ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
24-04-2024, 16:17
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  จากพันธมิตรไปสู่สู่สมัชชาประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไม่ง่ายนะ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
จากพันธมิตรไปสู่สู่สมัชชาประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไม่ง่ายนะ  (อ่าน 1428 ครั้ง)
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« เมื่อ: 15-04-2006, 04:55 »

จาก"พันธมิตร"สู่"สมัชชา" การต่อสู้ที่"ขยายวง" จากเมืองไปชนบท ท่ามกลางมรสุม"ระบอบทักษิณ"เช็คบิล

จากรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 พัฒนาไปสู่รายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ที่หอประชุมเล็กธรรมศาสตร์ แล้วย้ายไปสู่สวนลุมพินี ลานพระรูป สนามหลวง สี่แยกมิสกวัน และสะพานมัฆวาน

โดยมีมวลชนที่เพิ่มขึ้นตามลำดับจากพันเป็นหมื่นและเป็นแสน

ขณะเดียวกัน การนำที่แรกเริ่มอยู่ภายใต้การนำของ "บุคคล" คือ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ก็ได้เปลี่ยนผ่านไปสู่คณะบุคคล ในนามพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกอบด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายพิภพ ธงชัย นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ และ นายสนธิ ลิ้มทองกุล

นี่ย่อมสะท้อนให้เห็นการเติบโตของ "ปรากฏการณ์สนธิ" อย่างไม่ต้องสงสัย

เป็นการเติบโตที่ส่งผลสะเทือนทางการเมือง โดยเฉพาะต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อย่างรุนแรง จนทำให้การยุบสภา ที่ พ.ต.ท.ทักษิณบอกใครต่อใครว่าเป็นเรื่องของชาติหน้า กลายเป็นความจริงอย่างฉับพลัน

แม้ว่าข้อเรียกร้องของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ต้องการเห็นการใช้มาตรา7 แห่งรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน เพื่อนำไปสู่การขอนายกรัฐมนตรีพระราชทาน จะไม่เป็นความจริง และการเมืองยังดำเนินไปตามแนวที่ พ.ต.ท.ทักษิณกำหนด นั่นคือ มีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 2 เมษายน และนำไปสู่การประกาศชัยชนะของพรรคไทยรักไทยโดยอ้างเสียงส่วนใหญ่ให้การสนับสนุน 16 ล้านเสียง

แต่กระนั้น เสียงโนโหวตเกือบ 10 ล้านเสียง และการทำบัตรอย่างจงใจเกือบ 3 ล้านเสียง ก็ได้ส่งผลสะเทือนต่อชัยชนะที่พรรคไทยรักไทยประกาศอย่างชัดเจน

ขณะเดียวกัน การเลือกตั้งวันที่ 2 เมษายน ที่ยังคงมีปัญหายืดเยื้อ จนไม่อาจคาดการณ์ว่าจะมี ส.ส. ครบ 500 คนเมื่อใด และเปิดสภาตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดภายใน 30 วัน ได้หรือไม่

ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณต้องตัดสินใจประกาศไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นการถอยก้าวใหญ่ทางการเมือง และถือเป็นการลดความขัดแย้งทางการเมืองลงอย่างชัดเจน



เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณเล่นเกมถอย โดยมีเหตุผลเพื่อความสมานฉันท์ของคนในชาติ

พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก็ดูเหมือนจะไม่มีทางเลือก นั่นคือ จำเป็นต้องถอย เพราะหากดื้อรั้นชุมนุมต่อไป อาจกระทบกระเทือนต่อเสียงสนับสนุนของมวลชนได้

เมื่อต้องถอย ทั้งที่สถานการณ์ยังอยู่ในภาวะ "ยัน" กันอยู่ ทำให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต้องปรับกระบวนการรับมือ เนื่องจากแม้ พ.ต.ท.ทักษิณจะประกาศเว้นวรรคในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ พ.ต.ท.ทักษิณก็ยังคงเป็นหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เป็น ส.ส. ในสภา ที่กุมทิศทางต่างๆ เอาไว้ในมืออย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเหมือนเดิม

ส่งผลให้ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้อยู่ในภาวะถอยแบบกราวรูด

หากแต่เป็นภาวะ "ถอยเพื่อรุก" มากกว่า

นี่จึงเป็นแรงกดดันที่ทำให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ต้องเคลื่อนไหวต่อไป โดยแยกออกเป็น 2 ระดับ

ระดับแรก เป็น "ระดับเฉพาะหน้า" คือต้องทำทุกวิถีทางที่จะทำให้ การเลือกตั้งวันที่ 2 เมษายน ซึ่งเต็มไปด้วยปัญหาเป็นโมฆะ เพราะหากทำได้ ก็จะถือเป็นการถอนรากถอนโคนพรรคไทยรักไทยเลยทีเดียว

แรงกดดันทั้งหลายจึงเปลี่ยนเป้าหมายจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ไปสู่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

ซึ่งถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีใครคาดการณ์ได้ว่าเหตุการณ์จะออกมาในรูปแบบใด



ส่วนในระดับที่สอง เป็นการมองในระยะยาว นั่นคือ หากสภาเกิดขึ้นได้และพรรคไทยรักไทยสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็จำเป็นต้องหากลยุทธ์รับมือเอาไว้ด้วย

กลยุทธ์ที่วางเอาไว้ก็คือ เปลี่ยนจากการต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณในเชิงบุคคล เป็นการตั้งกระบวนการเพื่อถอนรากถอนโคน "ระบอบทักษิณ" ทั้งระบอบ

ซึ่งการจะล้มระบอบทักษิณได้ จำเป็นต้องขยายองค์กรแนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออกไป

ที่ประกาศตัวไปแล้ว ก็คือการยกระดับจากพันธมิตร ขึ้นเป็น "สมัชชาประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" ซึ่งจะขยายวงกว้างไปสู่ภูมิภาคระดับจังหวัดและอำเภอ

ทั้งนี้ เนื่องจากต้องยอมรับว่าที่ผ่านมา การเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มีผลสะเทือนเฉพาะกลุ่มคนชั้นกลางในเมือง ยังไม่อาจลงลึกไปสู่ระดับท้องถิ่น อำเภอ หมู่บ้าน ได้

นี่จึงอาจเป็นคำตอบหนึ่งว่า ทำไมเสียงสนับสนุนพรรคไทยรักไทย ในระดับ "รากหญ้า" จึงยังหนาแน่น

ดังนั้น หากจะถอนรากถอนโคนระบอบทักษิณได้ จำเป็นจะต้องมีมวลชนพื้นฐานในระดับรากหญ้า โดยแนวทางเคลื่อนไหวที่แกนนำวางไว้ คือ จัดชุมนุมปราศรัยใหญ่และย่อยทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดอย่างกว้างขวางและต่อเนื่อง เพื่อชี้ให้เห็นถึงอันตรายของระบอบทักษิณ จัดอภิปรายเสวนาทางวิชาการ เพื่อให้ข้อมูลอีกด้านกับประชาชนและสังคม ได้เห็นถึงความฉ้อฉลและความล้มเหลวทางนโยบายของรัฐบาล

นอกจากนี้ ยังมีการจัดทำสิ่งพิมพ์ โปสเตอร์ สติ๊กเกอร์ แผ่นพับ VCD เรื่องเผยแพร่ความจริงที่ถูกปกปิดบิดเบือน สู่สาธารณะอย่างกว้างขวางต่อเนื่อง

ทั้งนี้ มีเป้าหมายที่จะดึงองค์กรเข้าร่วมไม่ต่ำกว่า 1,000 องค์กร

ซึ่งหากทำได้ เชื่อว่าจะทำให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ก้าวไปสู่ "สมัชชาประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" จะมีพลังอย่างมาก



อย่างไรก็ตาม คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะสมัชชาประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะต้องระดมแกนนำซึ่งจากเดิมมี 5 คน เข้ามาเพิ่ม ซึ่งเมื่อมีคนมากก็ต้องปรับจูนความคิดให้ตรงกัน ซึ่งก็คงเป็นเรื่องยาก ที่จะทำให้เกิดเอกภาพ

ขณะเดียวกัน การจะลงไปสู่ระดับตำบล จะต้องทุ่มเททรัพยากรทั้งคน ทุนมหาศาล รวมถึงต้องหา "ประเด็น" ที่จะก่อประชามติร่วมกันให้ได้ ซึ่งเป็นเรื่องยาก

นี่จึงเป็นโจทย์ใหญ่ที่จะท้าทายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อย่างมาก

ยิ่งไปกว่านั้น การเคลื่อนไหวนี้ย่อมถูกขัดขวางอย่างหนักหน่วง รุนแรง จากพรรคไทยรักไทย ที่ยังกุมอำนาจรัฐเอาไว้อย่างเต็มที่ อย่างแน่นอน

ปรากฏการณ์ที่แกนนำพันธมิตรฯ โดยเฉพาะนายสนธิถูกเช็คบิล กรณีถูกกล่าวหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หมิ่นประมาทผู้อื่น การบุกรุกที่ปฏิรูปที่ดินที่เชียงราย รวมถึงการที่สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม ASTV ซึ่งเป็นกระบอกเสียงสำคัญของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถูกตามไล่บี้ว่าไม่ได้รับอนุญาตแพร่ภาพนั้น เป็นตัวอย่างของการเช็คบิลที่ชัดเจน

ดังนั้น การยกระดับจากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไปสู่สมัชชาประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องเผชิญแรงเสียดทาน หนักหน่วง รุนแรงแน่นอน

โดยเฉพาะจาก "ระบอบทักษิณ" เป้าหมายแห่งการโค่นล้มนั่นเอง

ที่มา มติชนสุดสัปดาห์ ( ขออภัยที่นำบทความมาเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาต)
http://www.matichon.co.th/weekly/weekly.php?srctag=0406140449&srcday=2006/04/14&search=no
บันทึกการเข้า

Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 15-04-2006, 05:38 »

การต่อสู้เพื่อแย่งชิงประชาชนยังคงดำเนินไป ในรูปแบบใหม่ การกระจายของสมรภูมิ เริ่มขยายวงไปในสื่อแทบทุกชนิด

เพื่อพิชิตพื้นที่ข่าวให้ได้มากที่สุด....

ล่าสุด สื่ออินเตอร์เน็ต กำลังเป็นเป้าหมายใหญ่ที่กลุ่มการเมืองวางเป้าหมายขยายวง ออกไป

กระบวนการยึดสื่ออินเตอร์เน็ต เป็นกรณีศึกษาที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง

เพราะสื่อทันสมัยสิ่งนี้ สามารถแพร่กระจายไปในระดับเมืองและระดับโลกโดยไม่ยาก

การรวมตัวกันของบรรดานักท่องเน็ตในสื่อใหญ่อย่างพันทิปด้อทคอม เพื่อกระจายข่าวตอบโต้สื่อกระแสหลัก

ย่อมสร้างความคลางแคลงสงสัยให้กับสมาชิกในราชดำเนินอยู่ไม่น้อย

ขบวนการนี้ได้รวบรวมผู้คนสร้างกระแสการตรวจสอบสื่อเลวขึ้นมา โดยเป้าหมายใหญ่อยู่ที่สื่อเครือเนชั่น อันเป็นศัตรูหมายเลขสอง รองจากสื่อหลักอย่างผู้จัดการซึ่งกำลังถูกจัดการอย่างไม่นำพาต่อกระแส "คุกคามสื่อ"

จนองค์กรภาคสื่อเอง เช่นสมาคมผู้สื่อข่าวและสภาการหนังสือพิมพ์ ออกแถลงการตอบโต้กระบวนการแทรกแซงและคุกคามสื่อ

ออกมาทางบทบรรณาธิการหนังสือพิมพ์รายวันทุกฉบับอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนในประวัติศาตร์การสื่อสารมวลชน เมื่อันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา

เป็นที่น่าสังเกตว่า การเปิดตัวของเว็บไซท์ต่อต้านสื่อเลวก็เตรียมการรองรับในวันเดียวกัน...มันก็แปลกดีนะ

โดยหลักการแล้ว การตรวจสอบสื่อย่อมเป็นเรื่องดีที่น่าสนับสนุน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การตรวจสอบที่เกิดจากประชาชนโดนตรง หากการตรวจสอบนั้นตั้งอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง และโปร่งใส

และมิใช่การตรวจสอบเพียงเพื่อใช้เป็นการตอบโต้ทางการเมือง เพื่อผลประโยชน์ของพรรคการเมืองเท่านั้น

มิพักต้องกล่าวถึง ก่อนหน้านั้นสมาชิกในราชดำเนินฝั่งไม่เ็ห็นด้วยกับรัฐบาลถูกยึดสมาชิกภาพไปคนแล้วคนเล่า

จนเกิดกระแสต่อต้านจากสมาชิกห้องอื่น ๆ ที่เริ่มมองเห็นพิษภัย และการกระจายตัวของ "วอร์ รูม" ฝั่งการเมือง

ปรากฎการณ์เหล่านี้ มีการตั้งกระทู้ถามไปหลายห้องเสวนา ( จะรวบรวมนำมาเสนอในความเห็นหลัง ๆ )

แน่ละ สมาชิกในพันทิปจำนวนหลายแสนคน จะสามารถแหวกวงล้อมของวอร์รูมออกมาได้หรือไม่

การรบคงยังไม่สิ้นสุด และการกระจายข่าว "ราชดำเนินถูกยึด" เริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ

เราจะคอยดูว่า ขบวนการจัดตั้งอย่างเป็นระบบกับการต่อสู้แบบจรยุทธ์ของนักท่องเน็ตอิสระ

ใครจะอึดกว่ากัน ในระยะสั้น นักรบอิสระที่มีหัวใจเป็นไท อาจจะดูเหมือนว่าพ่ายแพ้แตกกระเจิง

แต่บัดนี้ จอกแหนที่ถูกก้อนหินทุ่มลงในสระเริ่มกลับมารวมตัวกันใหม่

เรามาคอยดูกันว่า..ระหว่างความคิดอิสระกับการจัดตั้งวอร์ รูม ฝ่ายใดจะเป็นฝ่ายกำชัยชนะ

การรวมตัวของผู้คนแบบค่ายบางระจันได้เริ่มขึ้นแล้ว ในนามกลุ่มขบวนการเสรีไทยในเว็บบอร์ด โดยมีสมาชิกเกือบ 400 คน

และนับวันจะเพิ่มขึ้นอย่างมีพลัง และสร้างสรรค์

รอเพียงแต่ว่าประชาชนชาวเน็ตที่ตื่นตระหนกจะร่วมมือกันตั้งสติ ต่อสู้ทางความคิดแบบอหิงสากันต่อไปได้โดยเร็ว

เราก็หวังเพียงว่าการต่อสู้โดยบริสุทธ์ใจ...บนพื้นฐานของหัวใจประชาธิปไตย ยอมรับความแตกต่างทางความคิด ประดุจดอกไม้หลากสีในแจกันใบเดียวจะสามารถเบ่งบานในโลกอินเตอร์เน็ตที่ไร้ตัวตนได้หรือไม่

นี่มิใช่การตั้งป้อมค่ายเพื่อชิงพื้นที่ในโลกไร้พรมแดน แต่เรารวมตัวเพื่อสร้างสรรค์มุมเล็ก ๆ ที่ผู้คนหัวใจรักอิสระทางความคิดจะได้มารวมตัวกัน

เพื่อสร้างสวนสวรรค์ให้เป็นที่ท่องเที่ยวทางความคิดโดยไม่ปิดกั้นผู้ใด อันเป็นหัวใจของระบอบประชาธิปไตย

