บทความที่อ่านพบใน นสพ.ผู้จัดการวันนี้ เป็นคติเตือนใจที่ดีมากสองประการ คือ
๑/ ความเป็นผู้หญิงไม่ได้อ่อนแออย่างที่ใครบางคนคิด
๒/ ความเลวร้ายของเผด็จการที่แฝงเร้นอยู่กับระบอบประชาธิปไตย
................................
จากบทสัมภาษณ์คุณอัญชลี ไพรีรัก ในนสพ.ผจก.รายวัน
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9490000105169"สัมภาษณ์ คุณชวน หลีกภัย ก็มาว่าเราว่าเราเป็นพวกประชาธิปัตย์ กล่าวหาเราว่ารับงานมาลบล้างพรรคไทยรักไทย หาว่าเราเป็นพวกบ้าหิวเงินมาปิดรายการเรา เราก็ยโสล่ะนะ เราก็ทำรายการที่มีชื่อเสียง แน่นอน ฉันเดินออกไปก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ไปจัดที่ไหนก็ได้ เพราะทุกปีก็มีคนมาซื้อตัวตลอด
แต่ตอน 2547 น่ะเดินไปไหนไม่มีใครกล้าจ้างเลย เพื่อนที่เคยเป็นเพื่อนเขาบอกว่าขาดเหลือจุนเจือได้แต่คงให้งานทำไม่ได้แล้ว ตอนนั้นนึกเลยว่าเฮ้ย...ใครก็ฟังฉัน ใครก็ขาดฉันไม่ได้ ทำไมฉันถึงมีชะตาชีวิตเช่นนี้ เพื่อนก็เลยบอกว่า
เขาคงเอาฉันตายแน่ถ้าเอาแกเข้าทำงาน เป็นแบบนี้ตลอด"
"
"จนเข้าทำงานกับเอเยนซียักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งทำงานเป็นก๊อปปี้ไรเตอร์ พอเจ้าของเขารู้ว่าเรามานั่งทำงานในบริษัทเขาแทนที่เขาจะดีใจว่าเราตั้งใจทำงานแทนที่เขาจะชื่นชมเรา กลับบอกกับเพื่อนเราที่พาเราไปทำงานนั่นแหละบอกว่าหลังจากนี้ไปให้ปองมาทำงานฟรีแลนซ์ก็แล้วกัน เพราะเขารับงานรัฐบาลมาเขาไม่อยากให้รู้ว่าเราทำงานที่นี่ ไปกินข้าวบ้านเพื่อนพ่อแม่เพื่อนยังกลัวเลย ไปหาเพื่อนที่ทำงานเพื่อนกลัว โทรศัพท์หาเพื่อน เพื่อนบอกขอโทร.กลับด้วยพีซีที กลัวเขาดักฟัง หางานทำที่ไหนไม่ได้ แต่ก็ยังมีเพื่อนอยู่บ้าง สถานการณ์ครั้งนั้นทำให้เรารู้ว่าใครมิตรใครศัตรู แยกคำว่าเพื่อนกับคนรู้จักชัดเจนเลยน่ะ คนที่อยู่กับเราในวันนี้ ใครที่ให้โอกาสเรากลับมายืนในที่เปิดเผยบนแสงสว่างอีกครั้งหนึ่งชั้นจะตอบแทนพวกแกให้ยิ้มจนถึงรุ่นหลานๆ เลย"
"ก็ดำเนินการไปท่ามกลางความกระท่อนกระแท่น ถูกคุกคามโดนกลั่นแกล้งสารพัดแหละ เราก็ยืนอยู่กลางแดดเลยตอนนั้นน่ะ รัฐบาลเขาเข้มแข็งมาก เราก็เหนื่อยนะตอนนั้น และก็ยอมรับอย่างหนึ่งว่าเรากับคุณประชัยก็เรียนรู้กันมาน้อย ต่างเรียนรู้กันน้อยไป คือเวลารบเราก็ต้องการคนที่หัวใจที่ยิ่งใหญ่และกว้างขวางที่เห็นกันตรงๆ ตายแทนให้ได้ เราก็ทำเพื่อปกป้องอาชีพจริงๆ ไง แย่มากๆ
ตอนนั้นเพื่อนก็ต้องเขียนจดหมายเลยน่ะ เพราะเขาก็กลัวตาย"
"เราโดนรังแกเสียจนกระทั่งเราขยับไปทางไหนไม่ได้ พอทำไปเรื่อยๆ มันไม่ใช่แค่การปกป้องอาชีพแล้ว แต่มันคือการปกป้องชาติ เราตัวนิดเดียวน่ะแต่ก็คิดการใหญ่ทำวิทยุชุมชนรุ่นแรกๆ เราทำคนเดียวเลย มองไปข้างหลังไม่เจอใครมันก็ท้อนะ
บางทีหนีตายไปนอนโรงแรมจิ้งหรีดก็มีถูกตามจับจากใครสักคนที่เราก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร"
"วันนั้นก็ทำเสื้อยืดแจกเลยนะ เสื้อหยุดโกงได้ไม่ต้องเดี๋ยว ทำหลายอย่างมาก ทำกับคนในคลื่น 2 - 3 คน จนกระทั่งคนมาม็อบเยอะมากเราขนลุกเลย ตอนหลังขอจะจัดที่สวนลุมฯ เขาไม่ให้ เริ่มโดนตามจนหนักๆ เข้าตามคนที่บ้านด้วย อะไรก็ตามที่กระทบที่บ้านเราก็เริ่มกลัวแล้ว เพราะที่บ้านมีเด็กเล็ก 5 คน ลูกของพี่ชายเราเอง เขาตายเราก็เลยเอาเด็กมาเลี้ยงตั้งแต่เกิด มีคนแก่ที่ป่วยอีก 1 แต่ตอนนี้เขาโตและแข็งแรงกันแล้ว เราคือหัวเรี่ยวหัวแรงประมาณ 11 ชีวิต มีคนตามหลานไปก็มี บางคนก็โทร.มาขู่จะทำร้ายหลานมีขู่ว่า...ลูกหลานน่ารักนะไม่คิดจะเป็นมันเติบโตบ้างหรือ...สารพัดวิธีน่ะ เราห่วงมากรีบโทร.กลับบ้านตลอด เขาตามหัวใจของเราที่เลี้ยงมาตั้งแต่คลอดน่ะ เราก็อดทนว่าเขาคงไม่กล้าทำอะไร"
"อดทนจนวันนึงเราอยู่ที่คอนโดฯ คอนโดฯ ที่ว่านี่มันลับลมคมในพอสมควรเลยแหละ พี่กลัวจนไม่กล้านั่งหันหลังให้ประตูห้องน่ะ ต้องนั่งมองไปที่ประตูห้องตลอด .......................................
ผมเอาแค่น้ำจิ้มถ้วยเล็กๆ มาฝาก ใครอยากกินเครื่องเคียงด้วยก็ไปหาอ่านตามลิงค์ที่ทำมาให้
แต่อยากจะบอกว่า..
ใครจะว่าเธอสู้เพราะเป็นหมาจนตรอกก็แล้วแต่ แต่ผมชื่นชมหมาตัวเมียตัวนี้มากกว่าตัวผู้ที่เป็นได้แค่ หมาหมู่