ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
25-04-2024, 22:59
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สโมสรริมน้ำ  |  ดั่งเทียนผู้ถ่องแท้แก่คน : บนวิถีที่รกร้าง จักเอาร่างปูทางให้เธอเดิน 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: 1 [2] 3
ดั่งเทียนผู้ถ่องแท้แก่คน : บนวิถีที่รกร้าง จักเอาร่างปูทางให้เธอเดิน  (อ่าน 22396 ครั้ง)
เก็ดถวา
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 2,753



« ตอบ #50 เมื่อ: 28-08-2006, 17:15 »

-----
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-08-2006, 11:04 โดย เก็ดถวา » บันทึกการเข้า

Avada Kedavra!!!!!!!
zero
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 29


« ตอบ #51 เมื่อ: 28-08-2006, 17:57 »

คุณเก็ดถวาครับ
ผมเองก็ฟัง คาราวาน มานานแล้ว
ท่อนที่คุยกันอยู่ ดูจากหนังสือเพลงของ คาราวาน
ก็ระบุว่า 'คน'  และเวลาร้องเอง ก็ร้องว่า
'ดั่งเทียนผู้ถ่องแท้แก่คน' มาตลอดเลย
(นักร้องบางคนร้องว่า ดั่งเทียน ผู้'ส่อง'แท้แก่คน)
ก่อนจะมาคุยเรื่องนี้ ก็เปิดหนังสือเพลงมาหลายเล่ม
รวมทั้งหนังสือ
' ชื่อจิตร ภูมิศักดิ์ เป็นนักคิดนักเขียน
 ดั่งเทียนผู้ถ่องแท้แก่คน'
 (พยามจะโพสต์รูปหนังสือดังกล่าว แต่ไม่สำเร็จ
ก็เลยทำลิงค์เอาไว้ ยังไงก็ลองคลิกไปดูนะครับ)

ประโยคดังกล่าว น่าจะหมายความว่า
'จิตร' เป็นผู้ที่ให้แสงสว่าง ให้ความรู้
 ให้ความดีงาม แก่ผู้คนทั่วไป

ออกตัวนิดนึงว่า เพิ่งเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของเวปนี้
อยู่ๆก็โผล่มาพูดคุยโดยไม่แนะนำตัว ก็คงไม่ว่ากันนะครับ
ปกติจะฟังเพลงปฏิวัติและคาราวาน เป็นประจำ
เข้ามาก็รู้สึกดีมากๆ มีคนชอบเพลงปฏิวัติเหมือนกัน
ยินดีครับที่ได้พูดคุยแลกเปลี่ยน

(แก้ชื่อแล้วครับ..ขอโทษครับ  พิมพ์ผิด)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-08-2006, 18:32 โดย zero » บันทึกการเข้า
เก็ดถวา
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 2,753



« ตอบ #52 เมื่อ: 28-08-2006, 18:03 »

-----
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-08-2006, 11:05 โดย เก็ดถวา » บันทึกการเข้า

Avada Kedavra!!!!!!!
คนในวงการ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,393


FLY WITH NO FEAR !!


เว็บไซต์
« ตอบ #53 เมื่อ: 29-08-2006, 01:08 »

ถึงคุณเจ้าของกระทู้ครับ
ก่อนอื่นต้องขอชี้แจงก่อนนะครับ
ว่าไม่ได้คิดจะมาขัดแย้งอะไร
เพียงแค่สงสัย ซึ่งคงจะเป็นข้อปลีกย่อยเล็กน้อยเท่านั้นเอง
ผมเองก็ศึกษาเรื่องราวของ ' จิตร ' มาบ้างเล็กน้อย
เพลง 'จิตร ภูมิศักดิ์' ก็ฟังมาหลายเวอร์ชั่นทั้งเก่าและใหม่
ฟังกี่ครั้ง ก็ฟังว่า ดั่งเทียนผู่ถ่องแท้แก่ 'คน'  อยู่ดี
เนื้อเพลง จิตร ภูมิศักดิ์ ของคาราวาน
ก็ ระบุว่า  ดั่งเทียนผู้ถ่องแท้แก่'คน'
รวมทั้งหนังสือที่อ่านอยู่เรื่อยๆ
  ' ชื่อจิตร ภูมิศักดิ์ เป็นนักคิดนักเขียน
    ดั่งเทียนผู้ถ่องแท้แก่คน '



http://www.4shared.com/file/3305113/2a9aadea/img_0120.html

.....ก็ติดตามอ่านตอนต่อไปอยู่นะครับ....




สวัสดีครับ คุณ zero ขอบพระคุณที่ท้วงติงถึงสองครั้ง ผมเลยไปค้นอย่างละเอียด เพื่อความชัดเจนในเรื่องนี้จากหลายแหล่ง ตกลงว่าคุณ zero ถูก ครับ ต้องเป็น "ดั่งเทียนผู้ถ่องแท้แก่คน" ครับ ต้องขออภัยคุณเก็ดถวาด้วยครับ ที่พาคุณเก็ดถวาไปออกเดทกันกลางทะเล  Mr. Green เรื่องคนเก่าคนใหม่ นั้นไม่สำคัญหรอกครับ (ถ้าไม่ตั้งกระทู้สมานฉันท์แบบคุณพระพายนะ) ผมกลับยินดีเสียอีกที่มีคนมาอ่าน มาแสดงความคิดเห็น รวมไปจนถึงท้วงติง เหมือนอย่างที่คุณ zero ทำ ครับ
บันทึกการเข้า

"Be without fear in the face of your enemies. Be brave and upright that God may love thee.
Speak the truth, always, even if it leads to your death. Safeguard the helpless, and do no wrong. That is your oath."
- Balian of Ibelin -
zero
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 29


« ตอบ #54 เมื่อ: 29-08-2006, 01:57 »

สวัสดีครับ คุณมารบูรพา
ยินดีที่ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นครับ
ตัดสินใจอยู่นานว่าจะทักดีหรือเปล่า
เพราะเพิ่งมาใหม่ๆ มาถึงก็มาท้วงคนดั้งเดิม
ก็ขอขอบคุณ ที่เข้าใจกันนะครับ
หลังจากได้รับคำตอบครั้งแรก
ก็ไปค้นหนังสือเพลง เท่าที่มีอยู่
ค้นหาหนังสือ ที่อ้างถึง
ฟังเพลงอยู่หลายเวอร์ชั่น และหลายรอบ
แล้วถึงมาแสดงความคิดเห็นอีกครั้ง
และจะตามเก็บเกี่ยวต่อไปนะครับ
ขอบคุณมากครับ
บันทึกการเข้า
คนในวงการ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,393


FLY WITH NO FEAR !!


เว็บไซต์
« ตอบ #55 เมื่อ: 29-08-2006, 02:43 »

คุณ zero ครับ (อันที่จริงตั้งใจฝากลอยลมไปถึงหลาย ๆ คนนะ)

คนเก่าคนแก่ก็ผิดได้ครับ จะเล่นที่ รดน. มาสิบปี หรือจะเล่นที่นี่รุ่นก่อตั้ง ก็ผิดเป็นครับ ไม่มีใครที่ถูกไปทั้งหมดตลอด คนเราผิดกันได้ การยอมรับผิด และแก้ไขในสิ่งที่ผิด ไม่ใช่เรื่องเสียหน้าแต่อย่างใด กลับเป็นเรื่องที่สมควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง การแถ การตะแบงกันไป เพื่อรักษาหน้าตัวเอง ยิ่งทำให้ตัวเองตกต่ำ คนเราถ้าต้องการการให้เกียรติจากผู้อื่น ต้องให้เกียรติผู้อื่นก่อน ต้องเรียนรู้ที่จะเคารพในความคิดเห็นของผู้อื่น ไม่ว่าคน ๆ นั้นจะมาใหม่ หรืออยู่มานาน

ขอกล่าวต้อนรับแทนม็อดของห้อง สโมสรริมน้ำ ยินดีต้อนรับครับ
บันทึกการเข้า

"Be without fear in the face of your enemies. Be brave and upright that God may love thee.
Speak the truth, always, even if it leads to your death. Safeguard the helpless, and do no wrong. That is your oath."
- Balian of Ibelin -
เก็ดถวา
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 2,753



« ตอบ #56 เมื่อ: 29-08-2006, 02:46 »



ฮู้วววว.. คนแก่เค้าทักกัน สุภ๊าพสุภาพเนอะ  Tongue out Mr. Green Mr. Green
บันทึกการเข้า

Avada Kedavra!!!!!!!
ดอกเข็มขาว
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 534



« ตอบ #57 เมื่อ: 29-08-2006, 06:33 »

คุณเห็ดถวาครับ
ผมเองก็ฟัง คาราวาน มานานแล้ว





หนูจะยินดีมากนะคะ...

ถ้าคุณลุงจะไม่เปลี่ยนชื่อเก็ดถวา เป็นเห็ดถวา

เสียใจอย่างแรงงงงงง........ โกด!!!!
  Evil or Very Mad


แก้ให้หน่อยนะค้าาา... พลีสสส ขายหน้าเค้าอ่ะ นะ นะ นะ 


เห็นแล้วอยากทานเห็ดฟางต้มยำอะ Mr. Green


ล้อเล่นนะจ๊ะ
บันทึกการเข้า

ThailandReport
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,415


« ตอบ #58 เมื่อ: 29-08-2006, 09:40 »

คุณ zero ครับ (อันที่จริงตั้งใจฝากลอยลมไปถึงหลาย ๆ คนนะ)

คนเก่าคนแก่ก็ผิดได้ครับ จะเล่นที่ รดน. มาสิบปี หรือจะเล่นที่นี่รุ่นก่อตั้ง ก็ผิดเป็นครับ ไม่มีใครที่ถูกไปทั้งหมดตลอด คนเราผิดกันได้ การยอมรับผิด และแก้ไขในสิ่งที่ผิด ไม่ใช่เรื่องเสียหน้าแต่อย่างใด กลับเป็นเรื่องที่สมควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง การแถ การตะแบงกันไป เพื่อรักษาหน้าตัวเอง ยิ่งทำให้ตัวเองตกต่ำ คนเราถ้าต้องการการให้เกียรติจากผู้อื่น ต้องให้เกียรติผู้อื่นก่อน ต้องเรียนรู้ที่จะเคารพในความคิดเห็นของผู้อื่น ไม่ว่าคน ๆ นั้นจะมาใหม่ หรืออยู่มานาน

ขอกล่าวต้อนรับแทนม็อดของห้อง สโมสรริมน้ำ ยินดีต้อนรับครับ

 สิ่งที่ คุณคนในวงการ เขียนมาตัวดำๆที่ผมทำไว้
มันขาดหายไปจาก ใครหลายๆคน
คนที่มองว่า คนแก่เท่านั้นถึง ทักทาย และ ยอมรับกันแบบนี้..ผมว่าคิดผิดนะ

ทักทาย ก็ส่วนทักทาย วัยรุ่นจะ โย่ว What's zup  อะไรก็ได้
แต่การยอมรับ ความผิดพลาด ไม่เกี่ยวกับวัย....มันเกี่ยวกับ .."การยกระดับจิตใจ" ของแต่ละคน

นั่นคือ...คนเราผิดกันได้ การยอมรับผิด และแก้ไขในสิ่งที่ผิด ไม่ใช่เรื่องเสียหน้าแต่อย่างใด
 กลับเป็นเรื่องที่สมควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง การแถ การตะแบงกันไป เพื่อรักษาหน้าตัวเอง ยิ่งทำให้ตัวเองตกต่ำ



ผมแอบปรบมือให้กับ ความคิดเงียบๆ แบบนี้ของคนหลายๆคนในเสรีไทย มานานแล้วครับ
แต่ไม่มีเสียงดัง....เพราะผมปรบมือแค่ในใจ.. Embarassed
บันทึกการเข้า

The only thing necessary for the triump of evil is for good men to do nothing !!
สิ่งเดียวที่จะทำให้คนชั่วได้รับชัยชนะ นั่นคือการที่ คนดีๆนิ่งดูดาย !
เก็ดถวา
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 2,753



« ตอบ #59 เมื่อ: 29-08-2006, 10:03 »




ฮู้วววว.. คนแก่เค้าทักกัน สุภ๊าพสุภาพเนอะ  Tongue out Mr. Green Mr. Green


---------------------------------------


 สิ่งที่ คุณคนในวงการ เขียนมาตัวดำๆที่ผมทำไว้
มันขาดหายไปจาก ใครหลายๆคน
คนที่มองว่า คนแก่เท่านั้นถึง ทักทาย และ ยอมรับกันแบบนี้..ผมว่าคิดผิดนะ

ทักทาย ก็ส่วนทักทาย วัยรุ่นจะ โย่ว What's zup  อะไรก็ได้
แต่การยอมรับ ความผิดพลาด ไม่เกี่ยวกับวัย....มันเกี่ยวกับ .."การยกระดับจิตใจ" ของแต่ละคน




ขอประทานโทษนะคะ คุณ ThailandReport

หนูจะแซวคุณลุงมารบูรพา กับ ลุงซี ของหนูเล่นสนุกๆ

คุณมาเกี่ยวอะไรด้วยไม่ทราบคะ

หนู... ไม่อยากโต้ตอบคุณเลย ให้ตายสิคะ

ไม่ต้องเอาคำพูดที่หนูแซวลุง 2 คนมาเหน็บแนม

หนูโมโหคุณแล้วนะ..
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-08-2006, 10:10 โดย เก็ดถวา » บันทึกการเข้า

Avada Kedavra!!!!!!!
ThailandReport
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,415


« ตอบ #60 เมื่อ: 29-08-2006, 10:38 »

ผมก็จะแซว คนบางคนเล่นๆ...บ้าง
ไม่ได้เลยหรือครับ  Lips are sealed

แม่นาง โกวเนี้ยน้อย เก็ดถวา
  Embarassed Tongue out
บันทึกการเข้า

The only thing necessary for the triump of evil is for good men to do nothing !!
สิ่งเดียวที่จะทำให้คนชั่วได้รับชัยชนะ นั่นคือการที่ คนดีๆนิ่งดูดาย !
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #61 เมื่อ: 02-09-2006, 02:13 »


โอ... ขอโทษค่ะคุณลุง ที่ถามข้ามช็อต  Tongue out

บังเอิญมันเป็นคำถามที่คาใจมานานมากตั้งแต่อ่านหนังสือเล่มนั้น

แล้ว.. ในหนังสือไม่ได้บอกว่าเป็นใครอ่ะค่ะ แค่บอกว่าหม่อมราชวงศ์หญิงคนนึง


แต่จริงๆ คุณลุงก็ยังไม่ตอบได้นี่นา...

น่าจะกั๊กๆ ไว้ให้ลุ้นบ้างไงคะ โถ่ ไม่เป็นเร้ยยย
Mr. Green



คุณ"คนในวงการ"

แต่จริงๆ คุณลุงก็ยังไม่ตอบได้นี่นา...

น่าจะกั๊กๆ ไว้ให้ลุ้นบ้างไงคะ โถ่ ไม่เป็นเร้ยยย



เป็นอย่างนี้ ต้องมีการลงโทษกันบ้างหล่ะ
ทำให้เสียบรรยากาศและอารมณ์...............ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ดอกเข็มขาว
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 534



« ตอบ #62 เมื่อ: 02-09-2006, 08:09 »

มานั้งรออ่านแล้วนะคะ
ครบอาทิตย์พอดี ... Laughing
บันทึกการเข้า

คนในวงการ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,393


FLY WITH NO FEAR !!


เว็บไซต์
« ตอบ #63 เมื่อ: 01-03-2007, 02:07 »

ตอนแรกผมกะเขียนซีรี่ย์นี้ให้จบทันวันครบรอบวันคล้ายวันเกิดของท่าน แต่บังเอิญตอนนั้นเหตุการณ์ในบอร์ดมันช่างวุ่นวาย ทำให้ผมท้อแท้หมดกำลังใจที่จะเขียนต่อ จึงได้พักเอาไว้ พักไปพักมารากมันก็งอก เลยพาลหยุดเขียนยาวไปเลย ครั้นจะทิ้งเอาไว้แบบนี้ มันก็กลายเป็นเรื่องที่คาใจผม ก็กะ ๆ เล็ง ๆ ว่าจะเขียนต่อ ก็ไม่เขียนสักที พอดีช่วงนี้ผมป่วยยาว เลยว่าเอาหละ เป็นโอกาสดีที่จะลงมือเขียนต่อซะที หวังว่ายังคงมีคนที่อยากอ่านหลงเหลืออยู่นะครับ


ดั่งเทียนผู้ถ่องแท้แก่คน : ต้นกล้าริมเทวาลัย


ตึกคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นที่รู้จักกันในหมู่นิสิตจุฬาฯ ว่า "เทวาลัยร้าง อันศักดิ์สิทธิ์" ณ. เทวาลัยร้างแห่งนี้แหละ คือที่บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ของวีรชนที่ชื่อ จิตร ภูมิศักดิ์!!

จิตร สอบเข้าเรียนต่อได้ในแผนกวิชาอักษรศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี พ.ศ. 2493 ซึ่งเป็นสถานที่เรียนที่จิตรใฝ่ฝันเนื่องจากเขาสนใจในเรื่องภาษามาตั้งแต่เด็ก มีบันทึกเกี่ยวกับเรื่องของเขาในขวบปีแรก ๆ ในจุฬาฯ อยู่น้อยมาก ด้วยเป็นเพราะจิตรไม่ใช่บุคคลที่โดดเด่นแต่อย่างใดในสายตาคนทั่วไป แต่สำหรับคนในโลกอักษรศาสตร์ คนในแวดวงวรรณกรรม จิตรคือเพชรเม็ดงามที่เปล่งประกายเจิดจรัส จิตรมีผลงานได้ลงตีพิมพ์มาตั้งแต่เรียนอยู่ที่เตรียมอุดมฯ ผลงานที่โดดเด่นเรื่องหนึ่งคือ "กำเนิดลายสือไทย" ซึ่งตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์เยาว์ศัพท์ ของคณะสมาคมนักเรียนแห่งประเทศไทย พอมาเข้าจุฬาฯ ได้สักเดือนบทความเรื่อง "แชมพูไทย" ก็ได้ลงตีพิมพ์ในวารสาร "ปาริชาติ" บรรณาธิการของวารสารปาริชาติได้เขียนทำนายอนาคตของจิตรเอาไว้ว่า "จิตร ภูมิศักดิ์ จักเป็นศิลปินผู้สนใจวรรณคดีและอักษรศาสตร์สำคัญผู้ หนึ่งในอนาคต ด้วยทำนองการเขียนและวิธีอ้างอิงที่ไม่ซ้ำแบบกับของใคร...จากการค้นคว้าเอกสารและการติดต่อไต่ถามผู้ใหญ่ของ จิตร ภูมิศักดิ์ ต่อไปเด็กหนุ่มผู้นี้จะเป็นดวงแก้วอีกดวงหนึ่งของไทย ถ้าหากเขาไม่ละทิ้งความพิสมัยในวรรณคดีเสียก่อน" บรรณาธิการผู้นี้ทำนายไม่ผิด เพียงแต่การดับไปของดวงแก้วเกิดจากลูกปืน ไม่ได้เกิดจากจิตรละทิ้งวรรณคดี

ในตอนนั้นจิตรและเพื่อน ๆ ที่เรียนปีหนึ่งด้วยกัน ก็ร่วมลงขันออกนิตยสาร "ทรรศนะ" โดยหวังว่าจะเทียบรัศมีของ Reader Digest เลยทีเดียว ปรากฏว่าขายดีเป็นเททิ้งเทขว้างตามประสานิตยสารวิชาการ ที่มีกลุ่มผู้อ่านอยู่แคบในสมัยนั้น นิตยสารทรรศนะเลยออกได้เพียงสามฉบับ จากนั้นก็หมดทุนปิดตัวเองไปอย่างน่าเสียดาย เพราะนอกจากจะมีบทความที่จิตรเขียนเองในคอลัมน์ "ศัพท์สันนิษฐาน" แล้ว ยังมีบทความของนักคิดนักเขียนอีกหลายคนที่ต่อมาได้เป็นปราชญ์ของเมืองไทย ในปัจจุบัน นิตยสารทั้งสามเล่มจัดเป็นหนังสือหายากที่นักสะสมมองหาอยากจะได้มาไว้ในครอบครอง นอกจากนั้นในปีต่อ ๆ มาก็มีงานได้รับการตีพิมพ์อีกหลายเรื่องเช่น นิตยสารตำรวจ ๒๐ : ๔ ปักษ์หลัง ตีพิมพ์งานวิเคราะห์ศัพท์ "ตำรวจ" หนังสือสีเทา ของคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ตีพิมพ์บทความ "เชิงอักษรไทย" วารสารวงวรรณคดี ตีพิมพ์เรื่อง "พิมายในด้านจารึก" วารสารศิลปากร ตีพิมพ์เรื่อง "จังหวัด"

ด้วยความเป็นคนรักการเขียนการอ่าน เงินที่จิตรได้รับจากทางบ้านส่วนใหญ่จึงหมดไปกับการซื้อหนังสือ เวลาว่างส่วนใหญ่ของจิตร เขามักใช้เวลาขลุกอยู่ในห้องสมุดมาตั้งแต่สมัยเรียนเตรียมอุดมฯ มาจนถึงสมัยเรียนจุฬาฯ นิสัยนี้ก็ยังคงไม่เปลี่ยน ทำให้จิตรต้องประหยัดอย่างมาก บางครั้งถึงกับยอมอดข้าวเพื่อเอาเงินไปซื้อหนังสือที่อยากได้ จากเรื่องการอดข้าว ก็กลายมาเป็นเรื่องที่อยู่อาศัย ม.ร.ว.สุมนชาติ สวัสดิกุล และอาจารย์สมจิต ศิกษมัต ซึ่งเป็นอาจารย์ที่อยู่แวดวงภาษาและวรรณคดี ก็ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือจิตร โดยแนะนำจิตรให้กับเพื่อนของท่านคือ ดร.วิลเลียม เจ. เก็ดนีย์ ซึ่งเป็นดุษฏีบัณทิตทางอักษรศาสตร์ฝ่ายภาษาโบราณตะวันออก ชาวอเมริกัน ที่ได้รับทุนรัฐบาลสหรัฐให้มาศึกษาวรรณกรรมไทย เป็นเวลาสองปี ซึ่งเมื่อหมดทุน ดร.เก็ดนีย์ ก็ไม่ยอมกลับประเทศเพราะหลงรักเมืองไทย (และสาวไทย-คนในวงการ) ดร.เก็ดนีย์ ก็อาศัยความสามารถทางภาษาทำมาหาเลี้ยงตนเองโดยการรับแปลเอกสารต่าง ๆ ให้กับหน่วยงานต่างประเทศเช่น USOM USAID ซึ่งก็คือหน่วยงานของอเมริกาที่มาปักหลักในไทย จิตรจึงได้มาอยู่กับ ดร.เก็ดนีย์ กินฟรีอยู่ฟรี โดยแลกกับการทำงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ และช่วย ดร. เก็ตนีย์ ทำมาหากินแปลเอกสาร เป็นการตอบแทน ตั้งแต่เรียนปีหนึ่งที่จุฬาฯ

ต่างคนต่างได้ประโยชน์ ดร.เก็ตนีย์ ได้ดิกชันนารีภาษาไทยฉบับเคลื่อนที่ได้ เอาไว้ใช้งาน จิตรได้มากกว่า เพราะได้ฝึกพูดอ่านเขียนภาษาอังกฤษแบบตัวต่อตัวฟรีทุกวัน นอกจากนั้นที่สมใจจิตรก็คือ บ้านของ ดร.เก็ตนีย์ เป็นคลังหนังสือทางด้านภาษาศาสตร์ โดยเฉพาะภาษาโบราณตะวันออก ซึ่งหาได้ยากในเมืองไทย ทั้งสองมีความสัมพันธ์ในฐานะ อาจารย์ กับศิษย์ และฐานะเพื่อนร่วมงานช่วยกันทำมาหากิน จิตรได้ช่วย ดร.เก็ตนีย์ แปลเอกสารยาก ๆ เช่นพวกคำทำนายโบราณต่าง ๆ ของไทย เป็นภาษาอังกฤษ ไปตีพิมพ์ในต่างประเทศ ในขณะเดียวกัน ดร.เก็ตนีย์ ก็ถ่ายทอดความรู้ด้านภาษาศาสตร์ชั้นสูงให้กับจิตร จนจิตรนำมาใช้ในการเขียนบทความยาก ๆ ที่นักวิชาการที่เรียนจบยังเขียนไม่ได้เช่น "พิมายในด้านจารึก" ซึ่งครอบคลุมทั้งด้านภาษาศาสตร์และประวัติศาสตร์

อาจจะเป็นเพราะทำมาหากินกันมากไป จิตรสอบตกตอนปีสอง ต้องเรียนซ้ำชั้นจนเพื่อน ๆ เรียนนำหน้าไป เมื่อถึงปีสุดท้ายของเหล่าอักษรา จิตรซึ่งเพิ่งจะได้เรียนชั้นปีที่สาม ช้ากว่าเพื่อน ๆ หนึ่งปี ก็ได้รับการยอมรับจากวงการนักเขียนทั้งจุฬาว่าเขาคือนักเขียนมือหนึ่ง จนเป็นที่มาของการรับตำแหน่งสาราณียกรของสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตำแหน่งสำคัญที่รับผิดชอบจัดทำหนังสือของมหาวิทยาลัย ฉบับ 23 ตุลาคม วันปิยมหาราช ซึ่งเป็นฉบับพิเศษซึ่งจัดพิมพ์ทุกปี เป็นหนังสือสำคัญของจุฬาฯ ที่เป็นเกียรติประวัติสำหรับคนที่ได้เป็นสาราณียกร เป็นคนที่จะคัดเลือกบทความจากทั่วจุฬาฯ มาลงในหนังสือเล่มนี้ เป็นตำแหน่งที่สาราณียกรของทุกคณะอยากจะเป็น และต้องให้ความร่วมมือในการจัดทำหนังสือ และเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตครั้งสำคัญของ จิตร ภูมิศักดิ์!!!



ท้าทายเทวพิมานตระหง่านนภพิสัย
เลอทวยสุเทพไท              ประสิทธิ์
งามตึกอักษรศาสตร์วิลาสวรวิจิตร
รื่นรมย์มโนนิตย์                   นิรันดร์
เชิญเนาผองนุชเพียรบำเรียนวิวิธวรรณ
โดยเจตน์ประจวบบรร-       ลุเทอญฯ


จิตร ภูมิศักดิ์
อักษรานุสรณ์ ฉบับรับนิสิตใหม่ ประจำปี ๒๔๙๖



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-03-2007, 02:15 โดย คนในวงการ » บันทึกการเข้า

"Be without fear in the face of your enemies. Be brave and upright that God may love thee.
Speak the truth, always, even if it leads to your death. Safeguard the helpless, and do no wrong. That is your oath."
- Balian of Ibelin -
เก็ดถวา
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 2,753



« ตอบ #64 เมื่อ: 01-03-2007, 02:18 »


คุณลุงบิ๊กเหยี่ยวคะ.. 6 เดือน ได้อ่านเพิ่มเท่าเนี้ย!!!!! 



ปล. ล้อเล่นค่ะ ขอบพระคุณมากๆ ค่ะ ที่ทำให้ได้มีโิอกาสอ่านอีก นึกว่าจะอดแล้ว 


ให้ดอกไอรีสค่ะ
   


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-03-2007, 02:33 โดย เก็ดถวา » บันทึกการเข้า

Avada Kedavra!!!!!!!
พระพาย
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 679



« ตอบ #65 เมื่อ: 01-03-2007, 02:27 »

แฮ่ม.. นึกว่าเลิกเขียนไปแล้ว... ยังติดตามอยู่ครับ

ขอให้หายป่วยไวไวนะครับ

 
บันทึกการเข้า

คลิป นปก บุกทำเนียบชนพันธมิตร
http://pirun.ku.ac.th/~g4685035/01mob.asf
กระทู้ขบวนการเสรีไทยในเวบบอร์ดร่วมคัดคัดกรณีปราสาทพระวิหาร นำโดยคุณ *bonny http://forum.serithai.net/index.php?topic=28065.0
และเอกสารยื่นคัดค้านกระทรวงต่างประเทศไทยและกัมพูชา  http://www.savefile.com/files/1629973
กระทู้สรุปประเด็นปราสาทพระวิหาร โดยคุณ Jerasak http://forum.serithai.net/index.php?topic=28392.0
ใบปลิวขนาด 2 หน้าสรุปประเด็นปราสาทพระวิหาร โดยคุณ Jerasak http://www.savefile.com/files/1626944

แม่น้ำร้อยสายล้วนต้นกำเนิดเดียวกัน... จากสายฝน จากภูเขา ที่ซึ่งคล้ายเจตนารมณ์แห่งฟ้า
เสรีไทยเวบบอร์ด http://forum.serithai.net/
We Open Mind http://www.weopenmind.com/board/index.php
อรุณสวัสดิ์ http://www.arunsawat.com/board/index.php
ที่ทำการเสี่ยวอีสาน[
อธิฏฐาน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,912


รักษาประเทศชาติ เป็นหน้าที่ของชาวไทยทุกคน


« ตอบ #66 เมื่อ: 01-03-2007, 12:06 »







เสียดายนั่งหน้าคอม เลยนอนอ่านไม่ค่อยถนัด น้ำเก็กฮวยร้อนสำหรับคนป่วยด้วยค่ะ
บันทึกการเข้า

หยุด...สัมปทานอุทยานแห่งชาติ
http://www.oknation.net/blog/sandstone
zero
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 29


« ตอบ #67 เมื่อ: 01-03-2007, 19:33 »

ขอบคุณครับ สำหรับเรื่องราวที่เล่าต่อ
ยังติดตามและเฝ้ารออยู่..ครับ... Very Happy
บันทึกการเข้า
คนในวงการ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,393


FLY WITH NO FEAR !!


เว็บไซต์
« ตอบ #68 เมื่อ: 01-03-2007, 21:42 »

ระหว่างที่ผมกำลังกลั่นตอนต่อไปหลังจากบ่มมานาน มีเกร็ดเล็ก ๆ เรื่องนึงที่ไม่ได้แทรกไว้ในตอนหลัก แต่จะไม่เล่าก็ออกจะเสียดาย คือเรื่องคนรักคนที่สองของจิตร รักแรกเป็นรักที่มีการเล่าไว้คือคุณเนียม เป็นรักที่ไม่ผลิบาน รักที่สองเป็นรักที่ผลิบานแต่ดันไม่มีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นเรื่องเล่าที่จางหาย ว่ากันว่า ในรั้วสีชมพูใต้ร่มจามจุรี นี่หละ ที่จิตร พบกับรักที่ผลิบานของเขา สามปีแรกในจุฬาฯ จิตรมีคนรัก!!!

ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ผมเพียรพยายามเสาะแสวงหาประจักรหลักฐาน และพยานบุคคลมาอ้างอิงยืนยัน ค้นบทความข้อเขียนของคนในยุคสมัยของจิตร เผื่อว่าจะมีบันทึกเอาไว้ เหลว!!! ไม่มีงานชิ้นใหนเลยที่ระบุชื่อเธอคนนั้นเอาไว้ มีเพียงแต่ร่องรอยเรื่องเล่าจาง ๆ ว่า จิตร มีคนรักเท่านั้น ผมเพียรพยายามค้นหาต่อไป จนได้ข้อสรุปเล็ก ๆ ที่เลื่อนลอยว่า

เธอคนนั้น เป็นคนที่สูงศักดิ์ และน่าจะสวย นอกจากนั้นคงจะเป็นคนที่โดดเด่นในจุฬาฯ ผมเกิดไม่ทันเลยไม่รู้ว่าคนยุคนั้นเค้าจีบกันรักกันอย่างไร แต่เดา ๆ ว่าคงจะไม่หวือหวา รวดเร็วและใกล้ชิด เหมือนคนสมัยนี้ คนรุ่นที่น่าจะใกล้เคียงกับจิตรในรั้วจุฬาฯ น่าจะเป็น อาจินต์ ปัญจพรรค์ ซึ่งเขียนเล่าเรื่องไว้ในมหาลัย เหมืองแร่ เอามาทำเป็นหนังให้ได้ดู ผมก็จินตนาการเอาว่า ความรักของจิตร ก็น่าจะดำเนินไปในแบบแผนเดียวกันกับ อาจินต์ คือ เรื่อย ๆ (ฮา)

ร่องรอยของความรักหายไปเมื่อจิตรกลับมาเรียนปีสามต่อจนจบการศึกษา การที่ถูกพักการเรียนเสียเกือบสองปี ที่ผมจะเล่าในตอนต่อ ๆ ไปนี่แหละ ที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ความรักของจิตรต้องพังทลายลง อันสืบเนื่องมาจากเธอคนนั้น คงจะจบการศึกษาไป และบทบาทของจิตรในยุคหลัง ๆ ที่ทำให้ต้องถูกกีดกันจากผู้ใหญ่ของฝ่ายหญิง (ยังไม่รวมไปถึงฐานะที่ค่อนข้างยากจนของจิตร)

จิตรไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ตรง ๆ ไม่ว่าจะในบทความหรือบันทึกเรื่องใหน เขาเคยพูดเอาไว้ในคำให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า "ข้าฯ ยังไม่แต่งงานเพราะข้าฯ รู้สึกว่าความรู้สึกในตัวข้าฯ เฉยเมยต่อความรู้สึกทางกามารมณ์ และรู้สึกหนักใจในภาระการครองชีพ กลัวว่าเมื่อได้หญิงใดมาเป็นภรรยาแล้ว จะให้ความสุขกับภรรยาได้ไม่เพียงพอ"  

หลังจากนั้นจิตรได้แต่งเพลง "อาณาจักรความรัก" ขึ้น (ซึ่งผมก็เพียรหาต้นฉบับอยู่) มีเนื้อหาที่กินใจและแฝงความนัยเอาไว้อย่างน่าสนใจ 

"อันความรักแท้จริงจากใจ แผ่กว้างไปในนภา เหมือนนกน้อยร่อนเริงถลา เผยอาณาจักรรักกว้างแผ่ไปถึงมวลชน รักชนชั้นลำเค็ญยากจน ไร้ทรยศจากคนและชนชั้นที่ยิ่งใหญ่
 ......
ชีวิตไม่ไร้คุณค่า อยู่รออนาคตสดใส แผ่รักที่คับแคบออกไป ออกสู่ดวงใจผองผู้ทุกข์ยาก ทั่วแคว้นแดนดิน"


เป็นที่น่าเสียดาย ที่เราไม่มีโอกาสที่จะได้รับรู้ถึงชีวิตด้านนี้ของเขา เพราะสำหรับผมแล้ว จิตร ภูมิศักดิ์ เป็นคน ที่มีเลือดเนื้อ มีอารมณ์ ความรู้สึก ดังนั้นไม่ว่าแง่มุมใดของจิตร จึงเป็นเรื่องที่ผมสนใจทั้งสิ้น เธอคนนั้นเป็นใคร จะสูงศักดิ์ จะสวย จะโดดเด่น หรือไม่ ทำไมบทสรุปของเรื่องราวจึงกลายเป็นปริศนา ทำใมคนในยุคของจิตรจึงไม่เอ่ยนามของเธอในบันทึก และสุดท้ายความรักครั้งนั้นจบลงอย่างไร ...



เรื่องราวอันเลือนรางที่คงจะจืดจางไปในประวัติศาสตร์ ... ของวีรชน ...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-03-2007, 08:20 โดย คนในวงการ » บันทึกการเข้า

"Be without fear in the face of your enemies. Be brave and upright that God may love thee.
Speak the truth, always, even if it leads to your death. Safeguard the helpless, and do no wrong. That is your oath."
- Balian of Ibelin -
คนในวงการ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,393


FLY WITH NO FEAR !!


เว็บไซต์
« ตอบ #69 เมื่อ: 02-03-2007, 08:18 »

หลังจากเอาเกร็ดมาฝากด้านบนก็เอารูป ดร.วิลเลียม เจ. เก็ดนีย์ พร้อมประวัติมาแปะครับ



ศาสตราจารย์ ดร.วิลเลียม เจ. เก็ดนีย์ (Professor Dr.William J. Gedney) นักอักษรศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเยล สาขาภาษาโบราณตะวันออก และที่ปรึกษากรมศิลปากร ฝ่ายหอสมุดวชิรญาณ อาจารย์ฝรั่งสัญชาติอเมริกันที่มาทำ การศึกษาวิจัยภาษาไทยและวรรณคดีไทยอยู่ที่จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย


หล่อมั้ยครับ  Mr. Green
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-03-2007, 08:20 โดย คนในวงการ » บันทึกการเข้า

"Be without fear in the face of your enemies. Be brave and upright that God may love thee.
Speak the truth, always, even if it leads to your death. Safeguard the helpless, and do no wrong. That is your oath."
- Balian of Ibelin -
สเลเต
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 211



เว็บไซต์
« ตอบ #70 เมื่อ: 02-03-2007, 12:45 »

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีดีค่ะ

 
เห็ดถวา...อิอิ
ชื่อนี้เพราะดี
บันทึกการเข้า

เหมือนจะพร้อมให้หอมดอก...สเลเต
แวะไปชมบ้านหลังน้อยกันได้นะคะ

http://mahahong.bloggang.com

และแอบประชาสัมพันธ์งานรวมเล่มชิ้นแรกด้วยค่ะ

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=mahahong&month=03-2006&date=28&group=1&blog=1
เก็ดถวา
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 2,753



« ตอบ #71 เมื่อ: 02-03-2007, 13:05 »

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีดีค่ะ

 
เห็ดถวา...อิอิ
ชื่อนี้เพราะดี



เฮ้ย!!!! ไอ้เพื่อน กระทู้นี้เค้าให้อ่านเอาสาระ

อย่ามาแซวชื่อชั้นนะ...   ออกทะเลมาก เดี๋ยวลุงบิ๊กเหยี่ยวดุไม่รู้ด้วย


 


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-03-2007, 14:13 โดย เก็ดถวา » บันทึกการเข้า

Avada Kedavra!!!!!!!
zero
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 29


« ตอบ #72 เมื่อ: 02-03-2007, 13:26 »

ขออนุญาตเจ้าของกระทู้นิดนึงนะครับ
อ่านมาถึงความรักของจิตร
ก็เลยไปค้นมาอ่านด้วยได้แรงบันดาลใจจากกระทู้นี้
กลับไปอ่านเรื่องราว ของ จิตร ภูมิศักดิ์ ว่าด้วยเพลงอาณาจักรความรัก
ในหนังสือ ระบุว่าจิตร เคยนึกรักผู้หญิงคนหนึ่ง ชื่อ เวียน เกิดผล
....'เพียงแต่จิตรนึกว่า ภารกิจอย่างอื่นสำคัญกว่าความรัก
จึงไม่ค่อยให้ความสำคัญกับมันมากนัก' ....
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ....รอติดตามตอนต่อไปอยู่ครับ

.........................

ส่วนชื่อ คุณเก็ดถวา..ที่เพี้ยนๆไป
จะว่าไปก็เพราะดีเหมือนกัน....
ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ..คนชราสายตาไม่ดี...


บันทึกการเข้า
นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« ตอบ #73 เมื่อ: 02-03-2007, 14:08 »

"จิตรมาจากอุดรธานีคนเดียว นายทหารคุ้มกันมา 2-3 คันรถยีเอ็มซี เป็นรถของทหารฝ่ายรัฐบาลที่เป็นแนวร่วม เขาส่งจิตรให้เข้าป่า มาลงตรงนั้นราวสามทุ่ม เราคุ้มกันเขามาอยู่ที่ดงพันนาราว 1 สัปดาห์ หลังจากนั้นก็พามาที่ดงพระเจ้า ใช้เวลาเดินเท้า 6 ชั่วโมง"

* คำพูดของสหายสวรรค์ คนที่ไปรับจิตรเข้าป่า


** จากหนังสือ จิตร ภูมิศักดิ์ คนยังคงยืนเด่นโดยท้าทาย หน้า 134

ผมอ่านเจอแล้วสงสัยว่า มันอะไรกันแน่

เหตุการณ์ 14 ตุลา 6 ตุลา ผลักดันคนเข้าป่าไปเป็นแนวร่วมผกค

ช่วงนั้นมีสงครามเวียตนาม สงครามลาว สงครามเย็นระหว่างประเทศมหาอำนาจ

.... ทำให้ผมนึกถึง Conspiracy Theory

*** ตามข้อมูล จิตร น่าจะตายเพราะไปผิดหมู่บ้านแท้ๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-03-2007, 14:31 โดย นทร์ » บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
นายเกตุ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,289



« ตอบ #74 เมื่อ: 02-03-2007, 15:39 »

มัวไปหลงอยู่ไหนหว่าเรา ถึงมองไม่เห็นกระทู้นี้

ต้องsave ณ บัด Now

ขอบคุณท่านเจ้าของกระทู้เป็นอย่างยิ่งสำหรับคนเดินเรื่อง

และต้องขอขอบคุณน้องน้ำหวานที่ชี้ทางสว่างให้แก่ข้า ได้มาเจอกระทู้นี้
บันทึกการเข้า
เก็ดถวา
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 2,753



« ตอบ #75 เมื่อ: 03-03-2007, 00:05 »


หนูพยายามจะแปะเพลง "ใบไม้ป่า"

เพลงที่นำเนื้อร้องมาจากบทกวี ของลุงเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ค่ะ

ลุงป่อง วงต้นกล้า นำมาขับร้องเป็นเพลง (คล้ายๆ เพลงไทยเดิม ตามสไตล์ของวงต้นกล้าค่ะ)

ที่บอกว่าพยายามจะแปะ ก็เพราะว่าพยายามแล้วค่ะ แต่วันนี้เน็ตหนูอืดมากๆ ค่ะ อัพโหลดไฟล์อะไรไม่ได้เลยค่ะ

 


อยากจะแปะเพลงที่เขียนโดยจิตร ภูมิศักดิ์ ในกระทู้ดีๆ นี้

แต่ก็เกรงว่า จะข้ามช็อตงานเขียนของคุณลุงเจ้าของกระทู้

เลยไปเอาเพลง ที่เขียนถึงจิตร ภูมิศักดิ์ แต่แต่งโดยคนอื่น มาแปะแทนค่ะ



ปล. ขอบคุณเอ เพื่อนรัก สำหรับเพลงนี้ค่ะ



 



ใบไม้ป่า


ใบไม้ร่วงหนึ่งใบในราวป่า
ยังดีกว่าใบไม้เหลืองในเมืองหลวง
ที่รอปลิดหล่นเปล่าประโยชน์ปวง
เป็นด่างดวงดำเปื้อนในป่าคน

ใบไม้ป่าร่วงแล้วได้เลี้ยงป่า
ทิ้งลงมาเลี้ยงรากเลี้ยงลำต้น
เหมือนแม่ให้นมลูกปลูกฝังจน
ลูกเติบตนโตแทนเต็มแผ่นดิน

เมื่อเมืองคนคับคั่งด้วยคนป่า
คนดีก็ด้อยค่าเหมือนกรวดหิน
เมื่อสัตว์ป่าสร้างป่าไว้หากิน
สัตว์เมืองก็ต้องสิ้นวิสัยเมือง

ใบไม้ป่าชื่อ จิตร ภูมิศักดิ์
ได้ร่วงแล้วลงเป็นหลักให้โลกเลื่อง
ดั่งเทียนป่าปลุกแสงขึ้นแรงเรือง
ไม่เปล่าเปลืองลมปราณที่ต้านลม

ลมประสานเสียงแคนว่าแค่นแค้น
เปิบข้าวทุกคราวแค่นความขื่นขม
เหงื่อกูรินตากูแล้งน้ำแห้งตรม
ร่างกูซมซานไข้จนเขียวคาว

เสียงปืนดังเปรี้ยงกว่าเสียงปาก
ก็ปิดฉากชีวิตมืดมิดหนาว
แต่วิญญาณคือทิพย์ที่ยืนยาว
ดั่งดวงดาวยิ่งดึกยิ่งตื่นตา

กาลเวลาฆ่าจิตร ภูมิศักดิ์
กาลเวลาก็ตระหนักประจักษ์ค่า
กาลเวลาฆ่าคนดีทุกทีมา
แต่เวลาก็ทูนเทิดเชิดคนดี

ใบไม้ร่วงหนึ่งใบในราวป่า
เพื่อแตกมาเป็นใบใหม่ในทุกที่
จิตรหนึ่งดวงดับไปในวันนี้
เพื่อจะมีจิตรใหม่มากมายดวง

ถ้าสัตว์เมืองสร้างเมืองเป็นป่าได้
เราก็เหมือนใบไม้ในเมืองหลวง
ที่โหยหาป่าเขาเปลี่ยวเปล่าปวง
จิตรจะร่วงลงทั้งป่าเข้ามาเมือง
บันทึกการเข้า

Avada Kedavra!!!!!!!
ใบไม้ทะเล
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,321


In politics stupidity is not a handicap


« ตอบ #76 เมื่อ: 03-03-2007, 12:32 »

เพราะจังค่ะ ใบไม้ป่า

แล้วนี่ถ้าเป็น ใบไม้ทะเลจะขนาดไหน 

เข้ามาให้กำลังใจเจ้าของกระทู้ และบอกว่าติดตามอยุ่เสมอค่ะ
   
บันทึกการเข้า

立てばしゃくやく、座ればぼたん、歩く姿はゆりの花
คนในวงการ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,393


FLY WITH NO FEAR !!


เว็บไซต์
« ตอบ #77 เมื่อ: 03-03-2007, 13:26 »

ขอบคุณสำหรับกำลังใจจากทุกความคิดเห็นนะครับ ทั้งเพื่อน ๆ ที่ติดตามมาตั้งแต่แรก และเพื่อน ๆ ที่เพิ่งจะมาอ่านในช่วงนี้ ผมไม่คิดว่าจะยังมีคนที่ตามอ่านเหลืออยู่มากนัก เรียนตามตรงว่าไม่กล้าที่จะหวังเลย เพราะว่าผมทิ้งกระทู้ไปนานมาก เพื่อน ๆ ที่เขียนแสดงความคิดเห็น ก็เหมือนกับการให้กำลังใจนักเขียน ให้มีแรงเขียนต่อ โดยเฉพาะนักเขียนสมัครเล่นแบบผม ที่ชอบทานผลยอมาก วันนึงทานได้เป็นเข่ง ๆ สำหรับเพื่อนที่เข้ามาอ่านแต่ไม่ได้โพสความคิดเห็นเอาไว้ ผมก็ขอขอบคุณอีกเช่นกัน เพราะตัวเลขคนเข้ามาอ่าน ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้นักเขียนรู้ว่ายังมีคนสนใจงานของเขาอยู่ โดยสรุป ผมขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านกันมาครับ

ซีรีย์นี้ ผมกะเอาไว้คร่าว ๆ ในใจว่า จะเขียนประมาณ 6-8 แปดตอน ตอนนี้เพิ่งเขียนได้ 2 ตอนเอง ถ้านับบทนำด้วยก็เป็น 3 สำหรับบทต่อไปซึ่งน่าจะเป็นตอนที่ 3 ผมคงจะโพสได้ในคืนนี้หรือไม่ก็พรุ่งนี้ครับ หลังจากนั้นผมต้องไปต่างจังหวัดสามสี่วัน แล้วจึงจะได้กลับมาเขียนต่อได้อีก งานเขียนของผมเป็นอย่างไรอย่างลืมวิจารณ์กันมานะครับ จะส่งเป็น pm มาก็ได้ ผมจะได้นำไปปรับปรุง หรือว่าเพื่อนท่านใดมีข้อมูลทั้งสนับสนุน หรือขัดแย้ง ผมก็ยินดีครับ

สำหรับผมแล้ว การได้เขียนเรื่องของจิตร ภูมิศักดิ์ ถือเป็นความภูมิใจอย่างหนึ่งของชีวิตครับ!!!
บันทึกการเข้า

"Be without fear in the face of your enemies. Be brave and upright that God may love thee.
Speak the truth, always, even if it leads to your death. Safeguard the helpless, and do no wrong. That is your oath."
- Balian of Ibelin -
อังศนา
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,860


Can't fight the moonlight!


เว็บไซต์
« ตอบ #78 เมื่อ: 03-03-2007, 13:39 »

..ตามอ่านอยู่เงียบๆ ค่ะ 
(ลงชื่อ : Silent groupie)


บันทึกการเข้า

แม้ผืนฟ้า มืดดับ เดือนลับละลาย 
ดาวยังพราย ศรัทธา เย้ยฟ้าดิน (จิตร ภูมิศักดิ์)
เก็ดถวา
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 2,753



« ตอบ #79 เมื่อ: 03-03-2007, 14:03 »

..ตามอ่านอยู่เงียบๆ ค่ะ 
(ลงชื่อ : Silent groupie)





 

รีบพุ่งตัวมาจากหน้าแรก อย่างเร็วจี๋ (แม้เน็ตจะอืด)
เพราะชอบตามอ่านความเห็นพี่อังฯ 55555555  ดูจิ๊ๆๆๆๆ
 
บันทึกการเข้า

Avada Kedavra!!!!!!!
อังศนา
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,860


Can't fight the moonlight!


เว็บไซต์
« ตอบ #80 เมื่อ: 03-03-2007, 14:19 »

..ผิดหวังหรือไงคะน้ำหวาน.. อิอิ 
(เขียนสั้นจู๋ มีแต่เครื่องทรงพะรุงพะรัง)

บันทึกการเข้า

แม้ผืนฟ้า มืดดับ เดือนลับละลาย 
ดาวยังพราย ศรัทธา เย้ยฟ้าดิน (จิตร ภูมิศักดิ์)
zero
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 29


« ตอบ #81 เมื่อ: 04-03-2007, 16:45 »

.....ในสมัยที่ยังเรียนอยู่ จุฬาฯ พระยาอนุมานราชธน
ผู้เป็นอาจารย์ท่านหนึ่งได้เคยเอ่ยกับศิษย์คนนี้ว่า
เขาเป็นคนแรง ความคิดความเห็นเฉียบแหลม
น่าสนใจน่ารับฟังทั้งๆที่ฉันก็ไม่เห็นด้วยกับความคิดของเขานัก
ฉันไม่อยากให้เขาคิดไกลเกินไป อยากให้เขาเล่นทางนิรุกติ์ดีกว่า
ต่อไปเขาอาจเป็นเอกทางนี้....
........................
คัดจาก ..ศิลปะเพื่อชีวิตเพื่อประชาชน
บันทึกการเข้า
visitna
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 209



« ตอบ #82 เมื่อ: 04-03-2007, 19:19 »

อาจารย์ แถมสุข  นุ่มนนท์  เรียนอักษร รุ่นเดียว
กันกับ จิตร  เคยเขียนถึง จิตร ในหนังสือ ต๋วยตูน
จำไม่ได้ว่าฉบับไหน ราว2-3 ปีมานี่ เดี๋ยวนี้ผมตัดขาด
จาก ต๋วยตูน ตั้งแต่เอารูปสมัครขึ้นปก เลิกกันเลย
  เคยเรียนสามย่านที่เดียวกับ จิตร ภูมิใจมากเรื่องนี้
บันทึกการเข้า
คนในวงการ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,393


FLY WITH NO FEAR !!


เว็บไซต์
« ตอบ #83 เมื่อ: 04-03-2007, 22:40 »

ดั่งเทียนผู้ถ่องแท้แก่คน : จามจุรีที่ทางแยก


บ่ายโมงตรง วันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๔๙๖ ที่หอประชุมใหญ่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภายหลังจากที่เลขาธิการมหาวิทยาลัย และประธานเชียร์ของจุฬาฯ พูดจบ นิสิตปีสามผู้เป็นสาราณียกรของสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เจ้าของผลงานเจ้าปัญหาฉบับ 23 ตุลาคม จึงมีโอกาสได้ก้าวขึ้นเวทีที่สูงจากพื้นราวสองเมตร เขาขึ้นพูดเพื่อแก้ข้อกล่าวหาที่เลขาธิการมหาวิทยาลัย ผู้เป็นอาจารย์ได้กล่าวหาเขาไว้ ต่อหน้านิสิตจุฬาฯ ทั้งหกคณะจำนวนกว่าสามพันคน การพูดของเขาได้โน้มน้าวหัวใจที่รักความเป็นธรรมของนิสิตจุฬาฯ ให้เห็นถึงเจตนารมย์ที่บริสุทธิที่จะสร้างสรรหนังสือฉบับพิเศษฉบับนี้ให้สมกับเป็นหนังสือของชาวจุฬาฯ เขาได้รับเสียงปรบมือกึกก้องและยาวนาน จิตรพูดนานนับสิบนาที เขาได้เล่าเรื่องบทความต่าง ๆ ที่มีปัญหาให้เพื่อนนิสิตฟัง ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร และทำไมจึงได้รับเลือกให้มาลงในหนังสือฉบับนี้

จนกระทั่งมาถึงบทความเรื่องประเพณีการโยนน้ำตามระบบ SOTUS ของชาวจุฬาฯ ซึ่งจิตรเองไม่ได้เป็นผู้เขียน แต่คัดเลือกมาจากบทความที่เพื่อนนิสิตส่งมาลง เสียงตะโกนจากฝั่งคณะวิศวะก็เริ่มดังขึ้นแสดงความไม่พอใจ อันสืบเนื่องจากประธานเชียร์เป็นคนของวิศวะ จิตรยังคงพูดต่อไปอย่างอดทน จนกระทั่งเขาได้กล่าวปิดท้ายการชี้แจงของเขาโดยการเรียกร้องว่า

"ตามที่ท่านเลขาฯ ได้เลือกเอาข้อความเพียงบางตอนมากล่าวบิดเบือนให้ร้ายผมนั้น ผมเห็นว่าไม่เป็นธรรม ทางที่ดีควรเปิดโอกาสให้นิสิตได้เห็นเนื้อหาของหนังสือทั้งหมด และวินิจฉัยเนื้อหาทั้งหมดด้วยตนเอง จึงจะเป็นการยุติธรรม"

เสียงปรบมือก็ดังกระหึ่มขึ้นอีกครั้ง แต่ดังกึกก้องกว่า และยาวนานกว่า พร้อมกันนั้น บรรดานิสิตจุฬาฯ ในห้องประชุมก็ตะโกนขึ้นมาพร้อมกันว่า "ให้ตีแผ่หนังสือออกมา" เหตุการณ์นี้ทำให้ฝ่ายอาจารย์ และฝ่ายคณะวิศวะ ตื่นตระหนก เพราะเหตุการณ์ไม่เป็นไปตามคาด ที่นิสิตส่วนใหญ่ให้การสนับสนุนจิตร แทนที่จะประนาม นิสิตวิศวะหลายคนเริ่มหลุด และตะโกน "โยนน้ำเลย" สวนขึ้นมาสู้กับกระแสที่สนับสนุนจิตร เหตุการณ์ในหอประชุมเริ่มชุลมุนวุ่นวาย ทันใดนั้นเอง นายสีหเดช บุนนาค ผู้แทนนิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ และประธานเชียร์ของจุฬาฯ ก็ปีนขึ้นไปบนเวที และวิ่งเข้าไปเตะจิตรจนล้มลงไปนอนกับพื้น นายศักดิ์ สุทธิพิศาล นิสิตคณะวิศวะอีกคนปีนตามขึ้นไป ก็เข้าไปช่วยนายสีหเดช ล็อคตัวจิตรเอาไว้ เหตุการณ์น่าจะจบตรงนี้ ถ้าหากนายชวลิต พรหมานพ เลขานุการของคณะวิศวกรรมศาสตร์ ไม่วิ่งตามขึ้นไปอีกคน ไม่มีบันทึกฉบับใหนเขียนระบุเอาไว้ว่า ใครคนใหนในสามคนนี้ที่พูดขึ้นมาว่า "อย่าโยนน้ำเลย โยนบกนี่แหละ" บันทึกบางฉบับบันทึกเอาไว้ว่าพูดพร้อมกันทั้งสามคน แต่เป็นที่เชื่อกันว่านายชวลิต พรหมานพ นี่แหละที่เป็นคนตะโกนให้โยนบก เพราะเป็นคนที่ตามขึ้นไปเป็นคนสุดท้าย และรวบขาของจิตรขึ้นให้ลอยจากพื้น จิตรสลบไปครู่ใหญ่หลังจากถูกโยนลงจากเวทีที่สูงจากพื้นถึงสองเมตร และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเลิศสินทันทีที่ได้สติ

...............................................................................................

๑๖ ตุลาคม ๒๔๙๖ ก่อนหน้ากรณีโยนบก 12 วัน

จิตร ไปตรวจความเรียบร้อยของการพิมพ์หนังสือที่สำนักพิมพ์ไทยวัฒนาพานิช ซึ่งในวันนี้หนังสือควรที่จะเย็บเล่มเสร็จตามกำหนด เพื่อที่จะได้นำไปเข้าปก เท่าที่ดูจากการทำงานของสำนักพิมพ์หนังสือคงเสร็จตามกำหนดแน่นอน เมื่อไปถึงจิตรก็ได้รับข่าวร้ายจากนายจรัส วันทนทวี ผู้จัดการโรงพิมพ์ ว่า สภามหาวิทยาลัย ได้มาอายัดหนังสือทั้งหมดไปเก็บไว้ที่สำนักงานเลขาธิการมหาวิทยาลัย โดยขอให้ทางโรงพิมพ์ระงับขั้นตอนที่เหลือออกไปก่อน ผู้จัดการโรงพิมพ์ให้จิตร ไปสอบถามสาเหตุการอายัดหนังสือกับทางสภาฯ เอาเอง

เรื่องนี้หลังจากที่มีการสืบสาวกันในภายหลัง เงื่อนงำของเรื่องราวก็ได้รับการเปิดเผยว่า แท้จริงแล้ว ในระหว่างที่มีการพิมพ์หนังสือที่โรงพิมพ์ นายน้อย ฝากมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการโรงพิมพ์ไทยวัฒนาพานิช ซึ่งทำหน้าที่ตรวจปรู๊ฟก่อนการพิมพ์จริง (ฉบับพิมพ์ร่าง) ตำแหน่งตรวจปรู๊ฟนี้เป็นตำแหน่งบรรณาธิการ ของบรรณาธิการอีกทีนึง เป็นผู้อ่านข้อความในหนังสืออย่างละเอียดเพื่อค้นหาข้อผิดพลาดก่อนที่จะมีการพิมพ์จริง เพื่อลดความเสียหายในการพิมพ์ให้กับโรงพิมพ์ อ่านพบว่า เนื้อหาในหนังสือฉบับนี้นอกจากจะแหวกแนวจากหนังสือฉบับ 23 ตุลาในปีก่อน ๆ ยังมีบทความหลายบทความที่ค่อนข้างหมิ่นแหม่เฉียดฉิวที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายให้กับทางโรงพิมพ์ได้ จึงได้ติดต่อไปยัง ม.ร.ว.สุมนชาติ สวัสดิกุล ณ อยุธยา อาจารย์ในแผนกวิชาภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ ของคณะอักษรศาสตร์ ซึ่งสนิทสนมกันกับโรงพิมพ์ ม.ร.ว.สุมนชาติ จึงได้รีบนำเรื่องเข้าปรึกษากับ ม.ร.ว.สลับ ลดาวัลย์ เลขาธิการจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ซึ่ง ม.ร.ว.สลับ ก็ได้สั่งระงับการพิมพ์ และไปอายัดหนังสือที่โรงพิมพ์ในทันที ภายหลังจากที่ได้ไปปรึกษากับ ม.ร.ว.สลับ ม.ร.ว.สุมนชาติ ก็ยังได้ไปพบกับ พันตำรวจตรีวิศิษฐ์ แสงชัย สว.ผ.๒กก.๒ ส. ซึ่งเป็นตำรวจสันติบาล และได้พากันไปที่โรงพิมพ์เพื่อที่จะอายัดหนังสือ ปรากฏว่า ทางจุฬาฯ ได้มาขนไปก่อนหน้านั้นแล้ว พตต.วิศิษฐ์ จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และรอการประสานงานจากจุฬาฯ ต่อไป

๑๗ ตุลาคม ๒๔๙๖ ก่อนหน้ากรณีโยนบก 11 วัน

ม.ร.ว.สลับ และพระเวชยันตรังสฤษฎ์ (พลอากาศโทมุนี มหาสันทนะ) อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งมีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม  ในรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ด้วย ได้เรียกจิตรไปพบในห้องทำงานของ ม.ร.ว.สลับ ทั้งสองได้ซักถามรายละเอียดของบทความต่าง ๆ จากจิตร และสรุปว่าบทความบางบทความ ไม่เหมาะกับหนังสือของจุฬาฯ และบางบทความก็ขัดแย้งกับนโยบายของรัฐบาล ขอให้จิตรไปตัดออก และจัดรูปเล่มใหม่ ให้เหมาะสม

๑๙ ตุลาคม ๒๔๙๖ ก่อนหน้ากรณีโยนบก 9 วัน

สภามหาวิทยาลัยได้เรียกประชุมคณะกรรมการ เพื่อทำการสอบสวนหาความจริงในกรณีการจัดทำหนังสือมหาวิทยาลัย ฉบับ ๒๓ ตุลาฯ คณะกรรมการชุดนี้ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิราว ๑๐ ท่าน อาทิ ม.ร.ว.สลับ ประธานในที่ประชุม พระเวชยันตรังสฤษฎ์ ม.ร.ว.สุมนชาติ และ นางนพคุณ ทองใหญ่ ผู้จดบันทึกการประชุม

คณะกรรมการได้สอบสวนจิตร ว่าบทความในหนังสือบทความใหนเป็นของใคร จิตรใช้อะไรเป็นหลักเกณฑ์ในการพิจารณาว่าบทความใด ควรได้รับการตีพิมพ์ นอกจากนั้น ยังได้ยกเอาบทความเรื่องผีตองเหลือง และกลอนเรื่องแม่ ซึ่งคณะกรรมการเห็นว่ามีเนื้อหาที่รุนแรง มาพิจารณาเป็นพิเศษ คณะกรรมการพยายามที่จะให้จิตรบอกว่าใครเป็นเจ้าของกลอนและบทความเรื่องนั้น (กรรมการรู้ดีอยู่แล้วว่าของใคร - คนในวงการ) จิตรไม่ได้ให้คำตอบที่น่าพอใจใด ๆ กับคณะกรรมการ การประชุมสอบสวนจึงสรุปว่า จิตรมีความเลื่อมใสในลัทธิคอมมิวนิสต์ และลงมติให้ ส่งเรื่องจิตรไปให้กับทางตำรวจสันติบาล เพื่อทำการสอบสวนหาความจริงต่อไป

๒๐ ตุลาคม ๒๔๙๖ ก่อนหน้ากรณีโยนบก 8 วัน

สภามหาวิทยาลัยได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาอีกชุดหนึ่ง เพื่อทำการตรวจสอบและพิจารณาบทความต่าง ๆ ที่ปรากฏอยู่ในหนังสือมหาวิทยาลัย ฉบับ ๒๓ ตุลาฯ ทั้งที่ตีพิมพ์เสร็จแล้วและที่ยังไม่ได้ตีพิมพ์ คณะกรรมการชุดนี้ประกอบไปด้วย ม.ร.ว.สุมนชาติ หัวหน้าคณะกรรมการ นางจินตนา ยศสุนทร นางฉลวย กาญจนาคม และนางสาวเบญจวรรณ ธันวารชร

คณะกรรมการ ได้เรียกคืนต้นฉบับทั้งหมดจากทางโรงพิมพ์ และออกคำสั่งห้ามจิตรไม่ให้ยุ่งเกี่ยวในการตรวจสอบ และไม่ให้จิตรติดต่อกับทางโรงพิมพ์ และตัดสิทธิในการพิจารณาบทความต่าง ๆ ตามตำแหน่งสาราณียกรของจิตร

คณะกรรมการได้ตัดบทความออกหลายบทความ นอกจากนั้นยังลบข้อความบางข้อความออกจากงานที่ผ่านการพิจารณา และได้ส่งต้นฉบับที่ได้ผ่านการเซ็นเซอร์แล้วกลับคืนมาให้จิตร เพื่อที่จะได้นำไปดำเนินการจัดพิมพ์ต่อไป

จิตรไม่พอใจอย่างมากกับการเซ็นเซอร์ในครั้งนี้ เพราะทำให้หนังสือขาดความสมบูรณ์ มีลักษณะพิกลพิการ และคณะกรรมการยังเซ็นเซอร์โดยที่ไม่เปิดโอกาสให้จิตรได้ชี้แจง จิตรได้ขอเข้าพบ ม.ร.ว.สุมนชาติ เพื่อปรึกษาในเรื่องนี้ และปัญหาของการจัดทำเสร็จไม่ทันตามกำหนดที่ได้ตั้งเอาไว้ ม.ร.ว.สุมนชาติได้ให้คำแนะนำกับจิตรว่า "เมื่อทำงานไม่สำเร็จ ก็ควรลาออกตามวิถีทางประชาธิปไตย"

๒๓ ตุลาคม ๒๔๙๖ ก่อนหน้ากรณีโยนบก 4 วัน

ไม่มีการแจกหนังสือมหาวิทยาลัย ฉบับ ๒๓ ตุลาฯ ข่าวลือแพร่สะพัดว่า ตำรวจและสภามหาวิทยาลัย ระงับการแจกจ่ายหนังสือฉบับนี้ ด้วยเหตุผลที่ว่า "มีบทความเกี่ยวกับคอมมิวนิสต์"

๒๗ ตุลาคม ๒๔๙๖ ก่อนหน้ากรณีโยนบก 1 วัน

นิสิตหัวก้าวหน้าบางกลุ่มในจุฬาฯ ได้แทรกใบปลิวแสดงความไม่เห็นด้วยกับการสั่งระงับการแจก และเซ็นเซอร์ข้อความในหนังสือมหาวิทยาลัย ฉบับ ๒๓ ตุลาฯ ไว้ในหนังสือแจกของคณะต่าง ๆ โดยเรียกร้องให้นิสิตจุฬาฯ มีสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น มหาวิทยาลัยต้องเคารพในการแสดงความคิดเห็นของนิสิต ที่ผ่านมา นิสิตถูกริดรอนสิทธิและเสรีภาพจากอำนาจ เบื้องบนมาตลอด ดังพบได้จากกรณีการจัดทำหนังสือมหาวิทยาลัย ฉบับ ๒๓ ตุลาฯ ทั้ง ๆ ที่จุดประสงค์ดั้งเดิม ในการจัดทำหนังสือมหาวิทยาลัย ก็เพื่อต้องการให้นิสิตได้แสดงออกทางความคิดเห็นอย่างเสรี โดยผ่านทางบทความของหนังสือฉบับนี้

ว่ากันว่า จิตรได้รับใบปลิวฉบับนี้จากเพื่อนนิสิตผู้หวังดีคนหนึ่งนำมาให้อ่าน หลังจากอ่านจบ จิตรก็นำไปให้ ม.ร.ว.สุมนชาติ อ่านเพื่อให้ทราบความเคลื่อนไหวของนิสิต (ม.ร.ว.สุมนชาติ คือคนที่เล่นงานจิตร - แสบซะไม่มีนะจิตร - คนในวงการ) ม.ร.ว.สุมนชาติ บอกกับจิตรว่า จะส่งเรื่องนี้ให้ตำรวจสันติบาลดำเนินการ

ตกบ่าย ก็มีใบปลิวอีกฉบับหนึ่ง ซึ่งมีข้อความในแนวต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ ติดอยู่ตามใต้ต้นจามจุรี ด้วยฝีมือของนิสิตกลุ่มนิยมขวาจัด ซึ่งคาดกันว่าเป็นนิสิตคณะวิศวะ

จิตรได้ลาออกจากตำแหน่งสาราณียกรของสโมสรนิสิตจุฬาฯ ในวันนี้เอง

๒๘ ตุลาคม ๒๔๙๖ วันพิพากษา

การลุกลามบานปลายของสงครามใบปลิว และข่าวลือในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นสาเหตุให้ ม.ร.ว.สลับ เลขาธิการจุฬาฯ ได้เรียกประชุมนิสิตทั้งหมดหกคณะ ที่มีอยู่ราว 3,000 คน ให้มาประชุมกันที่หอประชุมใหญ่ ในเวลา 12.15 น. เพื่อแถลงถึงสาเหตุที่ทางสภามหาวิทยาลัยสั่งระงับการแจกจ่ายหนังสือมหาวิทยาลัย ฉบับ ๒๓ ตุลาฯ

 ม.ร.ว.สลับ ได้กล่าวว่า

"สาเหตุที่ยับยั้งไม่ให้หนังสือเล่มนี้ออก เป็นเพราะ มีข้อความบางเรื่องเป็นเรื่องที่สภามหาวิทยาลัยไม่พึงประสงค์ เป็นต้นว่าเรื่องที่มีนิสิตผู้แปลมาจากคำวิพากษ์วิจารณ์เมืองไทยของนักเขียนอเมริกัน ซึ่งเป็นการขัดต่อนโยบายของรัฐบาล และเรื่องเกี่ยวกับพุทธศาสนา"

นอกจากนั้น ม.ร.ว.สลับ ได้พูดถึงเรื่องบทความเรื่องผีตองเหลืองซึ่งประณามภิกษุสงฆ์ทั่วไปว่าเป็นผีตองเหลือง ว่าเป็นการดูหมิ่นพระภิกษุสงฆ์ และเรื่องกลอนเกี่ยวกับแม่ ว่าประณามผู้หญิงว่า ผู้หญิงทุกคนที่เกิดมีบุตรออกมาไม่ได้ตั้งใจให้เกิด เป็นผลพลอยได้จากความสนุกสนานทางกามารมณ์ เรื่องการทำปกหนังสือ ว่าทำปกเป็นสีดำมีวงกลมสีขาว ซึ่งตีความหมายว่าเป็นการแสดงให้เห็นว่าจากยุคมืดไปสู่ยุคแห่งความสว่าง และไม่มีพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ ๕ ซึ่งควรจะมี และกล่าวหาว่าจิตร มีจิตใจโน้มเอียงนิยม ลัทธิคอมมิวนิสต์

ในขณะที่ ม.ร.ว.สลับ พูด จิตรได้พยายามยกมือ เพื่อขอชี้แจง ม.ร.ว.สลับตอบปฏิเสธและบอกให้จิตรนั่งลงก่อนเมื่อตนชี้แจงเสร็จแล้ว จึงจะเปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็น ในขณะนั้นนายสีหเดช บุนนาค ผู้แทนนิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ และนายศักดิ์ สุทธิพิศาล นิสิตวิศวะ ก็เดินเข้ามากดไหล่ให้จิตรนั่งลง พร้อมกับกล่าวว่า"ประเดี๋ยวจะให้พูด"

เมื่อ ม.ร.ว.สลับ พูดเสร็จ ก็ได้เดินออกจากหอประชุมใหญ่ไปในทันที




และบ่ายโมงตรง วันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๔๙๖ ที่หอประชุมใหญ่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในวันนั้น จามจุรีดอกหนึ่งก็ร่วงลง ...




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-03-2007, 22:42 โดย คนในวงการ » บันทึกการเข้า

"Be without fear in the face of your enemies. Be brave and upright that God may love thee.
Speak the truth, always, even if it leads to your death. Safeguard the helpless, and do no wrong. That is your oath."
- Balian of Ibelin -
คนในวงการ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,393


FLY WITH NO FEAR !!


เว็บไซต์
« ตอบ #84 เมื่อ: 05-03-2007, 00:36 »

คุณนทร์

สหายที่ไปรับจิตรเข้าป่าชื่อ สหายไสว ครับ ไม่ใช่สหายสวรรค์แต่อย่างใด ส่วนบทความท่อนที่คุณนทร์ก็อปมาผมว่าผมก็เคยผ่านตานะ คุ้น ๆ แต่พอค้นอย่างละเอียดในเอกสารที่ผมมี กลับไม่พบว่ามีการบันทึกเอาไว้ ว่ารถที่มาส่งจิตรเป็นรถทหาร แต่ผมยอมรับนะครับว่าเคยผ่านตาประโยคนี้มาจริง ๆ เพียงแต่ตอนนั้นยังไม่ได้ให้ความสนใจเลยไม่ได้บันทึกเอาไว้

ผมตรวจสอบบันทึกทั้งหมดที่ผมเก็บเอาไว้ ทุกฉบับพูดตรงกันว่า คนที่ไปรอรับจิตร ชื่อ สหายไสว ส่วน สหายสวรรค์นั้น เข้าป่าทีหลังจิตร และได้รับการดูแลจากจิตรเป็นอย่างดี สหายสวรรค์เป็นชาวนา มีความประทับใจในตัวจิตรมาก ในตอนหลังได้รับหน้าที่เป็นทหารพิทักษ์จิตร และเป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์ที่จิตรถูกยิงเสียชีวิตด้วย



ส่วนอันนี้เป็นของแถมครับ



ขออนุญาต ไม่บรรยายรูปครับ

บันทึกการเข้า

"Be without fear in the face of your enemies. Be brave and upright that God may love thee.
Speak the truth, always, even if it leads to your death. Safeguard the helpless, and do no wrong. That is your oath."
- Balian of Ibelin -
เก็ดถวา
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 2,753



« ตอบ #85 เมื่อ: 05-03-2007, 01:44 »

เอาลิงค์เพลง "ใบไม้ป่า" ที่แปะเนื้อทิ้งไว้ในความเห็นข้างบนมาใส่ให้ค่ะ เผื่อมีคนอยากฟัง

เป็นเพลงจากคอนเสิร์ตแสงดาวแห่งศรัทธา รำลึกถึงจิตร ภูมิศักดิ์

ขับร้องโดยผู้หญิงเสียงสง่าคนโปรดหนูคนเดิม พี่สุรินทร์ อิสมันยี

โดยมี ลุงป่อง วงต้นกล้า เล่นซอคลอไปด้วย (เพลงใบไม้ป่าต้นฉบับ รู้สึกจะเป็นเสียงแกนะคะ)

เพลงนี้ หนูตัดไฟล์มาจาก vcd ที่ได้รับความอนุเคราะห์จากคุณลุงซีโรค่ะ ขอบคุณเหลือเกินค่ะคุณลุง


ฟังเพลงค่ะ  http://www.esnips.com/doc/a852e595-8ff3-4420-886a-e73000ee894f/baimaipa


หนูเอาภาพจากคอนเสิร์ตมาฝากด้วยค่ะ




บรรยากาศคอนเสิร์ตค่ะ




ลุงเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ อ่านบทกวี ใบไม้ป่า ด้วยตัวเอง









พี่รินทร์ กับลุงป่อง




ลุงป่อง ต้นกล้า เล่นซอ คลอเสียงร้องของพี่รินทร์ตลอดเพลงค่ะ





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-03-2007, 02:48 โดย เก็ดถวา » บันทึกการเข้า

Avada Kedavra!!!!!!!
ใบไม้ทะเล
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,321


In politics stupidity is not a handicap


« ตอบ #86 เมื่อ: 05-03-2007, 08:51 »

กำลังสนุกมาต่อเร็วๆๆนะค่ะ แวะมาอ่านสองรอบค่ะ รอบแรกไม่เข้าใจ รอบสอง พอจะรุ้เรื่องแล้ว อิอิ 
บันทึกการเข้า

立てばしゃくやく、座ればぼたん、歩く姿はゆりの花
สเลเต
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 211



เว็บไซต์
« ตอบ #87 เมื่อ: 05-03-2007, 11:13 »

 
บันทึกการเข้า

เหมือนจะพร้อมให้หอมดอก...สเลเต
แวะไปชมบ้านหลังน้อยกันได้นะคะ

http://mahahong.bloggang.com

และแอบประชาสัมพันธ์งานรวมเล่มชิ้นแรกด้วยค่ะ

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=mahahong&month=03-2006&date=28&group=1&blog=1
นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« ตอบ #88 เมื่อ: 06-03-2007, 09:56 »

"จิตรมาจากอุดรธานีคนเดียว นายทหารคุ้มกันมา 2-3 คันรถยีเอ็มซี เป็นรถของทหารฝ่ายรัฐบาลที่เป็นแนวร่วม เขาส่งจิตรให้เข้าป่า มาลงตรงนั้นราวสามทุ่ม เราคุ้มกันเขามาอยู่ที่ดงพันนาราว 1 สัปดาห์ หลังจากนั้นก็พามาที่ดงพระเจ้า ใช้เวลาเดินเท้า 6 ชั่วโมง"

เพิ่งไปเปิดดูหนังสือ อ่านทวนใหม่
ไม่ใช่คำพูดของสหายสวรรค์แต่เป็นคำพูดของสหายวิมล
ผมอ่านพลาดเลยไปครับ   Embarassed


"สหายวิมลเป็นสหายคนหนึ่งในกองทหารป่า 36 นาย ที่เคลื่อนพลออกไปรับ จิตร ภูมศักดิ์"

(จิตร ภูมิศักดิ์ คนยังคงยืนเด่นโดยท้าทาย หน้า 134)


* ส่วนสหายสวรรค์เป็นคนนำผู้เขียนพาไปหาสหายวิมลและพาไปดูสถานที่จริงดงพระเจ้า   Cool
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-03-2007, 10:02 โดย นทร์ » บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
เก็ดถวา
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 2,753



« ตอบ #89 เมื่อ: 06-03-2007, 10:16 »


แล้วสหายวิมล (ของพี่นทร์) กับสหายไสว (ของคุณลุงบิ๊กเหยี่ยว)

เป็นคนเดียวกันหรือเปล่าคะ?? ... หรือว่าคนที่ไปรอรับจิตร มีหลายคน

หนูชักงง
 
บันทึกการเข้า

Avada Kedavra!!!!!!!
นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« ตอบ #90 เมื่อ: 06-03-2007, 11:15 »

สหายวิมลเป็นสหายคนหนึ่งในกองทหารป่า 36 นาย ที่เคลื่อนพลออกไปรับ จิตร ภูมศักดิ์

คนไปรับจิตรเข้าป่า มี 36 คน

คนมาส่งจิตรเข้าป่า มากัน 2-3 คันรถ

เพียบครับ คนที่เกี่ยวข้องช่วงนั้น
  Wink
บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
เก็ดถวา
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 2,753



« ตอบ #91 เมื่อ: 06-03-2007, 13:53 »


 

ก็หนูไม่รู้นี่นา..  
บันทึกการเข้า

Avada Kedavra!!!!!!!
นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« ตอบ #92 เมื่อ: 07-03-2007, 09:24 »

"ชาวบ้านที่เข้าป่าแถบนั้นส่วนใหญ่เขาถูกกระทำจากนโยบาย ต่อต้านคอมมิวนิสต์แบบรุนแรง ปราบหนักมาก อเมริกาให้งบมา เจ้าหน้าที่ก็กระพือให้มันบานปลาย ได้ใช้งบ แต่เรื่องเกิดในถิ่นชนบท โลกภายนอกไม่รู้"

วัฒน์ วรรลยางกูร
นักเขียนเข้ารอบซีไรต์ 7 สมัย
อดีตสหายร้อย

* จาก จิตร ภูมิศักดิ์ คนยังคงยืนเด่นโดยท้าทาย หน้า 155


++ เพื่อเป็นข้อมูล กรณีศึกษาในมุม Conspiracy Theory
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-03-2007, 09:32 โดย นทร์ » บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
ดอกเข็มขาว
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 534



« ตอบ #93 เมื่อ: 07-03-2007, 18:28 »

ขอบคุณหนูเก็ดมากที่บอกว่าคุณคนในวงการเขียนต่อแล้ว

เลยต้องรีบเข้ามาอ่าน เพลงก็เพราะชอบจัง

คุณคนในวงการหายดีหรือยังคะ ขอให้หายเร็วๆนะคะ

จะได้เขียนให้พวกเราได้อ่านต่อ
บันทึกการเข้า

เก็ดถวา
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 2,753



« ตอบ #94 เมื่อ: 09-03-2007, 19:53 »



คุณลุงขา... 5 วันแล้วอ่ะค่ะ

อยากอ่านตอนต่อไปแย้วววว 


 
บันทึกการเข้า

Avada Kedavra!!!!!!!
คนในวงการ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,393


FLY WITH NO FEAR !!


เว็บไซต์
« ตอบ #95 เมื่อ: 12-03-2007, 02:34 »


ดั่งเทียนผู้ถ่องแท้แก่คน : บนวิถีที่รกร้าง จักเอาร่างปูทางให้เธอเดิน




横眉冷对千夫指 俯首甘为孺子牛

แม้คนพันบัญชาชี้หน้าเย้ย
จงขวางคิ้วเย็นชาเฉยเถิดสหาย
ต่อผองเหล่านวชนเกิดกล่นราย
จงน้อมกายก้มหัวเป็นงัวงาน

รจนาโดยหลู่ซิ่น แปลโดย จิตร ภูมิศักดิ์ ในนามปากกา ศิลป์ พิทักษ์ชน


สำหรับคนทั่ว ๆ ไป ที่อ่านเรื่องราวของจิตร นี่เป็นเพียงหนึ่งในผลงานการแปลของจิตรเท่านั้น ไม่มีความหมายอะไรมากกว่านี้  แต่สำหรับคนที่อยากรู้จักจิตรให้มากกว่านั้น กลอนบทนี้คือกุญแจที่จะไขเข้าสู่ชีวิตของจิตรเลยทีเดียว เพราะนี่คือต้นแบบของจิตร ภูมิศักดิ์!!!

จิตร ไม่เคยอยากเป็นผู้นำนักศึกษา ไม่อยากเป็นนักปฏิวัติ ไม่อยากเป็นนักต่อสู้ทางการเมืองอะไรทั้งสิ้น เขาเคยเขียนเอาไว้ในสมุดบันทึกของเขาว่า "ความใฝ่ฝันของข้าพเจ้า อยากจะเป็นคนหนึ่งในบรรดานักปราชญ์แห่งราชบัณฑิตยสถาน" จิตร อยากเป็นปราชญ์ เหมือนกับหลู่ซิ่น บุคคลที่จิตรให้การยกย่องว่าเปรียบเสมือนพ่ออีกคนหนึ่งของจิตร

หลู่ซิ่น คือใคร?

หลู่ซิ่น คือนามปากกาของ โจว ซู่เหริน ผู้ซึ่งเกิดในครอบครัวของปัญญาชนของจีน ปู่ของ โจว ซู่เหริน รับราชการเป็นอาจารย์อยู่ในสำนัก Hanling (ผมออกเสียงจีนไม่ถูก-คนในวงการ) ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีฐานะค่อนข้างดีในสมัยนั้น ต่อมาปู่ของ โจว ซู่เหริน ถูกจับได้ว่าแอบทุจริตในการสอบเข้ารับราชการ โดยปู่ของ โจว ซู่เหริน พยายามช่วยให้ พ่อของโจว ซู่เหริน เข้ารับราชการ ทำให้ต้องถูกประหารชีวิตทั้งตระกูล พ่อของโจว ซู่เหริน หนีไปได้ แต่สุดท้ายเขากลายเป็นคนติดสุรา และตายเพราะโรคพิษสุราเรื้อรัง ตัวโจว ซู่เหริน ซึ่งยังเป็นเด็กในขณะนั้น ถูกหญิงรับใช้ที่ชื่อ อาจาง พาหนี โจว ซู่เหริน ให้ความเคารพหญิงรับใช้คนนี้เหมือนกับแม่ของเขา โดยเรียกเธอว่าแม่จาง

หลู่ซิ่นต้องระเห็จเร่ร่อนไปจนถึงเจียงหนาน เขาเข้าเรียนที่วิทยาลัยทหารเรือของเจียงหนาน และย้ายไปเรียนต่อที่โรงเรียนการรถไฟและเหมืองแร่ ของวิทยาลัยกองทัพบกของเจียงหนาน เพราะชะตากรรมของพ่อของเขาที่เป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง หลู่ซิ่นจึงสนใจศึกษาวิชาแพทย์ตั้งแต่เด็ก เขาสอบชิงทุนรัฐบาลไปศึกษาต่อด้านการแพทย์ที่ญี่ปุ่นที่มหาวิทยาลัยเซนได จุดเปลี่ยนในชีวิตของหลู่ซิ่นมาถึงในวันหนึ่ง เมื่ออาจารย์ได้นำสไลด์มาฉายให้ดูในเวลาว่างของนักศึกษา มีอยู่ภาพหนึ่งเป็นภาพของนักโทษชาวจีน ถูกมัดมือไพล่หลัง กำลังถูกทหารญี่ปุ่นลงโทษตัดศีรษะด้วยความผิดฐานเป็นสปายขโมยความลับของทหารญี่ปุ่นไปให้ทหารรัสเซีย โดยที่มีชาวจีนยืนมุงดูอยู่ หลู่ซิ่นเห็นชาวจีนที่มุงดูในภาพมีสายตาที่ว่างเปล่าไร้ความรู้สึก พวกเขาแค่มามุงดูความตื่นเต้นของการประหารเท่านั้นเอง

จากตรงนี้เองหลู่ซิ่นเกิดแนวความคิดที่ว่าแท้จริงแล้ว สุขภาพของชาวจีนไม่ได้เป็นปัญหาเลย พวกเขามีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ดี แต่จิตใจของชาวจีนตกต่ำ และอ่อนแอ พวกเขาไม่ได้ต้องการการรักษาทางการแพทย์ แต่ต้องการการเยียวยารักษาจิตใจ หลู่ซิ่นจึงเบนเข็มจากการศึกษาด้านการแพทย์ หันมาเอาดีทางด้านวรรณกรรม เพราะเขาเชื่อว่าวรรณกรรมสามารถเข้าถึงจิตใจของคน และสามารถเปลียนแปลงสังคมได้

หลังจากกลับจากญี่ปุ่นหลู่ซิ่นก็เข้าร่วมกับปัญญาชนหัวก้าวหน้าของจีน และประกาศตัวเป็นนักรบที่ใช้ปากกาเป็นอาวุธ โดยใช้นามปากกาว่าหลู่ซิ่น เขียนเรื่อง บันทึกของคนบ้า (A Madman's Diary) ลงในนิตยสารซินชิงเหนียง งานเขียนของเขาได้รับการต้อนรับจากนักอ่านอย่างกว้างขวางและทำให้รัฐบาลเจียงไคเชกในขณะนั้นไม่พอใจ หลู่ซิ่นคิดว่าสิ่งที่จำเป็นในการปฏิวัติสังคม คือการเผชิญหน้ากับความจริง อย่างตรงไปตรงมา เขาได้กล่าวเอาไว้ว่า "คนชั้นสูงหลอกลวงคนชั้นต่ำ เพื่อจะได้มีอำนาจครอบงำ" ดังนั้นเขาจึงเรียกร้องให้มองความจริงอย่างตรงไปตรงมา ดังถ้อยคำของเขาที่ว่า "เราต้องกล้ามองสิ่งต่างๆ อย่างตรงตัว ก่อนที่เราจะกล้าคิด กล้าพูด กล้าทำ หรือเข้ารับผิดชอบ" เขารู้ดีว่าคู่ต่อสู้ของเขาซึ่งก็คือรัฐบาลเจียงไคเชกในสมัยนั้น ดื้อดึงดันทุรังและมีประสบการณ์เป็นอย่างดีในการปกครองประเทศ ดังนั้น การต่อสู้ทางการปฏิวัติในจีนจึงจำเป็นต้องใช้เวลายาวนานและเต็มไปด้วยความยากลำบาก ต้องอาศัยความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ และอีกด้านหนึ่งก็ต้องอาศัยกลวิธีและความยืดหยุ่น

ในปี 2464 หลู่ซิ่น ก็เขียนผลงานที่โด่งดังของเขาอีกเรื่องหนึ่ง คือเรื่อง "เรื่องจริงของอาคิว" (The True Story of Ah Q) ซึ่งสะท้อนให้เห็นปัญหาของคนส่วนใหญ่ในสังคมจีนในขณะนั้น เรื่องจริงของอาคิวต่อมาก็กลายเป็นวรรณกรรมที่มีความเป็นสากล และทันสมัยอยู่เสมอ เพราะคนแบบอาคิวมีอยู่ทุกสังคมและทุกยุคทุกสมัย

อาคิวเป็นคนไม่มีงานประจำ ฐานะยากจน แต่มีความสุขทางใจได้เสมอ โดยเฉพาะเวลาถูกคนที่เหนือกว่ารังแก อาคิวก็จะพยายามลืมมันเสีย เพราะการลืมเสียนั้น อาคิว ถือว่าเป็นของวิเศษที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ หลู่ซิ่นสร้างตัวละครนี้ขึ้นมาเป็นแบบอย่างของผู้ที่พยายามหลอกตัวเอง และมีความขลาดเขลาในการไม่ยอมเผชิญหน้ากับความจริง อาคิว เป็นคนชอบคุยโวโอ้อวด เพ้อเจ้อถึงอนาคต และขาดความเคารพตัวเอง แถมยังเป็นผู้ปฏิเสธไม่ยอมรับความเป็นจริงที่น่าอนาถของสถานะของตัวเอง หลู่ซิ่นกล่าวว่า อาคิวเป็นทาสที่ไม่มีวันยอมรับว่าตัวเองเป็น และหากใครมีบุคลิกเช่นนี้ จะถือเป็นยอดปรารถนาของชนชั้นปกครองทุกยุคทุกสมัย เพราะไม่ว่าเขาจะถูกกดขี่เพียงใด เขาก็ยังถือว่าตัวเองเป็นผู้ชนะอยู่ร่ำไป

หลู่ซิ่นเขียนหนังสืออีกหลายเล่ม และเขียนบทความ บทกวี จำนวนมากมาย เขาได้รับการยอมรับว่าเป็นปราชญ์วรรณคดีจีนยุคใหม่ นอกจากนั้นยังได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในผู้นำการปฏิวัติวัฒนธรรมของจีนใหม่ หลู่ซิ่นมีชีวิตอยู่ในช่วงของรัฐบาลเจียงไคเชก เขาเสียชีวิตเมื่ออายุได้ 55 ปี อย่างสงบ เขามีบทบาทอย่างมากในการชี้นำสังคมให้ต่อต้านการปกครองที่เน่าเฟะและเต็มไปด้วยการคอรัปชันของรัฐบาลจีนในช่วงนั้น และตลอดชีวิตของหลู่ซิ่นเขาไม่เคยเข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์จีนเลย แต่เขาเป็นบุคคลที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้การยอมรับและยกย่องอย่างมากคนหนึ่ง

งานของหลู่ซิ่นแพร่หลายไปทั่วโลก เริ่มมีเข้ามาในไทยในช่วง 2490 และแพร่หลายเป็นที่รู้จักกันในหมู่ปัญญาชนของไทยประมาณปี 2495 ซึ่งเป็นช่วงที่จิตรเรียนอยู่ปีสองที่จุฬา ฯ หลู่ซิ่นมีอิทธิพลกับแนวความคิดของจิตร อย่างมาก เห็นได้จากก่อนที่งานของหลู่ซิ่นจะเข้ามาแพร่หลายในประเทศไทย งานของจิตรจะออกมาในแนวรับใช้วิชาการเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ศัพท์สันนิษฐาน หรือแม้กระทั่งบทความที่โดดเด่นอย่าง พิมายในด้านจารึก หลังจากที่จิตรได้รู้จักกับหลู่ซิ่น งานของเขาเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดยกตัวอย่างเช่น งานในหนังสือเจ้าปัญหา หนังสือมหาวิทยาลัย ฉบับ 23 ตุลาคม จิตรมีบทความของตัวเองแทรกในหนังสือเล่มนี้ถึงสามเรื่อง คือ

ขวัญเมือง เป็นนวนิยายขนาดสั้น อันสะท้อนถึงทัศนคติที่มีต่อสภาพสังคมและการเมืองของไทย ซึ่งถ่ายทอดผ่านทางตัวละครนาม ขวัญเมือง หญิงผู้ยึดเอาภารกิจหน้าที่ทางประวัติศาสตร์การเมืองมาเป็น เป้าหมายสำคัญสูงสุดในชีวิตของตน โดยแนวคิดดังกล่าวนี้จะมีส่วนช่วยทำให้ คน ได้วิวัฒน์พัฒนามาเป็น มนุษย์โดยสมบูรณ์ ได้

บทกวี เธอคือหญิงรับจ้างแท้ใช่แม่คน หรือที่มักเรียกกันสั้น ๆ ว่า กลอนเรื่องแม่ จัดอยู่ในประเภทกลอนแปด ซึ่งเป็นงานเขียนที่สะท้อนถึงแนวคิดของจิตรที่มีต่อปัญหาทางจริยธรรมในเรื่องเพศของผู้หญิงที่มักชิงสุกก่อนห่าม และบทบาทของความเป็น แม่ โดยกล่าวตำหนิ แม่บางคน ที่ไม่รับผิดชอบเลี้ยงดูลูกน้อยที่เป็นสายโลหิตของตน ซึ่งเกิดขึ้นจากความสำส่อน หลงระเริงในรสกามารมณ์อันไม่เหมาะสม นอกจากนี้ จิตรยังได้แสดงทรรศนะว่า แม่ผู้ให้กำเนิด ควรเป็นผู้ทำหน้าที่เลี้ยงดูอบรม สั่งสอนลูกน้อยด้วยตนเอง จึงจะเหมาะสมดีงามตามธรรมนองครองธรรม โดยจิตรได้ใช้นามปากกาว่า ศูลภูวดล

ความเรียงเรื่อง พุทธปรัชญาแก้สภาพสังคมตรงกิเลส วัตถุนิยมไดอะเลคติคแก้สภาพสังคมที่ตัวสังคมเอง และแก้ได้ด้วยการปฏิวัติ มิใช่ปฏิรูปตามแบบของสิทธารถ ปรัชญาวัตถุนิยมไดอะเลคติค กับปรัชญาของสิทธารถผิดกันอย่างฉกรรจ์ที่ตรงนี้ หรือที่รู้จักกันในนามบทความเรื่อง ผีตองเหลือง ซึ่งจิตรมักเรียกงานเขียนชินนี้ว่า พุทธปรัชญาไม่ใช่วัตถุนิยม โดยใช้นามปากกาว่า นาครทาส

ซึ่งผลงานทั้งสามเรื่องล้วนเป็นชนวนให้หนังสือถูกแบนทั้งสิ้น จิตรเชื่อตามความคิดของหลู่ซิ่นที่ว่า "ในโลกนี้ แม้นหากยังมีผู้ที่ต้องการจะอยู่ต่อไป เขาต้องกล้าพูด กล้าหัวเราะ กล้าร้องไห้ กล้าด่า กล้าสู้ กล้าขับไล่ยุคสมัยอันน่าแสปแช่ง ณ ที่อันน่าสาปแช่งนี้" เขาจึงกล้าเปลี่ยนแปลงหนังสือมหาวิทยาลัย ทั้งรูปแบบ และเนื้อหา จนนำไปสู่การโยนบกในที่สุด

น่าตลกตรงที่บรรดาอาจารย์หลายต่อหลายคนเชื่อว่าจิตรมีความเลื่อมใสในระบอบลัทธิคอมมิวนิสต์ ทั้งที่แท้จริงแล้ว จิตร เองคือผู้แปลเอกสารส่วนใหญ่เกี่ยวกับลัทธิคอมมิวนิสต์เป็นภาษาไทยให้กับ USOM ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ CIA ใช้แฝงตัวเข้ามาปฏิบัติงานในเมืองไทย เพื่อใช้เผยแพร่ให้กับบรรดาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และข้าราชการให้รู้จักกับลัทธินี้ และถ้าเราได้ศึกษางานเรื่องผีตองเหลืองของจิตรอย่างละเอียดลึกซึ้งแล้ว เราจะพบว่าจิตร ปฏิเสธลัทธิคอมมิวนิสต์ และปกป้องพระพุทธศาสนาด้วยซ้ำไป

หลังจากกรณีโยนบกเกิดเรื่องต่าง ๆ ขึ้นในรั้วจุฬา ฯ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการลงโทษ "โยนน้ำ" นายสีหเดช บุนนาค และนายศักดิ์ สุทธิพิศาล โดยให้เดินลุยลงไปในน้ำเองแค่ครึ่งตัวแล้วรีบขึ้นจากสระ การไม่กล่าวโทษนายชวลิต พรหมานพ หรือการไม่ดำเนินคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อผู้ก่อเหตุทั้งสาม โดยอ้างว่าไม่มีเจ้าทุกข์มาแจ้งความ ทั้งที่คดีนี้เป็นอาญาแผ่นดิน ยอมความไม่ได้ ต่อให้ไม่มีเจ้าทุกข์ตำรวจก็ต้องดำเนินคดีเป็นต้น ภายนอกรั้วจุฬา ฯ ก็ดุเดือดไม่แพ้กัน เพราะหนังสือพิมพ์ทุกฉบับในขณะนั้น ก็พยายามที่จะเจาะข่าวมานำเสนอ เพราะกรณีโยนบก เป็นเหตุการสะเทือนขวัญที่เกิดเป็นครั้งแรกในเมืองไทย และจนบัดนี้ก็ยังเป็นเหตุการเพียงครั้งเดียวในเมืองไทย เรื่องนี้ส่งผลกระทบไปกว้างขวางในวงสังคมทุกระดับ แม้กระทั่งนายกรัฐมนตรี จอมพล ป. พิบูลสงคราม ก็ต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง กลายเป็นประเด็นการเมือง โดยในที่สุด จอมพล ป. ก็สั่งการให้อธิบดีกรมตำรวจดำเนินการสืบสวนหาข้อเท็จจริง นอกจากนั้นยังสั่งการให้รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการลงมากำกับควบคุมหาตัวนิสิตผู้กระทำผิดมาลงโทษ แน่นอน ผลการสอบสวนของทั้งกระทรวงศึกษาธิการ และทางตำรวจ ระบุตรงกันว่า จิตร ภูมิศักดิ์ คือตัวการ

จุฬา ฯ ได้สั่งลงโทษพักการเรียน จิตร นาน 12 เดือน ซึ่งดูเหมือนจะเป็นโทษสถานเบา แต่แท้จริงแล้ว นี่คือคำสั่งไล่ออกดี ๆ นี่เอง เพราะหากถูกพักการศึกษานานขนาดนั้น จะทำให้จิตรพ้นสภาพนิสิตไปโดยปริยาย เมื่อข่าวเรื่องนี้แพร่กระจายไปในหมู่อาจารย์และนิสิตผู้รักความเป็นธรรม จึงเกิดการรวมตัวกันขึ้นเพื่อกดดัน จนกระทั่งในที่สุด จุฬา ฯ ได้เปลี่ยนคำสั่งเป็น ให้พักการเรียน จิตร โดยไม่มีกำหนด และมีหมายเหตุท้ายคำสั่งว่าหากทางตำรวจได้พิสูจน์แล้วว่าจิตรเป็นผู้บริสุทธิ จุฬา ฯ ก็จะรับจิตรกลับเข้าศึกษาต่อ ในช่วงนั้น ดร.เก็ตนีย์ ได้พยายามวิ่งเต้นช่วยเหลือจิตรให้ไม่ต้องได้รับโทษ จนเป็นที่เพ่งเล็ง จนในที่สุด กรมตำรวจ ก็เชิญตัว ดร.เก็ตนีย์ ให้ออกจากประเทศไทย เมื่อไม่มี ดร.เก็ตนีย์ จิตรเลยต้องหาที่พักใหม่ เขาย้ายไปอยู่บ้านนายสุธีร์ คุปตารักษ์ประมาณหนึ่งเดือน ก่อนที่จะย้ายมาพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านนางทองคำ ดิษคุ้ม แม่ของหาญ ดิษคุ้ม เพื่อนสนิทสมัยเรียนอยู่ที่โรงเรียนวัดเบญจมบพิตร ซึ่งอยู่บริเวณเชิงสะพานเสาวณีย์ ตรงข้ามกรมทางหลวงแผ่นดิน นางแสงเงิน แม่ของจิตร ซึ่งอาศัยอยู่กับลูกสาวที่รับราชการที่จังหวัดหนองคาย ก็ได้เดินทางมาพักอยู่ที่บ้านของนางทองคำ ดิษคุ้มด้วยระยะหนึ่ง ในระหว่างที่ พี่สาวของจิตร ได้นำเงินออมส่วนหนึ่งขอเช่าพื้นที่ว่างต่อจากเพื่อนบ้าน (แถบนั้นเป็นสลัม) เพื่อปลูกบ้านให้กับจิตรได้อาศัยอยู่กับแม่ ซึ่งต่อมาคือบ้านเลขที่ ๓๓๗/๑๒ ถนนศรีอยุธยา ใกล้สี่แยกสะพานเสาวณีย์ ที่บ้านหลังนี้เอง ที่จิตร แขวนรูปหลู่ซิ่นไว้ตรงประตูห้องรับแขก และตอบกับทุกคนที่ถามถึงว่ารูปนั้นเป็นรูปของใคร ว่า รูปนั้นคือ "รูปพ่อฉันเองละ"

       


横眉冷对千夫指 俯首甘为孺子牛

แม้คนพันบัญชาชี้หน้าเย้ย
จงขวางคิ้วเย็นชาเฉยเถิดสหาย
ต่อผองเหล่านวชนเกิดกล่นราย
จงน้อมกายก้มหัวเป็นงัวงาน

รจนาโดยหลู่ซิ่น แปลโดย จิตร ภูมิศักดิ์ ในนามปากกา ศิลป์ พิทักษ์ชน


บันทึกการเข้า

"Be without fear in the face of your enemies. Be brave and upright that God may love thee.
Speak the truth, always, even if it leads to your death. Safeguard the helpless, and do no wrong. That is your oath."
- Balian of Ibelin -
เก็ดถวา
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 2,753



« ตอบ #96 เมื่อ: 12-03-2007, 03:08 »


...

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-03-2007, 03:23 โดย เก็ดถวา » บันทึกการเข้า

Avada Kedavra!!!!!!!
สเลเต
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 211



เว็บไซต์
« ตอบ #97 เมื่อ: 12-03-2007, 08:00 »

 
 
บันทึกการเข้า

เหมือนจะพร้อมให้หอมดอก...สเลเต
แวะไปชมบ้านหลังน้อยกันได้นะคะ

http://mahahong.bloggang.com

และแอบประชาสัมพันธ์งานรวมเล่มชิ้นแรกด้วยค่ะ

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=mahahong&month=03-2006&date=28&group=1&blog=1
นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« ตอบ #98 เมื่อ: 12-03-2007, 17:09 »

"ความใฝ่ฝันของข้าพเจ้า อยากจะเป็นคนหนึ่งในบรรดานักปราชญ์แห่งราชบัณฑิตยสถาน"

จิตร เป็นได้หลากหลาย มากกว่าที่เขาคิดไว้แต่แรก

นักภาษาศาสตร์ ปรัชญา กวี นักดนตรี มนุษยวิทยา สังคมวิทยา.....
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-03-2007, 21:46 โดย นทร์ » บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
ดอกเข็มขาว
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 534



« ตอบ #99 เมื่อ: 12-03-2007, 20:25 »

ขอบคุณมากๆคะ

 
บันทึกการเข้า

หน้า: 1 [2] 3
    กระโดดไป: