ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
29-03-2024, 22:40
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ผลสรรหากกต.รอบแรก5คน"อภิชาต-สมชัย"แหกโผเข้า 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ผลสรรหากกต.รอบแรก5คน"อภิชาต-สมชัย"แหกโผเข้า  (อ่าน 1038 ครั้ง)
นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« เมื่อ: 10-08-2006, 17:03 »

ผลสรรหากกต.รอบแรก5คน"อภิชาต-สมชัย"แหกโผเข้า
 
ผลการสรรหาว่าที่ กกต.รอบแรก ของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาคลอดแล้วจำนวน 5 คน "อภิชาต สุขัคคานนท์" และ "สมชัย จึงประเสริฐ" แหกโผเข้ามาได้ เลขาศาลฯ ยอมรับหนักอกศึกใหญ่สรรหา 10 อรหันต์ กกต.


(10สค.) เวลา 09.30 น.นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ ประธานศาลฎีกา ทำหน้าที่ประธานที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ซึ่งมีผู้พิพากษาศาลฎีกา ร่วมประชุมกว่า 83 คน ประกอบด้วยรองประธานศาลฎีกา 3 คน ประธานแผนกคดีต่าง ๆ ในศาลฎีกา ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา เพื่อสรรหาผู้สมควรเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จำนวน 10 คน ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 138 (2) และ (3) โดยผู้พิพากษาศาลฎีกา 3 คน ประกอบด้วย นายนินนาท สาครรัตน์ ได้ลาป่วย เนื่องจากป่วยเป็นโรคหัวใจ นายมนตรี ยอดปัญญา ได้ขอลากิจ และนายปราโมทย์ พิพัฒนปราโมทย์ ติดภารกิจเดินทางไปต่างประเทศ

 ขณะนี้ผลการสรรหารอบแรกตามรัฐธรรมนูญมาตรา 138 (2)  ได้เสร็จแล้ว นายวิรัช ชินวินิจกุบล เลขาธิการศาลฎีกา แถลงว่า ที่ใหญ่ประชุมศาลฎีกาทั้ง 83 คน ได้ลงมติสรรหา ผู้สมควรเป็น กกต. ตามรัฐธรรมนูญม.138(2) โดยผู้ที่ผ่านการสรรหารผู้สมควรเป็นกกต.จำนวน 5 คน ได้แก่นายวิชา มหาคุณ ประธานแผนก คดีเยาวชน และครอบครัวในศาลฎีกา ได้คะแนนสูงสุด 57 คะแนน

นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานแผนกคดีแรงงานในศาลฎีกา  นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานแผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลฏีกา นายอุดม เฟื่องฟุ้ง ผู้พิพากษา อาวุโสในศาลอาญากรุงเทพใต้ และนายสมชัย จึงประเสริฐ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา

นายวิรัชกล่าวว่าการสรรหาผู้สมควรเป็นกกต.จำนวน 5 คน ตามรัฐธรรมนูญม. 138(2) ดังกล่าว ได้สรรหาจากผู้เสนอตัว สรรหา เป็น กกต. ตามมาตรา 138(2) จำนวน 34 คน

 ทั้งนี้ช่วงบ่าย จะได้ดำเนินการสรรหาผู้สมควรเป็น กกต.ตาม รธน. 138(3) ซึ่งตามบัญชีมีผู้ถูกเสนอชื่อ 41 คนต่อไป

สำหรับบรรยากาศภายในประชุม ได้มีการจัดคูหา โดยการหันหลังเข้ากำแพง ทำให้ไม่สามารถมองเห็นการลงคะแนนของผู้พิพากษาเหล่านั้นได้ ในการให้ผู้พิพากษาลงคะแนน จะเชิญผู้พิพากษาให้ลงคะแนนทีละคณะ คณะละ 3 คน ซึ่งการลงคะแนนจะแจกบัตรลงคะแนนที่มีชื่อผู้ผ่านเกณฑ์สรรหาทั้ง 42 คน โดยไม่มีการระบุลำดับหมายเลข มีเพียงช่องให้ลงคะแนน แต่ไม่มีช่องโนโหวต

ทั้งนี้การคัดเลือก ผู้พิพากษาแต่ละคนมีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงได้ไม่เกิน 5 คน ซึ่งการลงคะแนนจะต้องลงถึง 3 รอบ โดยรอบแรกจะคัดจาก 42 คน ให้เหลือ 30 คน ส่วนรอบที่สองจะคัดจาก 30 คน ให้เหลือ 10 คน สำหรับรอบสุดท้ายจะคัดจาก 10 คนให้เหลือ 5 คน โดยมีข้อแม้ว่าทั้ง 5 คน จะต้องได้รับคะแนนเสียงเกิน 44 เสียง หากมีผู้ได้รับคะแนนเกินกว่า 44 เสียง มากกว่า 5 คน ผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดใน 5 ลำดับแรกจะได้รับการคัดเลือก และในการลงคะแนนเสียง จะต้องทำบัตรลงคะแนนใหม่ทุกรอบ

ว่าที่ กกต.ทั้ง 5 คนมีประวัติดังนี้



 1.นายวิชา มหาคุณ ประธานแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลฎีกา เกิดวันที่ 8 มีนาคม 2489 อายุ 60 ปี การศึกษาระดับปริญญาตรี จบนิติศาสตรบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระดับปริญญาโท จบนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และจบรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ประวัติการทำงานนั้น นายวิชาดำรงตำแหน่งสำคัญ เช่น ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 1 และ 2 โดยนายวิชาไม่เคยเกี่ยวข้องกับการเมืองอย่างเป็นทางการอย่างไรก็ตาม ขณะดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาในช่วงที่ศาลยุติธรรมยังไม่ได้แยกออกจากกระทรวงยุติธรรม ในช่วงปี 2519 ที่ ศ.ธานินทร์ กรัยวิเชียร เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ได้ขอให้นายวิชาเข้าไปช่วยทำหน้าที่เลขานุการส่วนตัว กระทั่งเดือนตุลาคม 2520 ศ.ธานินทร์ พ้นจากตำแหน่งและได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นองคมนตรี นายวิชาจึงได้กลับมาปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้พิพากษาประจำกระทรวงยุติธรรม โดยช่วยราชการที่ศาลอุทธรณ์

สำหรับนายวิชานั้น ขณะที่ดำรงตำแหน่งเลขานุการศาลฎีกาปี 2538 ในช่วงที่เกิดวิกฤติตุลาการ ได้ถูกกล่าวหาว่า ขัดคำสั่ง รมว.ยุติธรรม และรัฐมนตรีมีคำสั่งให้ออกจากราชการ แต่ในที่สุดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยไม่ให้ออกจากราชการ พร้อมกับได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ในปี 2535

และปฏิบัติหน้าที่ดำรงตำแหน่งเป็นตุลาการจนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ นายวิชานั้นถือได้ว่าเป็นบุคคลที่มีความรู้ความชำนาญในวิชากฎหมายและการบริหารอย่างดี โอกาสที่นายวิชาจะเป็น 1 ใน 10 ว่าที่ กกต.มีสูงพอๆ กับนายอุดม เพราะเป็นผู้พิพากษาที่มีความสามารถทางวิชาการที่สังคมรู้จักและให้การยอมรับ รวมทั้งยังเป็นผู้พิพากษาที่กล้าวิพากษ์วิจารณ์นโยบายที่ไม่ถูกต้องของรัฐบาล เช่น การออก พ.ร.ก.บริหารราชการแผ่นดิน

2.นายวสันต์ ประธานแผนกคดีแรงงานในศาลฎีกา เกิดวันที่ 5 สิงหาคม 2490 อายุ 59 ปี การศึกษา จบนิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งก่อนที่จะสอบเข้ารับราชการตุลาการ นายวสันต์เคยเป็นทนายความ โดยนายวสันต์สอบเข้ารับราชการเป็นผู้พิพากษาได้เมื่อปี 2516 และมีตำแหน่งสำคัญเป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 7 กระทั่งได้เป็นประธานแผนกคดีแรงงานในศาลฎีกาเมื่อปี 2548 จนถึงปัจจุบัน ระหว่างปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้พิพากษา

นายวสันต์เคยเป็นเจ้าของสำนวนและองค์คณะคดีฟ้องเพิกถอนการเลือกตั้งท้องถิ่น ระดับเทศบาล และระดับจังหวัดหลายครั้งสำหรับนายวสันต์นั้น ร่วมเป็นพยานจำเลยในคดีอาญาที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญฟ้องหมิ่นประมาทหนังสือพิมพ์แนวหน้า และ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ที่เขียนบทความดูหมิ่นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในการตัดสินคดี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซุกหุ้น ด้วย กระทั่งศาลพิพากษายกฟ้อง ด้วยเหตุที่นายวสันต์มีบุคลิกเป็นคนซื่อตรง มีความกล้าในการแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา

3. นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานแผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลฎีกา

4.นายอุดม เฟื่องฟุ้ง ผู้พิพากษาอาวุโสศาลอาญากรุงเทพใต้ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอาญากรุงเทพใต้ เคยมาช่วยงานที่ กกต.ในสมัยที่ นายสวัสดิ์ โชติพานิช ดำรงตำแหน่ง กกต. และนายสวัสดิ์ก็ได้พยายามผลักดันให้นายอุดมมาเป็น กกต.ในชุดที่ 2 แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ในช่วงวิกฤติตุลาการเมื่อปี 2534 เขาเป็นผู้พิพากษาที่อยู่ในฝ่ายของ ประมาณ ชันซื่อ อดีตประธานศาลฎีกา ในการต่อต้าน นายประภาสน์ อวยชัย รมว.ยุติธรรม ในขณะนั้น โดยกล่าวหาว่า นายประภาสน์เข้ามาแทรกแซงการโยกย้ายผู้พิพากษา จนถูกตั้งกรรมการสอบสวนมาแล้ว แต่สุดท้ายมีการเพิกถอนการสอบสวนไป

 5.นายสมชัย จึงประเสริฐ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา เคยผู้พิพากษาหัวหน้าแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลอุทธรณ์ภาค 3 อธิบดีผู้พิพากษาภาค 7 และ 9 เคยพิจารณาคดีเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ส.ส.และส.ว.

http://www.komchadluek.net/2006/08/10/a001_36274.php?news_id=36274

รอลุ้นอีก 5 คนที่เหลือ
บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 10-08-2006, 17:17 »

นายวิชา กล่าวอีกว่า พ.ร.ฎ.ระบุเอาไว้ชัดเจนว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์ให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย บริสุทธิ์ และยุติธรรมอย่างแท้จริง ซึ่งถือประเด็นสำคัญ ที่จะต้องตีโจทย์ให้แตก โดยจะต้องวิเคราะห์ถึงองค์ประกอบทุกส่วนอย่างครบถ้วนและชัดเจน ก่อนที่จะกำหนดว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป ทั้งนี้เพื่อให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ ยุติธรรม ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงวางพระราชหฤทัยในศาลฎีกาและศาลปกครอง

http://www.bangkokbiznews.com/2006/07/22/w001_122542.php?news_id=122542
บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
ThailandReport
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,415


« ตอบ #2 เมื่อ: 10-08-2006, 17:52 »

คุณนทร์ เป็น "ที่พึ่ง" ได้เสมอ ในยามที่ต้องการข้อมูลพวกนี้
หลังจากส่งลูกยอแย้ว ผมก็ใคร่ขอร้อง  ช่วยรบกวนหาข้อมูลเชิงลึก
ของรายนามท่านที่เหลือที่ยังมิได้เติมเต็ม ลงให้ครบด้วยนะครับ

หลังจากนั้น เมื่อครบทุกคนแล้ว

เป็นไปได้หรือไม่ว่า เราจะมา "ดู" กันอีกที
เช่นอาจยกเอาประโยคสำคัญๆ หรือขีดเส้นใต้ ประวัติบางส่วนของแต่ละท่าน
ในบรรทัดที่ จะบ่งบอกนัยยะ อะไรบางอย่าง

อ้างถึง
ยกตัวอย่างเช่น....
สำหรับนายวิชานั้น ขณะที่ดำรงตำแหน่งเลขานุการศาลฎีกาปี 2538 ในช่วงที่เกิดวิกฤติตุลาการ ได้ถูกกล่าวหาว่า ขัดคำสั่ง รมว.ยุติธรรม และรัฐมนตรีมีคำสั่งให้ออกจากราชการ แต่ในที่สุดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยไม่ให้ออกจากราชการ พร้อมกับได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ในปี 2535



เพื่ออย่างน้อย คนที่อ่านอยู่ทุกคน จะได้ รับทราบ....ว่าอะไรอาจเกิดขึ้นได้บ้าง ในอนาคต
ขอกันตรงนี้เลยนะครับ คุณ นทร์ หวังว่าคงจะช่วย.."จัดให้" นะค้าบบบ
บันทึกการเข้า

The only thing necessary for the triump of evil is for good men to do nothing !!
สิ่งเดียวที่จะทำให้คนชั่วได้รับชัยชนะ นั่นคือการที่ คนดีๆนิ่งดูดาย !
p
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,264


« ตอบ #3 เมื่อ: 10-08-2006, 18:01 »


ขอแสดงความยินดีกับทั้ง 5 ท่านครับ

หวังว่าความหวังของพวกเราจะเป็นจริงนะครับ
แต่อย่างไรก็ตาม
"ระยะทางพิสูจน์ม้า เวลาพิสูจน์คน" นะครับ

 Smile
บันทึกการเข้า

ถ้ามัวคิดแต่จะโกงและเอาเปรียบคนอื่น จะสอนลูกหลานให้เป็นคนดีได้อย่างไร
หน้า: [1]
    กระโดดไป: