เพลงยิ้มเย้ยยุทธภพ ...
ThailandReport:
หวงเฟยหง หมัดสิงโตคำราม ศิษย์เอกเสียวลิ้มยี่
และ เพลงทวน ตระกูลหวง อันลือลั่น
ยุคต่อมาของ การปฏิวัติแดง
ดร.ซุนยัดเซ็น ผู้ริเริ่มแนวคิด ปฏิวัติ วัฒนธรรม
ผู้ก่อการล้มล้าง พระนางซูสีไทเฮา
ผู้นำหนุ่มสาวชาวจีนรักชาติ ก่อตั้งหน่วยงานใต้ดิน ที่ขยายแนวคิดแพร่กระจายไปทั่วประเทศจีน
หวงเฟยหง แม้ไม่ปรากฏว่า เป็นสมาชิก แต่บันทึกชี้ชัดว่า มีบทบาทสำคัญยิ่ง
ในการช่วยเหลือหน่วยงาน ปฏิวัติดังกล่าว
เพราะ "น้าสิบสี่" หรือ หญิงสาว ที่หมายปองของ หวงเฟยหง ซึ่งนับได้เป็นเครือญาติห่างๆ
เธอมีการศึกษาดี จบจากต่างประเทศ มีฐานะทางสังคมชั้นสูง
แต่เป็นหนึ่งในสมาชิกคนสำคัญของกองกำลัง "เสรีจีน" กลุ่มนั้น
เธอเป็นผู้ประสานงาน สืบข่าว หาข้อมูล ชี้เป้าและแจ้งเตือนภัยแก่ "ขบวนการเสรีจีน"
ซึ่งเป็นหนามยอกอก สำคัญ ของราชสำนักซูสีไทเฮา ที่ใกล้ถึงกาลอวสานในยุคฟอนเฟะนั้น
หวงเฟยหงและเหล่าศิษย์ในสำนักมวย ได้มีส่วนช่วยในการ แอบบุกเผา ยึดทำลายโรงฝิ่น
ที่เป็นแหล่งรายได้สำคัญของฝรั่งต่างชาติ ในขณะนั้นทั่งเมืองเซี่ยงไฮ้และเขตใกล้เคียงชานตุง กวางสี
ครูมวย ผู้รักชาติ มากมาย เริ่มผุดตนขึ้นจากในแต่ละมณฑลเรียกระดม ผู้กล้า ออกมาช่วยต่อต้านต่างชาติ
เมล็ดพันธ์ ที่ฮั่วหยวนเจี่ยหว่านไว้ เริ่มเจริญงอกงามผลิดอกออกผล !!
หวงเฟยหง เติบโตขึ้นในตระกูล ครูมวย และมี "เป่าจือหลิน " เป็นที่พำนักมาหลายชั่วอายุคน
เป่าจือหลิน มิใช่เพียงสำนักมวยเหมือน ทั่วไป...
เพราะนอกจากเป่าจือหลินจะเป็น สำนักมวย แล้ว ยังเป็น " ร้านขายยา" และเปิดเป็น "คลีนิค" รักษาด้วย
ด้วยนโยบาย 3 อีแปะรักษาทุกโรค ของตระกูลหวง ที่มุ่งให้บริการคนยากไร้ไม่คิดตังค์
เป่าจือหลิน จึงได้รับการ เคารพนับถือเปรียบเสมือน "สถาบัน"แห่งหนึ่งใน มณฑลนั้นเลยทีเดียว
สิ่งหนึ่งซึ่งยังไม่ได้เอ่ยถึงแต่เป็นภาพลักษณ์ที่ โดดเด่นของเป่าจือหลินอีก 1อย่างคือ "การเชิดสิงโต "
ประเพณีการเชิดสิงโตของจีนนั้น สำนักมวยแต่ละแห่งจะส่ง สิงโตของตน เข้าร่วมการประชันขันแข่ง
หวงเฟยหง ผ่านชีวิตวัยหนุ่มด้วยความคะนอง เป็น มืเชิดหัวสิงห์ที่เก่งที่สุดในยุคนั้น
คนเชิดสิงโต นอกจากจะต้อง รู้ใจกันระหว่างท่อนหัวและท่อนหางแล้ว
การต่อสู้เพื่อไต่บันได ไปเอาแก้วมังกร ซึ่งคือ "ใบประกาศชัยชนะ" ของสำนักตน ก็อันตรายยิ่งนัก
ระหว่างหัวสิงห์ ยกขึ้นลงตามจังหวะกลองที่ลั่นระทึก เร้าใจนักหนา ดั่งกลองศึก ย่ำพารา
หางกับหัว ต้องก้าว - กระโดด- หนุนส่ง- รอรับ กันอย่างลงตัว
ยามที่ประมือกับคู่ต่อสู้ หากเผลอไผล อาจบาดเจ็บถึงตกตาย ได้
ภายใต้ "อาวุธลับ" เช่น มีดปลายรองเท้า หรือ คมอาวุธที่หัวสิงห์ !!
เพลงหมัดมวย แม้สำคัญ แต่ละก้าวย่างที่หนักแน่นก็มีประโยชน์ไม่แพ้กัน
หวงเฟยหง ถูกเคี่ยวกรำอย่างคร่ำเคร่งจากบิดา ด้วยการฝึกพื้นฐานท่า "ม้านั่ง"
ยึดหลักรวมรั้งพลังที่สองขา และสองแขน เป็นสำคัญ
เมื่อฐานหนักแน่น แขนเปี่ยมพลัง จะยืมพลังใช้พลัง ฟาดพลัง ย่อมสามารถทำได้ดังใจ
หมัดสิงโต ของหวงเฟยหง และ หมัดไร้ลักษณ์ที่เขาคิดค้น
(ท่าเพลงเริ่มต้น ผายมือหนึ่งไปด้านหน้าราวเชิญชวน ซ่อนอีกฝ่ามือไพล่ไว้ด้านหลัง)
และเพลงทวนประจำตระกูล สร้างชื่อ หวงเฟยหงขจรขยายไปอย่างรวดเร็ว
น้ำใจ และจริยธรรมของครูมวยหวง เป็นที่กล่าวขานเลื่องลือในกิตติศัพท์ ความสง่างามและการวางตัว
พลังหมัดที่แข็งแกร่ง เพลงทวนที่หนักหน่วงรุนแรง
เงาทวนที่แน่นขนัด แผ่วพริ้วราวงูเงินมีชีวิต
พู่แดงที่ละลานตา กล่าวกันว่า ความรุนแรงเพลงทวนของหวงเฟยหง สามารถแทงทะลุกำแพง หนาเกือบครึ่งศอก!!
และนี่คือส่วนเสี้ยวชีวะประวัติ อีกหนึ่งวีรชน ของจีนที่ผมนำมาบันทึกผ่านตาให้อ่านกันนะครับ
ในอดีต หากพูดถึงการฝึกยุทธ์แบบคร่ำเคร่ง เข้มงวด
การทรมานผู้ฝึกตั้งแต่เด็ก ก็มีตัวอย่างหนึ่งที่ ...ไม่เอ่ยถึงไม่ได้คือ...
ปึงซี่เง็ก ศิษย์ฆราวาส แห่งเส้าหลิน
ปึงซี่เง็ก ถูกแม่แท้ๆของตน ฟาดตีและแช่ด้วยตัวยาจนหนังหนา ทนทานการฟาดบาดเจ็บ
ผู้คน ถึงกับขนานนาม เขาว่า "ปึงซี่เง็กผู้ไม่มีวันตาย"
ไว้จะหาเวลามาเขียนถ้าอยากอ่านต่อนะครับ***
ภูพาน:
อ่านไปชักงง...เอ !! เรื่องใดประวัติศาสตร์จีน เรื่องใดเรื่องไล่คุณเหลี่ยม...ฮาฮา.. :mrgreen:
ธ.ส.:
อ่านบทวิพากษ์วรรณกรรมของจอมยุทธ์ท่านนี้แล้วต้องตั้งสติให้ดี ตอนใดคือวรรณกรรม ตอนใดคือเหน็บแนม เข้าใจสับสนปนเป ธาตุไฟอาจเข้าแทรก พาลวิกลจริตเอาได้ง่ายๆ บทความนี้ถือเป็นการทดสอบสติได้ในทางหนึ่ง พึงรักษาสติในการร่ายวรยุทธ์ฉันใด ต้องรักษาสติในการอ่านวรรณกรรมฉันนั้น
ThailandReport:
ทั้งคุณ ภูพานและ ธส. ถือว่าสอบผ่าน การปรับพื้นฐาน ขั้นที่ 1 แล้วครับ
ที่ไม่สติแตก ไปกับการอ่านข้อเขียนของผม
ฮ่าๆๆๆๆ ก้ากกก กึกก้องงงงง....(เกร็งลมปราณ กู่ร้องก้องทั่วขุนเขาไท่ซัว)
ตอนหน้าอยากอ่านอะไร ว่ามาเลยตอนนี้ว่างเด๋วจัดให้ครับ :mrgreen: :lol: :mozilla_wink:
ThailandReport:
ในแวดวงนักเขียน นิยายกำลังภายใน ยุคใหม่
ที่ไม่เน้นวาสนาปาฏิหาริย์
และ การฝึกวิชาลมปราณ
จน ลึกล้ำคร่ำเคร่งเกินจริง เหนือโลกจนเกินไป
นามปากกา "อุนเลี้ยงเง็ก" หรือ "หยกอุ่นเย็น"
เป็นนักเขียนดาวรุ่งมาแรงเมื่อหลายปีก่อน จากเรื่อง 4 ยอดมือปราบ และ พยากรณ์ประกาศิต
คล้อยหลังการจากไปของโกวเล้ง (มังกรโบราณ)ไม่นาน
ก่อนจะมีกำเนิด "หวงอี้" แห่ง เจาะเวลาหาจิ๋นซี และมังกรคู่สู้สิบทิศ อันลือลั่น
การเดินทางอันยาวไกลของ นักเขียนรุ่นใหม่ๆที่ "ตั้งใจศึกษาค้นคว้าข้อมูล" ไม่ยกเมฆเขียนมั่ว
เป็นเส้นทางที่ ลำบากและต้องอดทนมากมาย กว่าจะค้นพบ ตัวของตัวเองได้
อุนเลี้ยงเง็ก มีชีวิตที่เหมือนนกบาดเจ็บ ต้องระหกระเหิน ชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน
และเขา บรรจงถ่ายทอดประสบการณ์ ผกผันของชีวิต ออกมาจากปลายปากกา
เรื่องราวของ ชะตาที่ยากแข็งขืน
เรื่อราวของ คนคำนวนมิสู้ ลิขิตฟ้า
เรื่องราวของ ที่สุดแห่งความพยายาม บากบั่น แม้กระทั่งฟ้ายังตื้นตัน ยอมเปิดหนทาง
เรื่องราวของ การใช้ ความลับฟ้า มิอาจแพร่งพราย ให้เกิดประโยชน์แก่ตนได้ !!
ใน "พยากรณ์ประกาศิต"... .
กล่าวถึงชีวิต ซอมซ่อของคนบางคน ที่แทบไม่มีตัวตนน่า สนใจ ในยุทธจักร
คนที่เรียนรู้ "อี้จิง ทำนายฟ้า" และผกผันหลัก " ฟ้าทำนายคน "
คนที่อ่าน นรลักษณ์ แล้ว คำนวนเรื่องหนหลัง คาดทำนายอนาคต ของทรชน
คนที่มองหาทำเล "รอด" ในทำเล "อับ" - มองหาทำเล "เป็น" ใน ทำเล "ตาย" !!
หิน 1 ก้อน ใบไม้ 1 ใบ กลางแผ่นดินที่ร้างแล้ง สุดลูกหูลูกตาคือ....จุดหยั่งเท้าที่ควรยึดไว้ให้ได้!!
ศาสตร์ ลี้ลับ ทำนายชะตาราศี
ศาสตร์ลี้ลับ หลอกลวง คน ด้วยมายา
ศาตร์ บางศาสตร์ที่ไม่ลับ แต่พอรวมกับ บางกลอุบายก็สามารถ ทำเป็นภาพลวงตา
เหล่านี้ คุณจะหาพบได้ใน...พยากรณ์ประกาศิต
นวนิยายจีน ประโลมโลกย์ ประเภทกำลังภายใน แต่...แฝงไว้ด้วย ปริศนา...แห่ง....ความลับแห่งฟ้า
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว