คนในวงการ
|
|
« เมื่อ: 23-08-2006, 11:24 » |
|
"
.ตอนนั้นผมเป็นเด็กเลี้ยงควายอยู่ให้เหตุการณ์ด้วย เขาดักยิงถูกขาจิตรก่อน จิตรวิ่งมาถึงใต้ต้นสะเดาที่เคยอยู่ตรงนี้ เขาตามมายิงซ้ำจนตาย ผมเห็นอีกสองคน กำลังจะข้ามเข้ามาช่วยแต่เข้ามาไม่ได้เพราะถูกยิงสกัดอยู่
. ได้เห็นสภาพศพแว่บนึงก่อนที่เขาจะเผา คอจิตรเป็นรอยเกือบขาด" "
. ตอนเช้าพวกควายมันได้กลิ่นขี้เถ้าศพ เข้ามาเหยียบมาถ่าย พ่อผมเห็นน่าสงสารก็เลยนำกะโหลกส่วนที่เหลือจากการเผาไปฝังไว้ที่ใต้ต้นแดง
." "
.เมื่อหลายปีก่อนที่ขุดกระดูกจิตรขึ้นมาครั้งแรกๆ กระโหลกของจิตรก็ไม่มีแล้ว ผุไปหมดเหลือแต่รอยดินเป็นหลุมกระโหลกอยู่ตรงนี้
." "
.ตอนขุดกระดูกครั้งแรก เจอกระดูกไม่มากนัก อีกหลายปีต่อมาขุดครั้งที่สองตอนนั้นค่อยรวบรวมกระดูกได้มากหน่อย
."
เขาตายในชายป่า เลือดแดงทาดินเข็ญ ยากเย็นค่นแค้นอับจน เขาตายในชายป่า เลือดแดงทาดินเข็ญ ยากเย็นค่นแค้นอับจน ถึงวันพราก เขาลงมาจากยอดเขา ใต้เงามหานกอินทรีย์ ล้อมยิงโดยกระหยิ่ม อิ่มในเหยื่อตัวนี้ โชคดี สี่ขั้นพันดาว เหมือนดาวร่วงหล่น ความเป็นคนร่วงหาย ก่อนตายจะหมายสิ่งใด แสนคนจนยาก สิบคนหากรวยหลาย อับอายแก่หล้าฟ้าดิน เขาจึงต่อสู้อยู่ข้างคนทุกข์เข็ญ ได้เห็นได้เขียนพูดจา คุกขังเขาได้แต่หัวใจอย่าปรารถนา เกิดมาเข่นฆ่าอธรรม แล้วอำนาจเถื่อนมาบิดเบือนบังหน กี่คนย่อยยับอัปรา สองพันห้าร้อยแปด เมฆดำปรกคลุมฟ้า ด้วยฤทธา มหาอินทรีย์ ร้างเมืองไร้บ้าน ออกทำการป่าเขา เสี่ยงเอาชีวีมลาย พฤษภาห้าร้อยเก้า แดดลบเงาจางหาย เขาตายอยู่ข้างทางเกวียน ศพคนนี้นี่หรือชื่อ จิตร ภูมิศักดิ์ ศพคนนี้นี่หรือคือ จิตร ภูมิศักดิ์ ตายคาหลักเขตป่ากับนาคร เขาตายในชายป่า เลือดแดงทาดินอิสาน อีกนาน อีกนาน อีกนาน เขาตายในชายป่า เลือดแดงทาดินอิสาน อีกนาน อีกนาน อีกนาน เขาตายเหมือนไร้ค่า แต่ต้องมาก้องนาม ผู้คนไถ่ถามอยากเรียน ชื่อ จิตร ภูมิศักดิ์ เป็นนักคิดนักเขียน ดั่งเทียนผู้ถ่องแท้แก่คน ชื่อ จิตร ภูมิศักดิ์ เป็นนักคิดนักเขียน ดั่งเทียนผู้ถ่องแท้แก่คน http://www.esnips.com/doc/27919886-76dd-4837-b06f-563a867619fe/จิตร-ภูมิศักดิ์ ... ๕ พฤษภาคม ๒๕๐๙ค่ำคืนที่ผ่านมา แผ่นดินแล้งได้รองรับฝนห่าใหญ่ ภูเขาชื้นชุ่มและท้องทุ่งเจิ่งนองน้ำ ห้วงยามเช่นนี้คนชนบทจะรู้ว่านามีกบเขียดให้หา ในป่ามีเห็ดให้เก็บ เช้าตรู่ ผู้หญิงบ้านคำบ่อที่ขึ้นภูมาหาเก็บเห็ดก็มาปะเข้ากับทับทหารป่า ทีแรกพวกนางแตกตื่นแทบสิ้นสติ เพราะความกลัวความโหดร้ายของคอมมิวนิสต์ตามที่ได้ยินคำเล่าลือกันมา แต่ครั้นได้มานั่งทำความรู้จักและพูดคุยจนเป็นที่เข้าใจกัน ท่าทีของพวกนางก็ดูเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น จนทหารป่าวางใจว่ากลุ่มผู้หญิงจะเดินกลับเข้าหมู่บ้านด้วยความรู้สึกเป็นมิตร กระนั้นก็ตาม การที่มีคนมาพบเห็น ในทางจรยุทธถือเป็นการ เสียลับ มีกฎให้เคลื่อนย้ายที่ทันที ปล่อยผู้หญิงกลับไปแล้ว ปรีชากับพวกรีบกินอาหารที่เหลือจากเมื่อคืน แล้วเก็บข้าวของข้ามห้วยปลาหางไปอยู่อีกฟากทุ่ง ไม่ระแคะระคายใจสักนิดว่า ในกลุ่มแม่บ้านที่เจอกันเมื่อเช้า มีคนที่เป็นเมีย อส. รวมอยู่ด้วย แดดเที่ยงไม่ทันเบี่ยงแสงลอดพุ่มไม้ สหายคนที่อยู่ยามเอ่ยกับเพื่อนว่าเขาได้ยินเสียงคน สหายอีกคนลุกไปเมียงมองสังเกตการณ์ ฉับพลันเสียงปืนก็แตกปะทุสนั่นหวั่นไหว ลูกกระสุนปักลงพื้นและปลิดขั้วใบไม้ร่วงกราว ทหารป่า ๖ คนแตกออกเป็นสองกลุ่ม แยกกันถอยหนี ไม่มีใครทันได้หยิบเป้สัมภาระของตัวเอง สหายสวรรค์ สหายวาริช และสหายปรีชา ถอยไปด้วยกัน ตอนนั้นพวกเขาอาจคิดว่าโชคยังเข้าข้างอยู่บ้างตรงที่ฝ่ายโจมตีหันไปติดตามพวกอีก ๓ คนที่แยกหนีไปอีกทาง หรือบางทีอาจเป็นความจงใจของฟ้าดินที่เปิดให้เขาเดินไปสู่ชะตากรรมโดยสะดวก ปรีชาบอกกับเพื่อนสหายร่วมทุกข์ยากว่า เราต้องไม่ทิ้งกัน แล้วออกนำหน้าบุกป่ามุ่งไปหาบ้านคำบ่อ ที่นั่นมีแกนบ้านที่ไว้ใจพึ่งพาได้ แต่ความไม่คุ้นเคยพื้นที่ และไม่มีคนพื้นที่อยู่ในกลุ่ม ทหารป่าหนีตาย ๓ คนจึงเดินขึ้น-ลงเขาหลงป่าอยู่จนล่วงบ่าย และมาถึงท้ายหมู่บ้านเมื่อเย็นย่ำ นี่ละบ้านคำบ่อ สหายปรีชาบอกพรรคพวก พวกคุณสองคนรออยู่ที่นี่ ผมจะเข้าไปสืบสภาพ เขาหายไปชั่วครู่ก็กลับมาแจ้งกับเพื่อนว่า มีแต่บ้านหลังใหญ่ ๆ พวกเขารู้ว่านั่นไม่ใช่บ้านของคนยากจนที่ขอความช่วยเหลือได้ สหายปรีชาพาพวกวนไปซุ่มดูอีกด้านของหมู่บ้าน สักพักมีคนจูงหมูจากบ้านออกมาที่ลำห้วย ปรีชาเดินออกไปหาเขาคนเดียว จะพาหมูไปไหน ? เอามันไปล้างน้ำ นี่บ้านอะไร ? บ้านหนองกุง บ้านคำบ่อไปทางไหน ? ชายคนนั้นชี้บอกทาง แล้วเดินจากไป คล้อยหลังไม่นาน หญิงชาวบ้านอีกคนเดินแบกยอกลับมาจากทางทุ่งนา ปรีชาเข้าไปถามทางไปคำบ่ออีกครั้ง นางชี้ไปทิศเดิม และชวนคนแปลกหน้าให้เข้าไปเที่ยวในหมู่บ้าน ซึ่งตอนนั้นเป็นวันงานบุญพระเวส หญิงคนนั้นเดินเข้าหมู่บ้านไปแล้ว สวรรค์เห็นปรีชายืนรีรอเหมือนกำลังงุนงง หรือครุ่นคิดอะไรสักอย่าง สุดท้ายเห็นเขาเดินออกไปกลางทุ่ง แล้วก็หายไป สหายที่ซุ่มอยู่ข้างทางแน่ใจว่าปรีชาต้องเดินย้อนเข้าหมู่บ้านไปแล้ว โดยเขาทั้งสองคนไม่ทันเห็น เด็กชายยก หลานกำนันแหลม เพิ่งต้อนควายจากทุ่งนากลับมาถึงบ้าน เห็นชายร่างผอมสวมแว่น ท่าทางอ่อนล้า เดินออกมาจากทางเดินท้ายหมู่บ้าน ไม่พูดไม่จากับใคร บอกแต่เพียงว่าขอข้าวสักปั้น แม่ของเด็กชายและทุกคนในหมู่บ้านรู้ในทันทีว่า ชายแปลกหน้าเป็นพวกที่ถูกตีแตกมาจากในป่า เสียงปืนที่ดังอยู่บนภูเขาเมื่อกลางวันไม่ได้ไกลเกินได้ยินมาถึงหมู่บ้าน ทั้งยังเพิ่งถูกกำชับมาจากกำนัน-ผู้เป็นพี่ชายของนางว่า ถ้าเห็นใครเห็นคนแปลกหน้าเข้ามาในหมู่บ้านให้มาแจ้ง ไม่อย่างนั้นจะเป็นโทษหนัก เด็กชายได้ยินแม่ตอบชายผู้หิวโซคนนั้นไปว่า ข้าวเหนียวกำลังนึ่ง ยังไม่สุก ให้ขึ้นมานั่งรอบนเรือนก่อน ชายแปลกหน้าปฏิเสธ เขายืนรออยู่หน้าบ้านจนได้รับห่อข้าว แล้วเดินออกจากหมู่บ้านไปตามทางเดิมที่เขาเข้ามา แดดผีตากผ้าอ้อมฉาบบนทิวไม้สองข้างทางเหลืองเรืองไปทั้งป่า แมลงในพงหญ้าเริ่มกรีดปีกบรรเลงรอการมาของราตรี ปั้นข้าวเหนียวที่หญิงชาวบ้านคนนั้นให้มาอ่อนอุ่นอยู่ในห่อ หิวจนแสบท้องแต่เขายังไม่ยอมแกะห่อออกกิน เพื่อนอีกสองคนซุ่มรออยู่ที่ชายป่า พวกเขาก็อยู่ในสภาพไม่ต่างกัน ก่อนแดดวันนี้จะสิ้นแสงทุกคนคงได้อิ่มท้อง เขาจ้ำเท้าอย่างรีบเร่งและมีความหวัง เสียงอึกทึกของฝ่าเท้าคนจำนวนมากทำเอาแมลงไพรตกตื่นผวา บ้างแตกหนีลงรูดิน ทางเดินในหมู่บ้านตกอยู่ในความสงัด พอเขาเดินออกมาถึงกลางทุ่งโล่งที่คั่นระหว่างชายป่ากับหมู่บ้าน เสียงปืนก็แตกก้องฟ้า กระสุนสาดมาเป็นห่าฝน นัดหนึ่งเจาะเข้าที่โคนขาคนถือห่อข้าว เขาชักปืนสั้นวอลเทอร์ยิงตอบโต้กลับไปบ้าง พลางหนีกระเสือกกระสนไปล้มลงที่โคนไม้ริมชายป่า ได้ยินเสียงปืนชุดแรก สวรรค์กับวาริชจะหนุนเข้าไปช่วยปรีชา ตามยุทธวิธีที่ฝึกมา แต่ห่ากระสุนของฝ่ายผู้ล่าหนักหน่วงเกินต้าน จำต้องชวนกันถอยขึ้นไปรออยู่ในดงลึก หลังฟ้าค่ำไปพักใหญ่ สวรรค์ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอีกนัด แล้วป่าทั้งป่าก็คืนสู่ความเงียบงัน สวรรค์รู้ว่า ปรีชาเสียสละชีวิตแน่แล้ว เขาด้นป่าฝ่าความมืดไปหาบ้านคำบ่อ สั่งความให้ทหารบ้านมาสืบข่าวการล้อมยิงทหารป่าที่บ้านหนองกุง การพิสูจน์ของเจ้าหน้าที่ทราบว่า ศพนิรนามในชุดเสื้อผ้ามัวมอที่ทอดร่างอยู่บนกองเลือดของตัวเอง ริมชายป่าหมู่บ้านหนองกุง อำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร เป็นชายไทยเจ้าของบัตรประชาชนเลขที่ ๕๙๘๓๙/๒๔๙๖ ชื่อนาย จิตร ภูมิศักดิ์"เพื่อลบรอยคราบน้ำตาประชาราษฎร์ สักพันชาติจักสู้ม้วยด้วยหฤหรรษ์ แม้นชีพใหม่มีเหมือนหวังอีกครั้งครัน จักน้อมพลีชีพนั้นเพื่อมวลชน"... จิตร ภูมิศักดิ์ เป็นปราชญ์ของไทยอย่างแท้จริง วันนี้หากเขายังมีชีวิตอยู่ เขาจะมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับอาจารย์ ส. ศิวลักษณ์ เรื่องราวของจิตร ภูมิศักดิ์ มีคนเขียนเอาไว้เยอะมาก ผมคิดจะเขียนเรื่องราวของวีรบุรุษท่านนี้นานมาแล้ว เพียงแต่ไม่มีโอกาสเหมาะที่จะเขียนขึ้น และสืบเนื่องมาจากการที่มีคนเขียนเอาไว้เยอะ ทำให้การเขียนของผมยากลำบาก เพราะไม่ต้องการให้เนื้อหาซ้ำกับผู้เขียนท่านอื่นมากจนเกินไป แต่ในความยากก็มีความง่ายเพราะการหาข้อมูลสามารถทำได้ง่าย อีกเพียงเดือนกว่า ๆ ก็จะครบรอบวันคล้ายวันเกิดในปีที่ 76 ของวีรชนท่านนี้ ผมจึงมีความปราถนาอย่างแรงกล้าที่จะเผยแพร่เรื่องราวของท่านให้เพื่อน ๆ ได้เรียนรู้กัน งานเขียนของผมอ้างอิงจากหลายแหล่ง หลายเว็บไซต์มาก เพื่อไม่ให้ผู้อ่านต้องสะดุดในการอ้างอิงที่มาของงานเขียน ผมจะขอสรุปแหล่งอ้างอิงในตอนท้ายสุดของบทความ ซึ่งน่าจะเป็นซีรี่ย์ที่ยาว และใช้เวลาเขียนนาน ผมคาดว่าผมน่าจะจบซีรี่ย์นี้ได้ก่อนวันครบรอบวันคล้ายวันเกิดของท่าน ผมเปิดตัวโหมโรงบทความด้วยเรื่องราวการตายของจิตร ภูมิศักดิ ซึ่งผมคัดลอกมาจากเว็บนิตยสารสารคดี ส่วนหนึ่ง และ บทบันทึกงานรำลึก 36 ปี การจากไปของ "จิตร ภูมิศักดิ์" อีกส่วนหนึ่ง เนื่องจากผมเห็นว่าเป็นส่วนที่สมบูรณ์ในตัวเองอยู่แล้วจึงไม่ได้เขียนขึ้นใหม่ ผมเปิดตัวด้วยเรื่องราวการตายของท่าน ด้วยเหตุที่เรื่องราวที่ผมจะเขียนในตอนต่อ ๆ ไป ผมจะไม่เขียนถึงการตายของท่านอีก ผมเคยดูภาพยนต์เรื่อง The last Samurai ผมประทับใจตอนที่องค์จักรพรรดิเมจิถาม นาธาน อัลเกรนถึงการตายของคัทสึโมโต้ Emperor Meiji: Tell me how he died. Algren: I will tell you how he lived. เป็นประโยคที่กินใจผมมาก แน่นอนครับ ผมจะไม่เล่าเรื่องของจิตร ภูมิศักดิ์ ว่าเขาตายอย่างไร แต่ผมจะเล่าเรื่องของจิตร ภูมิศักดิ์ ว่าเขาใช้ชีวิตอย่างไร!!!
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-03-2007, 02:27 โดย คนในวงการ »
|
บันทึกการเข้า
|
"Be without fear in the face of your enemies. Be brave and upright that God may love thee. Speak the truth, always, even if it leads to your death. Safeguard the helpless, and do no wrong. That is your oath." - Balian of Ibelin -
|
|
|
ThailandReport
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: 23-08-2006, 11:51 » |
|
Emperor Meiji: Tell me how he died. Algren: I will tell you how he lived.
จักรพรรดิ ถามว่า : เล่าให้ฉันฟังหน่อยว่า เขาตายอย่างไร ? ทอม ครูช ตอบว่า : ให้กระหม่อมเล่าให้ฟังว่า เขามีชีวิตอยู่อย่างไรดีกว่า พะยะค่ะ .....
ซามูไรคนสุดท้าย ของประวัติศาสตร์ ญี่ปุ่นกลายเป็น อเมริกันคนนี้ไปได้ ภายหลังจาก ที่ จักพรรดิ ผู้เผลอหลงใหล ในอารยะธรรมตะวันตก ได้เห็นดีเห็นงามไปกับ มนตรีอำมาตย์ที่ให้ล้างผลาญ เหล่าซามูไร เลือดบูชิโด ประจำชาติ...
ทรงตระหนัก ได้คิดในวินาทีที่....เกือบสายเกินไป.. และทรงตัดสินพระทัย ใช้พระราชอำนาจ...ในเส้นทางสายใหม่ ประสานวัฒนธรรมเก่าแก่คงไว้ แต่เปิดรับวิทยาการใหม่ๆจากต่างชาติ
นั่นคือบทตอนสุดท้ายของ The Last Samurai หนังดีที่สุด อีก 1 เรื่องของ ทอม ครูช ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
The only thing necessary for the triump of evil is for good men to do nothing !! สิ่งเดียวที่จะทำให้คนชั่วได้รับชัยชนะ นั่นคือการที่ คนดีๆนิ่งดูดาย !
|
|
|
|
คนในวงการ
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: 23-08-2006, 12:13 » |
|
ขอบคุณคุณนักข่าวมากครับ ที่ช่วยมาช่วยเสริมในส่วนของภาพยนตร์เรื่อง The last Samurai ทำให้เพื่อนสมาชิกบางท่านที่ไม่ได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น แต่ผมขอแย้งความคิดเห็นของคุณนักข่าวส่วนหนึ่งครับ คือที่คุณนักข่าวบอกว่าซามูไรคนสุดท้ายคือ นาธานซึ่งเป็นชาวอเมริกัน ผมมองอีกมุมหนึ่งครับ ว่าเรื่องนี้ผู้แต่งน่าจะหมายถึงคัทสึโมโต้ ซึ่งใช้ชีวิตตามวิถีของบูชิโด ซึ่งเป็นวิถีการดำรงชีวิตของซามูไรอย่างแท้จริง การตายของเขาก็เพื่อพลีชีพเพื่อรักษาจิตวิญญาณของญี่ปุ่น เป็นการฝากข้อความไปถึงองค์จักรพรรดิเมจิ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของเขา เป็นการใช้ชีวิตเป็นบทเรียนบทสุดท้ายที่จะมอบให้กับลูกศิษย์ เพื่อเป็นการเตือนให้ชาวญี่ปุ่นไม่ลืมที่มาที่ไปของชนชาติของตนเอง เขาจึงเป็นซามูไรคนสุดท้ายที่แท้จริงครับ
ขอบคุณสำหรับคำชมครับคุณเก็ดถวา อย่างที่เขียนเอาไว้ครับ ว่าการเขียนเรื่องนี้ยากมาก คุณเก็ดถวาอาจต้องใช้ความอดทนสักนิดนะครับ กว่าจะจบซีรี่ย์
เพื่อนสมาชิกท่านอื่นที่มีเรื่องราวของ จิตร ภูมิศักดิ อยากจะร่วมเล่าด้วย ก็เชิญนะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"Be without fear in the face of your enemies. Be brave and upright that God may love thee. Speak the truth, always, even if it leads to your death. Safeguard the helpless, and do no wrong. That is your oath." - Balian of Ibelin -
|
|
|
ThailandReport
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: 23-08-2006, 12:29 » |
|
ขอบคุณคุณนักข่าวมากครับ ที่ช่วยมาช่วยเสริมในส่วนของภาพยนตร์เรื่อง The last Samurai ทำให้เพื่อนสมาชิกบางท่านที่ไม่ได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น แต่ผมขอแย้งความคิดเห็นของคุณนักข่าวส่วนหนึ่งครับ คือที่คุณนักข่าวบอกว่าซามูไรคนสุดท้ายคือ นาธานซึ่งเป็นชาวอเมริกัน ผมมองอีกมุมหนึ่งครับ ว่าเรื่องนี้ผู้แต่งน่าจะหมายถึงคัทสึโมโต้ ซึ่งใช้ชีวิตตามวิถีของบูชิโด ซึ่งเป็นวิถีการดำรงชีวิตของซามูไรอย่างแท้จริง การตายของเขาก็เพื่อพลีชีพเพื่อรักษาจิตวิญญาณของญี่ปุ่น เป็นการฝากข้อความไปถึงองค์จักรพรรดิเมจิ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของเขา เป็นการใช้ชีวิตเป็นบทเรียนบทสุดท้ายที่จะมอบให้กับลูกศิษย์ เพื่อเป็นการเตือนให้ชาวญี่ปุ่นไม่ลืมที่มาที่ไปของชนชาติของตนเอง เขาจึงเป็นซามูไรคนสุดท้ายที่แท้จริงครับ
ขอบคุณสำหรับคำชมครับคุณเก็ดถวา อย่างที่เขียนเอาไว้ครับ ว่าการเขียนเรื่องนี้ยากมาก คุณเก็ดถวาอาจต้องใช้ความอดทนสักนิดนะครับ กว่าจะจบซีรี่ย์
เพื่อนสมาชิกท่านอื่นที่มีเรื่องราวของ จิตร ภูมิศักดิ อยากจะร่วมเล่าด้วย ก็เชิญนะครับ
ขอมองต่างมุมมั่ง ผมมองว่า นาธาน ซึ่งถูกชะตาชีวิต ลิขิตให้เป็น "เสือขาว" ในนิมิตรของ คัทสิโมโต้ คือ ซามูไรคนสุดท้ายเพราะ เขาพร้อมถึง ทั้ง..กาย วาจา และใจ ครบ 3 ส่วนแล้วที่จะเป็น ซามูไรอย่างภาคภูมิ จาก นายทหารหนุ่ม ตะวันตก ที่ ไม่เคยสนใจวิถีชีวิต "ไร้สาระ" แบบตะวันออก เขาพกพาเพียง ความปวดร้าวในใจ ที่ต้อง ทำตามหน้าที่ เข่นฆ่า ผู้บริสุทธิ์ ชาวอินเดียแดง ไปมากมาย ความเจ็บแค้น ตัวเอง ทำให้เขาต้องกลายเป็น คนติดเหล้า... และร่ำร้องตะโกนก้อง ในคืนที่ เปล่าดาย.....รันทด.... นาธาน..รับพลังแห่งชีวิตใหม่ จาก ขุนเขา ของชาวซามุไร จิตวิญญาณ แห่งนักรบบูชิโด บ่มเพาะและปลุกนักสู้ คนนี้ขึ้นมาใหม่ ชาติพันธ์ และสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่อุปสรรค อีกต่อไป วันที่เขาได้รับการยอมรับว่า เป็น ซามูไร คือวันที่เขาได้สวมใส่ "ชุดเกราะสีแดง" นั้น ผมมองว่า เขาคือ... ซามูไร คนสุดท้าย ที่พร้อมจะตาย เคียงข้างคัทซึโมโต้... แต่ฟ้าลิขิต ให้ชีวิตเขาไว้...แค่บาดเจ็บสาหัส....เพื่อไปเข้าเฝ้า ถวายเรื่องราว ของ "ขุนทัพ"ซามูไร คนสุดท้าย...แด่องค์พระจักรพรรดิ์ ครับ !!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
The only thing necessary for the triump of evil is for good men to do nothing !! สิ่งเดียวที่จะทำให้คนชั่วได้รับชัยชนะ นั่นคือการที่ คนดีๆนิ่งดูดาย !
|
|
|
คนในวงการ
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: 23-08-2006, 12:34 » |
|
เป็นอีกมุมมองที่ดีครับ คุณนักข่าว
เพื่อน ๆ ท่านอื่น ๆ ร่วมเสวนาด้วยได้นะครับ เพราะ บทความจิตร ภูมิศักดิ์ ยังต้องใช้เวลาปั่นต้นฉบับตอนต่อไปอยู่ ระหว่างนี้ท่านใดมีเรื่องของ จิตร ภูมิศักดิ์ อยากจะเล่า หรือว่าจะเสวนาเรื่อง The last Samurai ก็ได้นะครับ หรือเรื่องอื่น ๆ ก็ได้ครับ ไม่ต้องกลัวออกทะเล เนื่องจากผมว่ายน้ำเก่งครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"Be without fear in the face of your enemies. Be brave and upright that God may love thee. Speak the truth, always, even if it leads to your death. Safeguard the helpless, and do no wrong. That is your oath." - Balian of Ibelin -
|
|
|
ThailandReport
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: 23-08-2006, 12:38 » |
|
เป็นอีกมุมมองที่ดีครับ คุณนักข่าว
เพื่อน ๆ ท่านอื่น ๆ ร่วมเสวนาด้วยได้นะครับ เพราะ บทความจิตร ภูมิศักดิ์ ยังต้องใช้เวลาปั่นต้นฉบับตอนต่อไปอยู่ ระหว่างนี้ท่านใดมีเรื่องของ จิตร ภูมิศักดิ์ อยากจะเล่า หรือว่าจะเสวนาเรื่อง The last Samurai ก็ได้นะครับ หรือเรื่องอื่น ๆ ก็ได้ครับ ไม่ต้องกลัวออกทะเล เนื่องจากผมว่ายน้ำเก่งครับ
ส่วนผม เก่งแต่พับเพียบไหว้ครับ...แต่ผมมีทั้ง ชูชีพ ห่วงยาง เสื้อกันกระสุน เอ้ย..เสื้อแพลอยน้ำ และ...กรมธรรม์ประกันชีวิต (+อุบัติเหตุทั่วโลก) พร้อมครับ ฮิๆ ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
The only thing necessary for the triump of evil is for good men to do nothing !! สิ่งเดียวที่จะทำให้คนชั่วได้รับชัยชนะ นั่นคือการที่ คนดีๆนิ่งดูดาย !
|
|
|
ใบไม้ทะเล
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: 23-08-2006, 12:40 » |
|
หนูว่าจะเก็บกระทู้ไว้อ่านตอนเย็นค่ะ ตอนนี้ ขอแซวๆๆชาวบ้านเขาไปก่อนค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
立てばしゃくやく、座ればぼたん、歩く姿はゆりの花
|
|
|
|
คนในวงการ
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: 23-08-2006, 13:21 » |
|
แหม๋คุณเก็ดถวา ถามคำถามข้ามช็อตเลยนะครับ อันที่จริงผมกะจะเก็บเอาไว้เล่า เรื่องชีวิตของจิตร ภูมิศักดิ์ ในช่วงที่เขาเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยผู้ดี (จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย-ไม่ได้ประชดประชันนะครับ ในยุคนั้นเค้าเรียกอย่างนี้จริง ๆ) เอาหละใหน ๆ ก็ถามมาแล้ว จะไม่ตอบก็กระไรอยู่ เธอคนนั้นชื่อ ม.ร.ว.ดวงใจ จิตรพงษ์ เป็นนายกชุมนุมปาฐกถาและโต้คารมแห่งคณะอักษรศาสตร์ ในขณะนั้นครับ คำพูดของเธอก็ได้รับการจารึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์เช่นกัน เธอปรี่เข้าไปแย่งไมค์จากนิสิตชายที่โยนบก จิตร ภูมิศักดิ (แล้วผมจะเล่าโดยละเอียดทีหลังนะครับ) โดยไม่เกรงกลัวอันตรายใด ๆ แล้วประกาศต่อนิสิตในหอประชุมว่า "มันเป็นการกระทำที่ป่าเถื่อนไร้มนุษยธรรม ทำไมจึงไม่รอการพิสูจน์ก่อน เราขอประณามการกระทำที่ป่าเถื่อนครั้งนี้ จะต้องมีการลงโทษบุคคลทั้งสองในการกระทำที่อุกอาจครั้งนี้"ผมหารายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องของเธอได้ไม่มากนัก ถ้าวันหลังหาได้เพิ่มจะนำมาเล่าให้ฟังครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"Be without fear in the face of your enemies. Be brave and upright that God may love thee. Speak the truth, always, even if it leads to your death. Safeguard the helpless, and do no wrong. That is your oath." - Balian of Ibelin -
|
|
|
ThailandReport
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: 23-08-2006, 13:31 » |
|
คั่นด้วยเพลง นี้จะผิดบรรยากาศไหมครับ เพลงที่เปิดในวันที่ทรงเสด็จ ....ออกสีหบัญชร เพลง การเดินทางของใจที่เที่ยงแท้ Album: นิพพาน หรือชื่อภาษาอังกฤษ Journey On The Earth แต่งโดย จำรัส เศวตาภรณ์ ครับ ฟังได้ที่ http://thai.greenmusic.org/index.php?mode=frontweb&lang=eng&file=genProductDetail&id=8&back=genMainpage&page=0 เลือกที่Play Sampleหลังชื่อเพลงนะครับ อัลบั้มชุด นิพพาน (Nivana) นี้ที่แมงป่องมีขาย ราคา 236 บาทครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
The only thing necessary for the triump of evil is for good men to do nothing !! สิ่งเดียวที่จะทำให้คนชั่วได้รับชัยชนะ นั่นคือการที่ คนดีๆนิ่งดูดาย !
|
|
|
|
คนในวงการ
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: 23-08-2006, 13:40 » |
|
คุณใบไม้ทะเล กำลังออกทะเล ตอนเย็น ๆ มาอ่านก็ดีครับ แล่นเรือเสร็จมานั่งอ่านเรื่องราวของวีรชนที่การจากไปของท่านเป็นความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงของไทยนะครับ ขอบคุณคุณนักข่าวอีกรอบ ที่ช่วยสร้างบรรยากาศ ที่ฟังแล้วทำให้กระทู้ผมดูขลังขึ้นเยอะเลยครับ เพลงอื่น ๆ ก็ไพเราะมากเช่นกันครับ เป็นอัลบัมที่น่าซื้อหามาฟังเป็นอย่างยิ่งครับ คุณเก็ดถวาครับ น้อยคนมากที่สนใจเรื่องของจิตร ภูมิศักดิ์อย่างละเอียดขนาดนี้ คุณเก็ดถวาทำให้ผมทึ่งกับคำถาม ที่ไม่คิดว่าจะมีใครถามขึ้นมา แล้วผมจะไม่ตอบได้อย่างไรครับ เดี๋ยวสักครู่ผมจะไปพักผ่อนแล้วครับ แหะ แหะ ถ้าผมหายไป ก็เจอกันตอนดึก ๆ ครับ ถ้าไม่สลบไปซะก่อนครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"Be without fear in the face of your enemies. Be brave and upright that God may love thee. Speak the truth, always, even if it leads to your death. Safeguard the helpless, and do no wrong. That is your oath." - Balian of Ibelin -
|
|
|
พระพาย
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: 23-08-2006, 13:43 » |
|
มาแว้วววว.... รออ่านอยู่ตั้งนาน... จะตามอ่านเรื่อยๆ ครับ ติดใจคำนี้ ผมจะไม่เล่าเรื่องของจิตร ภูมิศักดิ์ ว่าเขาตายอย่างไร แต่ผมจะเล่าเรื่องของจิตร ภูมิศักดิ์ ว่าเขาใช้ชีวิตอย่างไร!!!
