ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
19-04-2024, 15:10
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  บนสำนึกแห่ง'ปราการสุดท้าย' 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
บนสำนึกแห่ง'ปราการสุดท้าย'  (อ่าน 634 ครั้ง)
control_J
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 69


« เมื่อ: 11-08-2006, 12:45 »

เปลวสีเงิน
บนสำนึกแห่ง'ปราการสุดท้าย'


11 สิงหาคม 2549    กองบรรณาธิการ

พ.ต.ท.ทักษิณนี่..ท่านต้องป่วยเป็นอะไรซักอย่างแน่เลย ก็ดูซี วันก่อนล่กๆ รีบไปพม่าจนรถนำขบวนชนกันฉิบหายวายเปิง แล้ววานนี้ กลับจากทัวร์นกขมิ้นที่อีสานก็ทำขมีขมันขยันงาน


บึ่งไปเจรจาความบ้าน-ความเมืองกับเขมรอีก!

ถ้าไปในฐานะ "ทักษิณพ่อค้าดาวเทียม" ก็ไม่มีใครเขาว่าอะไร   นี่ท่านเล่นไปในฐานะ พ.ต.ท.ทักษิณ "นายกฯ รักษาการ" จากรัฐบาลรักษาการของประเทศไทย

แล้วทึกทักเอาอำนาจอันตัวเองไม่มี เที่ยวไปทำสัญญิง-สัญญาผูกพันบ้านเมืองโดยไม่ได้รับฉันทานุมัติจาก ครม.ที่มีอำนาจเต็มตามกฎหมาย 

เพราะขณะนี้ยังไม่มี ครม.ในความหมายนั้น!

แล้วนี่..ทำเหมือนคนบ้านป่า-เมืองเถื่อน  ที่ไม่เข้าใจเรื่อง กฎ-กติกา-มารยาทใดๆ ซะอย่างนั้นแหละ!

เรื่องแหล่งก๊าซ แหล่งน้ำมัน อันเป็นทรัพยากรทั้งใต้มหาสมุทร และใต้แผ่นดินรอยเชื่อมต่อระหว่างไทยกับเขมรนั่นน่ะ    ท่านไม่ต้องเที่ยวปั้นเป็นเรื่องตลก  ยกมาให้ชาวบ้านเห็นว่า "ตัวเอง-เป็นคนมีความสำคัญ"

ขาดฉัน..แล้วพวกแกจะขาดน้ำมัน   เพราะฉันคนเดียว "สั่งได้" ทั้งเขมร-พม่า อะไรประมาณนั้นหรอก

เรื่องพลังงานในเขตแดนทับแดนไทย-เขมรนั้น เขารู้กันมาตั้งแต่ปีมะโว้แล้วหละ..ลุ้ง!

สมัยผมเป็นนักข่าว   ยังเคยถูกคนฝ่าย "รัฐบาลไทย" ฝากคำถามไปถามคลำทางกับ "รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา" สมัยโน้นด้วยซ้ำ

ก่อนรัฐมนตรีท่านนั้นจะโหน ฮ.หนีเขมรแดงที่บุกยึดกรุงพนมเปญในยุค "นายพลลอนนอล" เป็นนายกฯ โน่นแน่ะ

"ตาเดิน" ของท่านเหลือน้อยแล้วครับ..ท่านนายกฯ ทักษิณ!

ท่านทำตัวใกล้จะเป็น "หลวงพี่เล็ก" นักใบ้หวยเข้าไปทุกที    พวกนักข่าวตอนนี้มีสภาพคล้าย "สาวกคลั่งหวย"

ตามแห่นายกฯ แล้วก็คอยจับจ้องมองคำว่า..นายกฯ จะพูดจาคำไหน?

แล้วก็เอามาตีความกันว่า พูดอย่างนี้หมายความว่าจะปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ ๑ หรือหมายความว่า..จะเว้นวรรค?

ผมไม่ใช่คนบ้าหวย แต่คึกจะแทงขึ้นมาละก็..ไม่วิ่ง ไม่โต๊ด อะไรทั้งนั้นแหละ ฟันกันไปตรงๆ รวยยกเค้า-เจ๊งยกเค้ากันไปข้างหนึ่งเลย

นี่ผมได้ "ทีเด็ด" มาแล้วนะครับ  ก็จับเอาจากคำพูดนายกฯ นั่นแหละมาตีความ

ท่านบอกว่า..ทำอะไรก็เหมือนผิดไปหมด   ตอนนี้จะหายใจแรงๆ ก็ยังไม่กล้าเลย..กลัวผิด!

ผมก็จับเอาคำว่า  กลัว ผิด  กับคำว่า  หาย ใจ และคำว่า ไม่ กล้า มาคลุกเคล้าเข้ารหัสก็ได้ "กลุ่มคำใหม่" ว่า

กลัว-ไม่-หายใจ!!

ถ้าใช้ตัวเลขแทนตัวอักษร  ก็น่าจะเป็นเลข ๙-๐-๗ หรือเลขสำรองที่ควรจับตาให้จงหนัก คือเลข ๑๔ กับเลข ๑๗ ระหว่าง ๑๔-๑๗ ติ่งไว้อีกตัวที่ ๒๗

น่าสนใจเรื่อง หายใจ-ไม่หายใจ เป็นพิเศษ!

มาคุยกันเรื่อง กกต.ดีกว่านะครับ  จากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ฟังแว่วๆ จากข่าวว่ามาประชุม ๘๓ ท่าน จากจำนวนเต็ม ๘๖ ท่าน

จากผลการประชุมตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญ คัดให้ได้ ๑๐ ท่าน เพื่อส่งให้วุฒิสภาพิจารณาเอา   ๕   ท่านไปเป็น   คณะกรรมการการเลือกตั้ง ชุดใหม่ ผลที่ได้ในรอบเช้า ๕ ท่าน ดังนี้

๑.นายวิชา มหาคุณ ประธานแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลฎีกา

๒.นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานแผนกคดีแรงงานในศาลฎีกา

๓.นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานแผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลฎีกา

๔.นายอุดม เฟื่องฟุ้ง ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอาญากรุงเทพใต้

๕.นายสมชัย จึงประเสริฐ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา

รอบเช้า  ปรากฏว่ามาจาก "ผู้พิพากษา" ล้วนๆ  และคุ้นหน้า-คุ้นชื่อในตลาดสังคมข่าวสารบ้านเมืองว่าด้วยเรื่องคดีความตามกฎหมายทั้งสิ้น    มาดูรอบบ่ายอีก ๕ กันบ้าง ผลออกมาดังนี้ครับ

๑.นายประพันธ์ นัยโกวิท รองอัยการสูงสุด

๒.นายแก้วสรร อติโพธิ อดีต ส.ว.กรุงเทพฯ

๓.นายสุเมธ อุปนิสากร ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอาญากรุงเทพใต้

๔.นางสดศรี สัตยธรรม ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา

๕.นายนาม ยิ้มแย้ม อดีตประธานศาลอุทธรณ์ ภาค ๑

ครับ..เบ็ดเสร็จเป็น ๑๐ ส่งให้วุฒิสภาคัดเอา ๕ ไปเป็น กกต.

ท่านลองเดาใจสมาชิกวุฒิสภารักษาการซิว่า  ๕  ใน ๑๐ นี้ เขาจะเลือกใคร?

อย่าไปเดาเลย..เนอะ  สรุปกันเยี่ยงวิญญูชนดีกว่าว่า ในจำนวน ๔๐ กว่าท่านที่เข้าประกวดในรอบ "ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา" นั้น   เรามั่นใจในยุติธรรมที่สถิตจากศาล

ใครก็ได้จาก  ๔๐ กว่าท่านนั้น คัดมาเถอะ รับได้..ใช้ได้..มีคุณภาพ ดีทุกท่าน

ส่วนจะ "ดีจริง" หรือไม่  ต้องรอผลปฏิบัติการจริงในสนามเลือกตั้งวันที่ ๑๕ ตุลา. เมื่อถึงวันนั้นแล้วจึงจะตอบได้จากผลปฏิบัติหน้าที่ กกต.ว่า

ดีจริงๆ หรือแค่..

โธ่..นึกว่าดี!

มีคนวิจารณ์กันเยอะครับ    แถมแยกค่าย-แยกฝ่ายให้ฟังเสียด้วยว่า รอบสรรหา ๑๐ ผู้ถูกส่งเข้าประกวดเป็น ๕ กกต.นี้ แยกเป็น ๒ ค่าย

ค่ายประมาณ ชันซื่อ

ค่ายสวัสดิ์ โชติพาณิช

แหม..เล่นเอากลิ่นอายในบรรยากาศสมัย "วิกฤติตุลาการ" เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วโชยมาตุ่ยๆ และเมื่อผลในรอบสรรหาออกมาก็มีเสียงบอกว่า

ค่ายประมาณ..เข้าวิน!

ผมฟังแล้วเฉยๆ แฮะ  ไม่รู้สึกวิตกและไม่เกิดอาการ "ตีตนไปก่อนไข้" แต่ประการใดทั้งสิ้น เพราะถ้าจะสรุปกันหยาบๆ แค่ว่า "ใครเคยเป็นพวกใคร" แล้วละก็

ผมบอกได้เลยว่า   ในฐานะที่ "ท่านประมาณ   ชันซื่อ" เคยดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกามาเก่า  ฉะนั้น ผู้พิพากษาในรุ่นหลังๆ ที่เจริญเติบโตขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันนี้

ไม่มีใครที่ไม่สามารถบอกได้ว่า..ผมไม่ใช่สายประมาณ!

เพราะเป็นไปตามสายการบังคับบัญชา  ฉะนั้นไม่ว่า ท่านอุดม ท่านวิชา  หรือท่านไหนๆ อีก  ๗-๘  ท่าน ไม่ต้องไปตั้งเครื่องหมายคำถามอะไรกับท่าน

ไม่มีสายประมาณ

ไม่มีสายสวัสดิ์

เพราะทุกท่านเป็น "สายตุลาการ" ผู้ทำหน้าที่ตัดสินคดีความภายใต้พระปรมาภิไธย

ทุกคนอาสาเข้ามาในภารกิจนี้   ด้วยตระหนักและสำนึกใน "วิกฤติบ้านเมือง" และมีจิตสำนึกทำงานสนองพระเดชพระคุณ หวังปลดเปลื้องพระทัยทุกข์ที่หน่วงหนักอยู่ในพระอุระของพระองค์ท่าน อันสืบเนื่องมาจากการเลือกตั้งที่ไม่สุจริตและเที่ยงธรรม ในครั้งที่แล้ว

งานแก้วิกฤติบ้านเมืองครั้งนี้  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฝากให้ "ฝ่ายตุลาการ" ทั้งศาลยุติธรรม  ศาลปกครองสูงสุด และศาลรัฐธรรมนูญ "เป็นเจ้าภาพ"

หรือพูดกันอีกทีก็คือ ศึกกู้บ้าน-กู้เมืองหนนี้

ตุลาการ-ศาล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแต่งตั้ง

เป็นทัพหลวง

ในจำนวน  ๑๐ ท่านนั้น ไม่นับท่านอดีต ส.ว.แก้วสรร แต่ละท่านต่ำสุดก็ ๕๙ ขึ้นไป จนถึง ๗๐ ขึ้น!

ผมเคารพในคุณวุฒิ  วัยวุฒิ  และชาติวุฒิ ของทุกท่าน จึงไม่คิดว่าคนอายุมาจนถึงป่านนี้  และดำรงสถานภาพในสถาบันสูงส่งเช่นนี้ จะยังทำหน้าที่โดยไม่รู้จักแยกแยะ  และไม่สำนึกในชาติ ในพระศาสนา และในสถาบันพระมหากษัตริย์

ฉะนั้น ผมจึงไม่อยากให้สังคมทำตัวเป็น "นกกระสากับขอนไม้" หรือ "กบเลือกนาย" กันไปแต่หัววัน ใน ๑๐ ท่านนี้ เมื่อถึงระดับวุฒิสภา ท่านคัดเอาใครก็ได้ ๕ ท่านส่งมาเป็น กกต.

รับได้..ใช้ได้..มีคุณภาพดีทุกท่านแหละครับ    ประเด็นสำคัญที่ผมอยากให้คิดกันก็คือ

ท่านแน่ใจกันแล้วหรือว่า  ลำพัง  ๕  กกต.ที่จะได้ใหม่นี้  เมื่อได้มาแล้วจะเป็น "ผงวิเศษ" ขจัดคราบสกปรกในสนามเลือกตั้งให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมได้ดังพระราชประสงค์?

เราได้แค่ครึ่งทาง ก็หลงว่าได้ถนนทั้งสายกันหรือเปล่า วันที่ ๑๕ ตุลา. คงไม่ใช่ "เส้นตาย" ถ้าเลยจากนี้ไปแล้ว..โลกจะแตก?!

ภารกิจใหม่ของสังคมไทยวันนี้    นอกจากต้องปกป้องประชาธิปไตยแล้ว   ต่อจากนี้คงต้องปกป้อง-รักษา  ๕  กกต.สายพันธุ์ตุลาการด้วย งานนี้ถ้า กกต.ใหม่พลาด   นั่นเท่ากับยอมรับว่า   ปราการสุดท้าย "ประชาธิปไตย-อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข"..พังแล้ว!
บันทึกการเข้า

ไม่ชนะ ไม่เลิก
ThailandReport
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,415


« ตอบ #1 เมื่อ: 11-08-2006, 12:55 »

อ้างถึง
ภารกิจใหม่ของสังคมไทยวันนี้    นอกจากต้องปกป้องประชาธิปไตยแล้ว 
 ต่อจากนี้คงต้องปกป้อง-รักษา  ๕  กกต.สายพันธุ์ตุลาการด้วย
งานนี้ถ้า กกต.ใหม่พลาด   นั่นเท่ากับยอมรับว่า 
 ปราการสุดท้าย "ประชาธิปไตย-อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข"..พังแล้ว!



คุณเชื่อไหมครับว่า ...ภารกิจนี้...เสรีไทย ช่วยได้ !!!!!??
บันทึกการเข้า

The only thing necessary for the triump of evil is for good men to do nothing !!
สิ่งเดียวที่จะทำให้คนชั่วได้รับชัยชนะ นั่นคือการที่ คนดีๆนิ่งดูดาย !
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #2 เมื่อ: 11-08-2006, 19:06 »

อ้างถึง
คุณเชื่อไหมครับว่า ...ภารกิจนี้...เสรีไทย ช่วยได้ !!!!!??

เชื่อค่ะ  เชื่อด้วยว่า ภารกิจนี้ คนไทยทุกคนต้องช่วยค่ะ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: