jerasak
|
 |
« เมื่อ: 07-08-2006, 04:43 » |
|
จากข้อมูลที่คุณ solidus นำมาเสนอ ผมไปค้นข้อมูลต่อได้มาแบบนี้ล่ะครับ หนี้สินเฉลี่ยต่อเดือนของครัวเรือน พ.ศ.2539-2547 2537 2539 2541 2542 2543 2544 2545 2547 31,387 52,001 69,674 71,713 68,405 68,279 82,485 104,571
ค่าใช้จ่ายฉลี่ยต่อเดือนของครัวเรือน พ.ศ.2539-2547 2537 2539 2541 2542 2543 2544 2545 2547 7,567 9,190 10,389 10,238 9,848 10,025 10,889 12,297
รายได้เฉลี่ยต่อเดือนของครัวเรือน พ.ศ.2539-2547 2537 2539 2541 2542 2543 2544 2545 2547 8,262 10,779 12,492 12,729 12,150 12,185 13,736 14,963
ที่มา:สำนักงานสถิติแห่งชาติ
ขออนุญาตเอาทั้งหมดมารวมกัน จะได้เห็นภาพเลยว่าอนาคตประเทศไทยเป็นยังไง เป็นสถิติที่น่าสนใจ รายได้ก็เพิ่มมากกว่าค่าใช้จ่ายตลอดมาทุกปี แต่ทำไมหนี้สินถึงโตเอาโตเอา? 2537 2539 2541 2542 2543 2544 2545 2547 รายได้ 8,262 10,779 12,492 12,729 12,150 12,185 13,736 14,963 ค่าใช้จ่าย 7,567 9,190 10,389 10,238 9,848 10,025 10,889 12,297 หนี้สิน 31,387 52,001 69,674 71,713 68,405 68,279 82,485 104,571 ทั้งที่คำนวณ รายได้-ค่าใช้จ่าย ต่อปี (เงินเหลือเก็บต่อปี) ได้แบบนี้ 2537 2539 2541 2542 2543 2544 2545 2547เหลือเก็บ 8,340 19,068 25,236 29,892 27,624 25,920 34,164 31,992 ดูจากหนี้สิน ณ สิ้นปี 2543 ก่อนรัฐบาลทักษิณเข้าบริหารประเทศหนี้ต่อครัวเรือนอยู่ที่ 68,405 บาท คำนวณเงินเหลือเก็บจาก รายได้-ค่าใช้จ่าย ปี 44,45 และ 47 (ไม่มี 46) = 25920 +34164 +31992 = 92,076 บาท แทนที่หนี้สินจะหมดไปกลับกลายเป็นเพิ่มขึ้นถึงหลัก แสนบาท หรือมีหนี้สินเท่ากับเงินรายได้เกือบ 7 เดือน?เทียบกับ สิ้นปี 37 ปลายสมัยรัฐบาลชวน 1 .. หนี้สิน เท่ากับรายได้ 31387/8362 = 3.80 เดือน พอมาถึง สิ้นปี 39 หลังนายกฯบรรหารพ้นอำนาจได้ 3 เดือน หนี้สิน เท่ากับรายได้ 52001/10779 = 4.82 เดือน ถัดมาคือ สิ้นปี 41 รัฐบาลชวน 2 บริหารมา 1 ปีนิดๆ หนี้สิน เท่ากับรายได้ 69674/12492 = 5.57 เดือน จนมาถึง สิ้นปี 43 ปลายสมัยรัฐบาลชวน 2 แก่ๆ หนี้สินต่อรายได้เกือบคงที่ 68405/12150 = 5.63 เดือน ไทยรักไทยมาบริหาร 4 ปีหนี้ท่วมบ้านเรือนหนักกว่าเดิม แต่โฆษณาว่าแก้ปัญหาความยากจนสำเร็จ!!!ไม่ทราบใครมีข้อมูลปี 2546 และ 2548 บ้างครับ .. แบบนี้เป็นการจับโกหกรัฐบาล ทรท. ได้หรือเปล่า.. อย่างน้อยก็โกหกไว้ตอนก่อนเลือกตั้ง 6 กพ. 48 ใช่หรือไม่.. ว่าแก้ปัญหาความยากจนสำเร็จ? ------------------------------------------------------------------------------------------------ อ้างอิงข้อมูลจาก สำนักงานสถิติแห่งชาติ ลองเข้าไปดูกันก็ได้ครับ มีรายละเอียดเป็นภาคด้วย ให้สังเกตเฉพาะภาคเหนือ และภาคอีสาน ปี 47 หนี้สินเกือบจะเท่ารายได้ 10 เดือนแล้วครับ.. รายได้ http://service.nso.go.th/nso/lfsstat/graph6.htmlค่าใช้จ่าย http://service.nso.go.th/nso/lfsstat/graph7.htmlหนี้สิน http://service.nso.go.th/nso/lfsstat/graph4.html------------------------------------------------------------------------------------------------
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
jerasak
|
 |
« ตอบ #1 เมื่อ: 07-08-2006, 04:45 » |
|
ปี 2546 กับ 2548 รู้สึกทางสำนักงานสถิติจะเปลี่ยนไปจัดเก็บข้อมูลแบบปีเว้นปีเหมือนที่เคยจัดเก็บมาก่อนปี 2541 ครับ
เอ.. แล้วคุณทักษิณแกไปเอาข้อมูลจากไหนมาโฆษณาหาเสียงล่ะครับ?ลองเอารายได้ต่อเดือนปี 44 (12,185 บาท) เป็นตัวตั้งต้นนะครับ ถึงปี 45 เพิ่มขึ้นเป็น 13,736 บาท คิดเป็นเพิ่มขึ้นจากปี 44 = 12.73%ถึงปี 47 เพิ่มขึ้นเป็น 14,963 บาท คิดเป็นเพิ่มขึ้นจากปี 45 = 8.93%คราวนี้มาดูหนี้สินบ้างคิดให้ปี 44 (68,279 บาท) เป็นตัวตั้งต้นเช่นกัน ถึงปี 45 เพิ่มขึ้นเป็น 82,485 บาท คิดเป็นเพิ่มขึ้นจากปี 44 = 20.81%ถึงปี 47 เพิ่มขึ้นเป็น 104,571 บาท คิดเป็นเพิ่มขึ้นจากปี 45 = 26.78%..ป่านนี้ใกล้สิ้นปี 49 ตัวเลขจะไปถึงไหนแล้วก็ไม่ทราบนะครับ..
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
คนในวงการ
|
 |
« ตอบ #2 เมื่อ: 07-08-2006, 05:01 » |
|
 ความยากจนหมดไปแล้ว คุณจีรศักดิ เอาที่ใหนมาพูดเนี่ย ก้าก ๆๆๆๆๆๆ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"Be without fear in the face of your enemies. Be brave and upright that God may love thee. Speak the truth, always, even if it leads to your death. Safeguard the helpless, and do no wrong. That is your oath." - Balian of Ibelin -
|
|
|
jerasak
|
 |
« ตอบ #3 เมื่อ: 07-08-2006, 05:19 » |
|
 ความยากจนหมดไปแล้ว คุณจีรศักดิ เอาที่ใหนมาพูดเนี่ย ก้าก ๆๆๆๆๆๆ  เหลือแต่ความ จนไม่ยาก ใช่ไหมครับผม 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
ชอบแถ
|
 |
« ตอบ #4 เมื่อ: 07-08-2006, 08:53 » |
|
ขยันวิเคราะห์แท้แท้ 48-49 ที่ยังไม่มี เพราะเค้ายังทำไม่เสร็จต่างหาก คุณลองไปดูบุคคลากรในนั้นว่ามีกี่คน รู้ไหมว่าสนง สถิติแห่งชาติอยู่ที่ไหน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jerasak
|
 |
« ตอบ #5 เมื่อ: 07-08-2006, 10:10 » |
|
ขยันวิเคราะห์แท้แท้ 48-49 ที่ยังไม่มี เพราะเค้ายังทำไม่เสร็จต่างหาก คุณลองไปดูบุคคลากรในนั้นว่ามีกี่คน รู้ไหมว่าสนง สถิติแห่งชาติอยู่ที่ไหน
ที่คิดว่ายังทำไม่เสร็จก็เดาเอาเหมือนกันใช่ไหม คุณชอบแถ ถ้า 48-49 ยังไม่มีเพราะยังทำไม่เสร็จจริง งั้น 38 40 46 ล่ะ จะมั่วว่ายังทำไม่เสร็จเหมือนกันหรือไง ? ที่ไม่มีเพราะไม่ได้เก็บสถิติ บางช่วงเก็บแค่ปีเว้นปี หรือเปล่า มาทำฟอร์มรู้เรื่องดี ทำไมไม่เถียงล่ะว่าวิเคราะห์ผิดตรงไหน แล้ว [*_*] ของคุณ ไปเอาข้อมูลที่ไหนมาใช้หาเสียงครับ ที่ว่าแก้ปัญหาความยากจนประสบผลสำเร็จอย่างนั้นอย่างนี้ ถ้ารู้ดีจริงช่วยไปหาต้นฉบับสถิติที่ว่ามาให้ดูหน่อยเถอะ..
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
varada
|
 |
« ตอบ #6 เมื่อ: 07-08-2006, 10:19 » |
|
ทักษินจะอยู่หรือไม่ยังไม่รู้ แต่ที่รู้ๆคือพวกเราๆท่านๆทั้งหลาย ก็รัดๆๆเข็มขัดกันมั่งเหอะ เดี๋ยวนี้หน่ะ ค่าเงินมันถูกจนน่าใจหาย ตอนมีเจ้าลูกชายใหม่ๆ ค่าผักเขาแค่ร้อยกว่าบาทก็ได้เต็มตะกร้าแล้ว แต่เดี๋ยวนี้สิ ห้าร้อยเนี่ยแทบไม่เห็นอะไรเลย เมื่อวานบวกค่าหญ้าแห้งเข้าไปอีกแบงค์พันปลิววั๊บ หายไปกับตาเลย 
|
|
|
|
RiDKuN
|
 |
« ตอบ #7 เมื่อ: 07-08-2006, 10:28 » |
|
ไม่จนแล้ว แต่ว่ามีหนี้ที่มั่นคงแทน ที่บอกว่ามั่นคง เพราะว่ายังไงก็ไม่โดนฟ้องล้มละลาย เพราะพอไม่มีตังค์จ่าย เดี๋ยวทักษิณก็ลงมาโปรดอีกรอบ เวรกรรมจริงๆ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
คนไม่มี "อุดมคติ" ไม่ใช่ "นักการเมือง"
|
|
|
Killer
|
 |
« ตอบ #8 เมื่อ: 07-08-2006, 10:35 » |
|
สินทรัพย์ประเทศเพิ่มขึ้น แล้วทำไมหนี้สินกับทุนมันจะไม่เพิ่มขึ้นด้วยเล่า...หือ?
อีกอย่างนะครับ สมัยนายชวนเอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้ เพราะชั่วโมงนั้น เศรษฐกิจหดตัวอย่างรุนแรงในระดับติดลบ จะเอาปัญญาที่ไหนมาสร้างหนี้กัน ?
ถ้าจะยกตัวเลขมาหลอกล่อปลอบใจพวกกันเอง โดยอาศัยบัญญัติไตรยางค์ชั้นประถมละก็ตามสบายนะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
แอ่นแอ๊น
|
 |
« ตอบ #9 เมื่อ: 07-08-2006, 10:58 » |
|
สินทรัพย์มันไปเพิ่ให้ใครหล่ะคะพี่ นี่มันหนี้ภาคครัวเรือนน้า ไม่ใช่ประเทศ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
|
|
|
Killer
|
 |
« ตอบ #10 เมื่อ: 07-08-2006, 11:03 » |
|
สินทรัพย์ภาคครัวเรือนมันก็ต้องเพิ่มขึ้นด้วยสิ ถ้ามันเพิ่มแต่หนี้สิน สมการเบสิคทางเศรษฐศาสตร์ ก็เลิกยึดถือไปได้แล้ว มันโกหกแน่ๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Yodyood
|
 |
« ตอบ #11 เมื่อ: 07-08-2006, 11:03 » |
|
สินทรัพย์ประเทศเพิ่มขึ้น แล้วทำไมหนี้สินกับทุนมันจะไม่เพิ่มขึ้นด้วยเล่า...หือ?
อีกอย่างนะครับ สมัยนายชวนเอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้ เพราะชั่วโมงนั้น เศรษฐกิจหดตัวอย่างรุนแรงในระดับติดลบ จะเอาปัญญาที่ไหนมาสร้างหนี้กัน ?
ถ้าจะยกตัวเลขมาหลอกล่อปลอบใจพวกกันเอง โดยอาศัยบัญญัติไตรยางค์ชั้นประถมละก็ตามสบายนะ
หรือว่าจริงๆแล้ว คุณคิลใช้การวิเคราะห์สถิติชั้นอนุบาล?
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
~ You will never know the truth if you dare not to face it. ~
|
|
|
Killer
|
 |
« ตอบ #12 เมื่อ: 07-08-2006, 11:07 » |
|
ใช่แล้ว...นี่เบสิคเลยนะเนี่ย...
คนที่ยกตัวเลขมาอ้าง ต้องตอบให้ได้ก่อนสิว่ามันจริงอย่างที่ผมว่าหรือเปล่า ยุคสมัยชวน 2 เศรษฐกิจภายในประเทศมีสภาพเป็นอย่างไร แล้วเอามาเปรียบเทียบกับ สถานการณ์ในสมัยทักษิณ 1 ได้อย่างไร ?
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
koo
|
 |
« ตอบ #13 เมื่อ: 07-08-2006, 11:21 » |
|
โดยอาศัยบัญญัติไตรยางค์ชั้นประถมละก็ตามสบายนะ
หรือว่าจริงๆแล้ว คุณคิลใช้การวิเคราะห์สถิติชั้นอนุบาล? ใช่แล้ว...นี่เบสิคเลยนะเนี่ย...
อ่านะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
แอ่นแอ๊น
|
 |
« ตอบ #14 เมื่อ: 07-08-2006, 11:28 » |
|
สินทรัพย์ภาคครัวเรือนมันก็ต้องเพิ่มขึ้นด้วยสิ ถ้ามันเพิ่มแต่หนี้สิน สมการเบสิคทางเศรษฐศาสตร์ ก็เลิกยึดถือไปได้แล้ว มันโกหกแน่ๆ
สมการทางบัญชี ไม่ใช่สมการทางเศรษฐศาสตร์ เฮ้อ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
|
|
|
Killer
|
 |
« ตอบ #15 เมื่อ: 07-08-2006, 11:35 » |
|
" สมการทางบัญชี ไม่ใช่สมการทางเศรษฐศาสตร์ เฮ้อ "
ที่จริงคนรู้เรื่องพวกนี้ แถวนี้มีเยอะแยะนะ แต่เงียบบบ...งั่มม กลัวเสียมวลชน...
เมื่อธุรกิจอุตสาหกรรมลดกำลังการผลิต มันปิดงานเลิกจ้าง ผู้คนตกงานตกการกันทั้งบ้านทั้งเมือง มันจะเอาปัญญาที่ไหนไปก่อหนี้ จริงหรือเปล่า ?
ต้องเอาตัวเลขสมัยชวน 1 มาเปรียบเทียบสิ ถึงจะแฟร์ ไม่ใช่ชวน 2
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
jerasak
|
 |
« ตอบ #17 เมื่อ: 07-08-2006, 12:19 » |
|
" สมการทางบัญชี ไม่ใช่สมการทางเศรษฐศาสตร์ เฮ้อ "
ที่จริงคนรู้เรื่องพวกนี้ แถวนี้มีเยอะแยะนะ แต่เงียบบบ...งั่มม กลัวเสียมวลชน...
เมื่อธุรกิจอุตสาหกรรมลดกำลังการผลิต มันปิดงานเลิกจ้าง ผู้คนตกงานตกการกันทั้งบ้านทั้งเมือง มันจะเอาปัญญาที่ไหนไปก่อหนี้ จริงหรือเปล่า ?
ต้องเอาตัวเลขสมัยชวน 1 มาเปรียบเทียบสิ ถึงจะแฟร์ ไม่ใช่ชวน 2
เอ.. ผมก็เอามาให้ดูแล้วนี่นา ปี 2537 น่ะปลายสมัยรัฐบาลชวน 1 เทียบกับ สิ้นปี 37 ปลายสมัยรัฐบาลชวน 1 .. หนี้สิน เท่ากับรายได้ 31387/8362 = 3.80 เดือนเทียบกับ ปี 2547 ปลายสมัยแม้ว 1 หนี้สินเทียบกับรายได้ปาเข้าไป 6.9 เดือน ไม่เห็นหรือ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-08-2006, 12:23 โดย jerasak »
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
แอ่นแอ๊น
|
 |
« ตอบ #18 เมื่อ: 07-08-2006, 12:25 » |
|
" สมการทางบัญชี ไม่ใช่สมการทางเศรษฐศาสตร์ เฮ้อ "
ที่จริงคนรู้เรื่องพวกนี้ แถวนี้มีเยอะแยะนะ แต่เงียบบบ...งั่มม กลัวเสียมวลชน...
เมื่อธุรกิจอุตสาหกรรมลดกำลังการผลิต มันปิดงานเลิกจ้าง ผู้คนตกงานตกการกันทั้งบ้านทั้งเมือง มันจะเอาปัญญาที่ไหนไปก่อหนี้ จริงหรือเปล่า ?
ต้องเอาตัวเลขสมัยชวน 1 มาเปรียบเทียบสิ ถึงจะแฟร์ ไม่ใช่ชวน 2
ไม่ต้องมาหยอดยาหอมใส่ชั้นเลย ถ้าจะเทียบละก็ ลองเปรียบเทียบอัตราการเติบโตของ หนี้ ต่อรายได้จะดีกว่า รับรองว่า เห็น รวยกระจุกจนกระจาย ยกเรื่องสินทรัพย์ประเทศ สงสัยไปนั่งฟังวิทยุเช้าวันเสาร์มาหล่ะซิ อันนั้นมันภาพรวมทั้งหมด แต่มันไม่ได้บอกว่าไปตกอยู่ตรงไหนเท่าไหร่ ถ้าจะดูต้องแยกรายภาค แล้วก็ราย sector ดูให้ละเอียดกว่านั้น มองเรื่องการกระจายรายได้ ไม่ใช่โยกบัญชีข้างซ้าย ไปเทียบกับข้างขวาอย่างที่นายกทำ ที่บอกว่า หนี้สินเพิ่ม แล้ว สินทรัพย์เพิ่มด้วยมันใช่แหงหล่ะ เพราะสมการมันคือ ทรัพย์สิน = หนี้สิน + ทุน แต่ถ้า หนี้ต่อทุน สูงมากๆ แปลว่า อะไรรู้หรือเปล่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
|
|
|
jerasak
|
 |
« ตอบ #19 เมื่อ: 07-08-2006, 12:29 » |
|
สินทรัพย์ภาคครัวเรือนมันก็ต้องเพิ่มขึ้นด้วยสิ ถ้ามันเพิ่มแต่หนี้สิน สมการเบสิคทางเศรษฐศาสตร์ ก็เลิกยึดถือไปได้แล้ว มันโกหกแน่ๆ
OK สินทรัพย์จะเพิ่มหรือเปล่า อาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้ ไหนคุณ Killer ไปหามาให้ดูหน่อยสิ ว่ามีข้อมูลที่ไหนบ้าง บอกว่าสินทรัพย์ครัวเรือนเพิ่ม หรือว่าของผมใช้ข้อมูล ส่วนคุณ Killer ใช้เดาเอา.. สารภาพมา..
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
jerasak
|
 |
« ตอบ #20 เมื่อ: 07-08-2006, 12:39 » |
|
สินทรัพย์จะเพิ่มหรือเปล่ายังไม่ทราบ แต่มาดูแผนที่หนี้สินประเทศไทยกันหน่อย แล้วลองคิดว่าถ้าปล่อยให้ [*_*] บริหารต่ออีก จะร่ำรวยไปขนาดไหน..  ภาพประกอบจาก : สำนักงานสถิติแห่งชาติ http://service.nso.go.th/nso/graph/graph_file/graph11/images/House_6.gifเพิ่มเติมแหล่งอ้างอิงสักหน่อย..
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-08-2006, 22:34 โดย jerasak »
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
Killer
|
 |
« ตอบ #21 เมื่อ: 07-08-2006, 12:47 » |
|
"แต่ถ้า หนี้ต่อทุน สูงมากๆ แปลว่า อะไรรู้หรือเปล่า"
ไม่รู้ อธิบายมาสิ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Killer
|
 |
« ตอบ #22 เมื่อ: 07-08-2006, 12:50 » |
|
อย่างหนึ่งที่ผมตั้งข้อสังเกตถึงตัวเลขพวกนั้นคือ มันถูกหมกเม็ดมาโดยตลอดไง มันไม่เคยถูกนำเข้าสู่ระบบ เราเลยไม่รู้ตัวเลขที่แท้จริงเท่าไหร่ จนกระทั่งพรรคไทยรักไทย มีนโยบายให้นำหนี้นอกระบบมาอยู่ในระบบซะ เพื่อความสะดวกในการมอนิเตอร์สถานการณ์หนี้..
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
Limmy
|
 |
« ตอบ #24 เมื่อ: 07-08-2006, 12:57 » |
|
ปัญหาที่น่าคิดอีกข้อคือ "ความสามารถในการชำระหนี้คืน" คุณจีระศักด์ิครับ ตอนนี้ทางอีสานนี่หัวคะแนนไปพูดกันทั่วแล้วว่า ถ้าเลือกไทยรักไทย ทักษิณจะยกหนี้ให้ทั้งหมด เอาเข้าไป 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ชอบแถ
|
 |
« ตอบ #25 เมื่อ: 07-08-2006, 13:07 » |
|
พูดเรื่องสินทรัพย์บ้าง อยากมีบ้านก็ต้องเป็นหนี้ อยากมีรถก็ต้องเป็นหนี้ ซื้อบ้านหรือรถก็มีทรัพย์สินเพิ่ม จะเพิ่มค่าหรือด้อยค่าขึ้นอยู่กับความนิยม ถ้าถูกยึดในยุคฟองสบู่แตกยังต้องตามไปจ่ายส่วนต่าง ถ้าในปีที่เศรษฐกิจดีอาจมีเหลือทอน
ถ้าด่ากันมากมากจนประเทศเสื่อมความนิยม ก็จะต้องขายสินทรัพย์ราคาถูกแบบปรส. ถ้าประเทศเจริญขึ้นสินทรัพย์ก็เพิ่มค่า ทำให้ตอนขายถูกมองได้ว่าไม่โปร่งใส ทำไมรีบขายไม่รอก่อน มันขึ้นกับเครดิตของประเทศ ทำประเทศให้มีเครดิตเป็นเรื่องถูกต้อง ส่วนตัวเลข debt equity ไม่น่าจะใช้กับระดับประเทศ มันมั่ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นทร์
|
 |
« ตอบ #26 เมื่อ: 07-08-2006, 13:12 » |
|
ปัญหาที่น่าคิดอีกข้อคือ "ความสามารถในการชำระหนี้คืน" คุณจีระศักด์ิครับ ตอนนี้ทางอีสานนี่หัวคะแนนไปพูดกันทั่วแล้วว่า ถ้าเลือกไทยรักไทย ทักษิณจะยกหนี้ให้ทั้งหมด เอาเข้าไป  ปล่อยให้เลือกเถอะครับ ถ้าคิดได้แค่นั้น
แล้วคอยดูว่าแม้วจะเอาเงินที่ไหนมาโป๊ะ ต่อดอกเบี้ยให้
เพราะตอนนี้ก็ดิ้นกันสุดๆ แถเหงือกกันถลอกปอกเปิกกันหมดแล้ว 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
|
|
|
jerasak
|
 |
« ตอบ #27 เมื่อ: 07-08-2006, 13:43 » |
|
ไหนๆ คุณ Killer ก็ท้าให้เอาข้อมูลสมัย ชวน 1 มาเทียบ (ท้าแล้วเงียบไป ?)อยากจะเพิ่มเติมว่า ณ ปี 37 ปลายสมัย ชวน 1 ทั้งประเทศมี 15.83 ล้านครัวเรือน มีหนี้สินเฉลี่ยต่อครัวเรือน 31,387 บาท หรือคิดเป็นหนี้สินรวม 496,819 ล้านบาทพอมา ปี 43 ปลายสมัยชวน 2 ทั้งประเทศมีครัวเรือนเพิ่มเป็น 17.19 ล้านครัวเรือน มีหนี้สินเฉลี่ยต่อครัวเรือน 68,405 บาท หรือคิดเป็นหนี้สินรวม 1,175,588 ล้านบาทประมาณว่า 1.18 ล้านล้านบาท จากปี 37 เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 113,128 ล้านบาทต่อปีถึงปลายปี 47 ปลายสมัยแม้ว 1 ทั้งประเทศมีครัวเรือนเพิ่มอีกเป็น 18.91 ล้านครัวเรือน หนี้สินเฉลี่ยต่อครัวเรือนปาเข้าไป 104,571 บาท หรือรวมทั้งสิ้น 1,976,957 ล้านบาทก็ประมาณว่า 1.98 ล้านล้านบาท จากปี 43 เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 200,342 ล้านบาทต่อปีเฉพาะรัฐบาลแม้ว 1 หนี้สินภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้น 8 แสนล้าน เมื่อเทียบกับงบประมาณ- กองทุนหมู่บ้านประมาณ 8 หมื่นล้าน ที่มักเชื่อกันว่าเป็นต้นเหตุการก่อหนี้ภาคครัวเรือน ปรากฏว่าหนี้ภาคครัวเรือนโตขึ้นเป็น 10 เท่า ของงบกองทุนหมู่บ้านครับ หนี้สินที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่จึงขยายตัวเกินกว่าหนี้กองทุนหมู่บ้านไปไกลแล้วล่ะครับ ผมเชื่อว่าหนี้ที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งเกิดจากนโยบายแปลงสินทรัพย์เป็นทุนของรัฐบาล พูดง่ายๆ สินทรัพย์ที่คุณ Killer คิดว่าเพิ่มขึ้นตามหนี้สิน ในทางกลับกันอาจเป็นว่า สินทรัพย์ครัวเรือนไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่กลายเป็นสินทรัพย์ติดจำนองแทนได้ไหม ?------------------------------------------------------------------------------------------------------- ข้อมูลจาก : สำนักงานสถิติแห่งชาติ http://service.nso.go.th/nso/lfsstat/graph8.html
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-08-2006, 13:58 โดย jerasak »
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
Killer
|
 |
« ตอบ #28 เมื่อ: 07-08-2006, 13:53 » |
|
เอ้า...ก็ผมสงสัยไงว่า ตัวเลขหนี้สินพวกนี้มันเกิดจาก การนำสิ่งที่มันอยู่นอกระบบเข้ามาอยู่ในระบบใช่หรือเปล่า...
อีกอย่างนะ คุณจะเอาตัวเลขหนี้มาโชว์เพื่อแสดงให้เห็นถึงว่าประเทศชาติจะล่มสลายหรือ ? สมมติผมมีหนี้ 10 ล้าน แต่ผมมีปัญญาชำระหนี้ อย่างนี้จะเป็นปัญหาอะไรหรือเปล่า ?
คุณดูแต่ตัวเลขหนี้อย่างเดียว แล้วจะไม่คำนึงเลยหรือว่า หนี้เหล่านั้นก่อให้เกิดรายได้ ผลผลิตเพิ่มมากขึ้นหรือเปล่า....
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jerasak
|
 |
« ตอบ #29 เมื่อ: 07-08-2006, 14:10 » |
|
เอ้า...ก็ผมสงสัยไงว่า ตัวเลขหนี้สินพวกนี้มันเกิดจาก การนำสิ่งที่มันอยู่นอกระบบเข้ามาอยู่ในระบบใช่หรือเปล่า...
อีกอย่างนะ คุณจะเอาตัวเลขหนี้มาโชว์เพื่อแสดงให้เห็นถึงว่าประเทศชาติจะล่มสลายหรือ ? สมมติผมมีหนี้ 10 ล้าน แต่ผมมีปัญญาชำระหนี้ อย่างนี้จะเป็นปัญหาอะไรหรือเปล่า ?
คุณดูแต่ตัวเลขหนี้อย่างเดียว แล้วจะไม่คำนึงเลยหรือว่า หนี้เหล่านั้นก่อให้เกิดรายได้ ผลผลิตเพิ่มมากขึ้นหรือเปล่า....
ตกลงเรื่องสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นคุณ Killer เลิกเถียงแล้วหรือครับใครบอกว่าผมดูแต่ตัวเลขหนี้อย่างเดียว ผมก็แสดงทั้งรายได้ ค่าใช้จ่าย หนี้สิน เอาตัวเลขหนี้มาโชว์เพื่อแสดงให้เห็นว่าประเทศจะล่มสลายหรือเปล่าก็ดูเถิดครับ ส่วนเรื่องความสามารถในการชำระหนี้ก็ดูด้วยนะครับ ปลายปี 47 เทียบปี 45 รายได้เพิ่ม 8.93% ค่าใช้จ่ายเพิ่ม 12.93% หนี้สินเพิ่ม 26.78%------------------------------------------------------------------------------------------------------ ดูแล้วอุ่นใจดีไหมครับ ว่าจะมีปัญญาจ่ายหนี้ ?
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-08-2006, 14:17 โดย jerasak »
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
แอ่นแอ๊น
|
 |
« ตอบ #30 เมื่อ: 07-08-2006, 14:59 » |
|
คุณจีคะ อย่าอธิบายยาวค่ะ เด๋วเหนื่อยเปล่า เค้าไม่ได้อยากรู้ซักหน่อย
มัวแต่นั่งฟังนายกฯ บอกว่า บริหารงานเก่ง บริหารจาก ชาวบ้านมีบ้านเล็กๆ ชั้นเดียว 1 หลัง ไม่มีรถ มีหนี้อยู่ 2 แสน
ไปๆ มาๆ ช่วยกันทำมาหากิน กลายเป็นมีบ้าน 3 หลังใหญ่ มีรถคนละคัน มีหนี้แค่ 3 แสน
อาชีพอะไรเนี่ย เวลาไม่กี่ปีรวยเร็วขนาดนี้ แถมหนี้ติ๊ดเดียว ค้ายาเหรอ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
|
|
|
Killer
|
 |
« ตอบ #31 เมื่อ: 07-08-2006, 21:12 » |
|
ในทางทฤษฎี สินทรัพย์มันต้องเพิ่มขึ้นใช่หรือเปล่า ? ถ้าไม่จริงตามนี้ ก็ช่วยอธิบายมา...
ปัญหาคือพวกเขาต้องไม่ก่อหนี้เพิ่มขึ้นอีก ค่าใช้จ่ายก็ต้องคงที่ไม่เพิ่มขึ้น ถ้ารายได้เท่าเดิม ในที่สุดแล้ว หนี้สินก็ต้องลดลงไปเองตามธรรมชาติ ชาวบ้านเขาปรับตัวเขาเองได้ ไม่ต้องเป็นห่วงเขาหรอก นะ นะ... [color]
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
AsianNeocon
|
 |
« ตอบ #32 เมื่อ: 07-08-2006, 21:23 » |
|
ก็มันพุ่งมาพร้อมๆกับความรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยในชีวิตในทรัพย์สิน ไปที่ไหนเดี๋ยวนี้ต้องระวังครับ อยู่บ้านก็ต้องระวัง ยิ่งถ้าทำการค้ามีเก็บสินค้าไว้ในบ้านเดี๋ยวนี้ สัญญาณกันขโมย วงจรปิด ต้องติดไว้เลย อย่าเสียดายเงิน
ทีวีมีแต่ข่าวคนยกพวกตีกัน แต่ก่อนได้ยินแต่กรุงเทพฯ แต่เดี๋ยวนี้ เชียงใหม่(บ้านเก่าไอ้เหลี่ยม) หรือแม้แต่จังหวัดเล็กๆทางอีสานยังมีข่าว แม่เอาเด็กทารกทิ้งตามห้องน้ำ พวกนี้เป็นผลพวงทั้งนั้น เรื่องเงินๆทองๆถ้ามันเละเทะ ปัญหาเป็นร้อยๆจะตามมา
ไอ้พวกลูกกะป้อก็ได้แต่ตะแบงไปเรื่อยๆ อยากรวยต้องเป็นหนี้ ซื้อรถก็หนี้ ๆ ๆ ๆ ๆ สมองไม่มี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ชอบแถ
|
 |
« ตอบ #33 เมื่อ: 07-08-2006, 21:25 » |
|
ชาวบ้านมีบ้านเล็กๆ ชั้นเดียว 1 หลัง เล็กเล็กตรงถนนเยาวราช ไม่มีรถ มีหนี้อยู่ 2 แสน
ไปๆ มาๆ ช่วยกันทำมาหากิน กลายเป็นมีบ้าน 3 หลังใหญ่ที่แม่ฮ่องสอน มีรถคนละคัน มีหนี้แค่ 3 แสน
อาชีพอะไรเนี่ย เวลาไม่กี่ปีรวยเร็วขนาดนี้ แถมหนี้ติ๊ดเดียว ค้ายาเหรอ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
koo
|
 |
« ตอบ #34 เมื่อ: 07-08-2006, 21:43 » |
|
ชาวบ้านมีบ้านเล็กๆ ชั้นเดียว 1 หลังเล็กเล็กตรงถนนเยาวราช ไม่มีรถ มีหนี้อยู่ 2 แสน
ไปๆ มาๆ ช่วยกันทำมาหากิน กลายเป็นมีบ้าน 3 หลังใหญ่ที่แม่ฮ่องสอน มีรถคนละคัน มีหนี้แค่ 3 แสน
อาชีพอะไรเนี่ย เวลาไม่กี่ปีรวยเร็วขนาดนี้ แถมหนี้ติ๊ดเดียว ค้ายาเหรอ
เอากะปลาหมอซิ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
จูล่ง_j
|
 |
« ตอบ #35 เมื่อ: 07-08-2006, 21:46 » |
|
อ้าว วุ่ย เถียงไปเถียงมาเริ่มเบี่ยงประเด็นละ
อีกคนนึงบอกไม่ต้องห่วง อีกคนบอกแม่ฮ่องสอน
หนี้นอกระบบนั้น มันไม่ลดลงหรอก มันก็หมุนวน ไปมาระหว่างนอกกับในนี่แหละ
พอถึง งวดชำระ ในระบบ มันก็ไปกู้นอกระบบมาใช้
พอถึง งวดชำระ นอกระบบ มันก็ปกู้ในระบบมาใช้
กู้ไปกู้มา โดนดอกเบี้ยกินบาน โดทั้งในทั้งนอกระบบ นั่นแหละ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
AsianNeocon
|
 |
« ตอบ #37 เมื่อ: 07-08-2006, 21:52 » |
|
เอากะปลาหมอซิ  อยากให้เลิกเป็น "ปลาหมอ" ต้องจับไปเจอกับ "ปลาตีน" ครับ  ป.ล. เกรงใจคุณจีระศักดิ์เจง ๆ คุณจูล่ง พุดถูก ผมขอสรุปสั้นๆว่า "มีหนี้ ก็ต้องใช้เงินสดไปล้าง" และ "ก่อนคิดจะรวย ตัดค่าใช้จ่ายก่อน" หลักตรงๆง่ายๆที่พวกเชียร์เหลี่ยมคิดไม่ได้ ต้องไปคิดซิกแซ็ก ศรีธนญSHIN
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ชอบแถ
|
 |
« ตอบ #38 เมื่อ: 07-08-2006, 22:00 » |
|
มีปลาตีน ก็มีปลาส้นตีน นะครับ สุภาพหน่อยนะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
stromman
|
 |
« ตอบ #39 เมื่อ: 07-08-2006, 22:10 » |
|
คนตอบเยอะแล้ว ขี้เกียจตอบแระ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jerasak
|
 |
« ตอบ #40 เมื่อ: 07-08-2006, 22:30 » |
|
ในทางทฤษฎี สินทรัพย์มันต้องเพิ่มขึ้นใช่หรือเปล่า ? ถ้าไม่จริงตามนี้ ก็ช่วยอธิบายมา...
ปัญหาคือพวกเขาต้องไม่ก่อหนี้เพิ่มขึ้นอีก ค่าใช้จ่ายก็ต้องคงที่ไม่เพิ่มขึ้น ถ้ารายได้เท่าเดิม ในที่สุดแล้ว หนี้สินก็ต้องลดลงไปเองตามธรรมชาติ ชาวบ้านเขาปรับตัวเขาเองได้ ไม่ต้องเป็นห่วงเขาหรอก นะ นะ... [color]
ทฤษฎีอะไรครับ คุณ Killer อย่าบอกนะว่ากำลังนึกถึง สินทรัพย์ = หนี้สิน+ทุน(ส่วนของเจ้าของ) เวลามีหนี้เพิ่มมันไม่จำเป็นต้อง มีสินทรัพย์เพิ่มหรอกนะครับ มาลองดูกัน... เดิมมีสินทรัพย์คือที่ดินมูลค่า 150,000 บาทเป็นของตัวเองคือเป็นทุนทั้งหมด ไม่มีหนี้สิน สินทรัพย์ 150,000 บาท = หนี้สิน 0 บาท + ส่วนของเจ้าของคิดเป็นมูลค่า 150,000 บาทต่อมาไปกู้เงินมา 100,000 บาท เอาที่ดินมูลค่า 150,000 บาทไปค้ำประกันเงินกู้ (โดยปกติสินทรัพย์ที่ค้ำประกันเงินกู้จะมีมูลค่ามากกว่าเงินกู้ ผู้กู้ถึงจะยินยอมให้กู้ได้) สินทรัพย์ (เงินสดจากจำนองที่ดิน 100,000 บาท) = หนี้สิน 100,000 บาทจากตัวอย่างง่ายๆ นี้แสดงให้เห็นว่าการมีหนี้สิน อาจทำให้สินทรัพย์ลดลงก็ได้จริงไหมครับ ส่วนเรื่องที่ว่าต้องไม่ก่อหนี้เพิ่มขึ้นอีก เท่าที่ดูสถิติก็ก่อหนี้เพิ่มขึ้นตลอดเวลาไม่เคยลดลง และที่ว่าค่าใช้จ่ายก็ต้องคงที่ไม่เพิ่มขึ้น เท่าที่ดูสถิติค่าใช้จ่ายก็เพิ่มขึ้นตลอดเวลาเช่นกัน สรุปว่า เมื่อเป็นหนี้สินทรัพย์ก็อาจลดลงได้ หนี้สินก็ก่อเพิ่มตลอด และค่าใช่จ่ายก็เพิ่มตลอดครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
ชอบแถ
|
 |
« ตอบ #41 เมื่อ: 07-08-2006, 22:49 » |
|
แล้วต่อมาอีกสนามบินสุวรรณภูมิก็มาตั้งใกล้ที่ดิน แต่ไม่มีเงินจ่ายหนี้ เจ้าหนี้เอาที่ดินไปขายได้เงินหลายล้าน เอาส่วนเกินมาคืน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
koo
|
 |
« ตอบ #42 เมื่อ: 07-08-2006, 22:51 » |
|
แล้วต่อมาอีกสนามบินสุวรรณภูมิก็มาตั้งใกล้ที่ดิน แต่ไม่มีเงินจ่ายหนี้ เจ้าหนี้เอาที่ดินไปขายได้เงินหลายล้าน เอาส่วนเกินมาคืน
มาจากไหน?? งงมาก สุดยอดปลาหมอ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jerasak
|
 |
« ตอบ #43 เมื่อ: 07-08-2006, 23:02 » |
|
แล้วต่อมาอีกสนามบินสุวรรณภูมิก็มาตั้งใกล้ที่ดิน แต่ไม่มีเงินจ่ายหนี้ เจ้าหนี้เอาที่ดินไปขายได้เงินหลายล้าน เอาส่วนเกินมาคืน
..ไม่บังเอิญให้ขุดเจอสมบัติเจ้าคุณทวดที่ฝังไว้เสียเลยล่ะครับ.. 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
ชอบแถ
|
 |
« ตอบ #44 เมื่อ: 08-08-2006, 10:35 » |
|
ขยันวิเคราะห์แท้แท้ 48-49 ที่ยังไม่มี เพราะเค้ายังทำไม่เสร็จต่างหาก คุณลองไปดูบุคคลากรในนั้นว่ามีกี่คน รู้ไหมว่าสนง สถิติแห่งชาติอยู่ที่ไหน
ที่คิดว่ายังทำไม่เสร็จก็เดาเอาเหมือนกันใช่ไหม คุณชอบแถ เจอคำตอบแล้ว วางอยู่บนโต๊ะ พอดีมีคำว่าลับเลยไม่รู้จะอ้างอิงอย่างไร ข้อมูลที่สำรวจในปี 49 จะเป็นของรอบปี 48 คือ 1 มกรา ถึง 31 ธันวา คราวนี้ไม่มั่วแล้วครับ ส่วนพระราชบัญญัติสถิติ 2508 มาตรา 21 ข้อมูลเป็นความลับ มาตรา 22 ไม่กรอกปรับไม่เกิน 500 มาตรา 23 กรอกเท็จ จำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 500 มาตรา 24 ฝ่าฝืนมาตรา 21 จำคุกไม่เกิน 6 เดือนปรับไม่เกิน 1,000 ส่งคืนไปไม่กรอกดีกว่า เสี่ยงคุก เสี่ยงตะราง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jerasak
|
 |
« ตอบ #45 เมื่อ: 09-08-2006, 20:57 » |
|
ไม่น่าเชื่อผมเพิ่งเล่นเรื่องหนี้ได้วันเดียว "กาแฟดำ" ก็พูดเรืองเดียวกัน ---------------------------------------------------------------------------------------- แค่เรื่อง "หนี้" เรื่องเดียว ทักษิณก็ต้องปะทะอภิสิทธิ์แล้ว http://www.bangkokbiznews.com/2006/08/09/u001_127449.php?news_id=1274498 สิงหาคม 2549 19:21 น. การเอาข้อเท็จจริงของฝ่าย ทักษิณ ชินวัตร กับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาถกกันในเวทีสาธารณะอย่างโทรทัศน์นั้น จะเป็นการเอาความจริงมาตีแผ่ให้ประชาชนได้รับรู้สภาพของบ้านเมืองจากแง่มุมต่างๆ อย่างเปิดเผยตรงไปตรงมาที่สุด กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : เพราะวันนี้ เราฟังทักษิณอ้างอย่างหนึ่ง และอภิสิทธิ์อ้างอีกอย่างหนึ่ง แต่เราไม่มีโอกาส ที่จะเอาทั้งสองคนมานั่งตอบคำถามเดียวกัน ภายใต้กฎเกณฑ์เดียวกัน เพื่อประชาชนเขาจะได้ตัดสินด้วยตนเองว่า จะเชื่อใครหรือไม่อย่างไร ทักษิณอ้างว่าอะไรๆ ในภาพของเศรษฐกิจดูสวยไปหมด แต่ถ้าพูดคุยกับคนทำมาหากินในระดับกลางๆ จะได้รับรู้ ว่าเช็คเด้งหนักหน่วงขึ้น, ยอดขายสินค้าหลายอย่างในหลายวงการหดตัวลง, ความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจประจำวัน ของผู้คนเริ่มจะสูงขึ้น เป็นภาพขัดแย้งกันอยู่ในตัวระหว่างตัวเลขเศรษฐกิจภาพรวมที่ทักษิณนำมากล่าวอ้างในช่วงนี้ กับข่าวคราวที่เราได้มาจากสนามจริง ทางเดียวที่จะรู้ว่าบ้านเมืองเป็นอย่างไรกันแน่ คือคนรับผิดชอบของบ้านเมืองต้องมาตอบคำถาม จากคนที่เขาอยู่ในสถานการณ์จริงๆ ไม่ใช่เพียงแค่เป็นการใช้สื่อของรัฐโดยทักษิณและรัฐมนตรีของเขา เพื่อบอก "ความจริงเพียงด้านเดียว" ให้เกิดภาพบิดเบือน พรรคประชาธิปัตย์ออกแคมเปญเลือกตั้งพร้อมคำมั่นสัญญาหลายๆ ข้อ ที่กำลังได้รับการวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ อย่างกว้างขวาง และหนีไม่พ้นว่าจะต้องถูกนำไปเปรียบเทียบกับแนวทางประชานิยมของทักษิณ ดังนั้น การที่ทักษิณกับอภิสิทธิ์มานั่งตอบคำถามชุดเดียวกัน, พร้อมกัน, ด้วยกติกาเดียวกัน ย่อมจะเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อประชาชนคนไทยอย่างยิ่ง เรื่อง "หนี้" เรื่องเดียวก็เป็นประเด็นอันสมควรจะต้องมีการซักถามให้ทักษิณออกมาชี้แจงอธิบาย กับประชาชนอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว เพราะคำกล่าวอ้างของทักษิณวันก่อนว่า ตั้งแต่ตนเข้ามา เป็นนายกฯ หนี้ประเทศต่อจีดีพี (ผลิตภัณฑ์มวลรวม) ได้ลดลงจากร้อยละ 57 เป็น 41.4 หมายความว่า "เศรษฐกิจโตเร็วกว่าหนี้" ฟังดูดีใช่ไหม? แต่เรื่องอย่างนี้อยู่ที่คุณจะเข้าใจ "ลูกเล่นการเสนอตัวเลข" อย่างไรมากกว่าที่จะเป็นการเสนอภาพจริง ต้องมีคนที่รู้รอบด้านมาถามทักษิณในรายการทีวีว่าตัวเลข "หนี้" ที่เขาอ้างว่าลดลงนั้น มันรวมและไม่รวม ตัวเลขอะไรบ้าง เพราะนักข่าวไปถามรองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย คุณธาริษา วัฒนเกส ก็ได้คำตอบว่า ขณะนี้ เท่าที่ดูจากตัวเลข ภาพรวมหนี้ในระบบต่อจีดีพี มี "อัตราการเพิ่มขึ้น" จากอดีตที่ผ่านมาพอสมควร และเธอก็บอกว่าต่อว่า "หากเพิ่มมากขึ้นกว่านี้ ก็น่าเป็นห่วง ต้องจับตาดูกันต่อไป" แต่ถ้าถามว่าระดับหนี้ที่เหมาะสมต่อจีดีพีควรจะอยู่ที่ระดับใด รองผู้ว่าการแบงก์ชาติบอกว่า ไม่สามารถตอบได้ เพราะไม่มีสูตรที่ตายตัว เมื่อ "ไม่มีสูตรที่ตายตัว" นักการเมืองก็มักจะอ้างสูตรที่เข้าข้างตัวเอง...เราจึงต้องหวังพึ่ง คนที่ทำงานที่ธนาคารกลางเป็นคนคอยวิเคราะห์ให้เราฟังอย่างเป็นกลางและตรงไปตรงมา แต่ถ้าถามรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์อย่าง กรณ์ จาติกวณิช ก็จะได้คำตอบว่า ทักษิณพูดออกอากาศอย่างนั้น เป็นเรื่องบิดเบือน ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง และการสร้างภาพ ดีเกินจริงอย่างนั้นย่อมเป็นอันตราย กรณ์บอกว่า "หนี้" ที่ทักษิณอ้างถึงนั้น ไม่ได้รวมถึง "หนี้กึ่งการคลัง" เช่นหนี้ตามสถาบันการเงินต่างๆ ซึ่งถ้าหากเอามารวมเข้าด้วยจะมีมูลค่า 5-6 แสนล้านบาท และจะทำให้หนี้โดยรวมของรัฐบาล อยู่ที่ประมาณร้อยละ 50 ของจีดีพี และนี่ยังไม่รวมถึงหนี้ภาคประชาชนที่เพิ่มขึ้นอย่างน่ากลัวในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา... จาก 70,000 บาทเป็น 140,000 บาทต่อครัวเรือนในช่วง 5 ปี หนี้ครัวเรือนที่กู้ไปบริโภคเพิ่มจากร้อยละ 61 ของหนี้ทั้งหมดในปี 2543 มาเป็นร้อยละ 66 ในปี 2547กรณ์บอกว่าทักษิณบิดเบือนข้อเท็จจริงอย่างน่าเป็นห่วง และคนที่จนที่สุดที่เคยมีหนี้ 8 เท่าของรายได้ เพิ่มขึ้นมาเป็น 20 เท่าของรายได้ภายใน 4 ปี "ฉะนั้นจะบอกว่าหนี้เพิ่มนิดเดียวไม่ได้..." กรณ์บอกนักข่าวให้ไปบอกกับทักษิณ ทักษิณเป็นคนเก่งคนกล้า ก็ต้องออกมาตอบว่าแกล้งบิดตัวเลขให้เกิดความเข้าใจผิดกันใหญ่โตไปหรือไม่... และไม่ใช่ตอบโต้ในรายการวิทยุของตนเองที่ไม่มีใครซักไซ้ไล่เลียงได้... ต้องตอบในรายการทีวีและวิทยุที่มีฝ่ายที่กล้าซักถามมาร่วมในรายการด้วย อย่างนี้ถึงจะเรียกว่าเป็นคนปกป้องระบอบประชาธิปไตย (ไม่ใช่แค่เป็นนักเลือกตั้งที่มุ่งจะเอาชนะด้วยตัวเลขของผู้เลือกตั้งเท่านั้น) ที่แท้จริง
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-08-2006, 21:01 โดย jerasak »
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
|