อยากถามคุณคนในวงการว่า... ที่มาของงานชิ้นสำคัญที่สุดของจิตรนั้นมาได้อย่างไร ใช้ชีวิตบุกบั่นขนาดไหนถึงจะได้มา
อ่า.... หรือต้องรอไคลแมกซ์ตอนท้่ายๆ คับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
คนในวงการ
|
|
« ตอบ #15 เมื่อ: 23-08-2006, 13:51 » |
|
ขอบคุณที่เข้ามาติดตามอ่านครับคุณพระพาย งานของจิตร ภูมิศักดิ์ (งานเขียนทางวิชาการ) ทุกชิ้นถือได้ว่าเป็นสุดยอดทั้งสิ้น สำหรับผมแล้วทุกชิ้นสำคัญเท่ากันหมด เป็นเรื่องที่ผมจะเขียนถึงเช่นกันครับ ถ้าคุณพระพายไม่ใจร้อน รออ่านในตอนต่อ ๆ ไปดีมั้ยครับ หรือว่าจะให้เฉลยตรงนี้เลย? เดี๋ยวไม่ตื่นเต้นนะครับ คุณเก็ดถวาครับ อย่าเพิ่งตั้งความหวังหรือคาดหวังอะไรจากผมมากนักนะครับ ผมเป็นเพียงเหยี่ยวอนาถาที่ว่างเว้นจากศึกสงคราม ที่บังอาจริอ่านเขียนเรื่องราวของวีรบุรุษในดวงใจของผมเท่านั้นเอง ผมเชื่อว่ามีผู้รู้อีกหลายท่านในเสรีไทยครับ ที่กำลังรอมะพร้าวน้ำหอมจากสวนของผมอยู่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"Be without fear in the face of your enemies. Be brave and upright that God may love thee. Speak the truth, always, even if it leads to your death. Safeguard the helpless, and do no wrong. That is your oath." - Balian of Ibelin -
|
|
|
ดอกฟ้ากับหมาวัด
|
|
« ตอบ #16 เมื่อ: 23-08-2006, 14:17 » |
|
เข้ามาลงชื่อรออ่านด้วยคนค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ
น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
|
|
|
ภูพาน
|
|
« ตอบ #17 เมื่อ: 23-08-2006, 14:52 » |
|
มาลงชื่อคนชอบอ่านด้วยคน... (แต่ไม่ชอบค้นคว้า... )
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ขอกันข้าให้ไกลห่างจากคนที่กล่าวว่า "ข้าเป็นดวงเทียนที่นำความสว่างให้หนทางของประชาชน" หากแต่ผู้ที่แสวงหาหนทางของตนจากแสงแห่งประชาชนนั้น ขอจงนำข้าเข้าไปใกล้ชิดด้วยเถิด ~ คาลิล ยิบราน
|
|
|
THE THIRD WAY
|
|
« ตอบ #18 เมื่อ: 23-08-2006, 15:32 » |
|
เคยอ่านประวัติท่านพอสมควร ผลงานของท่านอ่านพอสมควรเช่นกัน
ขอคารวะผู้แต่งเพลงจิตร ภูมิศักดิ์ ควรค่าจริงๆครับ บ้านเราก็แบบนี้ กว่าจะรู้คุณค่าคน สายไปทุกที
คนไทยที่ได้รับรางวัลนานาชาติ บางคนแทบเอาตัวไม่รอด รัฐบาลหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์....ตุ๋ย (เพียงแต่คิดไม่เหมือนรัฐบาลเท่านั้น มิได้หมายล้มล้าง)
เหมือนตอนนี้เด๊ะ ไม่อยากพูด ใครคิดไม่เหมือนกรู..แม่มหาว่าขาประจำมั่ง ไอ้นู่นมั่ง ไอ้นี่มั่ง ทีพวกมันทำดีโม๊ดดดดดดดดดดดดดด ประเทศไทยนี้ดีทุกอย่าง เสียดายที่มีนักการเมืองมือไม่ถึงมาข่มขืนป่นปี้หมด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ความรักนั้นหวาน ไม่ว่าจะรับหรือให้ ************************ การขับไล่ทรราช เป็นภารกิจของเจ้าของประเทศ
|
|
|
ดอกเข็มขาว
|
|
« ตอบ #19 เมื่อ: 23-08-2006, 16:17 » |
|
ตามมาอ่านด้วยคนค่ะ และจะรอคอยอ่านตอนต่อไปนะคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
*bonny
|
|
« ตอบ #20 เมื่อ: 23-08-2006, 17:59 » |
|
เข้ามาอ่านครับ การต่อสู้ของคุณจิตร ก็เป็นการต่อสู้แบบดั้งเดิมของคนมีอุดมการณ์แรงกล้า การต่อสู้ที่จำเป็นต้องตาย.. ตายเพื่อเป็นอนุสรณ์ของการรำลึกให้คนรุ่นหลังที่สืบสานอุดมการณ์ได้ติดตามเคารพ บูชา และยึดถือเป็นแบบอย่าง ถ้าคุณจิตรไม่ตาย ก็ไม่เกิดวีรกรรม คุณจิตรก็อาจมีสภาพเหมือนคุณ ส.ศิวลักษณ์ในปัจจุบัน หรือ คุณเนาวรัตน์ พงศ์ไพบูลย์ ชีวิตที่อยู่บนความเป็นจริง อยู่ที่ว่า ความเป็นจริงนั้นอยู่ในช่วงเวลาใด ชีวิตก็เปลี่ยนไปตามความเป็นจริงของช่วงเวลานั้นข้อสำคัญของผู้ที่สืบสาน จึงจำเป็นต้องรู้ว่า ความเป็นจริงของช่วงเวลานี้อยู่ตรงไหน ค้นหาให้เจอ แล้วเอาความเป็นจริงแต่ละช่วงเวลามาสังเคราะห์ เพื่อให้ตกผลึกทางปัญญา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ประเทศชาติมีภัย เสรีไทยร่วมกอบกู้
|
|
|
|
เก็ดถวา
|
|
« ตอบ #22 เมื่อ: 23-08-2006, 18:51 » |
|
-----
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-08-2006, 11:02 โดย เก็ดถวา »
|
บันทึกการเข้า
|
Avada Kedavra!!!!!!!
|
|
|
ดอกฟ้ากับหมาวัด
|
|
« ตอบ #23 เมื่อ: 25-08-2006, 01:34 » |
|
เสียดายที่คนดีๆต้องจากไป และเชื่อว่าคนอย่างคุณจิตร ภูมิศักดิ์
ยังมีอยู่ในทุกยุคสมัย
''ตัดกิ่งยังแตกก้าน ยังผลิบานทั้งช่อใบ รากแก้วปลูกฝังไว้ เป็นไม้ใหญ่ที่ยืนยง
ยิ่งตัดยิ่งแตกราก แม้นจำพรากรากยังคง อุดมการณ์ที่ซื่อตรง ไม่ลืมหลงไม่ลืมเลือน''
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ
น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
|
|
|
เก็ดถวา
|
|
« ตอบ #24 เมื่อ: 25-08-2006, 01:48 » |
|
-----
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-08-2006, 11:02 โดย เก็ดถวา »
|
บันทึกการเข้า
|
Avada Kedavra!!!!!!!
|
|
|
ดอกเข็มขาว
|
|
« ตอบ #25 เมื่อ: 26-08-2006, 09:26 » |
|
มานั่งคอยคุณ คนในวงการ เขียนต่อค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
คนในวงการ
|
|
« ตอบ #26 เมื่อ: 26-08-2006, 16:04 » |
|
ฝนแรก
2471 ก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครองเพียง 4 ปี นายตรวจสรรพสามิตหนุ่มที่ชื่อ ศิริ ภูมิศักดิ์ ก็ได้ตกลงปลงใจแต่งงานกับ แสงเงิน ฉายาวงศ์ ลูกสาวพ่อค้าในอำเภอเมืองจังหวัดนครนายก จังหวัดเล็ก ๆ ใกล้พระนคร สองปีต่อมาทั้งสองจึงได้ให้กำเนิดบุตรสาวคนแรก ของครอบครัว ศิริ ได้ตั้งชื่อลูกสาวให้สอดคล้องกับชื่อของตนว่า ภิรมณ์ ไม่นานหลังจากนั้น ศิริและครอบครัวก็ต้องย้ายไปอยู่จังหวัดปราจีนบุรี ที่จังหวัดปราจีนบุรีนี่เองที่ เด็กชายสมจิตร ภูมิศักดิ์ ได้มีโอกาสลืมตาขึ้นมาดูโลก
เด็กชายสมจิตร เมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ.2473 ที่ ต.ประจันตคาม อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี แน่นอน ศิริ ตั้งชื่อลูกชายให้สอดคล้องกับพี่สาวคนโต ครอบครัวภูมิศักดิ์ ได้ปักหลักอยู่ที่ปราจีนบุรีนานถึง 6 ปี จึงได้ย้ายตามนายศิริ ซึ่งต้องไปประจำอยู่ที่กาญจนบุรีในปี 2479 ที่นั่นเด็กชายสมจิตรก็ได้เข้าเรียนชั้นประถมศึกษา 2481 เด็กชายสมจิตร ได้เปลี่ยนชื่อเป็น จิตร ตามนโยบายของรัฐบาลในสมัยนั้นที่ต้องการให้คนไทยมีชื่อที่ระบุเพศได้ชัดเจน ครอบครัวภูมิศักดิ์ต้องอพยพย้ายกันอีกครั้งในปี 2483 ไปอยู่ที่จังหวัดสมุทรปราการ เด็กชายจิตร ได้เข้าเรียนชั้นมัธยมต้นที่จังหวัดนี้
แต่ต่อมาเพียงอีกเจ็ดเดือนให้หลัง ศิริ ก็ต้องย้ายไปกินตำแหน่งที่จังหวัดพิบูลสงคราม จังหวัดใหม่ที่ไทยยึดได้จากเขมร (จังหวัดพระตะบอง) ในปี 2484 ด้วยเป็นเพราะจิตรเพิ่งจะเข้าเรียนชั้นมัธยมต้นและจังหวัดพิบูลสงครามก็ยังไม่แน่ชัดว่ามีความเป็นอยู่อย่างไร ศิริ จึงฝากจิตรเอาไว้กับพระที่วัดพิชัยสงคราม (วัดนอก) ที่ซึ่งจิตรต้องใช้ชีวิตเป็นอารามบอยนานถึง 3 ปี แต่สามปีนี้ เป็นสามปีสำคัญที่ฝนแรกได้ให้กำเนิดต้นกล้าผู้ที่จะเติบโตขึ้นเป็นปราชญ์คนสำคัญของไทย สามปีที่เพาะบ่มเด็กชายบ้านนอกให้เข้าสู่โลกของอักษรศาสตร์ จิตรเรียนภาษาเขมรที่นี่!! นอกจากจะต้องหิ้วปิ่นโตตอนเช้าแล้ว จิตรยังต้องเป็นลูกมือในการลงตะกรุดลงยันต์ ซึ่งเป็นภาษาขอม ทำให้ได้เรียนรู้ภาษาเขมรโบราณไปในตัว
เมื่อเรียนจบชั้นมัธยม 3 ศิริซึ่งย้ายไปอยู่ที่จังหวัดพิบูลสงครามได้ถึงสามปี ความเป็นอยู่เริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว จึงได้ย้ายจิตรให้ไปเรียนต่อชั้นมัธยม 4 ที่จังหวัดพิบูลสงคราม ในปี 2487 การมาเรียนต่อในจังหวัดที่เคยเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศษ ทำให้จิตรได้มีโอกาสเรียนรู้ภาษาฝรั่งเศษ และภาษาเขมร โดยเฉพาะภาษาเขมร เขาแตกฉานถึงขนาดแปลศิลาจารึกโบราณได้เลยทีเดียว
รักแรกของจิตรได้ถือกำเนิดที่นี่ ไม่มีบันทึกเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก รู้แต่เพียงชื่อของเธอ เวียน เกิดผล น่าเสียดายที่ในปี 2489 เมื่อสิ้นสุดสงครามอินโดจีน ประเทศไทยต้องคืนดินแดนที่ยึดมาได้ให้กับกัมพูชา เป็นเหตุให้หนุ่มสาวคู่นี้ต้องพลัดพรากจากกัน เพราะต้องอพยพกลับประเทศไทย
นอกจากเรื่องราวความรักที่แสนโรแมนติกนี้แล้ว ยังมีเรื่องที่น่าเจ็บปวดเกิดขึ้นกับครอบครัวภูมิศักดิ์ เมื่อความรักของ ศิริ กับ แสงเงิน ก็จบสิ้นลงที่จังหวัดพิบูลสงคราม ภิรมณ์ ภูมิศักดิ์ พี่สาวของจิตรได้บันทึกเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ว่า
" คุณแม่ไม่เคยได้รับรักเดียวใจเดียวจากผู้เป็นที่รัก ปีแล้วปีเล่าที่ต้องทนขมขื่นกับความรู้สึกกลัดหนองเมื่อทั้งรู้ทั้งเห็น ว่าผู้ที่ตนรัก เอาใจไปแบ่งปันให้หญิงอื่น เอาทรัพย์สินที่หาได้ไปบำเรอหญิงอื่น โดยไม่ไยดี ต่อบุคคลในครอบครัว... วันหนึ่ง ลูก ๆ ก็ได้ทราบว่าคุณแม่ตัดสินใจเด็ดขาด แยกทางเดินกับคุณพ่อ ลูก ๆ ทราบอย่างไม่ตกอกตกใจ เพราะความ ทุกข์ของ แม่นั้น เรารู้อยู่เต็มอก " และที่จังหวัดพิบูลสงครามอีกเช่นกัน ที่จิตรได้เรียนรู้บทเรียนแรกเกี่ยวกับการเมือง เขาได้รู้ได้เห็นการเรียกร้อง "เอ็ยสะระ" ของชาวกัมพูชา ซึ่งจิตรได้บันทึกในภายหลังว่านั่นคือความประทับใจการเมืองครั้งแรกในชีวิตของเขา
2490 หลังจาก แสงเงิน แยกทางเดินกับ ศิริ แสงเงินได้อพยพครอบครัวสามแม่ลูกมาอยู่ที่จังหวัดลพบุรี แสงเงินเช่าบ้านและเปิดเป็นร้านรับจ้างเย็บเสื้อผ้า และจำหน่ายเสื้อผ้าอยู่ที่นั่น จิตรได้เขียนโคลงอาฆาตานุสรณ์ ที่สะท้อนความคาดหวังว่าสักวันหนึ่งจังหวัดพระตะบองและอีกสามจังหวัดที่ไทยต้องคืนให้กัมพูชาจะกลับมาเป็นของไทยว่า "หากสยามกลับเกรียงไกร องอาจ นาท่าน แปดเขตต์ไทยเดิมอ้า โอบเข้าถิ่นสยาม" นอกจากนั้นจิตรยังเขียนถึงความอาลัยอาวรณ์คนรักเอาไว้ในนิราศอพยพที่เขาเขียนด้วยความสะเทือนใจ
ด้วยความมองการณ์ไกลของแสงเงิน เธอจึงส่งลูกทั้งสองมาเรียนต่อที่กรุงเทพ โดยภิรมณ์ได้เข้าเรียนต่อที่เตรียมอุดมศึกษา ส่วนจิตรได้เข้าเรียนต่อมัธยม 5 ที่โรงเรียนเบญจมบพิตร ตอนที่จิตรมาขอเรียนต่อนั้น อาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนไม่รับเอาไว้ สองพี่น้องต้องต่อสู้อยู่นานกว่าที่โรงเรียนเบญจมบพิตรจะยอมรับจิตรเข้าเรียนทั้ง ๆ ที่รัฐบาลได้ประกาศให้เด็กที่อพยพมาจากกัมพูชาสามารถเข้าเรียนต่อโรงเรียนใหนก็ได้ที่อยากเรียน จิตรได้เข้าเรียนต่อโดยมีภิรมณ์ผู้เป็นพี่สาวลงชื่อเป็นผู้ปกครอง ชีวิตในโรงเรียนเบญจมบพิตรของจิตรเป็นช่วงชีวิตที่ไม่ราบรื่นนัก เนื่องจากต้องถูกเพื่อนล้อเลียนเป็นประจำว่าเป็นไอ้เขมร ด้วยบรรยากาศเกลียดชังเขมรของคนไทยในสมัยนั้น
เมื่อปิดเทอมภาคฤดูร้อนของชั้นมัธยม 5 จิตรได้กลับไปเยี่ยมแม่ของเขาที่ลพบุรี ที่นั่นจิตรได้พบกับรักแรกของเขาอีกครั้ง และเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต ซึ่งจิตรได้เขียนบันทึกเอาไว้ว่า
คุยกับคุณเวียนประเดี๋ยวหนึ่ง สังเกตได้ว่าท่าทางสาวจะมีใจให้อยู่เหมือนกัน "วันนี้พูดกันมากที่สุดตั้งแต่รู้จักกันมา พอลาแม่เขาแล้ว หันไปลาเขา เขายกมือไหว้ หันมองเราจนลับตา..."
ในท้ายบันทึกที่เขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ของจิตร จิตรได้เขียนรำพึงเอาไว้ในภายหลังว่า "เดี๋ยวนี้ คุณเวียนไปอยู่ที่ไหนหนอ"
ในปีที่จิตรเรียนชั้นมัธยม 6 มีการเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิต่าง ๆ ของคนจีนในไทย มีการก่อความไม่สงบขึ้นประปรายของคนจีนที่อพยพมาอาศัยอยู่ในเมืองไทย อยู่มาวันหนึ่งจิตรได้ไปอ่านบทความของอาจารย์ท่านหนึ่งบนกระดานประกาศข่าวของห้องสมุด มีเนื้อหาเกี่ยวกับนโยบายของจีนที่จะกลืนชาติไทย เมื่อจิตรอ่านเสร็จก็โกรธคนจีนและต้องการที่จะตอบโต้ เขาเขียนจดหมายถึงหัวหน้าชั้นทุกห้อง ชักชวนให้นักเรียนทุกคนมารวมตัวกันที่สนามหน้าโรงเรียนตอนพักเที่ยง เมื่อเวลามาถึงนักเรียนเกือบทั้งโรงเรียนมารวมตัวกัน จิตรจึงได้ขึ้นเวทีนำการประท้วงครั้งแรกในชีวิต จิตรได้ตระโกนร้องถามผู้ชุมนุมประโยคแรกว่า
"จะนิ่งดูดายให้ชาติอื่น ๆ เขากลืนชาติไทยได้ไหม"
เสียงตอบก็ดังกระหึ่มขึ้นมาพร้อม ๆ กันว่า ไม่ได้ ๆ ๆ
ชีวิตของนักปฏิวัติได้เปิดฉากแล้ว ณ. เวลานั้นเอง
เมื่อจบมัธยม 6 เขาได้เข้าเรียนต่อที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา พยาไท ตามรอยพี่สาวซึ่งตอนนี้ได้เข้าเรียนในคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จิตรเรียนจนจบชั้นเตรียม 2 (ม.ศ.5) ด้วยคะแนนเพียง 65% (เกรดเฉลี่ยประมาณ 2 ต้น ๆ) จากนั้นจึงสอบเข้าเรียนต่อคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี 2493
ชีวิตในวัยเด็กของจิตร ไม่ได้งดงามสวยหรู เต็มไปด้วยเรื่องราวที่ชวนฝันเหมือนกับเด็กโดยทั่วไป เขาเติบโตขึ้นมาในครอบครัวข้าราชการชั้นผู้น้อย ซึ่งไม่ได้อบอุ่นอย่างที่ควรจะเป็น ต้องระหกระเหิรย้ายติดตามบิดาไปอาศัยอยู่ในจังหวัดต่าง ๆ ชะตาชีวิตได้เคี่ยวกรำให้เขาต้องแกร่ง จิตรไม่ใช่เด็กที่รักการเรียน และไม่ชอบไปโรงเรียนมาตั้งแต่ยังเด็ก แต่จิตรรักการเรียนรู้ในโลกกว้าง ตอนนั้นจะมีใครรู้หรือไม่ว่าเด็กชายสมจิตร จิตร ภูมิศักดิ์ เมื่อเขาเติบใหญ่ จะกลายเป็นหนึ่งในปราชญ์ของประเทศไทย จะกลายเป็นตำนานของวีรชนคนหนุ่มสาวทุกยุคทุกสมัย ...
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-08-2006, 16:54 โดย คนในวงการ »
|
บันทึกการเข้า
|
"Be without fear in the face of your enemies. Be brave and upright that God may love thee. Speak the truth, always, even if it leads to your death. Safeguard the helpless, and do no wrong. That is your oath." - Balian of Ibelin -
|
|
|
เก็ดถวา
|
|
« ตอบ #27 เมื่อ: 26-08-2006, 17:14 » |
|
-----
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-08-2006, 11:02 โดย เก็ดถวา »
|
บันทึกการเข้า
|
Avada Kedavra!!!!!!!
|
|
|
ดอกเข็มขาว
|
|
« ตอบ #28 เมื่อ: 26-08-2006, 17:28 » |
|
เข้ามาอ่านแล้วค่ะ ขอบคุณคนในวงการมากที่เขียนให้อ่าน และจะรอคอยตอนต่อไปค่ะ นานแค่ไหนก็จะรอค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เก็ดถวา
|
|
« ตอบ #29 เมื่อ: 26-08-2006, 17:32 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
Avada Kedavra!!!!!!!
|
|
|
ดอกเข็มขาว
|
|
« ตอบ #30 เมื่อ: 26-08-2006, 17:48 » |
|
หนูเก็ดขา นานแค่ไหนของพี่ หมายถึงห้ามเกิน 3 วันค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
คนในวงการ
|
|
« ตอบ #31 เมื่อ: 27-08-2006, 02:02 » |
|
อ่า ... ขอบคุณสำหรับ comment ครับ หวังว่าคงไม่หลับกันไปก่อนจะอ่านกันจบนะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"Be without fear in the face of your enemies. Be brave and upright that God may love thee. Speak the truth, always, even if it leads to your death. Safeguard the helpless, and do no wrong. That is your oath." - Balian of Ibelin -
|
|
|
ดอกฟ้ากับหมาวัด
|
|
« ตอบ #32 เมื่อ: 27-08-2006, 02:18 » |
|
-------------------------------------------------------------------------------- อ่า ... ขอบคุณสำหรับ comment ครับ หวังว่าคงไม่หลับกันไปก่อนจะอ่านกันจบนะครับ นั่งตบยุง ปัดแมลง ปูเสื่อรอเลยค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ
น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
|
|
|
คนในวงการ
|
|
« ตอบ #33 เมื่อ: 27-08-2006, 02:23 » |
|
อ่า ... ผมหมายถึงเวลาอ่านหนะครับคุณดอกฟ้าฯ ไม่ได้หมายถึงจะเขียนให้อ่านคืนนี้ แหะ แหะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"Be without fear in the face of your enemies. Be brave and upright that God may love thee. Speak the truth, always, even if it leads to your death. Safeguard the helpless, and do no wrong. That is your oath." - Balian of Ibelin -
|
|
|
ดอกฟ้ากับหมาวัด
|
|
« ตอบ #34 เมื่อ: 27-08-2006, 02:25 » |
|
อ่า ... ผมหมายถึงเวลาอ่านหนะครับคุณดอกฟ้าฯ ไม่ได้หมายถึงจะเขียนให้อ่านคืนนี้ แหะ แหะ
งั้นเก็บเสื่อกลับบ้านก่อนก็ได้ค่ะ เด๋วมาใหม่ อิ อิ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ
น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
|
|
|
999
|
|
« ตอบ #35 เมื่อ: 27-08-2006, 02:27 » |
|
"เพื่อลบรอยคราบน้ำตาประชาราษฎร์ สักพันชาติจักสู้ม้วยด้วยหฤหรรษ์ แม้นชีพใหม่มีเหมือนหวังอีกครั้งครัน จักน้อมพลีชีพนั้นเพื่อมวลชน" อยากให้เอาบทกวีต้นแบบ ภาษาอังกฤษมาลงด้วยครับ.. เสียดายที่ผมลองแต่งไว้หลายสำนวนหายไป.หมดเลย เก็บไว้ในเว็บบอร์ดที่อื่น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
คนในวงการ
|
|
« ตอบ #36 เมื่อ: 27-08-2006, 02:33 » |
|
เอามาลงให้แน่นอนครับคุณสามเก้า แต่ให้ถึงตอนนั้นก่อนนะครับ แหะ แหะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"Be without fear in the face of your enemies. Be brave and upright that God may love thee. Speak the truth, always, even if it leads to your death. Safeguard the helpless, and do no wrong. That is your oath." - Balian of Ibelin -
|
|
|
999
|
|
« ตอบ #37 เมื่อ: 27-08-2006, 02:41 » |
|
เอามาลงให้แน่นอนครับคุณสามเก้า แต่ให้ถึงตอนนั้นก่อนนะครับ แหะ แหะ
ยินดีรอครับ..
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เก็ดถวา
|
|
« ตอบ #38 เมื่อ: 27-08-2006, 02:43 » |
|
--------
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-08-2006, 11:03 โดย เก็ดถวา »
|
บันทึกการเข้า
|
Avada Kedavra!!!!!!!
|
|
|
พระพาย
|
|
« ตอบ #39 เมื่อ: 27-08-2006, 02:46 » |
|
สวัสดียามดึก... เข้ามานั่งอ่านแล้วเพลินมั่กๆ
ไม่ใช่แค่สนุกอย่างเดียว แต่สอดแทรกแรงบันดาลใจที่ส่งตัวละครให้เหมือนมีชีวิต บางช่วงสอดแทรกการวิเคราะห์ได้น่าสนใจมาก
แฮ่ม... ไม่อยากเชื่อว่าจิตร "ผู้รักชาติ" ในวัยเด็กและต่อสู้เพื่อชาติในแนวทางของคอมมิวนิสต์ในช่วงปลาย ต่อมาจะเขียนหนังสือที่ตั้งคำถามเกี่ยวกับความเป็นมาของชาติได้ในระดับถอนราก
เป็นความขัดแย้งในตัวจิตรหรือไม่?
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
คนในวงการ
|
|
« ตอบ #40 เมื่อ: 27-08-2006, 03:00 » |
|
ติดตามตอนต่อไปครับ คุณพระพาย ฮี่ ๆๆๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"Be without fear in the face of your enemies. Be brave and upright that God may love thee. Speak the truth, always, even if it leads to your death. Safeguard the helpless, and do no wrong. That is your oath." - Balian of Ibelin -
|
|
|
พระพาย
|
|
« ตอบ #41 เมื่อ: 27-08-2006, 05:08 » |
|
รอ... ติดตามตอนต่อไปอยู่... ง่วงนอนแระ... ถ้าคุณคนในวงการเขียนยังไม่เสร็จ... ผมขอสักครึ่งตอนส่งมาทางเมล์บ๊อกซ์ก่อนได้ป่ะ รับรองผมไม่เอาไปเล่าให้ใครฟังก่อน อิ อิ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
snowflake
|
|
« ตอบ #42 เมื่อ: 27-08-2006, 10:07 » |
|
^ ^ ติดงอมแงม ขนาดมีอ้อน ขอครึ่งตอนเป็นการส่วนตัว โห อะไรจะขนาด ... น้าน ------ ขึ้นต้นก็โหดเลย โดนซะจน ... ต้องแก้ด้วยการจับผิด กลั่นแกล้งผู้เขียน ดีกว่า 555 ปรา รถนา มี ร อีกตัวค่ะ ไปละ ก่อนแฟนพันธุ์แท้จะมารุมตื้บ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
Even the smallest person can change the course of the future.
|
|
|
เก็ดถวา
|
|
« ตอบ #43 เมื่อ: 27-08-2006, 10:22 » |
|
-----
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-08-2006, 11:03 โดย เก็ดถวา »
|
บันทึกการเข้า
|
Avada Kedavra!!!!!!!
|
|
|
คนในวงการ
|
|
« ตอบ #44 เมื่อ: 27-08-2006, 15:00 » |
|
ขอบพระคุณ คุณ snowflake มากครับที่ช่วยมาตรวจทานต้นฉบับ ผมสะกดผิดจริง ๆ เนื่องมาจากความเคยชินครับ แหะ แหะ
สำหรับเพื่อน ๆ ที่รออ่าน ผมอาจจะเขียนช้าหน่อยนะครับ เนื่องจากต้องใช้เวลาตกผลึกข้อมูลครับ มันเยอะมาก ๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"Be without fear in the face of your enemies. Be brave and upright that God may love thee. Speak the truth, always, even if it leads to your death. Safeguard the helpless, and do no wrong. That is your oath." - Balian of Ibelin -
|
|
|
|
zero
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
ออฟไลน์
กระทู้: 29
|
|
« ตอบ #46 เมื่อ: 27-08-2006, 21:27 » |
|
ขออนุญาตเจ้าของกระทู้นะครับ.. ประโยคที่ว่า ดั่งเทียนผู้ถ่องแท้แก่ตน แต่ตามเนื้อเพลงแล้วรู้สึกจะเป็นว่า ดั่งเทียนผู้ถ่องแท้แก่คน หรือเปล่าครับ
................................................
เป็นคนหนึ่งที่ศรัทธา "จิตร ภูมิศักดิ์ " และก็ได้ศึกษาค้นคว้าถึงเรื่องราวของท่าน ทุกวันนี้ก็ยังอ่านบทความเกี่ยวกับท่านอยู่เสมอ ขอบคุณสำหรับ สิ่งดีๆที่มีมาให้อ่านครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เก็ดถวา
|
|
« ตอบ #47 เมื่อ: 28-08-2006, 00:38 » |
|
-----
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-08-2006, 11:04 โดย เก็ดถวา »
|
บันทึกการเข้า
|
Avada Kedavra!!!!!!!
|
|
|
คนในวงการ
|
|
« ตอบ #48 เมื่อ: 28-08-2006, 01:34 » |
|
ขอบคุณสำหรับดอกไม้ครับคุณเก็ดถวา สวัสดีครับคุณ zero ดั่งเทียนผู้ถ่องแท้แก่ ตน ครับ ลองฟังดูได้ตาม link นี้นะครับ http://www.uploadtoday.com/download.php?42e8255f3c41c92d0f52327502d1e0fd
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"Be without fear in the face of your enemies. Be brave and upright that God may love thee. Speak the truth, always, even if it leads to your death. Safeguard the helpless, and do no wrong. That is your oath." - Balian of Ibelin -
|
|
|
zero
สมาชิกสามัญขั้นที่ 1
ออฟไลน์
กระทู้: 29
|
|
« ตอบ #49 เมื่อ: 28-08-2006, 16:56 » |
|
ถึงคุณเจ้าของกระทู้ครับ ก่อนอื่นต้องขอชี้แจงก่อนนะครับ ว่าไม่ได้คิดจะมาขัดแย้งอะไร เพียงแค่สงสัย ซึ่งคงจะเป็นข้อปลีกย่อยเล็กน้อยเท่านั้นเอง ผมเองก็ศึกษาเรื่องราวของ ' จิตร ' มาบ้างเล็กน้อย เพลง 'จิตร ภูมิศักดิ์' ก็ฟังมาหลายเวอร์ชั่นทั้งเก่าและใหม่ ฟังกี่ครั้ง ก็ฟังว่า ดั่งเทียนผู่ถ่องแท้แก่ 'คน' อยู่ดี เนื้อเพลง จิตร ภูมิศักดิ์ ของคาราวาน ก็ ระบุว่า ดั่งเทียนผู้ถ่องแท้แก่'คน' รวมทั้งหนังสือที่อ่านอยู่เรื่อยๆ ' ชื่อจิตร ภูมิศักดิ์ เป็นนักคิดนักเขียน ดั่งเทียนผู้ถ่องแท้แก่คน ' http://www.4shared.com/file/3305113/2a9aadea/img_0120.html.....ก็ติดตามอ่านตอนต่อไปอยู่นะครับ....
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|