ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
25-04-2024, 20:49
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ธปท.ขาดทุนครั้งแรกรอบ 4 ปี 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ธปท.ขาดทุนครั้งแรกรอบ 4 ปี  (อ่าน 2058 ครั้ง)
นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« เมื่อ: 08-08-2006, 14:31 »

ธปท.ขาดทุนครั้งแรกรอบ 4 ปี   
8 สิงหาคม 2549 08:00 น.

ขาดทุนสุทธิ 1.7 พันล้าน รับผลพวงจากดอกเบี้ยจ่ายที่พุ่ง 205% และขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนอีก 7.9 พันล้านบาท

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : ธปท.แจงสิ้นปี 2548 ขาดทุนสุทธิสูงถึง 1,742.7 ล้านบาท จากปีก่อนที่มียอดกำไรสุทธิถึง 20,829 ล้านบาท ถือเป็นการขาดทุนครั้งแรกรอบ 4 ปี โดยมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากดอกเบี้ยจ่ายที่พุ่ง 205% และยังขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเป็นเงินถึง 7,943 ล้านบาท จากที่เคยกำไรในปี 2547

ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) รายงานงบการเงินประจำปี 2548 มียอดขาดทุนสุทธิสูงถึง 1,742,726,631 บาท ซึ่งเป็นการขาดทุนเพิ่มขึ้นจากปี 2547 ที่มีกำไรสุทธิจำนวน 20,829,122,823 บาท เป็นจำนวนเงินถึง 22,571,849,454 บาท หรือคิดอัตราส่วนขาดดุลเพิ่มขึ้น 108.37% ซึ่งการขาดทุนนี้เป็นการขาดทุนครั้งแรกในรอบ 4 ปี นับตั้งแต่การขาดทุนครั้งล่าสุดในปี 2544

สาเหตุของการขาดทุนในปี 2548 ของ ธปท.มาจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในส่วนของดอกเบี้ยจ่ายที่มีจำนวนสูงถึง 26,684,184,561 บาท เพิ่มขึ้นเป็นเงิน 17,950,817,369 บาท จากปี 2547 ที่มียอดดอกเบี้ยจ่ายจำนวน 8,733,367,192 บาท หรือคิดเป็นอัตราเพิ่มถึง 205.54% จากปี 2547 โดย หากพิจารณาจากงบดุลของปี 2548 จะพบว่ามียอดหนี้สินเพิ่มขึ้นจากหลักทรัพย์ที่ขายโดยมีสัญญาจะซื้อคืนจำนวน 610,023,786,504 บาท เพิ่มขึ้นจากปี 2547 ที่มีหลักทรัพย์ขายโดยมีสัญญาซื้อคืนจำนวน 382,747,740,309 บาท และมียอดพันธบัตร ธปท.เป็นจำนวนเงิน 593,457,768,399 บาท เพิ่มขึ้นจากปี 2547 ที่มีจำนวน 270,020,653,144 บาท

นอกจากนี้ในปี 2548 ธปท.ยังมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศสุทธิที่มียอดขาดทุน 7,943,110,268 บาท จากปีก่อนที่มียอดกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเป็นเงินถึง 12,037,771,518 บาท ประกอบกับค่าใช้จ่ายด้านพนักงานที่มีจำนวน 3,009,078,548 บาท และค่าใช้จ่ายอื่นๆ เป็นจำนวน 1,652,313,322 บาททำให้ยอดรวมค่าใช้จ่ายของ ธปท.ในปีนี้ เป็นเงินทั้งสิ้น 39,288,686,699 บาท เพิ่มขึ้นอย่างมากจากยอดค่าใช้จ่ายปี 2547 ที่มีจำนวนเงิน 12,841,084,709 บาท

สำหรับด้านรายได้ปี 2548 ของ ธปท. มียอดรายได้ทั้งหมดเป็นเงิน 37,545,960,068 บาท เพิ่มขึ้นจากปี 2547 ที่มีรายได้รวม 33,670,207,532 บาท หรือมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นเงิน 3,875,752,536 บาท คิดเป็นอัตราส่วนเพิ่มขึ้น 11.51%

โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากดอกเบี้ยรับที่มียอด 36,775,973,215 บาท เพิ่มขึ้นเป็นเงิน 16,046,865,736 บาท จากปี 2547 ที่มียอดดอกเบี้ยรับ 20,729,107,479 บาท อย่างไรก็ตามยอดรายได้ปีนี้ก็ลดลงจากส่วนของกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินต่างประเทศในปี 2548 มียอดขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน

สำหรับแผนงานเพื่อสนับสนุนวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ของ ธปท.ประจำปี 2549 นั้น โดย ธปท. มุ่งเน้นการดำเนินนโยบายการเงินที่ทันสถานการณ์ทางเศรษฐกิจทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ตามหลักปฏิบัติที่เป็นสากล โดยมีความโปร่งใสในการดำเนินนโยบาย มีระบบการตรวจสอบ ตลอดจนมีวินัยของธนาคารกลางที่สาธารณชนทั้งใน และต่างประเทศให้ความเชื่อถือ


http://www.bangkokbiznews.com/2006/08/08/f001_126996.php?news_id=126996 

 Rolling Eyes
บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 08-08-2006, 15:17 »

อ้าว แล้วไหงบอกว่าเศรษฐกิจดีไง แล้วไหง ธปท. ขาดทุนได้เนี่ย

เห็นบอกว่า GDP สูงไม่ใช่เหรอ

มูลค่ามวลรวมดีไม่ใช่เหรอ Question

อธิบายมาซิเหลี่ยม
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #2 เมื่อ: 08-08-2006, 15:18 »

ขาดทุนทางเทคนิคมั้ง
บันทึกการเข้า
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 08-08-2006, 16:25 »

ขาดทุนทางเทคนิคมั้ง

เทคนิค

เทคนิค ทั้งกะปี
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #4 เมื่อ: 08-08-2006, 16:28 »

อ้าว ก็มันไม่เคยเจ๊งนี่
บันทึกการเข้า
varada
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,193



เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 08-08-2006, 16:36 »

โอยยยยยยยยยย เห็นตัวเลขแล้วจะเป็นลม
งานนี้จะมีเปลี่ยนผู้ว่าแบงค์ชาติอีกมั้ยเนี่ย Crying or Very sad
บันทึกการเข้า
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: 08-08-2006, 16:46 »

อ้าว ก็มันไม่เคยเจ๊งนี่

แสดงว่าคุณอยากให้เจ๊งใช่ไม๊
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #7 เมื่อ: 08-08-2006, 16:50 »

ผมไม่เลวบัดซบขนาดนั้นหรอก กลับบ้านดีกว่า
บันทึกการเข้า
AsianNeocon
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,277


中華萬歲﹗ LONG LIVE CHINA!


เว็บไซต์
« ตอบ #8 เมื่อ: 08-08-2006, 16:52 »

อ้าวไหน ไอ้เหลี่ยมไปคุยโม้ที่สภาพัฒน์เมื่อเดือน ก.พ. ไงว่ามีทุนสำรอง ๕ หมื่นล้านดอลล์ มีสถานะเป็นผู้ให้กู้
บันทึกการเข้า

พระพาย
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 679



« ตอบ #9 เมื่อ: 08-08-2006, 16:53 »

นั่นสิ.. ใครมีความรู้ช่วยอธิบายด้วยครับ.. งงเหมือนกัน

เหมือนๆ กับว่าถ้าเทียบตัวเลข 5 ปีรายได้สหประชาชาติเราจะดีขึ้น แต่ถ้าเทียบตัวเลข 4 ปีเราจะห่วยลงอะไรทำนองเนี้ย... มันเกิดขึ้นได้ไงหว่า?
บันทึกการเข้า

คลิป นปก บุกทำเนียบชนพันธมิตร
http://pirun.ku.ac.th/~g4685035/01mob.asf
กระทู้ขบวนการเสรีไทยในเวบบอร์ดร่วมคัดคัดกรณีปราสาทพระวิหาร นำโดยคุณ *bonny http://forum.serithai.net/index.php?topic=28065.0
และเอกสารยื่นคัดค้านกระทรวงต่างประเทศไทยและกัมพูชา  http://www.savefile.com/files/1629973
กระทู้สรุปประเด็นปราสาทพระวิหาร โดยคุณ Jerasak http://forum.serithai.net/index.php?topic=28392.0
ใบปลิวขนาด 2 หน้าสรุปประเด็นปราสาทพระวิหาร โดยคุณ Jerasak http://www.savefile.com/files/1626944

แม่น้ำร้อยสายล้วนต้นกำเนิดเดียวกัน... จากสายฝน จากภูเขา ที่ซึ่งคล้ายเจตนารมณ์แห่งฟ้า
เสรีไทยเวบบอร์ด http://forum.serithai.net/
We Open Mind http://www.weopenmind.com/board/index.php
อรุณสวัสดิ์ http://www.arunsawat.com/board/index.php
ที่ทำการเสี่ยวอีสาน[
AsianNeocon
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,277


中華萬歲﹗ LONG LIVE CHINA!


เว็บไซต์
« ตอบ #10 เมื่อ: 08-08-2006, 16:58 »

นั่นสิ.. ใครมีความรู้ช่วยอธิบายด้วยครับ.. งงเหมือนกัน

เหมือนๆ กับว่าถ้าเทียบตัวเลข 5 ปีรายได้สหประชาชาติเราจะดีขึ้น แต่ถ้าเทียบตัวเลข 4 ปีเราจะห่วยลงอะไรทำนองเนี้ย... มันเกิดขึ้นได้ไงหว่า?

รายได้สหประชาชาติ (United Nations Income) ไม่มีครับเพ่ แต่ถ้ารายได้ประชาชาติ (NI) อะมี ที่ไอ้เหลี่ยมชอบพูดตลอดคือ GDP ภาษาไทยเขาว่า ผลผลิตมวลรวมในประเทศ เพ่ดูค่าเงินดอลล์วันนี้เดะ เละเป็นโจ๊ก ไม่งั้นส่งออกตายไปนานแล้ว

ในปี 2548 ธปท.ยังมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศสุทธิที่มียอดขาดทุน 7,943,110,268 บาท

นีเป็นบทพิสูจน์ชัดเจนเลยว่า ถ้าไม่มีหม่อมอุ๋ยคอยกดค่าเงินให้ ประเทศพังไปนานแล้ว เพราะเครื่องยนต์การใช้จ่ายรัฐบาล(ถังแตก) การบริโภค(ภาระหนี้ครัวเรือนทะลัก) การลงทุนเอกชน มันดับไปนานแล้ว แปลว่า ๕ ปีที่ผ่านมา หวังแต่ค่าเงินถูกๆ  รอเขามาลงทุนตั้งโรงงานอย่างเดียว ไม่ได้ยกระดับความสามารถอะไรเลย แล้วมาคุยโวหลอกประชาชน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-08-2006, 17:08 โดย ThaiTruth » บันทึกการเข้า

Killer
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,576


ช๊อบบ ชอบบ...ปฏิวัติ ปลื้ม ค่ะ


« ตอบ #11 เมื่อ: 08-08-2006, 17:18 »

คงต้องให้หม่อมอุ๋ยออกมาแถลงแล้วล่ะจ้ะ

ธปท.มีรายได้จากการค้าเงินก็จริง แต่ไม่ใช่เป้าหมายหลักในการทำมาหากิน
เค้าไม่ได้ตั้งองค์กรมาเพื่อแสวงหากำไร แต่บางปีก็กำไร บางปีก็ขาดทุน
เรื่องปกติ มันเป็นผลพลอยได้-เสีย จากการรักษาเสถียรภาพค่าเงิน
บันทึกการเข้า
varada
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,193



เว็บไซต์
« ตอบ #12 เมื่อ: 08-08-2006, 17:20 »

ผมไม่เลวบัดซบขนาดนั้นหรอก กลับบ้านดีกว่า

อย่างอนน่า เดี๋ยวก้นกระดก ไม่สวยนะ Wink
บันทึกการเข้า
koo
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 550



« ตอบ #13 เมื่อ: 08-08-2006, 17:50 »

-*- เรื่องเศษฐกิจอีกแล้ว ไม่สัดทัดแต่อยากพูด(จะได้มีคนมาบอกว่าเราผิดยังไง)  Very Happy

ที่เห็นๆตามจั่วหัวกระทู้เลย ดอกเบี้ยต้องจ่ายเพิ่ม 205%

แล้วดอกเบี้ยมาจากไหน มาจากเงิน หลักทรัพย์ที่ขายโดยมีสัญญาจะซื้อคืน มันคืออะไรง่า ตอนแรกคิดว่าพันธบัตร

แต่..ยอดหนี้สินเพิ่มขึ้นจากหลักทรัพย์ที่ขายโดยมีสัญญาจะซื้อคืนจำนวน 610,023,786,504 บาท เพิ่มขึ้นจากปี 2547 ที่มีหลักทรัพย์ขายโดยมีสัญญาซื้อคืนจำนวน 382,747,740,309 บาท

ยอดพันธบัตร ธปท.เป็นจำนวนเงิน 593,457,768,399 บาท เพิ่มขึ้นจากปี 2547 ที่มีจำนวน 270,020,653,144 บาท

ตอนนี้ยังแปลความหมาย หลักทรัพย์ที่ขายโดยมีสัญญาจะซื้อคืนไม่ได้ รวม พันธบัตร เงินที่ได้มาจาก2ตัวเนี่ย เป็นสาเหตุให้ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้น 200%

ขอคนช่วยย่อย  Confused

ปล. ขอมูลปี'48 ทำไมมันออกช้าจริง  Neutral
บันทึกการเข้า
นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« ตอบ #14 เมื่อ: 09-08-2006, 11:06 »

มนตรี ศรไพศาล" ตอกย้ำ "ตั๋วเงินคลัง 2.5 แสนล้านบาท"กลายเป็นดินพอกหางหมู รวมถึงภาระซ่อนเร้นที่แฝงในกองทุนวายุภักษ์ ที่รอวันระเบิดรอรัฐบาลใหมเข้ามาแก้ไข มีวินัยการคลัง เลิกใช้จ่ายเกินตัว และยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง

http://www.matichon.co.th/prachachart/prachachart_detail.php?s_tag=02fin03070849&day=2006/08/07

มีตัวเลขอีกหลายตัว ที่ยังถูกปกปิดไว้ ประชาชนแทบไม่มีโอกาศได้รับรู้ข้อมูล
บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
AsianNeocon
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,277


中華萬歲﹗ LONG LIVE CHINA!


เว็บไซต์
« ตอบ #15 เมื่อ: 09-08-2006, 12:18 »

-*- เรื่องเศษฐกิจอีกแล้ว ไม่สัดทัดแต่อยากพูด(จะได้มีคนมาบอกว่าเราผิดยังไง)  Very Happy

ที่เห็นๆตามจั่วหัวกระทู้เลย ดอกเบี้ยต้องจ่ายเพิ่ม 205%

แล้วดอกเบี้ยมาจากไหน มาจากเงิน หลักทรัพย์ที่ขายโดยมีสัญญาจะซื้อคืน มันคืออะไรง่า ตอนแรกคิดว่าพันธบัตร

แต่..ยอดหนี้สินเพิ่มขึ้นจากหลักทรัพย์ที่ขายโดยมีสัญญาจะซื้อคืนจำนวน 610,023,786,504 บาท เพิ่มขึ้นจากปี 2547 ที่มีหลักทรัพย์ขายโดยมีสัญญาซื้อคืนจำนวน 382,747,740,309 บาท

ยอดพันธบัตร ธปท.เป็นจำนวนเงิน 593,457,768,399 บาท เพิ่มขึ้นจากปี 2547 ที่มีจำนวน 270,020,653,144 บาท

ตอนนี้ยังแปลความหมาย หลักทรัพย์ที่ขายโดยมีสัญญาจะซื้อคืนไม่ได้ รวม พันธบัตร เงินที่ได้มาจาก2ตัวเนี่ย เป็นสาเหตุให้ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้น 200%

ขอคนช่วยย่อย  Confused

ปล. ขอมูลปี'48 ทำไมมันออกช้าจริง  Neutral

ผมไปเปิดดูในหมายเหตุประกอบงบการเงินของ ปี ๔๗ บอกแค่ว่า ส่วนใหญ่ภาระในประเทศ แต่ไปเปิดดูงบการเงินที่เป็นภาษาอังกฤษ บอกว่าคือ bonds sold with repurchase agreements นั่นก็แปลว่า คือ "พันธบัตรธปท." นั่นเอง ที่เหลือต้องรอหม่อมอุ๋ยชี้แจงว่ามันคืออะไร และมีวัตถุประสงค์อะไร


มนตรี ศรไพศาล" ตอกย้ำ "ตั๋วเงินคลัง 2.5 แสนล้านบาท"กลายเป็นดินพอกหางหมู รวมถึงภาระซ่อนเร้นที่แฝงในกองทุนวายุภักษ์ ที่รอวันระเบิดรอรัฐบาลใหมเข้ามาแก้ไข มีวินัยการคลัง เลิกใช้จ่ายเกินตัว และยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง

http://www.matichon.co.th/prachachart/prachachart_detail.php?s_tag=02fin03070849&day=2006/08/07

มีตัวเลขอีกหลายตัว ที่ยังถูกปกปิดไว้ ประชาชนแทบไม่มีโอกาศได้รับรู้ข้อมูล

ต้องอ่านประโยคนี้...
ตั๋วเงินคลังที่กระทรวงการคลังออกเพื่อระดมเงินใช้นอกงบประมาณปัจจุบันมียอดการออกตั๋วเงินคลังสูงถึง 2.5 แสนล้านบาท จากที่อดีตเคยควบคุมให้อยู่ในระดับ 5 หมื่นล้านบาท โดยอธิบายว่าการออกตั๋วเงินคลังก็เปรียบเหมือนเป็นวงเงินโอดีของกระทรวงการคลังมีไว้ใช้ในภาวะฉุกเฉินหรือเมื่อเกิดกรณีที่วงเงินไม่เป็นไปตามแผน เมื่อยอดการออกตั๋วเงินคลังสูงขึ้นมากย่อมสะท้อนให้เห็นว่าที่ผ่านมารัฐบาลมีการใช้จ่ายเกินตัว

รัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศจะต้องเข้ามาแบกรับและแก้ไขปัญหานี้ และการแก้ไขอาจทำโดยจัดทำงบประมาณเพื่อนำเงินมาลดยอดหนี้ตรงนี้ลง ซึ่งจะมีผลให้เงินงบประมาณหายไป 2.5 แสนล้านบาท อย่างไรก็ดี ถ้าได้รัฐบาลเดิมเข้ามาอีกก็คาดว่าก็อาจให้ความสำคัญน้อยต่อปัญหา ซึ่งสุ่มเสี่ยงจะเป็นปัญหาสะสมต่อฐานะการคลัง และยังมีเรื่อง กองทุนวายุภักษ์ก็เป็นการนำเงินมาใช้ก่อนโดยผลักภาระไว้ในอนาคต


ถ้าเป็นผม ผมจะปล่อยให้เศรษฐกิจประเทศไทยแตกเป็นเสี่ยงๆไปเลย ไม่มีประโยชน์จะพยุงต่อ ไหนๆมันก็ต้องล่มสลายอยู่แล้ว สู้เก็บสะสมทรัพยากรเอาไว้ รอมันแตกเป็นชิ้นๆเสี่ยงๆไปแล้ว มาซื้อของถูกตอนนั้นดีกว่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-08-2006, 12:19 โดย ThaiTruth » บันทึกการเข้า

Limmy
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,346


« ตอบ #16 เมื่อ: 09-08-2006, 12:24 »

เมื่อน้ำลด ตอก็ผุด

5 ปีที่ผ่านมา วินัยทางการเงินการคลัง เป็นสิ่งที่ทักษิณไม่เคยรู้จัก

ล้วงกระเป๋าซ้าย จ่ายกระเป๋าขวา เดินสายแจก ยิ่งกว่าลุงซานต้า

พอถึงเวลาฉุกเฉิน จะมาวิ่งแลกเช็ค ประเทศไทยไม่ใช่ร้านของชำนะครับ

จับดาดู TMB ให้ดีแล้วกันนะครับ อีกไม่นานจะมีเหตุการแบบนี้อีก 2 แบ็งค์

บันทึกการเข้า
buntoshi
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,348



« ตอบ #17 เมื่อ: 09-08-2006, 13:29 »

เป็นเรื่องใหญ่มาก ที่รัฐบาลต่อไปต้องแบกรับ ธนาคารไทยแต่ละแห่ง เริ่มอ่อนยวบไปตามๆ กัน มันเกิดเพราะอะไรกันนี่  Crying or Very sad
บันทึกการเข้า


เราต้องสร้างคนดีมากกว่าคนเก่ง เพราะคนเก่งจะเห็นคนอื่นเก่งกว่าไม่ได้ จะพยายามเก่งกว่าคนอื่น แต่คนดีจะมีความสุขที่ได้ทำให้คนอื่นเก่ง รวมทั้งคนดีทุกคน ล้วนเก่งทั้งนั้น....  ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา
---------------------------
ชอบแถ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,138



« ตอบ #18 เมื่อ: 09-08-2006, 13:31 »

มันไม่เป็นไรหรอกน่า คิดมาก ไปหาอย่างอื่นทำดีกว่า
บันทึกการเข้า
O_envi
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 495



« ตอบ #19 เมื่อ: 10-08-2006, 10:57 »

เดี๋ยวก็โทษหม่อมอุ๋ยอีกครับ ทักษิณไม่เคยผิดเลย
บันทึกการเข้า

The change musts come one by one.It has to start with you
หน้า: [1]
    กระโดดไป: