นางชวนพิศ ฉายเหมือนวงศ์ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) เปิดเผยว่า ได้เข้าหารือกับนายทนง พิทยะ รมว.คลัง นายวัฒนา เมืองสุข
รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารออมสิน เมื่อวันที่ 15 ส.ค. เพื่อแก้ไขปัญหา สถาบันการเงินไม่ปล่อยเงินกู้ให้ผู้ที่ผ่านเกณฑ์กับกคช.แล้ว ซึ่งที่ประชุมมีข้อตกลงร่วมกันว่า กคช.จะรับผิดชอบจ่ายดอกเบี้ยให้สถาบันการเงินเมื่อลูกบ้านมีการค้างชำระดอกเบี้ยเป็นเวลา 2 เดือน และยึดสิทธิ์บ้านคืน เพื่อป้องกันไม่ให้ธนาคารมีปัญหาเรื่องหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) จากเดิมที่กคช.จะจ่ายดอกเบี้ยให้เมื่อมียอดค้างเกิน 3 เดือนขึ้นไป คาดว่าเมื่อหลักเกณฑ์นี้ออกไปลูกบ้านทุกคนที่มาขอกู้จะได้รับสิทธิ์กู้เงินทันที โดยไม่มีการปฏิเสธ เนื่องจากธนาคารไม่กลัวปัญหาเรื่องเอ็นพีแอลอีกต่อไปแล้วนางชวนพิศ กล่าวว่า ขณะนี้มีลูกบ้านที่รอเงินกู้ของธอส. อยู่ประมาณ 4-5 พันราย เชื่อว่ากลุ่มนี้จะสามารถใช้หลักเกณฑ์ใหม่นี้ได้ทันที โดยได้เงินกู้ตามที่ต้องการ เพราะหลังจากการตกลงแล้วจะมีผลบังคับใช้ได้ทันที ซึ่งต่างจากที่ผ่านมาที่ลูกบ้านเอื้ออาทรที่จับฉลากได้จะมีปัญหาโดนปฏิเสธสินเชื่อประมาณ 30-40% ในต่างจังหวัด และ 10% ในเขตกทม. เนื่องจากส่วนใหญ่มีปัญหาเรื่องหนี้สินเล็กๆ น้อยๆ หรือมีปัญหาเรื่องการไม่มีข้อมูลทางการเงินที่เพียงพอ
"เชื่อว่าการผ่อนเกณฑ์นี้จะไม่สร้างภาระให้กคช. เพราะจากข้อมูลที่ผ่านมาพบว่าผู้ที่ได้รับการส่งมอบบ้านไปแล้วประมาณ 35,000 ราย ปรากฏว่ามีปัญหาไม่สามารถผ่อนได้ จนกคช.ต้องรับซื้อกลับมาเพื่อให้ผู้จองสิทธิ์รายอื่นสวมสิทธิ์ต่อนั้นมีเพียง 300 ราย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 0.03% เท่านั้น" นางชวนพิศ กล่าว
ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2546 - ปัจจุบัน โครงการบ้านเอื้ออาทรก่อสร้างแล้วเสร็จเกือบ 40,000 หน่วยจาก 600,000 หน่วย ได้รับการพิจารณาสินเชื่อไปแล้วจำนวน 35,000 หน่วย โดยราคาเฉลี่ย 400,000 บาท/หน่วย วงเงินสินเชื่อที่ธอส.และออมสินปล่อยกู้ไปแล้ว 120,000 ล้านบาท จากจำนวนที่ก่อสร้างและส่งมอบ 40,000 หน่วย ซึ่งอีก 10,000 กว่าหน่วยยังติดปัญหาสถาบันการเงินปล่อยกู้ และปี 2550 จะมีโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จและยื่นขอสินเชื่ออีก 100,000 กว่าราย ดังนั้น การแก้ไขหลักเกณฑ์ดังกล่าวจะทำให้ไม่เกิดปัญหาในอนาคต
หน้า 30
http://www.matichon.co.th/khaosod/khaosod_detail.php?s_tag=03rea01190849&day=2006/08/19ตรรกะแปลกๆ
