หลักการสำคัญของวิชาชีพสื่อมวลชน ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันคือ จักต้องดำรงไว้ซึ่งเสรีภาพในการพูด การเขียน การพิมพ์และการโฆษณา เพราะหากปราศจากเสรีภาพเหล่านี้แล้ว การทำหน้าที่ในการทำความจริงให้ปรากฏย่อมไม่อาจจะเกิดขึ้นจริงได้เลยแม้แต่น้อย
กว่าหนึ่งศตวรรษที่วิชาชีพสื่อมวลชนได้ลงหลักปักฐานในแผ่นดินไทยครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ.2378 โดยหมอบรัดเลย์ ผู้ริเริ่มทำหนังสือพิมพ์ "บางกอกรีคอร์ดเดอร์" แต่ในที่สุดต้องประสบภาวะล้มละลายเพราะถูกฟ้องเนื่องจากเปิดโปงกรณีกงสุลฝรั่งเศสหลีกเลี่ยงภาษีอากร
ต่อมาในยุคเผด็จการทหารครองเมือง สื่อมวลชนที่นำเสนอความจริงและวิพากษ์วิจารณ์อำนาจรัฐเพื่อประโยชน์ของสาธารณะ หรือเรียกร้องสิทธิเสรีภาพในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน กลับถูกลอบสังหาร จับกุมคุมขัง ถูกนำตัวไปปล่อยเกาะ แท่นพิมพ์ถูกทุบทำลาย สำนักงานถูกขว้างระเบิด ฯลฯ
แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น สื่อมวลชนในประเทศนี้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ก็ได้ทำหน้าที่ดังกล่าวโดยไม่ย่อท้อ เพราะต่างตระหนักกันดีว่าภาระหน้าที่ที่ดำเนินอยู่ เป็นภาระหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายด้วยความไว้วางใจจากประชาชนผู้บริโภคสื่อทั้งมวล
ดังนั้น หนทางเดียวที่สื่อมวลชนจะสามารถทำหน้าที่ของตนได้อย่างเต็มกำลัง จักต้องธำรงไว้ซึ่งอิสรภาพและเสรีภาพ หากปราศจากเสียซึ่งสิ่งนี้แล้ว ข่าวสารที่ถูกนำเสนอออกมาก็ย่อมไม่ต่างจากกระดาษเปื้อนหมึก หรือมลพิษทางเสียงและสายตาที่พร้อมจะทำลายคุณค่าแห่งความจริงที่ประชาชนจะต้องมีสิทธิได้รับรู้อย่างเท่าเทียมกันจนหมดสิ้น
อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องน่าเศร้าว่า แม้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 จะระบุถึงการรับรองสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและนำเสนอข่าวสารของประชาชนและสื่อมวลชน แต่กลับเป็นที่ประจักษ์ชัดว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีการใช้อำนาจรัฐผนวกกับอำนาจทุนข่มขู่คุกคามสื่อมวลชนทุกรูปแบบและทวีความรุนแรงขึ้นตลอดเวลา แต่ที่ร้ายที่สุดคือการใช้กำลังประทุษร้ายซึ่งหน้าและใส่ร้ายป้ายสี บิดเบือน ใส่ไคล้ ให้ร้าย เพื่อแยกสื่อออกจากประชาชน และแยกประชาชนออกจากสื่อ
วันที่ 5 เมษายน 2549 ที่ผ่านมา บรรณาธิการและนักข่าวของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ สถานีข่าววิทยุและโทรทัศน์ทุกสถานี จึงได้มารวมตัวกันเพื่อประกาศเจตนารมณ์ว่า พวกเราจะต่อต้านการคุกคามสื่อทุกรูปแบบ เพราะเราเชื่อว่าการที่สื่อถูกคุกคามก็เท่ากับประชาชนถูกคุกคามด้วย และหากสื่อปราศจากเสรีภาพในการนำเสนอข่าวและแสดงความคิดเห็นแล้ว สังคมนั้น ก็ย่อมจะตกอยู่ในภาวะแห่งความมืดบอดทางปัญญา
สื่อมวลชนทั้งหลาย จึงพร้อมที่จะรวมพลังกันต่อสู้ เพื่อสิทธิเสรีภาพในการทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ของสาธารณชน บนหลักจริยธรรมแห่งวิชาชีพสื่อมวลชนและความถูกต้อง โดยยินดีน้อมรับการตรวจสอบจากสังคม และกระบวนการทางกฎหมายที่ถูกต้องเป็นธรรมทุกด้าน แต่เราจะไม่ยอมรับการตรวจสอบโดยการใช้กำลังและด้วยวิธีการนอกกฎหมาย
เราขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเคารพและร่วมกันแปรเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 ในเรื่องสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดๆ สิทธิเสรีภาพในการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในสื่อวิทยุและโทรทัศน์ของประชาชน รวมถึงสิทธิเสรีภาพในการนำเสนอข่าวและแสดงความคิดเห็นของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน และสิทธิเสรีภาพทางวิชาการอื่นๆ ให้เป็นจริงทั้งทางอุดมการณ์และทางปฏิบัติ
เราขอให้คำมั่นว่า เราจะใช้เสรีภาพที่มีอยู่ตามรัฐธรรมนูญควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อจริยธรรมทางวิชาชีพ เพื่อทำหน้าที่แทนพี่น้องประชาชนในการชูประทีปแห่งความจริงไล่ความมืดบอดให้หมดไปจากสังคมนี้
http://www.thannews.th.com/detialNews.php?id=t0821047&issue=2104