โพลชี้คนเบื่อนักการเมืองขัดแย้งกันเอง
เมื่อวันที่ 18 ส.ค. นายนพดล กรรณิกา ผอ.สำนักวิจัยเอแบคโพล มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็น กรณีเหตุการณ์ที่ลดทอนความศรัทธาเชื่อถือของประชาชนต่อรัฐบาล พบว่าอันดับแรกร้อยละ 35.6 ระบุเป็นเรื่องความขัดแย้งทางการเมือง และความแตกแยกของคนในสังคม ร้อยละ 31.4 ระบุเป็นเรื่องปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาสินค้าราคาสูงขึ้น ร้อยละ 29.3 ระบุเป็นเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น ร้อยละ 27.4 ระบุข่าวการแทรกแซงวุฒิสภาในการเลือกกกต.และป.ป.ช. ร้อยละ 23.8 ระบุเป็นเรื่องการไม่ระมัดระวังคำพูดของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกฯ ร้อยละ 20.9 เรื่องการไม่ได้ทำตามนโยบายปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่น ร้อยละ 18.5 ระบุปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และร้อยละ 17.2 ระบุปัญหาความสงสัยคนใกล้ชิดนายกฯ
ผลสำรวจระบุว่า ความคิดเห็นต่อผลงานของรัฐบาล ที่ได้รับความศรัทธาเชื่อถือจากประชาชน พบว่า ร้อยละ 51.7 การแก้ไขปัญหายาเสพติด รองลงมาคือร้อยละ 34 การปราบปรามผู้มีอิทธิพล ร้อยละ 19.2 ระบุการแก้ปัญหาความยากจน และร้อยละ 14.6 ระบุการเปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ความคิดเห็นของประชาชนต่อเหตุการณ์ที่ลดทอนความน่าเชื่อถือของรัฐบาล เมื่อสอบถามความตั้งใจไปเลือกตั้ง พบว่าสัดส่วนประชาชนผู้ตั้งใจจะไปใช้สิทธิเลือกตั้ง คิดเป็นร้อยละ 79.6 ขณะที่ร้อยละ 12.5 ระบุไม่ไป และร้อยละ 7.9 ระบุไม่แน่ใจ สำหรับพรรคการเมืองที่ตั้งใจจะเลือก ร้อยละ 36.7 เลือกพรรคไทยรักไทย ร้อยละ 24.4 เลือกพรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 9.7 เลือกพรรคชาติไทย ร้อยละ 6 เลือกพรรคอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจพบว่าร้อยละ 8.7 ไม่เลือกพรรคใดเลย (โนโหวต) และร้อยละ 14.5 ยังไม่ตัดสินใจ
หน้า 10
http://www.matichon.co.th/khaosod/khaosod_detail.php?s_tag=03p0123190849&day=2006/08/19 
