เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2549 เครือข่ายอาจารย์และบุคลากร มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ประสานมิตร เพื่อประชาธิปไตย ร่วมกับชมรมเอฟเอ็ม 92.25 จัดเสวนาเรื่อง "ทหารกับความมั่นคงของชาติ" ที่ห้องประชุมใหญ่ มศว มีผู้เข้าฟังประมาณ 1 พันคน อย่างไรก็ตาม นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ซึ่งมีรายชื่อเป็นผู้ร่วมเสวนามอบหมายให้นายประมวล รุจนเสรี รองหัวหน้าพรรคมาแทน เช่นเดียวกับ พล.ท.สพรั่ง กัลยาณมิตร แม่ทัพภาคที่ 3 คณะผู้จัดงานแจ้งว่า พล.ท.สพรั่งได้รับคำสั่งจาก พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบกไม่ให้สัมภาษณ์ในเรื่องที่จะกระทบต่อการโยกย้ายทหาร 1 สัปดาห์ จึงได้ติดต่อ พล.ท.สพรั่งพูดผ่านโทรศัพท์และกระจายเสียงออกมาแทน
พล.ท.สพรั่งกล่าวทางโทรศัพท์ว่า ไม่เคยหวั่นไหว หวั่นเกรงว่าการโยกย้ายจะทำให้เกิดความก้าวหน้าหรืออับจนอย่างไร เพราะขอให้ได้รับราชการก็เป็นสิ่งที่พอใจที่สุดแล้ว จะปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับอยู่ในขณะนี้เต็มความสามารถ พร้อมทั้งไม่ตกเป็นเครื่องมือของใคร
วันนี้กองทัพไม่ได้ตกเป็นเครื่องมือของใคร และการที่จะมีใครมาซื้อกองทัพก็ถือเป็นการดูถูกชาติ และเกียรติภูมิของทหารที่สมควรได้รับการลงโทษ ทหารจะไม่ก้มหัวให้กับความไม่ถูกต้อง และคนที่จะมาดูแลบ้านเมืองก็ต้องได้รับการยอมรับ ต้องไม่ทำให้กองทัพเกิดความอ่อนแอ เช่น ไม่แต่งตั้งใครที่จะทำให้กองทัพเกิดความอ่อนแอและหวั่นไหวผู้ดำเนินรายการถามว่า หากมีการชุมนุมที่อยู่ในขอบเขต ไม่ผิดกฎหมาย ทหารจะให้การสนับสนุนหรือไม่ พล.ท.สพรั่งกล่าวว่า กองทัพยืนยันว่าจะปกป้องประชาชนและให้ความมั่นใจกับประชาชนว่าทหารเป็นของพระมหากษัตริย์ เพราะฉะนั้นจะสนับสนุนกิจกรรมที่ถูกต้องตามกฎหมายและไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประเทศชาติ
จากนั้น เป็นการเสวนา โดย น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์) กล่าวว่า มีผู้ทำให้ภาพของทหารบิดเบือนไปจากบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ คิดว่าทหารเป็นของตัวเอง ไม่ใช่ของประเทศชาติ ไม่ใช่ของพระมหากษัตริย์ และจากพฤติกรรมดังกล่าวที่แสดงออกมา 4-5 ปี แสดงให้เห็นว่าอาณาเขตที่สำคัญของทหารถูกยึดครองจากการเมือง มีการแทรกแซงการทำงานของทหารมากขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน เช่น การโยกย้ายเอาคนที่ตัวเองไว้ใจมาคุมกำลัง หวังให้เป็นฐานอำนาจ
"ขอเตือนว่าหากทหารแข็งข้อขึ้นมา คุณจะรู้สึก และคุณก็ทำผิดรัฐธรรมนูญ" น.ต.ประสงค์กล่าว
น.ต.ประสงค์กล่าวต่อไปว่า ที่น่าเป็นห่วง คือทหารไทยจะไม่ปลอดจากการเมือง หากรัฐบาลชุดนี้ยังมีคนชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ และได้รับทราบมาว่านักการเมืองจะออกกฎหมายใหม่เพื่อแบ่งส่วนราชการ การทำงานของกระทรวงกลาโหม กองทัพเรือ กองทัพบก กองทัพอากาศใหม่ มีอยู่มาตราหนึ่งที่กำหนดให้นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในการกำกับดูแล ซึ่งไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อนว่าการเมืองจะเข้าไปนั่งเป็นประธานทำงานของทหารได้อย่างไร วิธีการดังกล่าวเท่ากับเป็นเผด็จการทางการเมือง คอมมิวนิสต์ หรือความต้องการเป็นประธานาธิบดี
นายประมวล รุจนเสรี รองหัวหน้าพรรคประชาราช กล่าวว่า ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณกำลังเผชิญกับหลายคดี เช่น คดีไอบีซี คดีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ คดียุบพรรค เชื่อว่าภายใน 1-2 เดือนนี้ประเทศชาติจะกลับมาเป็นปกติ จะมีการเลือกตั้งสุจริต คนโกงจะถูกกำจัด บ้านเมืองจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
นายการุณ ใสงาม รักษาการ ส.ว. กล่าวว่า ได้มีโอกาสพูดคุยกับ พล.ท.สพรั่ง กัลยาณมิตร และนักวิชาการ พล.ท.สพรั่งมีความเห็นใน 6 ประเด็น คือ 1.เห็นด้วยกับการที่ประชาชนต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย 2.ขอให้กำลังใจคนไทยทั้งในและต่างประเทศที่ต่อสู้ขับไล่สิ่งเลวร้ายออกจากแผ่นดิน 3.ศัตรูของประชาชนที่รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และประชาธิปไตย ถือว่าเป็นศัตรูคนเดียวกันกับ พล.ท.สพรั่ง
"พล.ท.สพรั่งบอกว่า ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็พร้อมที่จะหันอาวุธใส่ศัตรูของท่าน" นายการุณกล่าว และว่า 4.พล.ท.สพรั่งและกองทัพภาคที่ 3 พร้อมให้ความคุ้มครองป้องกันช่วยเหลือปกป้องประชาชนทุกคนที่เคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อระบอบประชาธิปไตย 5.หากมีปัญหาต่อความมั่นคงของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ประเทศชาติ ก็พร้อมจะดูแลในทุกพื้นที่ได้ 6.พล.ท.สพรั่งบอกว่าในฐานะผู้ปฏิบัติ ไม่สามารถพูดอะไรได้มากมาย แต่ได้เตรียมวิธีการจัดการเด็ดขาดไว้แล้ว
หน้า 14
http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01p0118070849&day=2006/08/07