จากพันธมิตรสู่สมัชชา เป็นเรื่องที่ยากจริงๆ ผมมองอย่างนี้
1. ในบรรดาแกนนำฯ ทั้ง 5 แรกๆ ยังมีความคิดที่ขัดแย้งเรื่องของนายกพระราชทาน โดยทางฝ่ายมหาจำลองและสนธิ เห็นด้วยกับการขอนายกพระราชทาน สนธินั้นไม่ต้องสงสัยในจุดยืน การยื่นขอนายกพระราชทานทำไปตั้งแต่เมื่อต้นๆมกรา 49 ตอนที่พันธมิตรยังไม่เกิดเสียด้วยซ้ำ ส่วนมหาจำลองท่านลักไก่ เผยความนัยเมื่อไประดมคนแถวๆสีลม ส่วนแกนนำที่ต้องclear เพื่อนร่วมอุดมการณ์ให้ได้เห็นจะเป็นคุณพิภพ เพราะรายนี้เคยเเสดงความเห็นว่า“การใช้วาทกรรมเรื่องพระราชอำนาจเป็นการถอยหลังเข้าคลอง" ดูรายละเอียดได้ตาม
http://www.onopen.com/2005/editor-spaces/103 ในเวปบอร์ดของ ม.เที่ยงคืน เอง ก็มีการแสดงความเห็นในเรื่องนี้อย่างดุเดือด
2. ทรท. ใช้อำนาจรัฐต้านพันธมิตรทุกรูปแบบ ทั้งบนดินและใต้ดิน การสู้กับกลุ่มทุนที่มีกำลังทรัพย์นับแสนล้านไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
3. แนวคิดที่จะเพิ่มจำนวนแกนนำ ในแง่ดีก็จะเป็นการเพิ่มฐานสนับสนุน การลดเป้าโจมตีกลุ่มแกนนำเดิมโดยเฉพาะผู้ที่ไม่ชอบสนธิ แต่ในขณะเดียวกันต้องพึงระวังเรื่องความเห็นที่แตกต่าง โดยต้องตกลงให้ได้ว่าแถลงการหรือมติของพันธมิตร จะใช้อะไรเป็นตัวตัดสิน เช่น จะใช้ฉันทามติ หรือ เสียงส่วนใหญ่ (3 ใน 4 ?) หรือถ้าแกนนำบางคนให้ข่าวแก่สื่อมวลชน ไปคนละทิศทาง จะทำอย่างไร
4.จะเห็นได้ว่าฐานที่สำคัญของ ทรท. คือ ชาวชนบท (16 ล้าน พิจารณาจากฐานคะุแนนโหวตให้ ทรท.) ภาคเหนือ อีสาน และกลาง บางส่วน การจะให้รากหญ้า เข้าใจหรือเห็นด้วยกับคนชั้นกลาง ขั้นต้น ต้อง "ย่อยข้อมูล" ให้เข้าใจง่ายๆว่า ระบอบทักษิน เป็นยาพิษอย่างไร
แค่คำว่า ระบอบทักษิน คอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย เทมาเสก ฯลฯ ก็เป็นที่เข้าใจยากจริงๆ แม้แต่คนชั้นกลางบางคน ในแง่นี้ผมเห็นว่าการ "ย่อยข้อมูล" ให้เข้าใจง่ายๆ สำคัญไม่น้อยไปกว่าการกระจายข้อมูลข่าวสาร เช่น การแสดงของงิ้วธรรมศาสตร์ตอนที่ 1 แสดงให้เห็นความเลวร้าย เล่ห์เหลี่ยมของระบอบทักษิน ให้เห็นอย่างง่ายๆ
5. การขยายตัวไปสู่สมัธชา น่าจะใช้ทุนรอนจำนวนมาก มีสายป่านยาวพอหรือไม่