นั่นคือ เสรีภาพ เสมอภาค และ ภราดรภาพ

ที่เราเน้นที่สุดสำหรับที่ตรงนี้คือ ภราดรภาพ...ความเอื้ออาทรต่อกัน สร้างสรรค์บรรยากาศแห่งการพูดคุย

โดยไม่แบ่งก๊กแบ่งค่าย แบบสบาย ๆ และให้เกียรติกัน

เรามุ่งหวังแค่นั้นจริง ๆ.....มิได้หมายเป็นศัตรูต่อใครเป็นรายบุคคล เพราะทั้งหมดนั้นเราต่อสู้บนพื้นฐานของกฎหมาย ต่อสู้ด้วยหลักการและเหตุผล เพียงเพื่อยืนหยัดในสิ่งที่เราเชื่อว่า ถูกต้อง เป็นธรรม และสันติ

เพราะเราเชื่อว่าเมื่อเรายึดธรรมะเป็นที่ตั้ง ธรรมะย่อมคุ้มครองผู้ประพฤติธรรม
บันทึกการเข้า

R O S #41
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 236



« ตอบ #2 เมื่อ: 15-04-2006, 08:32 »

ใช่คะอย่างที่ท่านผู้เขียนได้เขียนไว้ว่าจากชอ่ง 9 สู่ ธรรมศาสตร์  และต่อมาจนเป็นพัทธมิตร ดังนั้น จากคนที่ไม่รู้ และได้มีการรู้ความเลวของทักษิณและ ระบบทักกี้ คนเลยออกมารวมกัน จากร้อยเป็นหมื่น แสน และต้องมาเป็นล้านในอีกต่อไป ถ้า ชาวบ้านรากหญ้าได้รู้เหมือนเมื่อก่อนท่านที่ไม้รู้แล้วได้รู้ตัวตนจริงของทักกี้
แต่คงยากและยากมากคะ เพราะชาวบ้านรากหญ้าคือที่พึ่งของทักกี้ ถ้าไม่มีชาวรากหญ้าแล้ว ทักกี้จะไม่มีที่จะให้เหยียบได้เลยคะ เช่นตอนนมีประท้วงที่หน้าธรรมเนียบ ทักกี้ก็จะออกตามต่างจังหวัด แต่ไม่มีความลับ และความชั่วร้ายเป็นความลับไปได้นานหรอกคะ ไม่นาน ชาวรากหญ้า ที่ทักกี้ถองด้วยเงินจะอยู่ แต่ไม่มีเงินจ้างก็จะไป แต่รากหญ้าที่รักด้วยใจ เมื่อรู้ความจริง ก็จะกลับมาตั้งสติทบทวนใหม่อีกที
แต่ทั้งหลายทั้งมวล กว่าถั่วจะสุก งามันก็ใหม้  ดังนั้น คนที่รักความเป็นธรรม และรักความยุติธรรม รักบ้านรักเมือง และทนระบบทักษิโณ ก็มีการร่วมตั้วกันขึ้น แบบประกาศสู้  และสู้แบบใต้ดิน และเดินออกหาอธิบายให้คนที่รู้จักสนิทกัน เข้าใจตัวตนที่เป็นทักษิโณของทักกี้ และระบบวงวานศ์สานเครื่อ และการฉ้อโกงแบบทับซ้อน ที่หาหลักฐานไม่ได้ เอาเหตุมาเล่า แล้วสรุปด้วยผล ดังตอนนี้ดิฉํนอยู่ที่ต่างจังหวัดของคุณแม่ มีคนฟังและกลับความคิดจากเคยชอบมาเป็นไม่เอา แต่ไม่เกลียดทักกี้ แค่นี้ดิฉันก็ดีใจแล้วคะ  เหนื่อยหน่อยแต่ปลื้มที่มีคนยังเปิดใจฟังคะ ดิฉันถึงว่าพวกเราท่านใดที่มีโอกาส ที่อยู่ที่ต่าง จว หรือที่กรุงเทพ  หาเวลาอธิบายให้คนที่ไม่ใจบอดฟังเค้ากลับไปคิด แล้ว กลับมาบอกเราว่าเอ้อกลับไปกรุงเทพมีอะไรดีๆส่งมาให้อ่านหน่อยนะ หรือกลับมาเล่าให้ฟังหน่อยนะ
แค่นี้ดิฉันหายเหนื่อยเลยคะ
เอาแค่เรื่องที่เราเห็นๆอะบายได้ในปัจจุบันตอนนั้นดิฉันเอาเรื่องการแปรรูป กฟผ  ต่ปัจจุบันดิฉันเอาเรื่องเงินคงคลังจะหมดคะ ที่มีข่าวออกมา และเล่นเรื่องเอาสัมปทานดาวเทียมไปขาย ยกตัวอย่างเปรียบเทียบ เราให้คนอืนใช้สิทธ์เช่าบ้านของเรา จะไปเก็บมะม่วงกิน จะไปตากผ้า ก็ไม่ได้ ลองเข้าไป ดีไม่ดี มันเอาตำรวจมาจับเรา 555555
หลายคนหลายความคิดที่จะยกตัวอย่างคะ เราช่วยๆกันหลายไม้หลายมือดิฉันว่าไม่นาน ทักี้จนตรอกคะ
บันทึกการเข้า

ไม่มีอะไรที่ จะทำไม่ได้ และไม่ได้มา นอกจากเราจะท้อแท้ และยอมแพ้กับมัน
narong
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 654



เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 15-04-2006, 15:00 »

กลุ่มพันธมิตรตอนนี้ยังเกาะกันแบบหลวมๆซึ่งมารวมกันด้วยเหตุผลเฉพาะกิจ
แต่แนวคิดลึกๆขัดแย้งกันมาก

อย่างเรื่องมาตรา 7 ซึ่งความคิดผมในปัจจุบันถือว่าจำเป็นเพราะสถาบันหลักถูกระบอบทักษินครอบงำ
อย่างที่เห็นกันอยู่ทั้งตำรวจ,ทหารและข้าราชการฝ่ายปกครองด้วยวิธีต่างๆ

ถามว่าถ้าประชาชนสู้กันตรงๆคงลำบากเพราะถูกบิดเบือนข้อมูลทำให้แบ่งแยกเป็นหลายๆกลุ่ม
ซึ่งเป็นวิธีที่เหลี่ยมชอบใช้และทำให้คนไทยทะเลาะกันเอง

จึงต้องขอให้สถาบันหลักที่คนไทยเคารพช่วยประสานรอยร้าว
ก่อนที่จะให้การศึกษาแก่ประชาชนระดับรากหญ้า
เพื่อให้รู้เท่าทันนักการเมืองแม้จะไม่ทั้งหมดแต่จะทำให้การปฏิรูปการเมืองเป็นจริงได้
คือไม่ใช่ปฏิรูปแค่ตัวหนังสือแล้วอ้างว่าเป็นกติกาแต่จะปฏิรูปคนที่จะเลือกนักการเมืองด้วย

เคยเสนอแนวคิดว่าหลังจากผ่านช่วงนี้น่าจะมีองค์กรภาคประชาชนที่ไม่ใช่ NGO หรือเกี่ยวข้องกับภาครัฐ
โดยใช้วิธีให้แต่ละจังหวัดมีองค์กรภาคประชาชนเลือกมาจากตัวแทนทุกระดับชั้นแล้วแต่ว่าจะตกลงให้มีกี่คน

แล้วรวมกับทุกจังหวัดทั้งประเทศเป็นองค์กรภาคประชาชน
เพื่อดูแลการทำประชาพิจารณ์และลงประชามติในเรื่องสำคัญต่างๆที่มีผลกระทบกับประชาชนส่วนใหญ่
โดยอาจจะเชิญผู้ใหญ่ในบ้านเมืองมาเป็นประธานและที่ปรึกษา
บันทึกการเข้า

ผู้ที่ไม่สามารถจะใช้คนดี
ก็ย่อมจะใช้คนไม่ดีหรือคนเลว
ถ้าไม่เชื่อผู้ซื่อสัตย์หวังดีต่อตน
ก็จะต้องไปเชื่อคนประจบสอพลอ
ภูพาน
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 671


« ตอบ #4 เมื่อ: 15-04-2006, 15:53 »

สิ่งที่พันธมิตรฯ ควรปรับปรุงอย่างมากคือแกนนำครับ  ที่ผ่านมาแกนนำมักถูกเล่นงานโดยเฉพาะเรื่องส่วนตัวทำให้น้ำหนักของการนำเสนอข้อมูลของพันธมิตรฯ ถูกเบี่ยงเบนไปเป็นความขัดแย้งส่วนบุคคล  การกระจายอำนาจความรับผิดชอบไปสู่ส่วนอื่นๆ ย่อมเป็นการลดจุดอ่อน  และเพิ่มขยายฐานใหม่ที่ดีนะครับ
บันทึกการเข้า

ขอกันข้าให้ไกลห่างจากคนที่กล่าวว่า "ข้าเป็นดวงเทียนที่นำความสว่างให้หนทางของประชาชน"
หากแต่ผู้ที่แสวงหาหนทางของตนจากแสงแห่งประชาชนนั้น  ขอจงนำข้าเข้าไปใกล้ชิดด้วยเถิด
~ คาลิล ยิบราน
อบเชย
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 56



« ตอบ #5 เมื่อ: 15-04-2006, 17:49 »

ตอนนี้แกนนำพันธมิตร ถูกเรียกตัวไปสอบ เรื่องมีการกระทำที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของชาติ ใช่มั้ยค่ะ

ถ้าเขาถูกตัดสินว่าผิด...
แล้วเหตุการณ์มันจะเป็นยังไงต่อไปค่ะ
บันทึกการเข้า
จูล่ง_j
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,901



« ตอบ #6 เมื่อ: 15-04-2006, 18:19 »

ต้องยอมรับว่า รัฐบาลนี้ เค้ามีจุดแข็งเยอะจริงๆ

อย่างแรก คือ ทุนที่หนามากๆ สามารถจ้าง ม๊อบ ต้าน ม๊อบ ได้เป็นเดือน เป็น ปี

อย่างสอง คือ ทีมงาน ที่เจ้าเล่ห์มากๆ กลยุทธ ถูกนำมาใช้มากมาย ทั้ง ไปรษณียบัตร
ทั้ง ลิ้วล้อ กกต ที่เข้าข้างตลอด
ทั้ง บทแสดงละครยอดเยี่ยม ร้องให้โชว์ ทีวี ไม่รู้กี่รอบ

อย่างสาม คือ หน้าที่หนามากๆ คือยังไง ตูก็ไม่ออก

สิ่งที่เป็น จุดอ่อน ของฝ่ายต่อต้านคือ การเรียกร้อง นายก พระราชทาน นั้น ค่อนข้างเสี่ยงสูง
เพราะมันเป็นการถอยหลัง อีกทั้ง รบกวนเบื้องสูง
แค่เรื่องนี้ เรื่องเดียว ฝ่ายต่อต้านก็แตก เป็น สองเสี่ยงแล้ว
ในรายการสรยุทธ นักวิชาการ ที่ต่อ ต่อต้านทักษิน ยังแบ่งเป็น สองฝ่ายเลย
ไปๆมาๆ ฝ่ายต่อต้านจะแพ้ก็จุดนี้แหละ เพราะฝ่าย ทรท มักจะหัวเราะเยาะ กับความคิดนี้
นอกจาก เกิดการนองเลือด ความชอบธรรม ของนายกพระราชทาน ถึงจะเกิดขึ้นได้
ซึ่งดูแล้ว ทรท ก็เริ่มจะใช้วิธีการเช็คบิล กับ แกนนำละ และมีโอกาศได้ผล
หากแกนนำ โดนเช็คบิล จริงๆ ก็ไม่รู้จะมีคนกล้ามาเป็น แกนนำต่อรึไม่
บันทึกการเข้า

เซนเบ้
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 135



« ตอบ #7 เมื่อ: 16-04-2006, 01:10 »

จากพันธมิตรสู่สมัชชา เป็นเรื่องที่ยากจริงๆ   ผมมองอย่างนี้
1. ในบรรดาแกนนำฯ ทั้ง 5 แรกๆ ยังมีความคิดที่ขัดแย้งเรื่องของนายกพระราชทาน  โดยทางฝ่ายมหาจำลองและสนธิ เห็นด้วยกับการขอนายกพระราชทาน  สนธินั้นไม่ต้องสงสัยในจุดยืน  การยื่นขอนายกพระราชทานทำไปตั้งแต่เมื่อต้นๆมกรา 49  ตอนที่พันธมิตรยังไม่เกิดเสียด้วยซ้ำ  ส่วนมหาจำลองท่านลักไก่  เผยความนัยเมื่อไประดมคนแถวๆสีลม     ส่วนแกนนำที่ต้องclear เพื่อนร่วมอุดมการณ์ให้ได้เห็นจะเป็นคุณพิภพ  เพราะรายนี้เคยเเสดงความเห็นว่า“การใช้วาทกรรมเรื่องพระราชอำนาจเป็นการถอยหลังเข้าคลอง" ดูรายละเอียดได้ตาม
http://www.onopen.com/2005/editor-spaces/103  ในเวปบอร์ดของ ม.เที่ยงคืน เอง ก็มีการแสดงความเห็นในเรื่องนี้อย่างดุเดือด
2. ทรท. ใช้อำนาจรัฐต้านพันธมิตรทุกรูปแบบ ทั้งบนดินและใต้ดิน  การสู้กับกลุ่มทุนที่มีกำลังทรัพย์นับแสนล้านไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
3. แนวคิดที่จะเพิ่มจำนวนแกนนำ  ในแง่ดีก็จะเป็นการเพิ่มฐานสนับสนุน   การลดเป้าโจมตีกลุ่มแกนนำเดิมโดยเฉพาะผู้ที่ไม่ชอบสนธิ  แต่ในขณะเดียวกันต้องพึงระวังเรื่องความเห็นที่แตกต่าง  โดยต้องตกลงให้ได้ว่าแถลงการหรือมติของพันธมิตร จะใช้อะไรเป็นตัวตัดสิน  เช่น จะใช้ฉันทามติ  หรือ เสียงส่วนใหญ่ (3 ใน 4 ?) หรือถ้าแกนนำบางคนให้ข่าวแก่สื่อมวลชน ไปคนละทิศทาง  จะทำอย่างไร
4.จะเห็นได้ว่าฐานที่สำคัญของ ทรท. คือ ชาวชนบท (16 ล้าน  พิจารณาจากฐานคะุแนนโหวตให้ ทรท.) ภาคเหนือ อีสาน และกลาง บางส่วน การจะให้รากหญ้า เข้าใจหรือเห็นด้วยกับคนชั้นกลาง  ขั้นต้น ต้อง "ย่อยข้อมูล" ให้เข้าใจง่ายๆว่า ระบอบทักษิน เป็นยาพิษอย่างไร  
แค่คำว่า ระบอบทักษิน  คอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย เทมาเสก  ฯลฯ ก็เป็นที่เข้าใจยากจริงๆ แม้แต่คนชั้นกลางบางคน  ในแง่นี้ผมเห็นว่าการ "ย่อยข้อมูล" ให้เข้าใจง่ายๆ สำคัญไม่น้อยไปกว่าการกระจายข้อมูลข่าวสาร  เช่น การแสดงของงิ้วธรรมศาสตร์ตอนที่ 1 แสดงให้เห็นความเลวร้าย เล่ห์เหลี่ยมของระบอบทักษิน ให้เห็นอย่างง่ายๆ
5. การขยายตัวไปสู่สมัธชา น่าจะใช้ทุนรอนจำนวนมาก มีสายป่านยาวพอหรือไม่
บันทึกการเข้า

เหลี่ยมมาตั้งแต่เกิด
Think Earth
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 196


« ตอบ #8 เมื่อ: 16-04-2006, 07:11 »

One life, just to do the best for yourself and people you love.
Donot care too much the results, but make sure you did fight and did all you can.
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: