ดี แล้วจะมาจัดฉากให้เรื่องมันซับซ้อนทำไมครับ? ถ้าท่าทางพรรคทรท.ไม่ได้เป็นรัฐบาล/ชนะการเลือกตั้งในวันที่ 15 ต.ค. ซิครับค่อยมีเหตุให้จัดฉากสร้างเรื่องดูจะมีเหตุและผลมากกว่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #121 เมื่อ: 28-08-2006, 13:41 » |
|
อะไรจ๊ะ...ตอบหน่อยว่าทำไมตำรวจไม่ยอมเรียกเต้นท์รถที่เจ้าของรถบอกว่าเอาไปขายให้ตั้งแต่หลายปีมาแล้วมาสอบซะที ทั้งๆที่ก็รู้ที่มาของรถ เมื่อตำรวจยังไม่มีพยานหลักฐานว่าเป็นการปองร้ายนายกฯ ทำไมรีบออกข่าวว่าเป็นการปองร้าย ที่ตำรวจไม่กล้าแจ้งข้อหาพยายามฆ่าเพราะว่าองค์ประกอบความผิดยังไม่ครบ เนื่องจากระเบิดยังไม่ได้ประกอบจนพร้อมระเบิดน่ะสิ ถ้าประกอบพร้อมมันเข้าอง๕ประกอบพยายามฆ่าแล้วล่ะคุณ
ตำรวจกำลังรวบรวมหลักฐานและสวบสวนอยู่ครับ ไม่ต้องกลัวว่าตำรวจเค้าจะสอบไม่สอบใครเพราะคดีนี้ถือเป็นการวัดประสิทธิภาพการทำงานของตำรวจทีเดียว กรุณาไปอ่านคำแถลงของโฆษกสตช.ด้วยครับว่าระเบิดพร้อมทำงาน ส่วนที่บอกว่าไม่พร้อมนั้นล้วนเป็นคคห.ของผู้ที่ไม่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งสิ้น
เช่นกัน กฎหมายไม่อนุญาตให้เอาผิดการเตรียมการลอบสังหารว่าเป็นการพยายามฆ่า นอกเสียจากเป้าหมายเป็นเชื้อพระวงศ์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #122 เมื่อ: 28-08-2006, 14:13 » |
|
พร้อมกันนี้ผมได้quoteข่าวที่มีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องการตั้งข้อหาร.ท. ธวัชชัย ปรากฎดังนี้ กล้องเดี๋ยวนี้ใช้ได้หมด หน่วย รปภ.ก็ต้องมีกล้องเช่นเดียวกัน ในการที่จะใช้จับภาพบริเวณที่บุคคลสำคัญ หรือนายกรัฐมนตรีมีภารกิจ เราจึงทราบได้ว่ามีวัตถุหรือบุคคลใดที่เข้ามาอยู่ในแวดวง หรือในจุดที่นายกรัฐมนตรีจะปฏิบัติภารกิจ ดังนั้น ขอย้ำอีกครั้งว่าอย่าได้โปรดด่วนตัดสินใจ วินิจฉัย หรือวิเคราะห์โดยที่ไม่ได้ทราบข้อเท็จจริงตามที่ได้เรียนเมื่อคืนแล้วว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม การตระเตรียมวัตถุระเบิดดังกล่าวนั้น ตามกฎหมายไม่ถือว่าเป็นความผิด สิ่งที่พนักงานสอบสวนจะแจ้งข้อหากับผู้ต้องหาได้ก็คือ มีวัตถุระเบิดไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน เพราะกฎหมายกำหนดไว้ว่าการตระเตรียมจะมีความผิดได้เฉพาะการลอบปลงพระชนม์ และการลอบวางเพลิงเท่านั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจในฐานะเจ้าพนักงานกระบวนการยุติธรรมเบื้องต้นจะทำคดีนี้อยู่ในกรอบกระบวนการยุติธรรม และให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9490000108435
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Solidus
|
|
« ตอบ #123 เมื่อ: 28-08-2006, 19:00 » |
|
ระเบิดมันมีน้ำมันด้วยนะ แน่ใจอย่างไรว่าจะไม่ทำเพื่อให้เกิดเพลิงไหม้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #124 เมื่อ: 29-08-2006, 08:50 » |
|
ระเบิดมันมีน้ำมันด้วยนะ แน่ใจอย่างไรว่าจะไม่ทำเพื่อให้เกิดเพลิงไหม้
ก็เพราะมีมุมมองลำเอียงไงครับถึงมองแค่การมีน้ำมันคือการลอบวางเพลิงโดยไม่สนใจอุปกรณ์อื่นๆเช่น C-4 ไดนาไมค์ วงจรต่อเชื่อม ประจุระเบิด ฯลฯ ถ้ามีแค่น้ำมันล้วนๆจะไม่เถียงสักนิดว่าเป็นการวางเพลิง...พวกที่เกลียดทักษิณจึงชอบเอาเรื่องเอาประเด็นบางส่วนมาโม้ ซึ่งผมชอบน๊ะครับ...เพราะได้ยิงฟรีๆไง ฮ่าๆๆๆ
อ่ะ...ทีนี้ก็รู้กันซะทีน๊ะครับบรรดาท่านATทั้งหลายว่าสิ่งที่พวกท่านโม้มตลอด3-4วันที่กล่าวหาว่าคุณทักษิณจัดฉากหลอกเรื่องคาร์ บอมม์ นั้น....เรื่องจริงก็คือ ร.ท. ธวัชชัยได้ยอมรับแล้วว่าต้องการจะสังหารนายกฯทักษิณจริงๆ
ที่น่าสนใจก็คือ ในขณะที่สื่ออื่นๆลงข่าวเรื่องการรับสารภาพของร.ท. ธวัชชัยกันอย่างพร้อมเพรียง แต่สื่อ manager.co.th กลับไม่มีข่าวดังกล่าวสักแอ๊ะ ประเด็นก็คือ สื่อผู้จัดการต้องการปิดบังข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเพราะต้องการชี้นำให้สังคมเชื่อว่ารัฐบาลจัดฉากเรื่องลอบสังหาร หากเมื่อความจริงปรากฎ...สื่อผู้จัดการเลือกที่จะไม่นำเสนอ วิญญูชนทั้งหลายครับ....เลิกเถอะครับกับการลำเอียงและอคติต่อรัฐบาลที่ทำงานเพื่อประเทศชาติออย่างแท้จริง ท่านสามารถไถ่บาปด้วยการเปิดใจให้กว้างและยอมรับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในเรื่องผลสอบการลอบสังหารคุณทักษิณ แทนที่จะปิดหูปิดตาตัวเองแล้วท่องคำ2-3คำว่า "เกลียดๆ" บั่นทอนสุขภาพจิตและการพัฒนาสมองของตนเองมิใช่หรือ!?!
ตร.แพร่ภาพสอบ รท.ยอมรับ ไม่ซัดทอดใคร
จากเหตุพยายามลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาความปลอดภัยของนายกฯ สกัดจับกุมตัว ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ นายทหารสังกัดกองบัญชาการกองทัพบก ช่วยราชการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ขณะขับรถยนต์แดวู สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ฐฉ 3085 กรุงเทพมหานคร ซุกระเบิดทีเอ็นทีและซีโฟร์ต่อวงจรพร้อมจุดระเบิดด้วยรีโมตคอนโทรล บริเวณใต้สะพานลอยข้ามแยกบางพลัด เส้นทางที่ขบวนรถของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีใช้เป็นประจำ ขณะนี้พนักงานสอบสวนกองปราบปราม อยู่ระหว่างสืบสวนขยายผล หาผู้ร่วมขบวนการพยายามลอบปองร้ายผู้นำของประเทศอยู่นั้น
มือมืดก่อกวนสร้างสถานการณ์ซ้ำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 06.00 น. วานนี้ (28 ส.ค.) ร.ต.อ.ธารา เครือละม้าย หัวหน้าสายตรวจ สน.บางพลัด รับแจ้งเหตุพบวัตถุต้องสงสัย บริเวณลานจอดรถด้านข้างธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาถนนสิรินธร แขวงและเขตบางพลัด ฝั่งธนบุรี ห่างจากปากซอยจรัสลาภ ซอยเข้าบ้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีประมาณ 100 เมตร ไปตรวจสอบพบถุงกระดาษของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งวางอยู่ ปากถุงขาดมองเห็นข้างในชัดเจนเป็นนาฬิกาปลุกและแท่งโลหะสีดำมัดด้วยสกอตเทป มีสายไฟต่อระโยง ระยางมองดูคล้ายระเบิดทีเอ็นที เบื้องต้นยังไม่แน่ใจว่าเชื่อมต่อวงจรพร้อมทำงานหรือไม่ จึงนำยางรถยนต์จำนวน 4 เส้นไปวางครอบไว้ พร้อมกับกันพื้นที่ห้ามผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าใกล้อย่างเด็ดขาด จากนั้นรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมกับประสานงานหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด บช.น.ไปตรวจสอบ
ไม่ใช่ระเบิด-จม.ด่านายกฯ
ต่อมา พ.ต.อ.สาทร สายสมบูรณ์ รอง ผบก.น.7 พ.ต.อ.บุญเพ็ญ มั่งคั่ง ผกก.สน.บางพลัด พ.ต.ท.วิรัตน์ การดี รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.คมสันต์ สายโคกกลาง สว.สส. พร้อมเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องและหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดรุดไปที่เกิดเหตุ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้าน ระเบิดใส่ชุดป้องกันแรงระเบิดเข้าไปตรวจสอบเบื้องต้น แล้ว พบว่าสายไฟถูกต่อแบบไม่ครบวงจร และอุปกรณ์ดังกล่าวไม่ใช่วัตถุระเบิดจึงเก็บกู้ได้ทันที โดยวัตถุต้องสงสัยดังกล่าว ประกอบด้วยแบตเตอรี่สว่านไฟฟ้า รุ่นเก่า 7.2 โวลต์ ใช้การไม่ได้แล้ว กว้าง 3 นิ้ว ยาว 4 นิ้ว จำนวน 3 ก้อน เซฟเว่อร์โทรศัพท์มือถือแบบเก่าซึ่งเลิกใช้ไปแล้ว 1 อัน ถ่านไฟฉาย 1.5โวลต์ ขนาดกลางยี่ห้อพานาโซนิค 1 ก้อน นาฬิกาปลุกยี่ห้ออาซาโน สีแดง พังใช้การไม่ได้ พร้อมสายไฟสีเหลืองและสีฟ้าขนาดเล็ก 2 เส้น ทั้งหมดพันด้วยสกอตเทปไม่มีการเชื่อมต่อวงจรไฟฟ้าใดๆ ที่สำคัญพบจดหมายเขียนบนกระดาษเอ 4 ด้วยลายมือตัวใหญ่น้ำหมึกสีน้ำเงินมีใจความด่านายก รัฐมนตรี เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นรวบรวมวัตถุต้องสงสัยส่งมอบให้พนักงานสอบสวนนำไปตรวจสอบลายนิ้วมือแฝง เพื่อสืบหาตัวการป่วนเมืองรายนี้ต่อไป พร้อมกันนี้ เจ้าหน้าที่ได้ประสานกับทางธนาคารไทยพาณิชย์ เพื่อตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดของธนาคาร ที่ติดตั้งกล้องไว้บริเวณด้านหน้าธนาคาร 1 ตัวและที่ตู้เอทีเอ็มอีก 1 ตัว เพื่อหาเบาะแสของคนร้าย
เด็กส่งน้ำแข็งเจอเผ่นลืมตาย
นางจุฬารัตน์ เอี่ยมจรัส อายุ 52 ปี เจ้าของร้านขายข้าวแกงด้านหลังธนาคารไทยพาณิชย์ ให้การว่า เมื่อตอนเช้า รปภ.ของธนาคารชื่อชัยไปนั่งกินข้าว แล้วเล่าให้ฟังว่าเจอถุงต้องสงสัยไปวางอยู่ริมรั้วของธนาคาร ตั้งใจว่ากินข้าวเสร็จแล้วจะไปตรวจสอบว่าเป็นอะไร แต่ ยังไม่ทันจะไปดู พอดีรถส่งน้ำแข็งไปส่งน้ำแข็งที่ร้าน แล้ว คนขับไปจอดรถไว้ในลานจอดรถใกล้กับจุดดังกล่าว พบถุงต้องสงสัยเข้าเสียก่อน เมื่อเปิดถุงดูเห็นวัตถุคล้ายระเบิดจึงร้องเอะอะโวยวาย จนตกอกตกใจวิ่งหนีกระเจิง
คาดเจอด่านเลยซุกข้างธนาคาร
พ.ต.อ.สาทร สายสมบูรณ์ รอง ผบก.น.7 เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยดังกล่าว เป็นการสร้างสถานการณ์ให้ปั่นป่วน เพราะตั้งแต่เกิดเหตุพยายามลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทางตำรวจ สน.บางพลัด ได้ตั้งด่านตรวจบริเวณปากซอยจรัสลาภ ทุกคืนตั้งแต่ตี 1 จนถึงตี 4 คาดว่าคนร้ายคงวางแผนหาทำเลที่ใกล้บ้านนายกฯที่สุด เพื่อจะสร้างสถานการณ์ ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ตำรวจกำลังวุ่นวายอยู่กับการตรวจสอบวัตถุต้องสงสัย มีผู้โทรศัพท์แจ้งไปที่ 191 ว่า มีคนตกตึกเสียชีวิตที่ห้างตั้งฮั่วเส็ง ซึ่งอยู่ ตรงข้ามกับธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสิรินธร ทำให้ผู้สื่อข่าว และตำรวจที่อยู่หน้าธนาคารพากันไปตรวจสอบ แต่ไม่พบเหตุตามที่ได้รับแจ้ง คาดว่าเป็นการกุเรื่องเพื่อให้ตำรวจหัวปั่นเล่น
เมีย ร.ท.คาร์บอมบ์ร้อง ผบ.ตร.
ส่วนความเคลื่อนไหวที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.00 น. นางสังวรณ์ กลิ่นชะนะ ภรรยา ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ ผู้ต้องหาในคดีพยายามลอบวางระเบิดหมายสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมญาติจำนวนหนึ่งและทนายความ เดินทางเข้าเยี่ยม ร.ท.ธวัชชัย พร้อมทั้งนำเอกสารร้องเรียนถึง พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. กรณีจับกุม ร.ท.ธวัชชัย ข้อหามีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต มีเนื้อหาโดยสรุปว่า ขอร้องเรียน การแถลงข่าวของชุดพนักงานสืบสวนสอบสวนให้ตรงตามข้อเท็จจริงอย่างเคร่งครัด เนื่องจากคำแถลงข่าวของ พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี ผบช.น. เมื่อวันที่ 24 ส.ค. ที่ผ่านมา กับนายตำรวจอีกหลายท่าน ไม่ตรงตามที่ปรากฏในบันทึกการจับกุม
ระบุจำนวนระเบิดคลาดเคลื่อน
ทั้งนี้ ในบันทึกจับกุมเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 24 ส.ค. วันเกิดเหตุ ที่ประกอบด้วย รปภ. นายกฯ อาทิ ร.ต.อ.สุทัศน์ ไชยพรหม ผบ.มว.ร้อย 5 กก.2 ตปพ. ช่วยราชการ สวป.สน.บางพลัด จ.ส.ต.บุญสม คำจริง ผบ.หมู่ ร้อย 5 กก.2 ตปพ. ช่วยราชการ ผบ.หมู่ สน.บางพลัด ร.ท.ยงยุทธ ธัญญาภิรัตน์ บันทึกของกลางเป็นวัตถุพยาน ที่พบในที่เกิดเหตุระบุว่า มีวัตถุระเบิดทีเอ็นที ขนาด 1 ปอนด์ จำนวน 2 แท่ง ปุ๋ยแอมโมเนียมไนเตรตผสม น้ำมันเบนซินอยู่ในแกลลอน แกลลอนละ 5 ลิตร จำนวน 10 แกลลอน ฝักแคระเบิด 1 ชุด แต่คำแถลงต่อสื่อมวลชนของชุดพนักงานสอบสวนที่ ผบ.ตร. แต่งตั้งในภายหลังซึ่งมี พล.ต.ท.มนตรี จำรูญ ผบช.ก. เป็นหัวหน้า กลับระบุว่ามีวัตถุระเบิดทีเอ็นที มีขนาด 10.73 ปอนด์ ระเบิดซีโฟร์ น้ำหนัก 3.5 ปอนด์ แอมโมเนียมไนเตรตผสม น้ำมันดีเซลบรรจุในแกลลอน แกลลอนละ 5 ลิตร จำนวน 13 แกลลอน ทรายที่ใช้บังคับทิศทางระเบิด แผงวงจรจุดระเบิด สายฝักแคจุดระเบิด สายปะทุเชื้อระเบิดชนิดเอ็ม 8 แก๊ป จำนวน 2 ชุด เชื้อปะทุชนวน 4 ดอก มีความคลาดเคลื่อนมากกว่าจำนวนวัตถุระเบิดที่อยู่ ในบันทึกการจับกุมในตอนแรก เป็นเหตุให้ประชาชนเข้าใจผิดและตื่นตระหนกในสาระสำคัญ
ผบก.ป.ไม่เชื่อนายจุ้ยมีตัวตน
ต่อมา พล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผบก.ป.เปิดเผยถึง ความคืบหน้าในการสอบสวนดำเนินคดีกับ ร.ท.ธวัชชัย ว่า คดีนี้พนักงานสอบสวนมีพยานหลักฐานแน่นหนา เนื่องจากสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้พร้อมของกลาง ซึ่งเป็นวัตถุระเบิด อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนได้เบิกตัวผู้ต้องหามาสอบถามเกี่ยวกับความเป็นอยู่ ไม่ใช่เป็นการสอบสวน เนื่องจากหากมีการสอบสวนเพิ่มเติมจะแจ้งให้ทนายความเข้าร่วมรับฟังด้วย ซึ่งจนถึงขณะนี้ ผู้ต้องหายังคงให้การปฏิเสธ ต่อข้อถามกรณี พล.ต.ท.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า หากมีบุคคลใด เกี่ยวข้องหรือเชื่อมโยงกับคดีก็จะเข้าไปตรวจสอบโดยไม่ต้องขอหมายค้น พล.ต.ต.วินัยกล่าวว่า พนักงานสอบสวน อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง ทั้งพยานบุคคล พยานวัตถุ เมื่อถามถึงกรณีที่ ร.ท.ธวัชชัยอ้างว่า ได้รับจ้างจากเพื่อนที่ ชื่อนายจุ้ยให้ขับรถคันเกิดเหตุจะมีการเชิญตัวมาสอบ ปากคำด้วยหรือไม่ พล.ต.ต.วินัยกล่าวว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนยังไม่พบตัว แต่ไม่เชื่อว่านายจุ้ยจะมีตัวตนจริง เนื่องจากเป็นคำกล่าวอ้างของผู้ต้องหาที่ไม่มีน้ำหนัก
พยาน 20 ปากยันไม่จัดฉาก
ผบก.ป.กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายทหารได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนเกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์ของ ร.ท. ธวัชชัย ว่า ในส่วนของพนักงานสอบสวนเมื่อสอบสวนอะไรไปบ้าง และมีความคืบหน้าอย่างไร ก็จะแถลงข่าวให้สื่อมวลชนทราบ แต่ขณะนี้ดำเนินการอะไรไปบ้าง ตนยังไม่สามารถ ตอบได้ รวมทั้งคดีนี้จะมีพลเรือนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่นั้น ก็ยังไม่สามารถตอบได้เช่นกัน ผู้สื่อข่าวถามว่า หนักใจกับการดำเนินคดีนี้หรือไม่ พล.ต.ต.วินัยตอบว่า ไม่หนักใจอะไร โดยพร้อมจะทำตามพยานหลักฐาน ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่า กรณีที่เกิดขึ้นเป็นการจัดฉากนั้น พล.ต.ต.วินัยกล่าวว่า จะเป็นการจัดฉากได้อย่างไร เมื่อ ตำรวจจับผู้ต้องหาได้พร้อมของกลาง มีตัวบุคคล เมื่อถาม ว่า จะทำให้สังคมคลายความเคลือบแคลงสงสัยได้อย่างไร ผบก.ป. กล่าวว่า พนักงานสอบสวนจะดำเนินคดีต่อไปและยืนยันว่าไม่ใช่การจัดฉาก เพราะมีทั้งพยานบุคคลและ พยานแวดล้อม ซึ่งสอบปากคำไว้แล้วประมาณ 20 ปาก ต่อข้อถามที่ว่า พนักงานสอบสวนมีความพยายามจะเชื่อมโยงไปถึง เสธ.ทหารบางคนเป็นประเด็นเรื่องการจัดฉากหรือไม่ ผบก.ป. มีสีหน้าแสดงความไม่พอใจ ก่อนจะ กล่าวว่า กองปราบปรามจะทำคดีตามพยานหลักฐาน บาง อย่างสามารถเปิดเผยได้ บางอย่างก็ไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากก่อนคดีเข้าสู่ชั้นศาล การสอบสวนต้องเป็นความลับ ส่วนกรณีที่ญาติจะยื่นประกันตัว ร.ท.ธวัชชัยต่อศาลทหารนั้น ถือเป็นสิทธิของผู้ต้องหาและเป็นดุลยพินิจของศาล แต่สำหรับพนักงานสอบสวนก็จะร้องขอคัดค้านการประกันตัว
ทนายยื่นประกันตัว ร.ท.
สำหรับการยื่นขอประกันตัว ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ เมื่อเวลา 14.30 น. จ.ส.อ.อภิพล กลิ่นชะนะ พี่ชายของ ร.ท. ธวัชชัย พร้อมด้วยนายศิริชัย ภักดี ทนายความและญาติจำนวนหนึ่ง ซึ่งเดินทางมาจาก จ.ราชบุรี ได้ไปยื่นคำร้องขอประกันตัวต่อเจ้าหน้าที่ศาลทหาร กรมพระธรรมนูญ ศาลทหารกรุงเทพ เขตพระนคร กทม. เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตุลาการพระธรรมนูญพิจารณาคำร้องการขอปล่อยตัวชั่วคราว ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง จึงเสร็จเรียบร้อยเมื่อเวลา 17.30 น.
ศาลไม่ให้ประกันหวั่นหลบหนี
ต่อมานายศิริชัย ภักดี ทนายความออกมาเปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่าถึงผลการยื่นคำร้องขอประกันตัว โดยกล่าวว่าใช้หลักทรัพย์โฉนดที่ดินจำนวน 10 ไร่ที่ จ.ราชบุรี ราคาประเมิน 3 ล้านบาทยื่นขอประกันตัว ร.ท.ธวัชชัย ให้เหตุผลว่าผู้ต้องหาเครียดไม่สบาย ต้องการนำตัวไปรักษาที่ รพ. แต่ศาลพิจารณาแล้วไม่อนุญาตประกันตัวออกไปได้ ให้เหตุผลว่าเป็นคดีที่ร้ายแรง เป็นภัยต่อผู้นำของประเทศ หากผู้ต้องหาได้ประกันตัวออกไปอาจจะหลบหนีได้
พี่ชายกังวลการทำงานตำรวจ
ด้าน จ.ส.อ.อภิพล กลิ่นชะนะ พี่ชายของ ร.ท.ธวัชชัย กล่าวว่า รู้สึกเสียใจที่ศาลไม่ให้ประกันตัว แต่ก็ยังไม่สิ้นหวังที่จะประกันตัวออกมา เชื่อว่าน้องชายไม่ได้กระทำผิด เนื่องจากไม่มีเหตุจูงใจอะไร ตอนนี้กังวลเกี่ยวกับเรื่อง การทำงานของตำรวจมากกว่า เพราะที่ผ่านมาไม่น่าไว้ใจ เช่น การเข้าตรวจค้นบ้านพักของ ร.ท.ธวัชชัย แล้วเจ้าหน้าที่พบถังน้ำมัน อ้างว่าเป็นชนิดเดียวกับที่พบในรถบรรทุกระเบิด ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว เป็นน้ำมันเครื่องที่ถ่ายออกมาจากรถยนต์แล้วเก็บไว้ที่บ้านพัก ส่วนปืนสั้นก็เป็นปืนอัดลม ปืนยาวก็เป็นปืนพลาสติก
เจ้ากรมฯยัน ญาติยื่นประกันได้อีก
พล.อ.อัฎพร เจริญพานิช เจ้ากรมพระธรรมนูญ กล่าวว่า ศาลทหารได้พิจารณาไม่อนุญาตให้ประกันตัว ร.ท.ธวัชชัย ตามที่ครอบครัวกลิ่นชะนะ ยื่นคำร้องขอประกันตัว เนื่องจากภายหลังการพิจารณาคำร้องขอประกันตัวแล้ว ทางพนักงานสอบสวนยื่นคำร้องต่อศาลให้ คัดค้านการประกันตัว เพราะคดีเป็นเรื่องร้ายแรงและเป็นที่สนใจของสังคม นอกจากนี้ การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ศาลจึงไม่อนุญาตประกันตัว ส่วนขั้นตอนต่อไป ตำรวจสามารถควบคุมตัว ร.ท.ธวัชชัย ได้อีก แต่เมื่อครบกำหนด 12 วันของการฝากขังแล้ว พนักงานสอบสวนต้องมายื่นคำร้องต่อศาลยืดระยะเวลาควบคุมตัวต่อไป จนกว่าการสอบสวนจะเสร็จสิ้น อย่างไรก็ตาม ครอบครัวกลิ่นชะนะ ก็สามารถยื่นคำร้องขอประกันตัวได้อีกเช่นกัน โดยศาลจะพิจารณาดูเหตุผลของคำร้องเป็นกรณีไป
โฆษก ตร.แถลงผลการสอบสวน
ต่อมาเวลา 16.00 น. ที่ห้องประชุมสุรสีหนาถ กองปราบปราม พล.ต.ท.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.มนตรี จำรูญ ผบช.ก. พล.ต.ต.อัศวิน ขวัญเมือง รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผบก.ป. ได้ร่วมกันแถลงความคืบหน้าในการสอบ สวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับ ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ ผู้ต้องหามีระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และการขยายผลการสืบสวนหาตัวผู้ร่วมกระทำผิดในคดีซุกระเบิดหมายลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พล.ต.ท.อชิรวิทย์กล่าวว่า ขณะนี้ชุดสืบสวนสอบสวนสามารถต่อจิ๊กซอว์ของคดีนี้ได้ชัดเจนมากขึ้น และมั่นใจว่าสามารถสืบสวนถึงต้นตอได้ ที่ผ่านมาตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนได้ทำงานอย่างหนัก ตั้งแต่วันเกิดเหตุ แทบจะไม่ได้พักผ่อน และได้ระดมทรัพยากรบุคคลที่มีทั้งหมดเพื่อคลี่คลายคดีอย่างเต็มที่
เปิดซีดีสอบปากคำให้สื่อชม
โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวต่อว่า อยากให้สื่อมวลชนได้ชมภาพวีดิทัศน์ที่เป็นส่วนหนึ่งของการสอบสวน ร.ท.ธวัชชัย ก่อนจะเผยแพร่ เราได้เห็นสมควรว่าได้สอบสวนผู้ต้องหาอย่างครบถ้วนตามกระบวนการยุติธรรม โดยกระทำต่อหน้าทนายความและนายทหารพระธรรมนูญ เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นทหาร จากนั้น พล.ต.ท.อชิรวิทย์ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ผกก.ฝอ.บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศกองปราบปราม เปิดซีดีที่บันทึกภาพการสอบสวน ร.ท.ธวัชชัย ความยาว 13.09 นาที ต่อสื่อมวลชน
นายทหาร-ทนายความนั่งขนาบข้าง
สำหรับวีดิทัศน์ดังกล่าว เป็นภาพส่วนหนึ่งที่บันทึกระหว่างการสอบสวน ร.ท.ธวัชชัย โดยบันทึกภาพภายในห้องรับรอง ในสำนักงานผู้บังคับการกองปราบปราม ซึ่งใช้เป็นห้องสอบสวนผู้ต้องหาคดีนี้ มี พล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผบก.ป. นั่งหัวโต๊ะ พ.ต.อ.อนุชัย เล็กบำรุง พ.ต.อ. รุจิรัตน์ หลุ่มบุญเรือง รอง ผบก.ป. นั่งอยู่ตรงข้ามกับ ร.ท.ธวัชชัย ส่วนบุคคลที่นั่งขนาบข้าง ร.ท.ธวัชชัย ด้านขวามือ คือ พ.อ.สุขสันต์ สิงหเดช ผอ.กองพระธรรมนูญ กองบัญชาการทหารบก ส่วนด้านซ้ายมือ คือ ทนายความจากสภาทนายความ (ไม่ทราบชื่อสกุล) นอกจากนี้ ยังมี พ.ต.สายันต์ ขุนขจี นายทหารพระธรรมนูญ กรมสารบรรณทหารบก และ พ.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ผกก.ฝอ.บก.ป. นั่งอยู่ด้านหลังผู้ต้องหาด้วย
ห้องขังยุงเยอะขอไม้ตียุง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาพดังกล่าวเริ่มต้นจากการที่ พล.ต.ต.วินัยกำลังเซ็นเอกสาร ส่วน พ.ต.อ.สมพงษ์ ได้ถอดกุญแจมือให้ผู้ต้องหา จากนั้น พล.ต.ต.วินัยสอบถามความเป็นอยู่ของ ร.ท.ธวัชชัยในห้องควบคุมตัว และถามว่าต้องการอะไรหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน หรือที่อยู่หลับนอน ซึ่ง ร.ท.ธวัชชัยบ่นว่ายุงเยอะ ขอไม้ ตียุงไฟฟ้า แต่ พล.ต.ต.วินัยตอบว่า คงอนุญาตไม่ได้ แต่จะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฉีดยากันยุงดีกว่า ส่วนเรื่องที่หลับนอนนั้น พล.ต.ต.วินัยบอกกับ ร.ท.ธวัชชัย ว่า อาจไม่สะดวกสบายแต่ก็ต้องเป็นเช่นนี้
รับผิด มีสัจจะไม่ซัดทอดใคร
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.วินัยได้สอบถาม ร.ท.ธวัชชัย ว่ามีสิ่งใดจะพูดหรือไม่ ร.ท.ธวัชชัยได้เปิดใจกับพนักงานสอบสวน โดยมีใจความโดยสรุปว่า เสียใจเมื่อรู้ว่าในรถมีระเบิดร้ายแรง แสดงว่าพระสยามเทวาธิราชมีจริงทำให้ไม่ระเบิด แต่ถ้าระเบิดขึ้นจริง ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจะต้องมีมากมายมหาศาลและจะเป็นตราบาปตลอดไป...คนไทยด้วยกันทำไมต้องทำเช่นนี้ เรื่องนี้เกิดขึ้นจากการแย่งชิงอำนาจ อยากให้ทุกฝ่ายหันหน้าพูดกัน ให้ ยุติกันได้ ไม่ใช่แค่พูดอย่างเดียวต้องทำด้วย ส่วนเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นก็อยากขอโทษประชาชนและนายกรัฐมนตรี ตอนหนึ่งในวีดิทัศน์ ร.ท.ธวัชชัยกล่าวว่า สิ่งที่ตนพูดนั้นพูดเองไม่มีใครบังคับใดๆทั้งสิ้น ที่รับผิดคือรับผิดที่ขับรถคันที่มีระเบิด ส่วนจะให้ซัดทอดใครคงไม่ทำเพราะเป็นทหารมีสัจจะ ยอมรับเฉพาะตัวเอง จากนั้น พล.ต.ต.วินัยกล่าวกับ ร.ท.ธวัชชัย ว่าเป็นเรื่องดีที่รู้สึกสำนึกเสียใจ หลังจากนั้น พล.ต.ต.วินัยสอบ ถาม ร.ท.ธวัชชัยในเรื่องทั่วๆไปว่า หากต้องการสิ่งใดก็ให้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแล หรือพนักงานสอบสวนได้ทุกเมื่อ นอกจากนี้ ร.ท. ธวัชชัยยังบอกว่าเป็นห่วงครอบครัว
ไม่เกิน 10 วันสาวถึงต้นตอ
พล.ต.ท.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวอีกว่า ผู้ต้องหาพูดกับพนักงานสอบสวนประมาณ 80-90 เปอร์เซ็นต์ และผู้ต้องหายังเคยพูดกับ พล.ต.ท.มนตรี จำรูญ ผบช.ก. ว่า รู้สึกโล่งอกสบายใจที่ได้พูดออกมา อยากเรียนให้ทราบว่าการสืบสวนมีความชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะการตรวจสอบรถยนต์ที่เกิดเหตุนั้น ทราบที่มาที่ไปอย่างชัดเจนแล้วว่าครั้งสุดท้ายใครเป็นผู้ครอบครอง ขณะนี้กำลังสอบพยานที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ยังทราบว่ารถคันดังกล่าวได้ผ่านมือมาไม่ต่ำกว่า 4 ครั้ง ตำรวจต้องใช้เวลาในการสืบสวนสอบสวนอย่างครบถ้วนและจะสืบสาวถึงที่มาที่ไปทั้งหมด โดยรวบรวมพยานหลักฐานที่มีเพื่อดำเนินการขออนุมัติหมายค้นและหมายจับ โดยมั่นใจว่าจะสืบสวนถึงต้นตอได้ในเร็ววันนี้ คาดว่าคงไม่ช้ากว่า 10 วัน
ร.ท.สวดมนต์ก่อนนอนทุกวัน
โฆษก สตช.กล่าวต่อว่า สำหรับผู้ต้องหานั้น จากการเฝ้าติดตามพฤติกรรมจะพบว่าผู้ต้องหาจะสวดมนต์ก่อนนอนทุกวัน ทางพฤติกรรมศาสตร์เราก็ให้ผู้ เชี่ยวชาญเฉพาะด้านนี้มาวิเคราะห์ ขอเรียนว่าเราไม่ได้ ใช้วิธีการที่นอกเหนือจากกระบวนการยุติธรรมที่กฎหมายกำหนดไว้ เพราะทราบดีว่าประชาชนอยากเห็นความกระจ่างในเรื่องนี้ และเมื่อช่วงเช้าทาง พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. ได้เรียกตนไปกำชับถึงกรณีการแถลงข่าวจะต้องทำอย่างชัดเจน ตนจะไม่พูดอะไรจนกว่าการสืบสวนจะได้พยานหลักฐานสำคัญ และได้ปฏิเสธสื่อไม่ว่าจะเป็นวิทยุ โทรทัศน์ ที่มาขอสัมภาษณ์พิเศษ เพราะอยากให้การสืบสวนสอบสวนคดีนี้เป็นไปด้วยความถูกต้อง เมื่อเราได้ข้อยุติทางคดีที่จะสามารถรวบรวมพยานหลักฐานสู่ชั้นอัยการได้ก่อน จึงจะรายงานให้ทราบ
ผู้ต้องหาสารภาพขับรถจริง
โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวว่า พนักงานสอบสวนมีพยานหลักฐานสามารถฟ้องร้องผู้ต้องหาได้ แต่ต้องการสาวไปให้ถึงต้นตอ ดังนั้น พนักงานสอบสวนจะทำคดีด้วยความรอบคอบถี่ถ้วนเพื่อให้ศาลเป็นผู้ตัดสินคดี ส่วนใครจะวิพากษ์วิจารณ์อย่างไร ถือว่าเป็นสิทธิ แต่ อย่าให้เกินขอบเขตกระบวนการยุติธรรม อย่าตั้งตนเป็นผู้พิพากษาเสียเอง ผู้สื่อข่าวถามว่า คำให้การของผู้ต้องหาสรุปว่าสิ่งที่ทำไปเป็นเพราะอะไร พล.ต.ท.อชิรวิทย์ตอบว่า ทั้งหมดอยู่ในสำนวนคดี แต่เท่าที่ได้ฟังจากวีดิทัศน์ คิดว่าผู้ต้องหารู้สึกสำนึกในการกระทำและรับผิดชอบสิ่งที่กระทำลงไป จากนั้น พล.ต.ต.วินัยกล่าวเสริมว่า ขณะนี้ผู้ต้องหารับว่าได้ขับรถยนต์คันเกิดเหตุจริงมาตั้งแต่วันที่ 22, 23, 24 ส.ค.ที่ผ่านมา และขบวนการครั้งนี้ ไม่ใช่เฉพาะในที่เกิดเหตุที่ย่านบางพลัดเท่านั้น ยังมีการดำเนินการเมื่อวันที่ 9 และ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่ บน.6 ด้วย ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐานทั้ง 2 เหตุการณ์เข้าด้วยกัน ขอเรียนย้ำว่าจิ๊กซอว์ที่เราต่อใกล้จะครบแล้ว อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนไม่ได้รับฟังแต่คำให้การของผู้ต้องหาอย่างเดียว แต่ต้องมีพยานหลักฐานอื่นๆมาประกอบด้วย
เร่งสาวหาผู้อยู่เบื้องหลัง
เมื่อถามว่า สรุปแล้วเหตุการณ์ทั้ง 2 เป็นการปองร้าย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หรือไม่ พล.ต.ต.วินัยกล่าวว่า อยู่ระหว่างการรวบรวมพยาน บางเรื่องไม่อาจจะพูดหรือเปิดเผยได้หมด แต่เมื่อมีความคืบหน้าอย่างไร ก็จะสรุปและแถลงข่าวให้ทราบต่อไป ต่อข้อถามว่าขณะนี้สามารถแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับ ร.ท.ธวัชชัยได้หรือไม่ ผบก.ป. กล่าวว่า ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาพยานหลักฐาน ส่วน พล.ต.ท.อชิรวิทย์กล่าวว่า ข้อเท็จจริงกับข้อกฎหมายต้องปรับเข้าหากัน จิ๊กซอว์ของข้อเท็จจริงทั้งหมดเกือบครบถ้วนแล้ว ซึ่งในจิ๊กซอว์นั้นมีผู้อยู่เบื้องหลังที่กำลังสืบสวนสอบสวนอยู่ เมื่อได้ข้อเท็จจริงทั้งหมดมา ก็ต้องนำมาปรับเข้ากับข้อกฎหมาย
ผบก.ป.ยันบันทึกไม่มีปัญหา
ด้าน พล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผบก.ป. กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องเอกสารที่ภรรยาของผู้ต้องหานำมาร้องขอความเป็นธรรม ว่าของกลางในที่เกิดเหตุไม่ตรงกับบันทึกจับกุม และคำร้องขอฝากขังนั้น คาดว่าไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร เพราะเป็นการบันทึกการจับกุมเบื้องต้น แต่รายละเอียดของกลางทั้งหมดนั้น หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดของ บช.น. ได้ลงบันทึกและตรวจสอบอยู่เป็นทางการอยู่แล้ว รวมทั้งมีการถ่ายวีดิโอไว้เป็นหลักฐานในขณะตรวจค้นรถด้วย
รู้แล้ว เสธ.ต.ซื้อรถแดวูมา 3 เดือน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 18.00 น. วันเดียวกัน พนักงานสอบสวนเชิญตัวนายคุณากร หรือเฮียหมู ภักพงษ์พันธุ์ชัย เจ้าของเต็นท์รถยนต์มือสอง ที่ตั้งอยู่ในซอยอินทามระ 38 เข้าพบ พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น. พล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผบก.ป. พ.ต.อ.รุจิรัตน์ หลุ่มบุญเรือง และ พ.ต.อ.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบก.ป. มาสอบสวนเกี่ยวกับรถยนต์แดวูที่บรรทุกระเบิด นายหมูให้การว่ารับซื้อรถยนต์ ยี่ห้อแดวู คันที่บรรทุกระเบิดมาจากนายศักดิ์ ไม่ทราบนามสกุล เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ในราคา 5 หมื่นบาท ขณะนั้นรถคันดังกล่าวสีเขียว แต่ขายไม่ออก จนกระทั่งเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา มีนายทหารยศ พ.อ.ส.หรือเรียกกันในนาม เสธ.ต. สังกัดกองทัพบกซื้อไปในราคา 30,000 บาท โดยใช้เงินสด
เจ้าของเต็นท์ชี้รถ-หมาดมเสื้อ
หลังจากให้การกับพนักงานสอบสวนเสร็จสิ้น พล.ต.ต.เจตน์สั่งการให้ พ.ต.ท.วิวัฒน์ ชัยสังขะ รองผกก.2 บก.ป. นำกำลังพาตัวเสี่ยหมูเจ้าของเต็นท์รถขึ้นรถสายตรวจไปชี้รถยนต์แดวูคันเกิดเหตุ ซึ่งจอดพิสูจน์อยู่ ภายในกลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด ถนนเศรษฐศิริ ว่าเป็นรถยนต์คันเดียวกันกับที่ ร.ท.ธวัชชัยขับไปในที่เกิดเหตุหรือไม่ ปรากฏว่าเสี่ยหมูชี้ยืนยันรถคันดังกล่าวได้อย่างถูกต้อง แม้รถจะถูกเปลี่ยนสีเป็นสีเทาไปแล้วก็ตาม นอกจากนี้ พล.ต.ต.เจตน์ยังได้ประสานไปยังกองกำกับการสุนัขตำรวจ ให้นำสุนัขตำรวจมาพิสูจน์ กลิ่นเสื้อจำนวน 2 ตัว ที่แขวนอยู่ในรถยนต์แดวูคันที่บรรทุกระเบิด เพื่อยืนยันว่าเป็นเสื้อของ ร.ท.ธวัชชัย เพื่อหักล้างคำให้การของ ร.ท.ธวัชชัย ที่ว่ามีคนจ้างให้ขับรถออกจากจุดเกิดเหตุ ถึงแม้ว่าผู้ต้องหาจะเริ่มให้การรับสารภาพแล้วก็ตาม ซึ่งสุนัขตำรวจก็สามารถดมกลิ่นได้อย่างถูกต้องเช่นกัน
หอการค้าชลฯยันไม่รู้จักพัลลภ
สำหรับกรณีที่ ร.ท.ธวัชชัยกล่าวอ้างว่า นายจุ้ย เป็นผู้จ้างให้ขับรถยนต์แดวูซุกระเบิด โดยรู้จักกับนายจุ้ย ครั้งแรกที่งานพิธีทางศาสนาซิกข์ ที่พัทยา จ.ชลบุรี หลัง จากขับรถให้ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี รอง ผอ.รมน. ไปร่วมงานพิธีเปิดอาคารแห่งหนึ่ง ซึ่งนายจุ้ยได้ขับรถให้กับประธานหอการค้าจังหวัดชลบุรี ที่เดินทางไปร่วมงานด้วยนั้น ทางพนักงานสอบสวนเดินทางไปสอบปากคำนายสมควร นกหงษ์ ประธานหอการค้าจังหวัดชลบุรี แล้ว ทางนายสมควรให้การว่าไม่เคยมีคนขับรถ เวลาเดินทางไปไหนมาไหนจะขับรถไปคนเดียว นอกจากนี้ลูกน้องหรือคนที่รู้จักก็ไม่มีชื่อจุ้ยอีกด้วย รวมทั้งยังปฏิเสธว่าไม่เคยรู้จักหรือเคยร่วมงานกับ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี แต่อย่างใด
ตรวจสอบกล้องวงจรปิด กอ.รมน.
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.มนตรี จำรูญ ผบช.ก. สั่งการให้พนักงานสอบสวนประสานงานกับผู้บังคับบัญชาระดับสูงในกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) เพื่อสอบปากคำผู้บังคับบัญชาของ ร.ท.ธวัชชัย และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่เข้าเวรอำนวยการในช่วงก่อนวันเกิดเหตุย้อนหลังไป 3 วัน รวมทั้งในวันเกิดเหตุพบรถยนต์บรรทุกวัตถุระเบิด ซึ่งก่อนหน้านี้ได้สอบปากคำทหารเวรที่บันทึกรถเข้า-ออกจาก กอ.รมน. ไปแล้ว โดยบัญชีระบุว่ารถยนต์คันดังกล่าวออกจาก กอ. รมน.เวลา 05.45 น. นอกจากนี้ได้ขอทราบข้อมูลว่าภายใน กอ.รมน.มีกล้องวงจรปิดกี่จุด เพื่อขอภาพบันทึกจากกล้องวงจรปิดทั้งหมดมาตรวจสอบ
เผย เสธ.ต.กับ พ.ต.ไหวตัวแล้ว
ล่าสุดมีรายงานแจ้งว่า พล.ต.ต.อัศวิน ขวัญเมือง รอง ผบช.ก. ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนเข้าประกบตัว เสธ.ต. ผู้รับซื้อรถยนต์แดวูรายสุดท้าย และ พ.ต.ม. นายทหารสังกัด กอ.รมน. จากการตรวจสอบปรากฏว่า ทั้ง 2 คน ไม่ได้ไปทำงาน และไม่ได้กลับบ้านหรือไปในสถานที่ที่เคยไปเป็นประจำ ซึ่งชุดสืบสวนเชื่อว่าทั้ง 2 คน หลบหนีไปตั้งหลักแล้ว
ตัดผม ตัดเล็บไว้เปรียบเทียบ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้ พนักงานสอบสวนได้ตัดเส้นผมและเล็บของ ร.ท.ธวัชชัย เป็นตัวอย่างเพื่อไปตรวจสอบเปรียบเทียบกับเส้นผมที่พบภายในรถยนต์คันเกิดเหตุ 6 เส้น เพื่อเก็บรวบรวมเป็นหลักฐานพิสูจน์ว่ามีผู้ที่เกี่ยวข้องคนอื่นเคยใช้รถดังกล่าวหรือไม่ต่อไป
ชิดชัยยันสั่งจับคาหนังคาเขา
เมื่อเวลา 08.00 น. ที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงผลสำรวจความคิดเห็นของศูนย์วิจัยกรุงเทพโพล สถาบันวิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ต่อความคิดเห็นของประชาชน เรื่องคิดอย่างไรกับเรื่องคาร์บอมบ์ ที่ระบุร้อยละ 49.8 เชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ ว่าเคยพูดไปแล้วว่า ได้รับรายงานข่าวในเรื่องดังกล่าวมาล่วงหน้า จึงพิถีพิถันให้จับกุมให้ได้ทั้งคนและของ และต้องจับให้ได้คาหนังคาเขา เชื่อว่าผลสำรวจดังกล่าวเป็นประเด็นทางการเมือง ไม่อยากให้เอาปัญหานี้มาเป็นประเด็นการเมือง ขอยืนยันว่าไม่ใช่เป็นการสร้างสถานการณ์แน่นอน เพราะได้ยินเรื่องนี้มาตลอด ตั้งแต่วันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา และทราบข่าวมาตั้งแต่วันที่ 9-10 ส.ค.แล้ว จึงขอให้ตำรวจทำหน้าที่ติดตามคดีต่อไป พูดมากเดี๋ยวจะเกิดความสับสน
มั่นใจสาวถึงตัวผู้อยู่เบื้องหลัง
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวระบุว่า นายทหารยศพล.ต. กับ พ.อ.อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารครั้งนี้ พล.ต.อ.ชิดชัยตอบว่า ไม่ทราบ ใครเขาเอาเรื่องนี้มาพูดกัน เพราะถ้าพูดไปแล้วเจ้าหน้าที่ก็ทำงานไม่ได้ ต้องปล่อยให้ เจ้าหน้าที่ทำงานไป ตอนนี้เจ้าหน้าที่ทำงานแข่งกับเวลาอยู่แล้ว เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีระบุว่ามีนายทหาร 4 คน อยู่เบื้องหลังในการลอบสังหาร พล.ต.อ.ชิดชัยตอบว่า ไม่เห็นข้อมูลส่วนนี้ จึงไม่ขอพูด ตอนนี้พูดได้เพียงแค่นี้ อย่างไรก็ตาม มั่นใจในความสามารถของเจ้าหน้าที่ว่า จะสามารถสาวถึงตัวผู้อยู่เบื้องหลังได้ และทุกอย่างจะกระจ่างชัด แต่ไม่ควรไปกำหนดเวลาว่าจะจับกุมผู้อยู่ เบื้องหลังได้เมื่อใด เมื่อถามว่า การข่าวได้รับรายงานหรือไม่ ว่าอาจจะเกิดเหตุลักษณะนี้ซ้ำอีก พล.ต.อ.ชิดชัยตอบว่า ยังพูดไม่ได้ แต่เรามีหน้าที่ต้องระวัง และต้องเกาะติดสถานการณ์ตลอดเวลา
รมว.กลาโหมย้ำไม่ป้องคนชั่ว
ด้าน พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รมว. กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีกระแสข่าวมีทหารระดับ พล.ต. และ พ.อ. อยู่เบื้องหลังการวางแผนลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่ากองทัพคนไหนชั่ว ก็ต้องดำเนิน คดีไป เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีการส่งรายชื่อนายทหารต้องสงสัยให้กองทัพตรวจสอบหรือไม่ พล.อ.ธรรมรักษ์ ตอบว่า ขณะนี้เป็นเพียงแค่ชั้นการข่าวเท่านั้น
เพิ่มกำลัง 30% รอบทำเนียบ
ในด้านการรักษาความปลอดภัยทำเนียบรัฐบาล พล.ต.ต.ปราโมทย์ ปทุมวงศ์ ผบก.น.1 กล่าวว่า ได้สั่งการให้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยภายในทำเนียบรัฐบาลและบริเวณโดยรอบขึ้นอีก 30% ตลอด 24 ชม. พร้อมกำชับให้ผู้บังคับบัญชาเดินทางไปตรวจตราความเรียบร้อยของผู้ใต้บังคับบัญชา ให้เข้มงวดระมัดระวังมากขึ้น
ข่าวกรองระบุลอบสังหารซ้ำ
ขณะที่มีรายงานข่าวจากหน่วยงานด้านความมั่นคงแจ้งว่า ภายหลังการประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคง ที่มี พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเสร็จสิ้นลง พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย ผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ได้เข้าหารือกับ พล.ต.อ.ชิดชัยอีกครั้ง ใช้เวลานานประมาณ 1 ชั่วโมง ทั้งนี้ มีรายงานว่าเป็นการหารือถึงข่าวกรองที่ระบุว่ามีความพยายามจะก่อเหตุลอบสังหารนายกรัฐมนตรีซ้ำอีกครั้ง หลังพบว่าข่าวกรองดังกล่าวมีมูลความจริง จึงต้องกำชับให้เจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยแก่นายกฯอย่างเข้มข้นขึ้น
ติวเข้มอารักขาบุคคลสำคัญ
รายงานข่าวแจ้งต่อว่า อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของการรักษาความปลอดภัยนั้น หลังจากที่ พล.ต.อ.ชิดชัย เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงที่ บช.น.ไปเมื่อวันที่ 26 ส.ค.แล้ว ได้เน้นย้ำว่าต้องมีการยกระดับการดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยขยายการรักษาความปลอดภัยไปยังบุคคลสำคัญต่างๆ นอกเหนือจากนายกรัฐมนตรีที่ต้องรักษาความปลอดภัยเป็นพิเศษแล้ว ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองอื่นๆ ตลอดจนแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยจะส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจไปตรวจตราดูแลเพิ่มมากขึ้น แต่ไม่ถึงขั้นต้องส่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปอารักขา เนื่องจากมีกำลังไม่เพียงพอ นอกจากนี้ ยังให้เจ้าหน้าที่ออกตรวจตราบริเวณที่ทำการของพรรคการเมืองต่างๆ ด้วย เพื่อเป็นการเฝ้าระวังมือที่สาม ที่อาจเข้าร่วมผสมโรง สร้างสถานการณ์ให้เหตุความรุนแรงเพิ่มความปั่นป่วนมากขึ้น
ทรท.ย้อนรอยระเบิด ปชป.ปาหี่
ที่พรรคไทยรักไทย นายจตุพร พรหมพันธุ์ รองโฆษกพรรคไทยรักไทย ได้แถลงถึงเหตุการณ์พยายามลอบวางระเบิดหมายสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ที่หลายฝ่ายเห็นว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ว่า ขอเปรียบเทียบเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 27 มี.ค. 2549 ที่มีการวางระเบิดที่พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งนายอภิสิทธิ์ระบุว่าเหตุการณ์วันนั้นและระเบิดเป็นของจริง ถ้าใครสร้างสถานการณ์ต้องจับให้ได้ หัวหน้าพรรคและโฆษกพรรคประชาธิปัตย์พูดทำนองเดียวกันว่า เมื่อเกิดเหตุลักษณะนี้ขึ้นมารัฐบาลไม่สามารถจับกุมผู้กระทำการได้เลย ที่น่าสังเกตคือสารของพรรคประชาธิปัตย์ที่เขียนในเรื่องแฉร้อยโทลอบวางบึ้ม ปชป. โดยมีการระบุชัดเจนว่า พรรคประชาธิปัตย์ทราบว่าเป็นฝีมือของร้อยโททหารบก ปัญหาที่เกิดขึ้นคือเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ได้รับข้อมูลชัดเจนแล้วว่าผู้ที่วางระเบิดเป็นใคร แต่กลับไม่มีการไปแจ้งความดำเนินคดีกับร้อยโทคนดังกล่าว ดังนั้น จึงอยากถามว่าเป็นปาหี่สร้างสถานการณ์ หรือไม่ โดยกรณีดังกล่าวต่างกับเหตุการณ์ลอบวางระเบิดสังหารนายกฯครั้งนี้ที่มีพยานบุคคล พยานวัตถุชัดเจน ดังนั้น ก่อนที่พรรคประชาธิปัตย์จะกล่าวหาใคร ควรต้องไปทบทวนดูตัวเองเสียก่อน
จตุพรจวกพวกแก้ต่างคาร์บอมบ์
นายจตุพร พรหมพันธุ์ รองโฆษกพรรคไทยรักไทยยังกล่าวว่า สำหรับกรณีที่นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสาน งานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ระบุว่าการลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณเป็นการจัดฉาก และควรตั้งคณะกรรมการสอบสวนโดยนำบุคคลภายนอกเข้ามาดำเนินการนั้น ความหมายของนายสุริยะใสคือ ต้องการตัดเจ้าหน้าที่ตำรวจทิ้งไป อยากถามว่า ในกระบวนการพิจารณาคดีอาญาของประเทศไทยทำอย่างนั้นได้หรือ คดีอาญาศาลสถิตยุติธรรมจะต้องเป็นคนตัดสินคดี ดังนั้น การจะเสนออะไร ควรไปดูข้อกฎหมายของประเทศด้วย วันนี้มีแต่ละฝ่ายออกมาแก้ต่างให้ผู้ต้องหามากมาย ไม่ว่ากลุ่มพันธมิตรฯ พรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรคมหาชน โดยพยายามที่จะเบี่ยงเบนประเด็น ไม่เข้าใจว่าทำไมจึงพยายามออกมาแก้ต่างทั้งที่จนมุมด้วยหลักฐาน น่าจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจจะดีกว่า ขอร้องทุกฝ่ายให้หยุดพฤติกรรมนี้เสีย เมื่อถามถึงผลโพลที่ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ นายจตุพรตอบว่า คิดว่าเป็นผลพวงจากการออกมาพูดทุกวันๆของกลุ่มพันธมิตรฯ พรรคประชาธิปัตย์และพรรคมหาชน ซึ่งส่งเสียงรับกันเป็นทอดๆ กระแสดังกล่าวที่ถูกสร้างขึ้นมาจึงทำให้ประชาชนเข้าใจผิด
หน่อยซัด พัลลภ รู้ดีที่สุด
ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกรณีการตรวจพบวัตถุต้องสงสัยบริเวณใกล้เคียงกับปากซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 บ้านพักของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่าเหตุที่เกิดขึ้นขณะนี้ไม่ดีต่อบ้านเมือง ทำให้เกิดความเสียหายต่อส่วนรวม ไม่ใช่ ความปลอดภัยของนายกรัฐมนตรีคนเดียว และอาจส่งผลต่อประเทศชาติ มั่นใจว่าเรื่องนี้จะต้องมีเบื้องหน้าเบื้องหลังจึงต้องการให้ตำรวจทำให้เกิดความชัดเจนโดยเร็ว และที่สำคัญ คนที่ถูกจับได้มีตัวตน เป็นลูกน้องใกล้ชิดของ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ดังนั้น พล.อ.พัลลภน่าจะเป็นบุคคลที่รู้ดีมากที่สุดและอยู่ในฝ่ายที่โจมตีรัฐบาลมาตลอดจึงอยากให้คนที่คิดว่านี่เป็นการสร้างสถานการณ์คิด อีกทีว่าจะเป็นไปได้มั้ย ที่ฝ่ายรัฐบาลจะไปจ้างคนใกล้ชิดของคนที่โจมตีรัฐบาลมาสร้างสถานการณ์ ส่วนตัวคิดว่าคนที่รู้ดีที่สุดคือคนที่ออกมาพูดเองนั่นแหละ จะพูดด้วยการร้อนตัว หรือพูดด้วยความคิดว่ารู้ข้อมูลมากก็แล้วแต่ เพราะคนที่ถูกจับได้ก็เป็นคนใกล้ชิดของคนที่อยู่ในกลุ่มนี้ ถ้ามองด้วยใจที่เป็นธรรมก็น่าจะเห็นร่องรอยที่ไม่ ปกติอยู่แล้ว และมั่นใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้จะไม่ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างทหารกับตำรวจอย่างที่มีความพยายามจะทำให้เกิดขึ้น เพราะทหารที่ดีมีเยอะ แต่ทหารที่ไม่ดีก็ต้องว่ากันเป็นรายๆไป
โฆษก ปชป.จี้ ตร.หาที่มาระเบิด
ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่ พล.ต.ท.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช ผช.สตช. และโฆษก สตช. เรียกร้องให้ผู้ ไม่เกี่ยวข้องหยุดวิพากษ์วิจารณ์การจับกุมผู้ต้องหาคดีมีวัตถุระเบิดในครอบครองที่เตรียมลอบสังหารผู้นำว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์วิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้บนหลักเหตุผล และปรารถนาดีต่อประเทศ แต่ฝากไปยังโฆษก สตช. ว่าควรจะบอกนายกรัฐมนตรี และ ครม. รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำการสืบสวน ไม่ควรด่วนสรุปว่าเป็นการลอบสังหารนายกฯ นอกจากนี้ ขอให้ตรวจสอบวัตถุร้ายแรงดังกล่าวมาจากหน่วยงานใด นำมาไว้ในรถได้อย่างไร และขอเรียกร้องให้รัฐบาลสั่งการให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และหน่วยงานด้านความมั่นคง สอบสวนกรณีกลุ่มม็อบมาร้องขอชีวิตนายกฯ ที่บ้านพัก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษด้วย เพราะมีเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับการลอบสังหารนายกรัฐมนตรี
เรียกร้องตั้งคณะ 4 ฝ่ายตรวจสอบ
ด้าน นายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ รองประธานคณะทำงานด้านเศรษฐกิจของพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจว่า ขณะนี้สังคมไม่มั่นใจกระบวนการสอบสวนคดีวางระเบิด โดยเชื่อว่าเป็นการจัดฉาก ความเชื่อนี้จะส่งผลให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุน เนื่องจากการจัดฉาก เป็นการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลต้อง การจัดการกับฝ่ายตรงข้ามอย่างเด็ดขาด และอาจตีความได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณต้องการกลับมาเป็นนายกฯอีก ทำให้ ความขัดแย้งทางการเมืองไม่จบ แม้จะมีการเลือกตั้งแล้วนักลงทุนก็ยังกังวลว่า รัฐบาลจะใช้เหตุการณ์นี้เป็นข้ออ้างในการประกาศภาวะฉุกเฉิน ยิ่งเป็นอันตรายต่อภาวะเศรษฐกิจมาก ดังนั้น หากสามารถพิสูจน์ได้ว่าไม่ใช่จัดฉาก และจับกุมผู้อยู่เบื้องหลังได้ จะทำให้สังคมเชื่อว่าไม่ได้จัดฉาก และลดความรุนแรงที่จะตามมา ดังนั้น ขอเสนอให้ตั้งคณะกรรมการ 4 ฝ่ายขึ้นมาสอบสวน ประกอบด้วยตำรวจ ทหาร พลเรือนที่เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิด และผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ เพื่อความโปร่งใสในการตรวจสอบ
มาร์คอัดตำรวจขาดความน่าเชื่อถือ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.ท.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรียกร้องให้ทุกคนหยุดวิจารณ์ เกี่ยวกับการลอบวางระเบิดนายกฯว่า เราน่าจะเห็นตรงกันทุกฝ่ายว่าไม่มีอะไรดีไปกว่าการเสนอข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา และให้การสอบสวนเป็นไปตามข้อเท็จจริงและไม่มีเป้าหมายทางการเมืองอะไรทั้งสิ้น ซึ่งจะเป็นจุดที่สร้างความเชื่อมั่นของประชาชน และทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศน้อยที่สุด ในส่วนของตำรวจก็ต้องรู้หน้าที่จะดีที่สุด เพราะที่ผ่านมา การเสนอข่าวสารไม่ได้คำนึงถึงความเป็นจริง แต่เสนอบางเรื่องที่ มันเกินเลยจนทำให้เกิดความไม่น่าเชื่อถือ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอานุภาพแรงระเบิด รถยนต์มี 2 คัน เป็นต้น ถ้าต้องการจะช่วยทำให้ภาพลักษณ์ประเทศไม่เสียหายไปมากกว่านี้ ขอให้ตำรวจทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาและโปร่งใส อย่าตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของใคร สำคัญที่สุดคือการนำเสนอข้อมูลตามความเป็นจริง ตามจังหวะเวลาที่เหมาะสม โดยไม่เอาไปใช้เพื่อประโยชน์อื่น อย่างที่ผ่านมา ก็ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าอะไรเป็นอะไรกันแน่ เพราะความสับสนของข้อมูล และการช่วงชิงกันในการที่จะพูดว่าเรื่องนั้นเป็นอย่างนั้น เรื่องนี้เป็นอย่างนี้แล้วมันขัดกับข้อเท็จจริง ปัญหาก็จะตามมา ตอนนี้ทราบว่าแจ้งข้อหาแค่เรื่องครอบครองวัตถุระเบิด แต่ยังไม่เห็นคำอธิบายที่ชัดเจนว่าจะมีกระบวนการที่ไปมุ่งร้ายลอบสังหารใคร จะทำโดยวิธีใด หลักฐานต่างๆ ก็ดูจะไม่พร้อมที่จะมายืนยันอย่างหนึ่งอย่างใดทั้งสิ้น ดังนั้น ขณะนี้จะต้องตั้งหลักให้ดี เพราะที่ผ่านมา มันพูดเกินเลยจนขาดความน่าเชื่อถือ ควรจะถอยหลัง แล้วกลับไปตั้งหลักใหม่จะดีกว่า
แนะให้หน่วยอื่นร่วมตรวจสอบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ควรจะต้องตั้งคณะกรรมการกลางเข้ามาตรวจสอบหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ถ้าตำรวจสามารถทำให้หน่วยงานอื่นเข้ามาช่วยเสริมก็จะเพิ่มน้ำหนักได้ โดยไม่กระทบต่อกระบวนการตามปกติของกระบวนการยุติธรรมได้ อย่างไรก็ตาม อยากเรียกร้องให้ทุกฝ่ายว่าขอให้ทำหน้าที่และใช้สิทธิของตัวเองอยู่ในขอบเขต โดยคำนึงถึงการช่วยทำให้บ้านเมืองสงบสุข หลีกเลี่ยงที่จะทำให้เกิดเหตุความรุนแรงด้วยวิธีการใดๆ ทั้งสิ้น ยังเรียกร้องเสมอว่าคนเป็นผู้นำและรัฐบาลต้องส่งสัญญาณตรงนี้ ให้ชัดเจนเสียก่อน
ศธ.โกลาหลตรวจสถานที่รับ ทักษิณ
ขณะที่ในช่วงเช้าวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่า หลังจากที่ผู้บริหาร ศธ. ได้รับการยืนยันจากทีมงานของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าจะเดินทางมาประชุมร่วมกับนายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ และผู้บริหารระดับสูงของศธ. ตามกำหนดเดิมในเวลา 14.00 น. ทำให้ทุกฝ่ายต้องเข้ามาตรวจตราความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ตั้งแต่กำหนดให้รถเข้าออกได้เฉพาะทางประตูด้านหน้ากระทรวงศึกษาธิการ ถนนราชดำเนินนอก และประตูด้านข้างกรมสามัญเก่า ถนนเทเวศร์ เท่านั้น พร้อมห้ามจอดรถบริเวณด้าน หน้าอาคารราชวัลลภและด้านหน้ากระทรวงศึกษาธิการ มีการตรวจบัตรข้าราชการและประชาชนที่จะเข้าออก หากใครไม่มีบัตรจะให้ลงชื่อพร้อมเวลาเข้าออก จากนั้นในช่วงสายชุดรักษาความปลอดภัยส่วนตัวของนายกฯ ทักษิณเดินทางมาพร้อม พ.ต.ต.ปราโมช ปทุมวงศ์ ผบก.น.1 เพื่อตรวจดูการรักษาความปลอดภัยด้วยตนเอง ซึ่งมีการตรวจหาวัตถุต้องสงสัยอย่างละเอียดที่ชั้น 2 อาคารราชวัลลภ บริเวณห้องปฏิบัติการกระทรวงศึกษาธิการ และห้องประชุมประจำกระทรวง ซึ่งเป็นสถานที่ที่ พ.ต.ท. ทักษิณจะเข้าร่วมประชุมกับผู้บริหารกระทรวง พร้อมยังเสริมกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยปราบจลาจลกว่า 20 นาย พร้อมโล่และอาวุธครบมือมาเตรียมพร้อมอีกด้วย
ขรก.โวยการเข้มงวดทำเดือดร้อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้นในครั้งนี้ ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ จากข้าราชการว่าได้รับความเดือดร้อน โดยเฉพาะเรื่องที่จอดรถ เพราะที่จอดรถมีอยู่อย่างจำกัด เมื่อมีการกันที่จอดรถทำให้ข้าราชการต้องไปจอดรถบริเวณด้านนอกกระทรวงศึกษาธิการแทน ซึ่งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่งเกิดเหตุคนร้ายทุบกระจกรถของข้าราชการที่จอดอยู่ บริเวณข้างกระทรวงศึกษาธิการ ฝั่งคลองผดุงกรุงเกษมอย่างไรก็ดี ในเวลา 14.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางมาถึงกระทรวงศึกษาธิการ โดยมีนายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว. ศธ. พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการให้การต้อนรับ และพาเข้าห้องประชุมเพื่อรับฟังการนำเสนอยุทธศาสตร์การปฏิรูปการเรียนการสอน โดยห้ามผู้สื่อข่าวติดตามขึ้นไปบริเวณชั้น 2 อย่างเด็ดขาด แต่ อนุญาตให้ช่างภาพขึ้นไปบันทึกภาพก่อนที่จะให้ลงมา รออยู่บริเวณห้องโถงชั้นล่างอาคารแทน
ราษฎรอาวุโสออกบทความ
วันเดียวกัน น.พ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส ได้แสดงความเห็นต่อสถานการณ์บ้านเมืองผ่านทางบทความแจกจ่ายไปยังสำนักพิมพ์ต่างๆว่า เหตุการณ์ พยายามลอบสังหารนายกรัฐมนตรีด้วยระเบิดรถยนต์เมื่อวันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา มีผู้เชื่อว่าเป็นเรื่องจริงก็มี เชื่อว่าเป็นเรื่องสร้างสถานการณ์ก็มี ความจริงจะเป็นอย่างไรต้องพิสูจน์กันด้วยหลักฐานที่เชื่อถือได้ ถ้าตำรวจทำฝ่ายเดียวก็จะมีปัญหาเรื่องความเชื่อถือได้ตามมาอีก ควรคำนึงถึงประเด็นนี้ไว้ด้วย ขณะนี้ยังต้องถือว่าจะเป็นเรื่องจริง หรือเรื่องสร้างสถานการณ์เป็นเพียงสมมติฐานที่รอการพิสูจน์
วิเคราะห์ 2 สมมติฐานจริง-ไม่จริง
ในที่นี้จะขอวิเคราะห์ที่มาที่ไป หรืออิทัปปัจจยตาของทั้งสองสมมติฐานและข้อเสนอแนะ สมมติฐานที่ 1 หากการลอบสังหารเป็นเรื่องจริง มีผู้เกลียดชังนายกฯมากจนถึงขั้นพยายามลอบสังหาร เรื่องความเกลียดชัง พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ต้องยอมรับว่ามีจริง การมีทั้งคนรักและคนชังก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ในกรณีเรื่องนี้เป็นไปอย่างรุนแรง ยังไม่เคยมีนายกฯคนไหนที่มีปริมาณของความเกลียดชังมากถึงขนาดนี้ ทั้งจำนวนคนที่เกลียดและดีกรีของความเกลียดชังที่สูงขึ้นแบบสุดๆ เพราะบุคลิกที่แก้ไม่หายของ พ.ต.ท.ทักษิณที่ก้าวร้าว เหยียด หยาม ท้าทาย ไม่รู้จักทำตัวให้เป็นที่รัก ผิดวิสัยคนที่เป็นนายกฯที่จะต้องสมานไมตรี รวมพลังผู้คนไปช่วยกันแก้ปัญหาประเทศ การทำให้คนเกลียดนั้นอันตราย แต่คนไทยถึงจะเกลียดผู้นำอย่างไร การคิดสังหารนั้นมีน้อย ต่างจากในสหรัฐอเมริกาที่เขาสังหารประธานาธิบดีไปหลายคนแล้ว ถ้าคราวนี้เป็นเรื่องจริงก็แปลว่าสังคมไทยมาถึงจุดเปลี่ยนแล้ว คือเปลี่ยนจากปริมาณไปสู่คุณภาพ หมายความว่าปริมาณความเกลียดชังเพิ่มมากขึ้นจนถึงจุดเดือด ทำนองเดียวกันเมื่อความร้อนของน้ำในกาเพิ่มมากขึ้นจนถึงขนาดน้ำก็เดือด นั่นเป็นการพูดถึงการทำด้วยอารมณ์เกลียด แต่การทำอาจทำด้วยความคิด คือความคิดที่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นปัญหาของบ้านเมือง เป็นชนวนของความแตกแยกและรุนแรงอาจนำไปสู่การนองเลือด ถ้าขจัดเสียได้ก็จะเป็นการป้องกันชีวิตของคนอื่นๆจำนวนมาก
แนะใช้สันติวิธียุติความวุ่นวาย
เนื้อหาในบทความของ น.พ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส กล่าวอีกว่า ถ้าที่มาคืออารมณ์เกลียดที่มีปริมาณมาก หรือด้วยความคิดดังกล่าวข้างต้น ก็จะมีการทำอีก การเมืองก็จะวุ่นวายไปด้วย ฝ่ายหนึ่งพยายามลอบสังหาร อีกฝ่ายหนึ่งต้องป้องกันตัว หรือตอบโต้ ไม่เป็นอันทำงาน กำลังเจ้าหน้าที่จำนวนมโหฬารจะถูกใช้ไปในการคุ้มครองคนคนเดียว แทนที่จะได้ดูแลประชาชนทั่วไป บ้านเมืองจะหยุด ชะงักและเต็มไปด้วยความวุ่นวายโกลาหล จับผิดจับถูก ในที่สุดฝ่ายที่พยายามจะประสบความสำเร็จจนได้ แบบที่ว่า ที่ไหนมีความพยายาม ที่นั่นมีความสำเร็จ จึงมี ข้อเสนอแนะว่า ควรใช้สันติวิธี ไม่ควรฆ่าแกงกัน และ พ.ต.ท.ทักษิณควรยุติการสร้างความเกลียดชัง ถ้าคำแนะนำ ตาม (1) และ (2) ไม่สำเร็จ ยังมีความพยายามลอบสังหารอีก ต้องอย่าให้คนอื่นพลอยโดนลูกหลงไปด้วย และคนใกล้ชิดเป้าต้องป้องกันตัวเอง หรือหนีห่างจากเป้า
ยันสร้างสถานการณ์จะแพ้ภัยตัวเอง
น.พ.ประเวศ วะสี กล่าวด้วยว่า สมมติฐานที่ 2 หากการลอบสังหารเป็นการสร้างสถานการณ์ ก็เป็นเพราะ ผู้มีอำนาจต้องการกลบเกลื่อนบางเรื่อง จึงเบนความสนใจ ของสังคม หรือต้องการใช้เป็นเครื่องมือขจัดศัตรูบางคน หรือปูทางไปสู่การยึดอำนาจ เพื่อปกป้องตัวเองจากการถูกดำเนินคดี เช่น อาจถูกศาลตัดสินจำคุก สุดแล้วแต่ระดับของวัตถุประสงค์ของผู้สร้างสถานการณ์ เช่น ถ้าต้องการกลบเกลื่อนบางเรื่อง ถ้าสังคมจับได้ไล่ทันก็จะเสื่อมความ เชื่อถือลงไปอีก รัฐบาลจะเหมือนเด็กเลี้ยงแกะ พูดอะไรก็ไม่มีใครเชื่อ ถึงจริงก็ไม่เชื่อ แล้วก็ถูกเสือกัดตาย ถ้า ทำเพราะต้องการป้ายสี หรือขจัดศัตรู ความขัดแย้งก็จะเพิ่มขึ้น ไปกระตุ้นให้คนเกลียดมากขึ้น คนเป็นศัตรูเป็น ศัตรูมากขึ้น และคิดขจัดผู้มีอำนาจด้วยวิธีรุนแรงมากขึ้น ถ้าทำเพราะปูทางไปสู่การยึดอำนาจเพื่อหลบเลี่ยงการตัดสินของศาล ประชาชนจะรวมตัวกันต่อสู้เช่นที่เคยต่อสู้ กับเผด็จการในอดีต จะเกิดการนองเลือด และในที่สุดผู้ เผด็จการจะพ่ายแพ้ภัยตนเอง จึงมีข้อเสนอแนะ หยุดการสร้างสถานการณ์ สังคม และสื่อมวลชน ต้องระแวดระวังอย่าให้ถูกหลอกด้วยการสร้างสถานการณ์ และทุกฝ่ายต้อง หยุดยั้งป้องกันการนองเลือด ด้วยการถอดชนวนที่จะนำไปสู่การนองเลือด
ระบุหมดเวลานายกฯแล้ว
ราษฎรอาวุโสยังมีคำแนะนำอีกว่า ถ้าในอนาคต พ.ต.ท.ทักษิณมีโอกาสอยู่ในความสงบ และทบทวนเรื่องอดีตที่ผ่านมา จะทราบว่า ตนไม่ใช่ศัตรู หรือขาประจำแต่อย่างใด แต่พยายามแนะนำในเรื่องต่างๆ เมื่อปี พ.ศ. 2544 เคยเตือนว่า ต้องระวังอย่าตกไปสู่ โครงสร้างมรณะ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณก็ถลำลึกตกเข้าไปสู่ โครงสร้างมรณะ แล้ว วันนี้ตนจะแนะนำวิธีออกจากโครงสร้างมรณะ กรณีลอบสังหาร ไม่ว่าจะเป็นไปตามสมมติฐานที่ 1 หรือสมมติฐานที่ 2 ล้วนจะพา พ.ต.ท.ทักษิณเข้าไปสู่โครงสร้างมรณะทั้งสิ้น เวลาที่จะทำประโยชน์ในฐานะนายกรัฐมนตรีหมดลงแล้ว เพราะได้ผ่านจุดยอดที่มีอำนาจสูงสุด และมีผู้คนสนับสนุนสูงสุดไปแล้ว แม้ในจุดที่สูงสุดนั้น พ.ต.ท. ทักษิณยังไม่สามารถแก้ปัญหาที่สำคัญๆของบ้านเมืองได้ ถ้าจะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก ท่ามกลางความขัดแย้ง ท่ามกลางความเกลียดชัง ท่ามกลางความไม่เชื่อถือ จะ แก้ปัญหาของประเทศได้อย่างไร ในทางตรงข้าม จะเกิดความแตกแยกและรุนแรงมากขึ้น และอาจนำไปสู่การนอง เลือด ที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือในฐานะนายกรัฐมนตรี ท่านไม่สามารถสร้างความสมานฉันท์ในสังคม และไม่สามารถ ระงับการสูญเสียชีวิตของผู้คนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ แค่นี้ก็เพียงพอที่นายกรัฐมนตรีคนใด หรือในประเทศใด จะแสดงความรับผิดชอบได้แล้ว การคงอยู่ไม่สามารถสร้างความสมานฉันท์และดับไฟใต้ได้ ให้คนอื่นมารับ หน้าที่นี้ จะเป็นทางออกของบ้านเมืองได้ดีกว่า
ชี้ทางออกโครงสร้างมรณะ
นอกจากนี้ น.พ.ประเวศ วะสี ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า พ.ต.ท.ทักษิณอาจจะกลัวว่าถ้าลงจากอำนาจแล้ว จะถูกดำเนินคดี ซึ่งอาจมีโทษถูกจำคุกและยึดทรัพย์ ไม่มี ใครมีอำนาจที่จะไปขัดขวางกระบวนการทางกฎหมายได้ แต่อย่าลืมว่าสังคมก็เช่นเดียวกับคนที่มีความสามารถในการอภัยอย่างยิ่งใหญ่ ถ้ามีการยอมรับผิดหรือขอโทษ ทางออกจาก โครงสร้างมรณะ ด้วยสันติวิธี คือ พ.ต.ท. ทักษิณต้องตัดความกังวลด้วยประการทั้งปวง มีความกล้าหาญที่จะประกาศ 3 ข้อดังต่อไปนี้ คือ 1. พูดว่า ผมพอแล้ว แล้ววางมือทางการเมืองทั้งหมดเด็ดขาดทันที 2. ขอร้องให้ประชาชนผู้สนับสนุนตน จงร่วมมือสมัครสมานในแก้ปัญหาประเทศด้วยสันติวิธี และสนับสนุนนายกรัฐมนตรี คนใหม่ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม และ 3. จะออกไปทำงานทางมนุษยธรรมแบบบิลล์ เกตส์ ถ้าทำได้ดังนี้ จะเกิดความสงบร่มเย็นทันที ทั้งตัว พ.ต.ท.ทักษิณเองและประเทศชาติ แต่ถ้าไม่ทำ คงหนีการนองเลือดไม่พ้น ทั้งหมดที่กล่าวมาโดยสรุป ก็คือหากประเทศจะพ้นจากการนองเลือดและวิกฤตการณ์ทางการเมือง อยู่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณเสียสละ http://www.thairath.co.th/offline.php?section=hotnews&content=17791
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #125 เมื่อ: 29-08-2006, 09:08 » |
|
ไงๆท่านที่เคยแสดงความรู้ความสามารถวินิจฉัยว่าการลอบสังหารนายกฯทักษิณคือการจัดฉาก...กรุณาแสดงตัวด่วนครับ เรื่องหน้าแหกไม่ดูตาม้าตาเรือ....ผมจะไม่พูดถึงให้เจ็บใจครับ ขอกันกินมากกว่านี้!?!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
aiwen^mei
|
|
« ตอบ #126 เมื่อ: 29-08-2006, 09:56 » |
|
แผนสังหารกับพิษกุหลาบแก้ว28 สิงหาคม 2549 19:19 น. สร้างข่าวใหม่ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจข่าวเก่า มักเกิดขึ้นตลอดในหลายยุคสมัย รวมถึงรัฐบาลปัจจุบัน เพราะกลยุทธ์ดังกล่าว หวังจะดึงความสนใจให้ประชาชนมุ่งไปที่ประเด็นใหม่ ส่วนเรื่องเก่าๆที่ยังค้างและสร้างความลำบากใจกับรัฐบาล จะถูกละเลยและหายไปจากสื่อ กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : โดยใช้สื่อทีวีซึ่งเป็นกลไกของรัฐทำหน้าที่ตอกย้ำกับประชาชน ให้คิดไปตามที่รัฐบาลต้องการ แต่ก็มีหลายครั้ง ที่ความพยายามดังกล่าวไม่ประสบความสำเร็จ เหตุเพราะการรับรู้ข่าวสารของประชาชน มีช่องทางให้เลือกมากขึ้น โดยเฉพาะสื่อสิ่งพิมพ์ ที่ส่วนใหญ่จะยืนอยู่ตรงกันข้ามกับสื่อทีวีของรัฐ ถึงแม้สัดส่วนคนอ่านหนังสือพิมพ์จะมีเพียง 10% ขณะที่ส่วนใหญ่ 90% ถูกทีวีครอบงำ แต่สิ่งที่เป็นความต่างตรงที่ 10%นั้น คือคนกลุ่มคนชั้นนำทางความคิดของสังคม ที่สามารถชี้ให้คนส่วนใหญ่คล้อยตามได้ กรณี "แผนสังหาร" เช่นกัน คนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ 60% เชื่อเป็นการสร้างสถานการณ์ ขณะที่รัฐบาลตอกย้ำตลอดว่า "มีแผนสังหารนายกฯ จริง" หากแผนสังหารครั้งนี้ จะเป็นจริงหรือสร้างสถานการณ์หรือไม่นั้น ในแง่ "ความจริง" ยังไม่มีบทสรุป แต่ปรากฏการณ์ด้าน "ความเชื่อ" ได้ผลสรุปในตัวเองไปแล้ว ยิ่งเมื่อเรายอมรับว่า "การเมืองเป็นเรื่องของความเชื่อมากกว่าความจริง" ปรากฏการณ์ครั้งนี้เมื่อคนส่วนใหญ่ไม่เชื่อสิ่งที่รัฐบาลชี้แจง เท่ากับว่าความเสื่อมถอยของอำนาจได้เข้ามาเยือนอย่างต่อเนื่องแล้ว หากคนส่วนใหญ่เชื่อเช่นนี้ ข้อสงสัยที่จะตามมาคือ "ทำเพื่ออะไร" ดังนั้น สิ่งที่ต้องตั้งคำถามต่ออยู่ที่ว่า ก่อนหน้านี้ มีเหตุการณ์ใดที่น่าจะสร้างความลำบากใจให้รัฐบาล ที่ข่าว "แผนสังหาร" สามารถลดความสำคัญและเกิดภาวะถกเถียงในสังคมแทนเรื่องเดิมคำตอบน่าจะเป็น "กุหลาบแก้ว" ถือเป็นเรื่องอ่อนไหวที่สุดของครอบครัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะผู้ขายหุ้นชินคอร์ปให้กับกองทุนเทมาเส็ก จากสิงคโปร์ เพราะหากบทสรุปว่าบริษัทกุหลาบแก้ว เป็นนอมินีต่างชาติ เท่ากับดีลชินคอร์ป จะพังทลายลงทันที ในขั้นตรวจสอบของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า สรุปออกมาว่าบริษัทกุหลาบแก้ว มีมูลเข้าข่ายนอมินี หลังจากผ่านการตรวจสอบเส้นทางเงิน รวมถึงในข้อบังคับบริษัทได้จำกัดสิทธิในการออกเสียงของผู้ถือหุ้นไทย รวมถึงผู้ถือหุ้นไทย 2 ราย ที่ถือหุ้นรวมกัน 51% กลับได้รับเงินปันผลเพียง 3% เท่านั้น ในขณะที่บริษัทไซเพรส บริษัทลูกของเทมาเส็ก ซึ่งมีหุ้นส่วนเพียง 49% ในกุหลาบแก้ว กลับได้รับส่วนแบ่งเงินปันผลสูงถึง 97% พฤติกรรมดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าหุ้นส่วนคนไทยเป็นเพียงตัวแทนของผู้ถือหุ้นต่างชาติเท่านั้น แต่เมื่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าส่งเรื่องมายังสำนักปลัดกระทรวงพาณิชย์ แทนที่จะแถลงผลสรุป กลับตั้งคณะกรรมการ พร้อมขอเวลา 2 เดือนพิจารณาใหม่ คำตอบง่ายๆ คือยื้อเวลาตัดสินใจออกไป ผลสรุปจะเกิดขึ้นช่วงหลังเลือกตั้ง 15 ตุลาคม 2549 หากดีลชินคอร์ป พังทลาย จากบทสรุป "นอมินี" ความเสียหายจะตกแก่ผู้ขาย ไม่ว่าความจริงวันนี้ครอบครัวชินวัตร จะได้รับเงินครบ 7.3 หมื่นล้านบาท แล้วหรือไม่ เพราะหากสัญญาต่างๆ ออกมาไม่เป็นไปตามที่ตกลงไว้เชื่อว่า กองทุนเทมาเส็ก ซึ่งลงทุนมหาศาลและมีเครือข่ายกว้างขวางในประเทศไทย จะไม่ยอมสูญเสียเงินทั้ง 7.3 หมื่นล้านบาทแน่นอนไหนจะเกี่ยวข้องกับค่าปรับไอทีวี อีก 7.6 หมื่นล้านบาท ถือว่า เป็นต้นทุนที่เทมาเส็ก ไม่ได้คำนวณไว้ก่อน จึงเป็นหน้าที่ของผู้ขายที่ต้องบริการหลังการขาย จัดการแก้ปัญหาให้เรียบร้อย ถึงจะเรียกว่า "ดีลสมบูรณ์แบบ" หรือจะเป็นสิ่งนี้ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่กล้าที่จะประกาศเว้นวรรคทางการเมือง เพราะแก่นแท้ของอำนาจมักจะอยู่เคียงข้างเงินตราเสมอ แต่เมื่อเกิด "แผนสังหาร" ขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือจัดฉาก แต่ภาวะทางการเมืองได้ก่อให้เห็นถึงความรุนแรงและน่าห่วงยิ่งขึ้น โอกาสที่จะประนีประนอมแบบไทยๆ เช่นอดีต อาจจะไม่เห็นในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร http://www.bangkokbiznews.com/2006/08/29/v001_132852.php?news_id=132852
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #127 เมื่อ: 29-08-2006, 10:43 » |
|
บทวิเคราะห์ดังกล่าวเขียนขึ้นก่อนวันวันจันทร์ที่ 28 ส.ค. ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่ร.ท. ธวัชชัย ยอมรับสารภาพบาป...ประเด็นก็คือ หากกรณีกุหลาบแก้วเป็นเรื่องจริงก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องการจัดฉากสักนิดเดียว เพราะกระบวนการยุติธรรมในการตรวจสอบเรื่องนอมินี่มิได้หยุดนิ่งแต่อย่างใดมิใช่หรือ!?!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
machao
น้องใหม่
ออฟไลน์
กระทู้: 9
|
|
« ตอบ #128 เมื่อ: 29-08-2006, 11:13 » |
|
ยังไม่รู้ว่าใครเป็นตัวการก็จะประณามซะแล้ว
เกิดไม่ใช่ขึ้นมาจะหน้าแหกนะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #129 เมื่อ: 29-08-2006, 11:16 » |
|
ช่วงนี้น้ำขึ้นให้รีบตัก คนหน้าแหกต้องช่วยประจาน.....ฮ่าๆๆๆๆ ก็เลย up ข่าวล่าสุดมาให้อ่านอ่ะครับ "ชิดชัย" ชมหมวดธวัชชัยเป็นลูกผู้ชาย โดย ผู้จัดการออนไลน์ 29 สิงหาคม 2549 10:09 น. พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงการให้ปากคำของ ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ ผู้ต้องหาคดีลอบวางระเบิด ว่า ถือเป็นการกระทำของลูกผู้ชายที่ออกมาพูดความจริง ซึ่งจะทำให้ทุกฝ่ายเข้าใจมากขึ้นว่าไม่ได้เป็นการสร้างสถานการณ์ และเจ้าหน้าที่จะต้องทำการขยายผลต่อไป เนื่องจาก ร.ท.ธวัชชัย ไม่ได้ให้การพาดพิงไปถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลัง อืมมมม...แล้วพวกที่ฟันธงฉับๆว่ารัฐบาลจัดฉากน๊ะมีความเป็นลูกผู้ชายเท่า ร.ท. ธวัชชัย สักกะผีกไหมเอ่ย? เห็นเงียบยังกะเป่าสากเป่าครกเชียวน๊า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #130 เมื่อ: 29-08-2006, 14:24 » |
|
แบบว่าเกรงเพื่อนๆจะเหงาก็เลยนำข่าวเพิ่มเติมมาให้อ่านกันอ่ะครับ โชว์ซีดีสอบปากคำไม่แปลก เชื่อจะหยุดวิจารณ์จัดฉาก วันนี้ (29 ส.ค.) พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวก่อนประชุมคณะรัฐมนตรีถึงความคืบหน้าคดีลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสืบสวนอยู่ เพื่อหาพยานหลักฐานเชื่อมโยงขยายผลไปถึงผู้บงการ ซึ่งทราบว่ามีความคืบหน้าไปมาก แม้ว่า ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ ผู้ต้องหาคดีมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ยอมให้ข้อมูลกับตำรวจหรือซัดทอดใครก็ตาม แต่ยังมีพยานหลักฐานอื่นที่สามารถสาวไปถึงได้ ส่วนกรณีที่ตำรวจพบว่า ระหว่างที่ ร.ท.ธวัชชัย นำรถมาจอดมีการโทรศัพท์ติดต่อกับนายพลคนหนึ่งนั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนที่จะพิจารณาสอบสวนต่อไป ส่วนกรณีที่ ร.ท.ธวัชชัย ยอมรับว่า เป็นคนขับรถจริงนั้น รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถือว่าเป็นลูกผู้ชายที่ออกมาพูดความจริง ไม่เช่นนั้นคนที่ไม่ทราบจะวิจารณ์ต่าง ๆ นานา ทำให้บ้านเมืองสับสน เมื่อถามถึงกรณีที่สังคมยังคลางแคลงใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พล.ต.อ.ชิดชัย กล่าวว่า ความคลางแคลงใจคงหมดแล้ว เพราะมีการออกมาพูดชัดเจน ที่ผ่านมา เป็นการพูดเพื่อจุดกระแสเท่านั้น ผู้สื่อข่าวถามว่า การสอบปากคำ ร.ท.ธวัชชัย ดูแปลก ๆ ที่บอกว่ารักชาติ อยากให้ทุกฝ่ายสามัคคี พล.ต.อ.ชิดชัย กล่าวว่า ไม่แปลก สื่อดูวิดีโอเทปก็ว่ากันไป และเมื่อถามว่า ปกติวิดีโอการสอบสวนจะไม่เปิดเผย รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีนี้พนักงานสอบสวนอาจเห็นว่า มีความพยายามแก้ข้อกล่าวหา ซึ่งตนมองทางนั้น ส่วนคนอื่นอาจมองในแง่อื่นก็ได้ และในการสอบสวนก็มีนายทหารพระธรรมนูญ ทนายก็อยู่ในระหว่างการสอบสวน อย่าไปมองในแง่ร้าย คนเจตนาดี จะทราบว่าเขาทำเพื่ออะไร และเมื่อถามว่า วิดีโอการสอบปากคำ จะทำให้ข้อวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการจัดฉากยุติลงหรือไม่นั้น พล.ต.อ.ชิดชัย กล่าวว่า ควรจะเป็นอย่างนั้น และในกรณีที่ตำรวจขอเวลา 10 วัน ในการสืบสวนและจับกุมผู้เกี่ยวข้อง ถือเป็นความมุ่งมั่นของตำรวจที่เชื่อว่า จะสามารถทำได้ ด้าน พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า ทุกอย่างต้องว่าไปตามกฎหมาย ตามผลการสอบสวนของตำรวจ ส่วนที่กองทัพบกได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ ยังไม่ได้ส่งผลสรุปการสอบสวนมาให้ ผู้บัญชาการทหารบก ยังกล่าวถึงการเข้าพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี วานนี้ (28 ส.ค.) ที่บ้านพิษณุโลก ว่า มีการหารือเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #131 เมื่อ: 29-08-2006, 15:23 » |
|
วันนี้ (29 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ว่า พล.ต.ต.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รอง ผบช.น.) ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญา ขอให้ออกหมายจับแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มผู้ที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล ประกอบด้วย นายสุริยะใส กตะศิลา, นายการุณ ใสงาม, นางสาวรสนา โตสิตระกูล, นายเพียร ยงหนู, นายสุวิทย์ วัดหนู, นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์, นายอวยชัย วะทา และนายศิริชัย ไม้งาม ผู้ต้องหาคดีก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง กรณีที่มีการปราศรัยกล่าวโจมตีรัฐบาลและ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในสถานที่ต่างๆ หลายครั้ง เป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระ ขอให้ศาลออกหมายจับและออกหมายขัง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Ja - Duy
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
ออฟไลน์
กระทู้: 36
|
|
« ตอบ #132 เมื่อ: 29-08-2006, 16:41 » |
|
ตอนนี้คดีกำลังอยู่ในขั้นสอบสวนของจนท.ตำรวจครับ ถ้าการสอบสวนผู้ต้องหาแล้วเสร็จ...ก็จะส่งเรื่องถึงพนง.อัยการเพื่อตรวจสอบดูว่าสมควรฟ้องศาลหรือไม่
อย่างที่บอกครับว่า กฎหมายไม่ได้อนุญาตให้การเตรียมระเบิดเป็นคดีพยายามฆ่าในกรณีที่ไม่ใช่เชื้อพระวงศ์ ไม่ได้เกี่ยวกับตำรวจสักนิดว่าทำไมตำรวจถึงตั้งข้อหาพยายามฆ่ากับธวัชชัยไม่ได้ หากแต่เป็นเรื่องของกฎหมายที่ระบุไว้ต่างหาก
พร้อมกันนี้ผมใคร่ขอเสนอเหตุผล 5 ประการว่าด้วยเรื่องการลอบสังหารนายกฯทักษิณ ดังนี้
ประการแรก หากการจัดฉากเกิดขึ้นจริง...ทำไมมีการจับผู้ต้องหาที่เป็นอดีตลูกน้องเก่าของพล.อ. พัลลภ ผู้ซึ่งมีความคิดเห็นไม่ตรงกับรัฐบาลในช่วงหลังๆมานี่? จะไม่เนียนกว่าหรือหากจัดฉากโดยไม่มีผู้ต้องหา?
ผู้ต้องหา ก็เคยเป็นคนหน้าหน้าห้อง ของเตรียม 10 เพื่อนทักษิณด้วยไม่ใช่เหรอ และ ที่ต้องเอา คนขับรถของ พลเอก พัลลภ เพื่อที่จะได้ มีเหตุผลเพียงพอที่จะ ปลด พลเอก พัลลภไง ผมแปลกใจว่า ทำไม ถึงปลดแค่ตำแหน่ง รอง อะไรไม่รู้ จำชื่อไม่ได้ ... แต่ดันไม่ปลดออกจากตำแหน่ง อีกตำแหน่งนึงอะใน คณะ รัฐมนตรี ..
ประการที่สอง หากการจัดฉากเกิดขึ้นจริง....ภาพลักษณ์ของประเทศไทยที่เสียหายไปแล้วทั่วโลกอันทำให้นักลงทุนและนักท่องเที่ยวไม่ขนเงินมาประเทศไทยซึ่งทำให้เศรษฐกิจประเทศเสียหายและส่งผลให้การทำงานของรัฐบาลลำบากในที่สุด
คงไม่ส่งผลเรื่องการท่องเที่ยวเท่าไหรหรอกครับ อาจจะมีบ้างแต่คิดว่า คงไม่ถึงกับทำให้ประเทศ ล่มจ่ม แต่อย่างว่าแระ ถ้าทักษิณ รักประเทศ ห่วงประเทศขนาดนั้น ทักษิณ คงลาออกไปแล้ว
ประการที่สาม หากมีการจัดฉากเกิดขึ้นจริง....ศาลจะเป็นผู้วินิจฉัยในท้ายสุด หากตำรวจจับแพะและศาลมีคำสั่งปล่อยธวัชชัย ก็เท่ากับอนาคตทางการเมืองของคุณทักษิณจบสิ้นเพราะประชาชนจะไม่ให้ความเชื่อถืออีกต่อไป มันคุ้มไหมที่จะเอาอนาคตทางการเมืองและเครดิตต่างๆที่สั่งสมในอดีตมาแลกแบบนี้?
ผมว่า ทักษิณไม่กลัวหรอกเมื่อถึงเวลานั้น ตอนนั้นทักษิณอาจจะไม่ได้อยู่ในเมืองไทยแล้วก็ได้
ประการที่สี่ หากมีการจัดฉากจริง....การที่คุณทักษิณประกาศต่อลูกพรรคว่าไม่สามารถไปช่วยหาเสียงได้ เท่ากับเป็นการเสียโอกาสในการหาเสียง เพราะโพลล์ออกมาระบุว่าปชช.เลือกทรท.เพราะคุณทักษิณกว่า60% ในขณะที่เลือกทรท.เพราะนโยบายพรรคเพียง30กว่า% เท่ากับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้คุณทักษิณไม่สามารถออกมาช่วยลูกพรรคหาเสียงได้เหมือนการเลือกตั้งที่ผ่านๆมา
ก็เพราะเขาเลือก ทักษิณ อะดิ ตัวเขาจึงไม่จำเป็นต้องไปหาเสียงก็ได้ และอีกอย่าง คะแนน สงสาร ทักษิณก็จะได้มีมากขึ้นไง
ประการสุดท้าย หากมีการจัดฉากจริง....ทำไมผู้เชียวชาญด้านวัตถุระเบิดที่เป็นผู้เก็บกู้ถึงบอกว่าระเบิดพร้อมทำงาน ในขณะที่คนอื่นๆที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์รู้ได้อย่างไรว่าเป็นการจัดฉาก? บุคคลเหล่านั้นไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์จริงๆแต่ดูจากรูปถ่ายและวิดิโอจะมารู้ดีกว่าผู้เชียวชาญที่เก็บกู้ระเบิดจริงได้อย่างไร?
ก็เอาเป็นว่า ข่าวที่ออกมาบอกว่า ทำลายล้างได้ 1 กิโล ก็เป็นข่าวที่ออกมาจาก ตำรวจทั้งนั้นแต่ความเป็นจริง ตามผู้เชียวชาญ และ เหตุการณ์ต่างๆของโลกที่เป็นกรณีตัวอย่างก็บ่งบอกให้เห็นแล้วว่า มันเป็นไปไม่ได้ ...
จึงอยากให้ทุกท่านโปรดวิเคราะห์เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นด้วยจิตใจที่เป็นกลาง โดยเฉพาะการกล่าวหาว่ารัฐบาลจัดฉากเพื่อกลบกระแสกรณีSiam Paragon + World Trade ซึ่งจากที่กล่าวมาข้างต้น หากรัฐบาลคิดแก้เกมส์ดึงความสนใจเพื่อลดกระแสล่อก็...เอาเรื่องอื่นที่มันไกลตัวนายกฯที่ไม่ต้องให้กระบวนการทางกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้องไม่ดีกว่าหรือ?
โปรดตรองดูเถิด!!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #133 เมื่อ: 30-08-2006, 09:29 » |
|
มาถึง ณ นาทีนี้เวลา 9:30 น. ของวันที่ 30 ส.ค. 2549 กว่า 48 ชั่วโมงแล้วที่ ร.ท. ธวัชชัยสารภาพบาปขอโทษนายกฯและปชช.ในการร่วมกระทำผิดลอบสังหารคุณทักษิณ ต้องขอชมเชยความกล้าหาญที่กล้าทำแล้วต้องกล้ารับผิด ในขณะที่หลายๆคนในเว๊บเสรีไทยที่ได้กล่าวหาว่าคุณทักษิณจัดฉากแกล้งตบตาปชช.กลับนิ่งเฉยเหมือนไม่รู้สึกสำนึกในสิ่งที่ตัวเองกระทำผิด คิดผิด และรู้สึกอย่างผิดๆตลอดมาในเรื่องดังกล่าว บาปกรรมมันไม่ได้อยู่ที่ไหนหรอกครับ....อยู่ในใจพวกคุณตลอดไปนั่นแหล่ะตราบใดที่พวกคุณยังไม่สำนึกผิดและบาปกรรมที่ตนเองเป็นผู้ก่อ!!!
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-08-2006, 09:34 โดย A-Rai-Ja »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
buntoshi
|
|
« ตอบ #134 เมื่อ: 30-08-2006, 09:42 » |
|
มาถึง ณ นาทีนี้เวลา 9:30 น. ของวันที่ 30 ส.ค. 2549 กว่า 48 ชั่วโมงแล้วที่ ร.ท. ธวัชชัยสารภาพบาปขอโทษนายกฯและปชช.ในการร่วมกระทำผิดลอบสังหารคุณทักษิณ ต้องขอชมเชยความกล้าหาญที่กล้าทำแล้วต้องกล้ารับผิด ในขณะที่หลายๆคนในเว๊บเสรีไทยที่ได้กล่าวหาว่าคุณทักษิณจัดฉากแกล้งตบตาปชช.กลับนิ่งเฉยเหมือนไม่รู้สึกสำนึกในสิ่งที่ตัวเองกระทำผิด คิดผิด และรู้สึกอย่างผิดๆตลอดมาในเรื่องดังกล่าว บาปกรรมมันไม่ได้อยู่ที่ไหนหรอกครับ....อยู่ในใจพวกคุณตลอดไปนั่นแหล่ะตราบใดที่พวกคุณยังไม่สำนึกผิดและบาปกรรมที่ตนเองเป็นผู้ก่อ!!! หากเรื่องไม่ได้เป็นแบบนี้ อะไรจ๊ะ กล้าที่จะออกมายอมรับ และ สำนึกในการด่วนสรุป กล่าวหาคนอื่นหรือเปล่า ถ้าไม่กล้าก็ไม่ต้องมาสั่งสอนคนอื่น เข้าใจไหมตกลงจะกล้าหรือเปล่า
และทำไมผมจะไม่รู้เค้าสาระภาพว่าอะไร วีดีโอ เสียซ่าๆ ผมก็ได้ ดูจนจบ อะไรจ๊ะ รู้แล้วอมมูลไว้หรือไงจ๊ะ
เค้าไม่ได้สารภาพ ว่าร่วมกระทำความผิด ลอบสังหารท่านรักษาการซักหน่อย อะไรจ๊ะ มั่ว จริงๆ
ตกลงจะกล้าหรือเปล่า ถ้าไม่กล้า ขอโทษและสำนึกผิดผม จะไม่มาโพสต์ตอบอีก เสียเวลาครับ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-08-2006, 11:04 โดย buntoshi »
|
บันทึกการเข้า
|
เราต้องสร้างคนดีมากกว่าคนเก่ง เพราะคนเก่งจะเห็นคนอื่นเก่งกว่าไม่ได้ จะพยายามเก่งกว่าคนอื่น แต่คนดีจะมีความสุขที่ได้ทำให้คนอื่นเก่ง รวมทั้งคนดีทุกคน ล้วนเก่งทั้งนั้น.... ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ---------------------------
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #135 เมื่อ: 30-08-2006, 09:52 » |
|
มาถึง ณ นาทีนี้เวลา 9:30 น. ของวันที่ 30 ส.ค. 2549 กว่า 48 ชั่วโมงแล้วที่ ร.ท. ธวัชชัยสารภาพบาปขอโทษนายกฯและปชช.ในการร่วมกระทำผิดลอบสังหารคุณทักษิณ ต้องขอชมเชยความกล้าหาญที่กล้าทำแล้วต้องกล้ารับผิด ในขณะที่หลายๆคนในเว๊บเสรีไทยที่ได้กล่าวหาว่าคุณทักษิณจัดฉากแกล้งตบตาปชช.กลับนิ่งเฉยเหมือนไม่รู้สึกสำนึกในสิ่งที่ตัวเองกระทำผิด คิดผิด และรู้สึกอย่างผิดๆตลอดมาในเรื่องดังกล่าว บาปกรรมมันไม่ได้อยู่ที่ไหนหรอกครับ....อยู่ในใจพวกคุณตลอดไปนั่นแหล่ะตราบใดที่พวกคุณยังไม่สำนึกผิดและบาปกรรมที่ตนเองเป็นผู้ก่อ!!! หากเรื่องไม่ได้เป็นแบบนี้ อะไรจ๊ะ กล้าที่จะออกมายอมรับ และ สำนึกในการด่วนสรุป กล่าวหาคนอื่นหรือเปล่า ถ้าไม่กล้าก็ไม่ต้องมาสั่งสอนคนอื่น เข้าใจไหม ขนาดตัวผู้ต้องหาเค้าสารภาพขนาดนั้น..ยังต้องให้มีหลักฐานอะไรเพิ่มรึเปล่าครับ?
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
buntoshi
|
|
« ตอบ #136 เมื่อ: 30-08-2006, 10:06 » |
|
ไม่น่ามาเพิ่มความเห็นให้เล๊ยยย
อะไรจ๊ะเค้าสารภาพว่า อะไร อะไรจ๊ะ คิดเองเออเองไปหมด เค้าสารภาพว่า รู้เรื่องระเบิด และ หวังจะมุ่งร้ายนายกเหรอ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เราต้องสร้างคนดีมากกว่าคนเก่ง เพราะคนเก่งจะเห็นคนอื่นเก่งกว่าไม่ได้ จะพยายามเก่งกว่าคนอื่น แต่คนดีจะมีความสุขที่ได้ทำให้คนอื่นเก่ง รวมทั้งคนดีทุกคน ล้วนเก่งทั้งนั้น.... ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ---------------------------
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #137 เมื่อ: 30-08-2006, 10:31 » |
|
ไม่น่ามาเพิ่มความเห็นให้เล๊ยยย
อะไรจ๊ะเค้าสารภาพว่า อะไร อะไรจ๊ะ คิดเองเออเองไปหมด เค้าสารภาพว่า รู้เรื่องระเบิด และ หวังจะมุ่งร้ายนายกเหรอ
ฮ่าๆๆๆ...ท่าทางคุณBuntoshiคงอ่านแต่Manager.co.th ก็เลยไม่ทราบว่าโลกภายนอกเค้ารู้เรื่อง ร.ท. ธวัชชัย กล่าวขอโทษนายกฯและประชาชนไปเมื่อเกือบ 48 ชั่วโมงแล้ว หรือว่าจะโบ้ยว่าแกขอโทษที่รถเสียกลางถนนงั้นซิ!?! ฮ่าๆๆๆๆๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
buntoshi
|
|
« ตอบ #138 เมื่อ: 30-08-2006, 11:07 » |
|
มาถึง ณ นาทีนี้เวลา 9:30 น. ของวันที่ 30 ส.ค. 2549 กว่า 48 ชั่วโมงแล้วที่ ร.ท. ธวัชชัยสารภาพบาปขอโทษนายกฯและปชช.ในการร่วมกระทำผิดลอบสังหารคุณทักษิณ ต้องขอชมเชยความกล้าหาญที่กล้าทำแล้วต้องกล้ารับผิด ในขณะที่หลายๆคนในเว๊บเสรีไทยที่ได้กล่าวหาว่าคุณทักษิณจัดฉากแกล้งตบตาปชช.กลับนิ่งเฉยเหมือนไม่รู้สึกสำนึกในสิ่งที่ตัวเองกระทำผิด คิดผิด และรู้สึกอย่างผิดๆตลอดมาในเรื่องดังกล่าว บาปกรรมมันไม่ได้อยู่ที่ไหนหรอกครับ....อยู่ในใจพวกคุณตลอดไปนั่นแหล่ะตราบใดที่พวกคุณยังไม่สำนึกผิดและบาปกรรมที่ตนเองเป็นผู้ก่อ!!! หากเรื่องไม่ได้เป็นแบบนี้ อะไรจ๊ะ กล้าที่จะออกมายอมรับ และ สำนึกในการด่วนสรุป กล่าวหาคนอื่นหรือเปล่า ถ้าไม่กล้าก็ไม่ต้องมาสั่งสอนคนอื่น เข้าใจไหมตกลงจะกล้าหรือเปล่า
และทำไมผมจะไม่รู้เค้าสาระภาพว่าอะไร วีดีโอ เสียซ่าๆ ผมก็ได้ ดูจนจบ อะไรจ๊ะ รู้แล้วอมมูลไว้หรือไงจ๊ะ
เค้าไม่ได้สารภาพ ว่าร่วมกระทำความผิด ลอบสังหารท่านรักษาการซักหน่อย อะไรจ๊ะ มั่ว จริงๆ
ตกลงจะกล้าหรือเปล่า ถ้าไม่กล้า ขอโทษและสำนึกผิดผม จะไม่มาโพสต์ตอบอีก เสียเวลาครับ โพสต์ผิดเผลอไปแก้ใข
ตกลงอะไรจ๊ะ กล้าหรือเปล่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เราต้องสร้างคนดีมากกว่าคนเก่ง เพราะคนเก่งจะเห็นคนอื่นเก่งกว่าไม่ได้ จะพยายามเก่งกว่าคนอื่น แต่คนดีจะมีความสุขที่ได้ทำให้คนอื่นเก่ง รวมทั้งคนดีทุกคน ล้วนเก่งทั้งนั้น.... ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ---------------------------
|
|
|
samrung
|
|
« ตอบ #139 เมื่อ: 30-08-2006, 11:10 » |
|
แล้วเสาร์-อาทิตย์ ท่านจะไปตีกอล์ฟที่ไหนดี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
RiDKuN
|
|
« ตอบ #140 เมื่อ: 30-08-2006, 11:16 » |
|
อะไรจ๊ะอย่าแถเลย เขาไม่ได้รับสารภาพว่าพยายามจะลอบสังหาร บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าอย่าไปเชื่อตำรวจมากไป กลับไปอ่านใหม่นะว่าเขาให้การว่าอย่างไร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
คนไม่มี "อุดมคติ" ไม่ใช่ "นักการเมือง"
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #141 เมื่อ: 30-08-2006, 11:42 » |
|
เอางี้...ผมสรุปล่ะกันว่าฝ่ายที่เชื่อว่ามีการลอบสังหารนายกฯเค้ามีอะไรมาสนับสนุนแนวคิดดังกล่าวบ้าง 1. ผู้ต้องหาชื่อ ร.ท. ธวัชชัย 2. อุปกรณ์ระเบิดต่างๆที่พร้อมระเบิด 3. ผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดที่เก็บกู้ 4. เทปคำสารภาพของ ร.ท. ธวัชชัย ประเด็นก็คือ ผู้ต้องหาจะกล่าวคำขอโทษนายกฯและปชช.ทำไมหากไม่เพื่อขอโทษที่ได้กระทำการลอบสังหาร? หรือว่าแค่ขอโทษที่บรรทุกระเบิด? หรือขอโทษที่จอดรถเฉยๆ? ส่วนผู้ที่เชื่อว่าเป็นการจัดฉากนั้นมีหลักฐานดังนี้ 1. ความคิดเห็นของพัลลภ เสธฯแดง ที่บอกว่าดูจากภาพถ่ายและประสพการณ์ แต่ไม่ได้ไปที่เกิดเหตุ 2. การประมวลข่าวต่างๆด้วยตัวเองจากการอ่านข่าว 3. มั่วไง ด้วยความเคารพจริงๆครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
buntoshi
|
|
« ตอบ #142 เมื่อ: 30-08-2006, 11:59 » |
|
สรุปว่าไม่กล้า จบ
ไม่เข้ามาตอบกระทู้นี้ ของ อะไรจ๊ะ แล้ว
อุตส่าช่วยเพิ่มยอดตั้งหลายความเห็น ไม่น่าเลยเรา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เราต้องสร้างคนดีมากกว่าคนเก่ง เพราะคนเก่งจะเห็นคนอื่นเก่งกว่าไม่ได้ จะพยายามเก่งกว่าคนอื่น แต่คนดีจะมีความสุขที่ได้ทำให้คนอื่นเก่ง รวมทั้งคนดีทุกคน ล้วนเก่งทั้งนั้น.... ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ---------------------------
|
|
|
RiDKuN
|
|
« ตอบ #143 เมื่อ: 30-08-2006, 12:03 » |
|
สรุปได้เป็นกลางมากเลยครับ ขี้เกียจตอบแล้วเหมือนกัน เพราะพอแย้งอะไรทีก็เปลี่ยนประเด็นที รู้สึกตอบต่อไปก็ไม่ค่อยสร้างสรรค์ยังไงไม่รู้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
คนไม่มี "อุดมคติ" ไม่ใช่ "นักการเมือง"
|
|
|
bontae
|
|
« ตอบ #144 เมื่อ: 30-08-2006, 12:54 » |
|
ทั้งหมดที่ทำไปก็เพื่อ พรฏ. ไำงล่ะครับ ไม่เห็นจะต้องถามเลย
และที่สำคัญ มือระเบิดบ้าที่ไหน มัวไปขับรถวนอยู่ตั้ง 2 เดือน
แล้วตอนจับได้ ระเบิดยังทำไม่เสร็จอีก
อย่างนี้มันสร้างเรื่องนี่นา
จนถึงทุกวันนี้ พรฏ ก็ไม่ได้ถูกประกาศใช้ และรัฐบาลก็บอกแล้วว่าจะไม่ประกาศใช้ ขั้นตอนแผนการลอบสังหารทุกอย่าง เป็นขั้นเป็นตอน สอดรับกัน อะไรที่เป็นความจริง สามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ รอฟังผลการจับกุมแล้วกัน จะได้รู้ว่าไอ้คนที่พยายามหนี มันหนีจริง หรือ หนีแบบสร้างสถานการณ์ และไอ้คนที่ถูกจับ กูกจับจริงหรือสร้างสถานการณ์ แล้วถ้าเห็นสนธิหนี ก็อย่าเผลอคิดว่าหนีแบบสร้างสถานการณ์แล้วกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ล้างความชั่วร้ายในเสรีไทย ด้วยการไล่ลิ่วล้อไอ้ ค.ป.ค. ออกไป!!!!!
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #145 เมื่อ: 30-08-2006, 13:14 » |
|
ทั้งหมดที่ทำไปก็เพื่อ พรฏ. ไำงล่ะครับ ไม่เห็นจะต้องถามเลย
และที่สำคัญ มือระเบิดบ้าที่ไหน มัวไปขับรถวนอยู่ตั้ง 2 เดือน
แล้วตอนจับได้ ระเบิดยังทำไม่เสร็จอีก
อย่างนี้มันสร้างเรื่องนี่นา
จนถึงทุกวันนี้ พรฏ ก็ไม่ได้ถูกประกาศใช้ และรัฐบาลก็บอกแล้วว่าจะไม่ประกาศใช้ ขั้นตอนแผนการลอบสังหารทุกอย่าง เป็นขั้นเป็นตอน สอดรับกัน อะไรที่เป็นความจริง สามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ รอฟังผลการจับกุมแล้วกัน จะได้รู้ว่าไอ้คนที่พยายามหนี มันหนีจริง หรือ หนีแบบสร้างสถานการณ์ และไอ้คนที่ถูกจับ กูกจับจริงหรือสร้างสถานการณ์ แล้วถ้าเห็นสนธิหนี ก็อย่าเผลอคิดว่าหนีแบบสร้างสถานการณ์แล้วกัน ถูกต้องแล้วครับ จำได้ว่าฝ่ายพันธมิตรฯพยายามสร้างกระแสกล่าวหาว่ารัฐบาลจะประกาศพรบ. ฉุกเฉินเพื่อปราบปรามฝ่ายชุมนุมต้านรัฐบาลตั้งแต่เมื่อ3-4เดือนที่ผ่านมา จวบจนบัดนี้รัฐบาลก็ไม่ประกาศพรบ.ดังกล่าซะที ที่น่าสนใจก็คือ หากมีการจัดฉากจริงย่อมไม่มีผู้ต้องหา แต่กรณีนี้อย่างน้อยมี ร.ท. ธวัชชัย 1 คน และทางตำรวจบอกอีกว่าจะออกหมายจับเพิ่มภายในอาทิตย์นี้
จัดฉากแบบไหนน๊ะถึงมีหลักฐานมากมายขนาดนี้!?!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
The Last Emperor
|
|
« ตอบ #146 เมื่อ: 30-08-2006, 17:09 » |
|
เกรงว่ากระทู้ที่มีสาระและเปี่ยมไปด้วยข้อเท็จจริงชิ้นนี้จะถูกลืม....จึง up ขึ้นมาเพื่อเพื่อนๆได้มีโอกาสศึกษาข้อเท็จจริงมากขึ้นอ่ะครับ
ด้าน พล.ต.ท.มนตรี จำรูญ ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมพยานหลักฐานทางคดีอยู่ สำหรับรถกระบะ นิสสันสีฟ้า ทะเบียน บก.9162 สระแก้ว ที่เจ้าหน้าตำรวจตรวจยึดมานั้น ยังเปิดเผยรายละเอียดมากไม่ได้ เพราะเกรงว่าจะเสียรูปคดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเดินทางมาดูความคืบหน้าทางคดีของ ผบช.ก.ในวันนี้ เหมือนมีอะไรบางอย่างที่สำคัญทางรูปคดีคืบหน้าไปมาก เพียงแต่ชุดสืบสวนสอบสวนยังไม่เปิดเผยต่อสื่อมวลชนเท่านั้นเอง คาดว่าอีกไม่กี่วันนี้คงจะเปิดโฉมหน้าผู้บงการคดีลอบบึ้มนายกฯ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งคดีประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นกับบุคคลระดับผู้นำของประเทศ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นู๋เจ๋ง
|
|
« ตอบ #147 เมื่อ: 30-08-2006, 19:16 » |
|
555
อิอิ
ฮ่า ฮ่า
กร๊าก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
~จะแน่วแน่...แก้ไข...ในสิ่งผิด~
|
|
|
55555
|
|
« ตอบ #148 เมื่อ: 30-08-2006, 19:34 » |
|
ข้อความที่อ้างมาทั้งหมดเป็น ของคุณอะไรจ๊ะ
ลองคิดถึงผลท้ายสุดออกมาศาลตัดสินปล่อยธวัชชัยดูซิครับว่าถ้าเป็นเช่นนั้นจริง...คุณทักษิณหมดอนาคตทางการเมืองแน่ๆเพราะทุกคนจะเข้าใจว่าการลอบสังหารคือการจัดฉาก คุ้มไหมครับที่จะจัดฉากและจับแพะแลกต่อการหมดอนาคตทางการเมือง!?!
กว่าจะถึงวันตัดสิน การเลือกตั้งก็ผ่านไปแล้วย่ะ
มาถึง ณ นาทีนี้เวลา 9:30 น. ของวันที่ 30 ส.ค. 2549 กว่า 48 ชั่วโมงแล้วที่ ร.ท. ธวัชชัยสารภาพบาปขอโทษนายกฯและปชช.ในการร่วมกระทำผิดลอบสังหารคุณทักษิณ ต้องขอชมเชยความกล้าหาญที่กล้าทำแล้วต้องกล้ารับผิด
ในขณะที่หลายๆคนในเว๊บเสรีไทยที่ได้กล่าวหาว่าคุณทักษิณจัดฉากแกล้งตบตาปชช.กลับนิ่งเฉยเหมือนไม่รู้สึกสำนึกในสิ่งที่ตัวเองกระทำผิด คิดผิด และรู้สึกอย่างผิดๆตลอดมาในเรื่องดังกล่าว บาปกรรมมันไม่ได้อยู่ที่ไหนหรอกครับ....อยู่ในใจพวกคุณตลอดไปนั่นแหล่ะตราบใดที่พวกคุณยังไม่สำนึกผิดและบาปกรรมที่ตนเองเป็นผู้ก่อ!!!
ร้อยโทธวัชชัย สารภาพตอนไหน ว่าจะเอาระเบิดไปฆ่านายก
ขนาดตัวผู้ต้องหาเค้าสารภาพขนาดนั้น..ยังต้องให้มีหลักฐานอะไรเพิ่มรึเปล่าครับ?
เค้าต้องหาหลักฐานเพิ่มแน่ เพราะ ปักธงไว้แล้ว ว่าเป็นการมุ่งสังหาร........เดี่ยว 1-2 วันคงมีเรื่อง ขำ ๆ มาอีก
วันนี้ ดูข่าว ไอทีวี สัมภาษณ์ หลาน รท.ธวัชชัย ....หลานรท.ธวัชชัย ถามหยั่งงี้ " ถ้าที่เป็ฯคนปอดแหก พี่จะกล้าขับรถระเบิดหรือเปล่า " "เวลาที่โดนมีดบาด พี่เป็นไง นี่น้า เป็นลมเลย".......ก็นึกภาพกันเอาก็แล้วกัน ว่า รท.ธวัชชัย จะกล้าขัดรถขนระเบิดไปฆ่านายก หรือไม่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
GN-001 Exia
|
|
« ตอบ #149 เมื่อ: 30-08-2006, 23:02 » |
|
พล.อ พัลลพ เขาผ่านสงครามมามาก...
ถ้าจะฆ่าหมาซักตัวคงไม่เหลือบ่ากว่าแรงนักหรอก...
ไม่ต้องเอิกเกริกแบบนี้ด้วย...
ฮ่าๆ ระวังจะมีรถแปลกๆมาจอดแถวหน้าบ้านนะครับ จขกท...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
พวกที่เอาคำว่า "เสรีภาพ" มาบังหน้าเพื่อเบียดเบียนคนอื่นนี่มันเลวที่สุด
|
|
|
|