น.ส.ลัดดา ตั้งสุภาชัย ผู้อำนวยการศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กล่าวว่า การใช้โทรศัพท์มือถือของเด็กและเยาวชน ขณะนี้กินบริเวณกว้าง ไม่มีลิมิตที่จะควบคุมได้ ซึ่งผู้ประกอบการก็ออกโปรโมชั่นใหม่ๆ เพื่อมาทำให้ผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มเด็กและเยาวชนอยากที่จะใช้มือถือ เนื่องจากคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มนักบริโภคอยู่แล้ว ทำให้บางคนมีเบอร์โทรศัพท์มากถึง 5 เบอร์ จึงทำให้เห็นว่า เด็กเป็นเหยื่อของการโฆษณาโดยขาดความรู้ความเข้าใจว่า โทรศัพท์ต้องมีค่าใช้จ่าย ทั้งค่าอุปกรณ์ ค่าไฟฟ้า ค่าโทร อย่างน้อย 300 บาทต่อเดือน
นอกจากนี้ยังพบว่า เด็กใช้เวลาส่วนใหญ่คุยโทรศัพท์มากกว่าจะนำเวลามาอ่านหนังสือ หรือช่วยพ่อแม่ ส่วนวิธีการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น ตนคิดว่าผู้ประกอบการต้องหันมาคำนึงถึงเด็กให้มากขึ้น รวมทั้งพ่อแม่ ผู้ปกครอง ต้องควบคุมการใช้ ไม่ตามใจที่จะเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือให้บ่อยๆ และต้องสอนให้รู้จักคำว่า มัธยัสถ์
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือ ตัวเด็กเองต้องคำนึงถึงกาลเทศะและความจำเป็นที่จะใช้โทรศัพท์มือถือด้วย ทั้งนี้ จากการสำรวจพฤติกรรมเด็กและเยาวชน ในหัวข้อ สภาวะด้านปัญหาสังคม ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา-อุดมศึกษาทั่วประเทศ ของสถาบันรามจิตติกับกระทรวงวัฒนธรรม เมื่อปีที่ผ่านมา โดยการสุ่มตัวอย่างจากเด็กและเยาวชน จังหวัดละ 2,000 คน แบ่งเป็นกลุ่มตัวอย่างระดับประถมศึกษา 149,719 คน ระดับมัธยมศึกษา อาชีวะ กศน.และอุดมศึกษา 117,147 คน พบว่า เด็กไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ ประถมร้อยละ 23.58 มัธยม-อุดมศึกษา ร้อยละ 30.13 เด็กเที่ยวกลางคืนในวันเสาร์-อาทิตย์ ประถมร้อยละ 84.72 มัธยม-อุดมศึกษา ร้อยละ 74.18 ส่วนเวลาที่ใช้พูดโทรศัพท์ ประถมร้อยละ 24.53 มัธยม-อุดมศึกษา ร้อยละ 52.97
http://news.sanook.com/social/social_18391.php