ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
20-04-2024, 15:49
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สโมสรริมน้ำ  |  ผู้นำ คือ ผู้รับใช้ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ผู้นำ คือ ผู้รับใช้  (อ่าน 2497 ครั้ง)
โอสถ
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 273



« เมื่อ: 11-08-2006, 18:49 »



ผู้นำคือผู้รับใช้

ชื่อของ วิศิษฐ์ วังวิญญู นักเขียน นักแปลหนังสือหลายเล่ม เล่มหนึ่งที่เขาแปลคือ 'ดวงตะวันดวงใจฉัน' เขียนโดย ติช นัท ฮันห์ หรือหนังสือที่เขาเขียนเองอย่าง ญาณทัศนะแห่งการเข้าถึงตัวตนที่แท้จริง 'มณฑลแห่งพลัง'

ในหนังสือ "มณฑลแห่งพลัง" ของสำนักพิมพ์สวนเงินมีมา มีคำนำที่เขียนถึงวิศิษฐ์ไว้ว่า "คุณวิศิษฐ์เป็นปัญญาชน นักคิด และกระบวนกร (วิทยากรที่เน้นกระบวนการกลุ่ม) ที่นำเสนอความคิดอ่านใหม่ๆ สู่สังคมไทยเสมอ อาทิ วิทยาศาสตร์ใหม่ แนวคิดเรื่องฟิสิกส์และจิตวิญญาณ ในด้านการศึกษาทางปรัชญาแนวคิด ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนแนวพุทธศาสตร์ แนววอดอร์ฟ แนวมองเตสเซอรี่ แนวซัมเมอร์ฮิล ฯลฯ"

มณฑลแห่งพลัง เป็นหนังสือที่วิศิษฐ์เขียนจากประสบการณ์หลากหลายของเขาในการจัดเวิร์คชอปและการสนทนาวิสาสะที่เกิดจากการฟังอย่างลึกซึ้ง (dialogue)

กิจกรรมเวิร์คชอปว่าด้วยมณฑลแห่งพลัง เขาได้เรียนรู้การก้าวข้ามของชีวิตผู้คนธรรมดาที่มีพลังอันกระจัดกระจายมาสู่ชีวิตที่ตื่นตัวทั่วพร้อมด้วยพละกำลังอันยั่งยืน

ก่อนหน้านั้นวิศิษฐ์ใช้ชีวิตเพื่อการเรียนรู้และแสวงหา และใช้เวลาร่วม 10 ปีทำธุรกิจหลายอย่าง ไม่ว่าคอมพิวเตอร์หรืออสังหาริมทรัพย์ เขาเรียกชีวิตช่วงนั้นของตัวเองว่า เข้าไปอยู่ใต้ท้องปลาวาฬ (ฝรั่งเปรียบเป็นความชั่วร้าย) ทั้งหมดไปได้ไม่สวยนัก แต่ก็ทำให้เขาได้เรียนรู้มาก

ปัจจุบันวิศิษฐ์ใช้ชีวิตอยู่ที่เชียงรายเป็นเวลา 8 ปีแล้ว เคยใช้ชีวิตช่วงหนึ่งเพื่อเรียนรู้และแสวงหา ก่อนจะหักเหเข้าสู่การทำธุรกิจ แต่งงานครั้งที่สอง และเลี้ยงดูบุตรชาย 1 คน

หลังจากภรรยาคนแรกเสียชีวิต เขาตัดสินใจที่จะไม่ใช้ชีวิตที่เหลือในวงจรธุรกิจต่อไป ค่อยๆ ตัดความทะยานอยาก แล้วกลับมาใช้ชีวิตอีกอย่างตามแบบที่เขาบอกว่า ไม่ถึงกับจน

"จะไปทำงานเป็นที่ปรึกษาทางธุรกิจต่อก็ได้ แต่ผมเบื่อแล้ว ถ้าประสบความสำเร็จแล้วเพื่ออะไร ตอนนี้ผมอายุ 52 ปี ก่อนจะทำธุรกิจผมอยู่กับชีวิตเรียนรู้แสวงหามานานกว่า 30 ปี ทำธุรกิจตอนอายุ 33 ปี แต่งงานตอนอายุ 36 ปี เลิกทำธุรกิจตอนอายุ 42 ปี ค่อยพลิกชีวิตกลับไปอย่างเดิม" วิศิษฐ์ ให้สัมภาษณ์ ในโอกาสหนึ่งที่เชียงราย

"ภรรยาผมเคยทำงานที่หนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น จบธรรมศาสตร์เป็นนักกิจกรรม" วิศิษฐ์ เอ่ยถึงภรรยาของเขาที่เสียชีวิตไปแล้ว และการเสียชีวิตนั้นเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาไม่ต้องมีเหตุผลในการประนีประนอมเพื่อทำธุรกิจต่อไป

"สิ่งสุดท้ายประการเดียวที่เธอขอกับผมก่อนจากลา ก็คือ ขอให้เลี้ยงและอบรมลูกชายเพียงคนเดียวที่มีอยู่ให้เป็นคนไม่เห็นแก่ตัว เธอกล่าวว่าทรัพย์สมบัติอื่นใดในโลก หาสำคัญไปกว่าการทำการกิจข้อนี้ไม่" คำอุทิศผู้แปลในหนังสือ ดวงตะวันดวงใจฉัน

8 ปี ในเชียงราย วิศิษฐ์ ช่วยก่อตั้งโรงเรียนแนวมองเตสเซอรี่ ชื่อ ปิติศึกษา ตอนนี้เปิดสอนเป็นปีที่ 6 - 7 แล้ว ช่วยก่อตั้งมูลนิธิสังคมวิวัฒน์ ล้อกันกับจิตวิวัฒน์ที่กรุงเทพฯ ให้คนหนุ่มทำหน้าที่ประธาน ส่วนคนรุ่นเขาทำหน้าที่รับใช้

"งานที่ทำทั้งหมดของสถาบันขวัญเมืองอยู่ในมูลนิธิสังคมวิวัฒน์ สร้างองค์กรขึ้นมารับใช้คน คนแก่รับใช้คนหนุ่ม ชอบใช้คำหนึ่งว่า ผู้นำคือผู้รับใช้ ทำงานอย่างมีความสุข ทำงานโดยเชื่อในสติปัญญาร่วม ไม่เชื่อใน Private Ownership ไม่เชื่อในลิขสิทธิ์ ต่อไปเขียนหนังสือใส่ชื่อมูลนิธิแทน ตัวตนมันจะหายไป จริงๆ แล้วที่คิดมีสติปัญญาอยู่ทุกวันนี้ ผมยืนอยู่บนบ่ายักษ์ใหญ่หลายคน ส.ศิวรักษ์, ท่าน ติช นัท ฮันห์, เจ้าคุณปยุต (พระพรหมคุณาภรณ์ : ป.อ.ปยุตฺโต) ผมมีกัลยาณมิตรดีๆ หลายคน แล้วเวลาเราคุยกัน ความคิดดีๆ เยอะเลย แล้วมันเป็นของใคร มันเป็นสังคมนิยมแล้วนะ มันเป็น Collective"

เมื่อขอให้ วิศิษฐ์ เล่าถึงที่มาที่ไปของความสนใจทั้งเรื่องธรรมะและการเรียนรู้เพื่อแสวงหาสิ่งใหม่ๆ เขาเล่าย้อนถึงวัยเด็ก

"ผมเป็นเด็กกำพร้า ความเป็นเด็กกำพร้าทำให้ช่างคิด แสวงหาอะไรใหม่ๆ เริ่มต้นจากการแสวงหาความอบอุ่น ชอบอ่านหนังสือ คิดใคร่ครวญ เป็นเด็กช่างคิด เด็กกำพร้าจะมีอยู่อย่างคือ ต้องฝึกอ่านใจคน ต้องไปอาศัยเขาอยู่ ครอบครัวผมดี น้าๆ หลายคนรักผมเหมือนลูก เลี้ยงเหมือนลูก แต่เราก็รู้ว่าเราไม่ใช่ลูก เราก็แสวงหา"

อีกส่วนหนึ่ง ก็คือ การเติบโตมาจากสังคมพุทธจากยาย เขาเล่าว่า ยายไปวัด วัดธรรมดาๆ ไม่ใช่วัดปฏิบัติ เป็นวัดบ้านนอกทั่วไป แต่มีความสุขสงบประหลาด วัดสมัยเด็กๆ ของเขาไม่ได้วุ่นวายอย่างสมัยนี้ สมัยก่อน ดูธรรมดา สงบเรียบง่าย เวลาเข้าวัดจะมีความสุข

นอกจากนี้ก็เก็บเกี่ยวด้วยการอ่านหนังสือดีๆ หนังสือของท่านพุทธทาส เขาอ่านตั้งแต่เรียนอยู่ม.ต้น และทำกิจกรรมตั้งแต่เรียนที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา แต่ไปช่วยทำค่ายยุวชนสยามของโรงเรียนสวนกุหลาบ พอทำกิจกรรมก็เบื่อเรียนหนังสือ เข้าเรียนมหาวิทยาลัยมหิดล เขาแทบไม่ได้เรียนและไม่ได้สอบ จึงตัดสินใจออกจากมหาวิทยาลัยและออกจากบ้านมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยตัวเอง ด้วยการเขียนหนังสือ แปลหนังสือ ขณะนั้นอาจารย์ ส.ศิวรักษ์ ทำสำนักพิมพ์เคล็ดไทย เขาก็เข้าไปเขียนบ้าง แปลบ้าง และร่วมทำกิจกรรมในองค์กรพัฒนาต่างๆ

และเขาก็ได้พบกับ ติช นัท ฮันห์ ในปี 2518

"ก่อนปี 2519 เวียดนามแตก ตอนนั้นผมเจอท่านที่วัดผาลาด มีการจัดประชุมผู้นำศาสนา เขารบกัน เราก็มาหาแนวทางสันติวิธี อาจารย์ (ส.ศิวรักษ์) ให้ผมไปอยู่ดูแลท่าน กุฏิก็เล็กนิดเดียว ดูแลท่านก็เหมือนท่านดูแลเรา ตอนนั้นผมอายุ 22 ปี ท่าน ติช นัท ฮันห์ อายุประมาณ 50 ปี"

เขา เล่าว่า เวลาที่ได้เจอคนเจริญสติภาวนา มีความสงบ มีคุณสมบัติบางอย่างอยู่ในตัว เป็นการเรียนธรรมะโดยไม่ต้องพูดกัน

"อยู่เฉยๆ ก็ซึมเข้ามา ท่านก็เมตตาเรา ตอนนั้นก็ตื่น 3 เดือน เห็นอะไรก็งดงามไปหมด เขียนหนังสือก็ดี เขียนกวีก็ดี ชีวิตก็ลงตัว ความอดรนทนไม่ได้มันหมดไป แฮปปี้มาก เห็นอะไรก็สวยงามไปหมด แล้วเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ถ้ามีอยู่ในตัว ก็จะงอกงามในตัวเรา ท่านก็เขียนหนังสือหลายเล่ม พวกเราแปลกันหลายเล่ม ที่เห็นแปลมีอยู่เกือบ 20 เล่ม ในเมืองไทยขายดี ผมแปลเล่มหนึ่ง ดวงตะวันดวงใจฉัน" วิศิษฐ์ เล่าถึงส่วนหนึ่งในชีวิต

อีกส่วนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับธรรมะคือ เรื่องการสืบต่อ โดยเฉพาะปณิธานของท่านพุทธทาสและเจ้าคุณปยุตฯ ทั้งสองท่านเห็นว่า ธรรมะต้องอยู่กับการดำรงชีวิตตามปกติธรรมดา ไม่ได้มีไว้บนหิ้งเท่านั้น การอภิปรายในครั้งหนึ่งของท่านพุทธทาส และม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เมื่อประมาณปี 2512 -2513 ที่หอประชุมคุรุสภา

ครั้งนั้น ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ พูดถึงธรรมะระดับโลกุตรว่า นำมาปฏิบัติไม่ได้ ชาวโลกมันมีความโลภ มันมีแรงขับท่านคิดในแง่เศรษฐกิจ ส่วนท่านพุทธทาสบอกว่า ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน นิพพานต้องที่นี่ เดี๋ยวนี้ ทำงานก็ต้องมีความสุข ต้องมีสติปัญญา

ข้อคิดนั้นผนวกรวมกับการอ่านอื่นๆ ของ วิศิษฐ์ ไม่ว่าจะเป็นแนวทางใด ไม่ว่าจะอหิงสาของคานธีหรือเศรษฐศาสตร์แบบชูมาร์คเกอร์ นั่นก็มีธรรมะ และต้องนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน ในวิทยาศาสตร์หรือในการบริหารจัดการ

"ธรรมะไม่ได้อยู่บนหิ้ง ต้องอยู่ในเลือดเนื้อ ลมหายใจ อยู่ในสิ่งละอันพันละน้อย ในการดำรงชีวิตอยู่ของเราทั้งหมด พวกนี้ไปทำงานกับจิตไร้สำนึก ขยายความจิตไร้สำนึก อย่างมานั่งร้านสวยๆ งามๆ จิตไร้สำนึกได้รับการดูแล จิตไร้สำนึกของเราสัมผัสสิ่งแวดล้อมอยู่ตลอดเวลา นั่งอยู่ในสถานที่แตกต่างกัน การคุยจะไม่เหมือนกัน ถามว่าเกี่ยวกับจิตสำนึกหรือไม่ ไม่นะมันเกี่ยวกับจิตไร้สำนึก"

วิศิษฐ์ พูดในตอนท้ายของการสนทนาครั้งนั้นว่า งานของผมคือ เขี่ยผงออกจากลูกตาคน

"คนมีคุณภาพ แต่ความเป็นไปของสังคม ความเชื่อของยุคสมัย มันไปขวางกั้นธรรมชาติของมนุษย์ วิวัฒนาการตามธรรมชาติของมนุษย์ งานผมคือเขี่ยผงออกจากลูกตา เขาต้องโตเอง เห็นเอง เราช่วยนิดหน่อย กิจกรรมผมโดยทั่วไปจะพูดน้อย แต่จะให้เขาเรียนรู้ด้วยตัวเอง พอคนค้นพบตัวเอง คำพูดจะไพเราะและมีพลัง"


 Tongue out Tongue out Tongue out
 http://www.bangkokbiznews.com/bodyheart/
บันทึกการเข้า


เจ้าขอทาน
ฟ้าและดิน 
คืออาภรณ์ในฤดูร้อนของเขา


ทดสอบ ลิ้ง คุณภาพ
http://www.jitwiwat.org/docs/articles/index_2548.htm
999
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,022



« ตอบ #1 เมื่อ: 11-08-2006, 18:53 »






ผู้นำคือผู้รับใช้ ถูกต้อง1000เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป... Cool
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-08-2006, 19:01 โดย 999 » บันทึกการเข้า

โอสถ
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 273



« ตอบ #2 เมื่อ: 11-08-2006, 18:54 »



สุนทรียสนทนา

วิศิษฐ์ วังวิญญู : เขียน

พิมพ์ครั้งที่ ๑ ขนาด ๑๖ หน้ายกพิเศษ ๑๖๘ หน้า
ราคาปก : ๑๒๕ บาท

การสนทนาเป็นวิถีทางอันเป็นธรรมชาติที่มนุษย์ใช้สื่อสารถึงกัน ถ่ายทอดความคิดสู่กันและกันได้อย่างรวดเร็วทันท่วงที แต่การฟังเพียงถ้อยคำที่เปล่งออกมาและการมองจากภาพลักษณ์ภายนอกอาจไม่สามารถสรุปความหมายที่แท้ของ “สาส์น”

งานสุนทรียสนทนา ก็เช่นเดียวกับการปฏิบัติธรรม หากเราไม่ยึดในความคิดเกี่ยวกับตัวตนของเรา ไม่ยึดความคิดในเรื่องการปฏิบัติ ไม่ยึดความคิดเกี่ยวกับผลที่จะตามมา เราก็จะเดินเพื่อเดิน ทำสุนทรียสนทนาเพื่อสุนทรียสนทนา ไม่ว่าจะได้อะไรหรือไม่ แต่เราก็ได้ทำงานในปัจจุบันขณะได้อย่างงดงามสมชื่อสุนทรียสนทนานั้นแล้ว

เมื่อเกิดปัญญาจากการสนทนา คนที่เคยปฏิบัติธรรมก็จะเห็นได้ว่ามันเป็นวิปัสสนากรรมฐานในรูปแบบหนึ่งแน่ๆ เพราะเมื่อเข้าวงสนทนาและเริ่มฟังอย่างมีทัศนคติที่ถูกต้อง คือการฟังอย่างมีสมาธินั้นเอง

การฟังจึงเป็นทั้งศิลปะพื้นฐานและเป็นศิลปะชั้นสูง ที่เราอาจจะต้องฝึกฝนไปตลอดชีวิต เมื่อเทียบเคียงกับการปฏิบัติในพุทธศาสนาแล้ว เราจะต้องฝึกสมาธิเพื่อผ่อนคลายความว้าวุ่นของอารมณ์ต่างๆ ในใจเราให้สงบลง และถ้าฝึกได้ดีจะถึงจุดที่ “ว่าง” จากอารมณ์รบกวนทั้งหลาย และในเวทีสนทนา เราต้องฝึกปัญญาคือวิปัสสนาที่เราจะว่างจากความคิดของเราเอง เพื่อรับความคิดของผู้อื่นเข้ามา

Comment / ???????


จากสำนักพิมพ์

นับจากที่สำนักพิมพ์สวนเงินมีมาได้จัดพิมพ์งานเขียนเรื่อง มณฑลแห่งพลัง ของคุณวิศิษฐ์ วังวิญญู เมื่อเดือนมีนาคมปีนี้ ไม่กี่เดือนต่อมาหนังสือเล่มนี้ก็หมดลงอย่างรวดเร็ว จึงต้องจัดพิมพ์ขึ้นใหม่เป็นครั้งที่สองในเดือนพฤษภาคม คือเพียงสองถึงสามเดือนต่อมา มณฑลแห่งพลัง ได้รับการบูรณาการเข้ากับการอบรมแลกเปลี่ยนเพื่อความเข้าใจชีวิต การงาน และการใช้เวลาว่าง รวมถึงอีกหลากหลายกรณีที่ผู้อ่านนำไปเผยแพร่ในแวดวงของตน หรือแม้กระทั่งอ่านเพื่อแรงบันดาลใจ ขณะที่คุณวิศิษฐ์ วังวิญญูทำงานเขียนเรื่อง มณฑลแห่งพลัง ก็ได้ลงมือเขียนต้นฉบับหนังสือเรื่อง สุนทรียสนทนา ในเวลาใกล้ๆ กัน

สุนทรียสนทนา จะนำเราไปสู่ประสบการณ์ใหม่ของการสนทนาและการฟังอย่างลึกซึ้ง ซึ่งมิใช่เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของการสนทนาเพียงอย่างเดียว แต่เพื่อความเข้าใจและค้นพบปัญญาร่วมกัน คุณวิศิษฐ์ วังวิญญูได้ศึกษาทั้งงานเขียนของนักคิดแนววิทยาศาสตร์ใหม่ที่เชื่อมโยงความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์กับจิตวิญญาณ ผนวกกับประสบการณ์ของตนเองที่ได้จากการฝึกอบรมเพื่อกระบวนการเรียนรู้ใหม่ๆ ทั้งในเรื่อง “มณฑลแห่งพลัง” และ “สุนทรียสนทนา” ดังนั้นผู้อ่านจะได้รับทั้งความรู้ในเชิงทฤษฎีและตัวอย่างประสบการณ์ของผู้ที่เคยร่วมวงสุนทรียสนทนาในแวดวงที่แตกต่างกันไป เนื้อหาสาระในหนังสือจะนำพาผู้อ่านไปสู่พื้นที่การสนทนาที่ลุ่มลึก และเริ่มตรึกตรองเรื่องการใช้ชีวิตให้ช้าลงเพื่อให้เวลากับการใคร่ครวญพิจารณารายละเอียดและปรากฏการณ์รอบตัวเรา บางที...เราอาจได้รู้จักการฟังอย่างลึกซึ้ง รู้จักการสนทนาด้วยความรัก รู้จักสื่อสารกันด้วยใจ เพื่อบรรลุสันติร่วมกัน


สำนักพิมพ์ฯ ขอขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนร่วมในการสรรค์สร้างหนังสือเล่มนี้ โดยเฉพาะทีมงานในโครงการจิตวิวัฒน์ที่สนับสนุนการจัดพิมพ์ โดยเฉพาะคุณวรพงษ์ เวชมาลีนนท์ที่ได้ให้ความเอื้อเฟื้อเป็นอย่างดีตลอดมา
บันทึกการเข้า


เจ้าขอทาน
ฟ้าและดิน 
คืออาภรณ์ในฤดูร้อนของเขา


ทดสอบ ลิ้ง คุณภาพ
http://www.jitwiwat.org/docs/articles/index_2548.htm
โอสถ
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 273



« ตอบ #3 เมื่อ: 11-08-2006, 18:56 »



มณฑลแห่งพลัง

วิศิษฐ์ วังวิญญู : เขียน

พิมพ์ครั้งที่ ๒ ขนาด ๑๖ หน้ายกพิเศษ ๑๒๘ หน้า
ราคาปก : ๑๐๐ บาท


มณฑลแห่งพลัง ก็เหมือนการปลูกต้นไม้ที่เราต้องบ่มเพาะเมล็ดและรอเวลาแห่งการเจริญงอกงาม สำหรับมนุษย์ที่เรียนรู้มณฑลแห่งพลังนี้ มันไม่ใช่การเข้าใจทางความคิด แต่เป็นประสบการณ์บางอย่าง ที่ต้องเอาตัวตนเข้าไปสัมผัส และจะต้องสัมผัสตรงแบบที่ไม่มีแนวคิด กรอบคิด หรือความคิดใดๆ มาขวางกั้น ..

คุณวิศิษฐ์ วังวิญญ เป็นปัญญาชน นักคิด และกระบวนการ (วิทยากรที่เน้นกระบวนการกลุ่ม) ที่นำเสนอความคิดอ่านใหม่ๆ สู่สังคมไทยอยู่เสมอ เช่น วิทยาศาสตร์แนวใหม่ แนวคิดเรื่องฟิสิกส์และจิตวิญญาณ และรวมถึงเป็นผู้หนึ่งที่เข้าใจเรื่องทางด้านการศึกษาทางเลือก ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนแนวพุทธศาสตร์ แนววอดอร์ฟ แนวมองเตสเซอรี่ แนวซัมเมอร์ฮิล เป็นต้น
ผลงานหนังสือ มณฑลแห่งพลัง เล่มนี้เป็นการนำประสบการณ์อันหลายหลากของผู้เขียน ทั้งในฐานะผู้นำการอบรม และการสนทนาวิสาสะที่เกิดจากการฟังอย่างลึกซึ้ง (dialogue) โดยรวบรวมประสบการณ์อันน่าสนใจที่เกิดกับบุคคล กลุ่มคนที่แตกต่างกันไปในช่วงสองสามปีมานี้ แล้วสะท้อนแง่มุมที่น่าขบคิดจากการเรียนรู้ผู้คน ด้วยความคิดที่ตกผลึกและพุทธิภาวะด้านใน คุณวิศิษฐ์ยังเป็นผู้ที่แข็งขันในการนำเสนอเรื่อง ขบวนการเรียนรู้ที่เกิดจากการมีส่วนร่วม โดยเฉพาะเรื่องการสนทนาและการฟังอย่างลึกซึ้ง เป็นวิทยากรกระบวนการที่มีพลัง และช่วยจุดประกายทางความคิด
หนังสือเล่มนี้สามารถสะท้อนสิ่งที่กล่าวมาได้อย่างดี ...

บันทึกการเข้า


เจ้าขอทาน
ฟ้าและดิน 
คืออาภรณ์ในฤดูร้อนของเขา


ทดสอบ ลิ้ง คุณภาพ
http://www.jitwiwat.org/docs/articles/index_2548.htm
โอสถ
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 273



« ตอบ #4 เมื่อ: 11-08-2006, 19:01 »

ไม่ได้มาขาย หนังสือนะ แต่มันน่าอ่านดี

เอาไปอีก 2 ลิ้งน่าอ่าน

Bohmian Dialogue
“สุนทรียสนทนา” เพื่อการคิดร่วมกันอย่างเป็นธรรมชาติ
http://www.thaimisc.com/freewebboard/php/vreply.php?user=transteam&topic=10&page=2

อันนี้ผลงาน พี่ วิศิษย์เค้า สุทรียสนทนา
http://www.hkm.nu.ac.th/Document/Dialogue00.pdf

http://72.14.235.104/search?q=cache:vLDztYcJpZMJ:www.hkm.nu.ac.th/Document/Dialogue00.pdf+%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%99%E0%B8%B2&hl=th&gl=th&ct=clnk&cd=7
บันทึกการเข้า


เจ้าขอทาน
ฟ้าและดิน 
คืออาภรณ์ในฤดูร้อนของเขา


ทดสอบ ลิ้ง คุณภาพ
http://www.jitwiwat.org/docs/articles/index_2548.htm
คนในวงการ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,393


FLY WITH NO FEAR !!


เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 11-08-2006, 19:17 »

สาธุ สาธุ สาธุ
บันทึกการเข้า

"Be without fear in the face of your enemies. Be brave and upright that God may love thee.
Speak the truth, always, even if it leads to your death. Safeguard the helpless, and do no wrong. That is your oath."
- Balian of Ibelin -
ภูพาน
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 671


« ตอบ #6 เมื่อ: 11-08-2006, 19:41 »

....พลังมีแล้วในทุกผู้คน  เพียงแต่พบหรือไม่....และใช้พลังนั้นในทางใด
บันทึกการเข้า

ขอกันข้าให้ไกลห่างจากคนที่กล่าวว่า "ข้าเป็นดวงเทียนที่นำความสว่างให้หนทางของประชาชน"
หากแต่ผู้ที่แสวงหาหนทางของตนจากแสงแห่งประชาชนนั้น  ขอจงนำข้าเข้าไปใกล้ชิดด้วยเถิด
~ คาลิล ยิบราน
THE THIRD WAY
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,821


Love looks not with eyes, but with the mind.


« ตอบ #7 เมื่อ: 11-08-2006, 20:14 »

ผู้นำ คือผู้นำ ใช่ผู้ตาม
ผู้นำงาม ผู้ตามงาม อย่าสงสัย
ผู้นำชั่ว ผู้ตามชั่ว ก็บรรลัย
จะเลือกใคร เป็นผู้นำ เลือกงามงาม



 Laughing Laughing Laughing
บันทึกการเข้า

ความรักนั้นหวาน ไม่ว่าจะรับหรือให้
************************
การขับไล่ทรราช เป็นภารกิจของเจ้าของประเทศ
so what?
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,729


« ตอบ #8 เมื่อ: 11-08-2006, 20:32 »

ไอ้เหลี่ยมมันไม่อ่านหรอกครับ ไอ้นี่มันอ่านได้แต่หนังสือภาษาฝรั่ง
หนังสือที่เขียนเป็นภาษาไทยมันอ่านไม่ได้ อ่านแล้วตามันจะเป็นกุ้งยิง
   Mr. Green
บันทึกการเข้า
เพนกวินน้อยนักอ่าน
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 866



« ตอบ #9 เมื่อ: 14-08-2006, 16:40 »

ผมซื้อมาแต่สุนทรียสนทนา ครับ
มณฑลแห่งพลังน่าสนใจมาก Very Happy
บันทึกการเข้า
ธ.ส.
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,086



« ตอบ #10 เมื่อ: 14-08-2006, 16:47 »

ข่าววงในจากสำนักงานฝั่งตรงข้ามทำเนียบครับ หนังสือที่เขาแนะนำน่ะ เขาอ่านแค่ 8 หน้าเฉพาะสรุปเท่านั้นครับ แล้วเอามาคุยเป็นคุ้งเป็นแควว่าอ่านทั้งเล่ม บริการสรุปหนังสือดังๆน่ะใอินเตอร์เนตมีหลายเจ้าครับ เล่มหนาแค่ไหน ก็สรุปให้อ่านแค่ 8 หน้าได้
บันทึกการเข้า

ปีนี้เราจะได้ Triple Champ

คุณพนันกับผมไม๊ แต่ผมไม่พนันกับคุณนะ
Killer
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,576


ช๊อบบ ชอบบ...ปฏิวัติ ปลื้ม ค่ะ


« ตอบ #11 เมื่อ: 15-08-2006, 16:15 »

ทำไมไม่บวชให้รู้แล้วรู้รอดไปว้าา...สิ้นเรื่องสิ้นราว ทนเป็นฆราวาสทำไมไม่เข้าใจ
บันทึกการเข้า
THE THIRD WAY
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,821


Love looks not with eyes, but with the mind.


« ตอบ #12 เมื่อ: 15-08-2006, 17:14 »

ทำไมไม่บวชให้รู้แล้วรู้รอดไปว้าา...สิ้นเรื่องสิ้นราว ทนเป็นฆราวาสทำไมไม่เข้าใจ
นี่คือมนุษย์


วันนี้มาแปลกว่ะ
เดินเยี่ยมทุกห้อง
อย่าลืมเตรียมน้ำชา กาแฟ
ไว้ต้อนรับกันดีๆนะ
แล้งอย่าลืมฉีดวัคซีนตอนหลังเด้อ
โรคนี้เชื้อดื้อชิบโผง
บันทึกการเข้า

ความรักนั้นหวาน ไม่ว่าจะรับหรือให้
************************
การขับไล่ทรราช เป็นภารกิจของเจ้าของประเทศ
หน้า: [1]
    กระโดดไป: