ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
27-04-2024, 02:02
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  วาระประชาชน นึกว่าจะมีอะไร ที่แท้ก็ปาหี่ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: 1 [2]
วาระประชาชน นึกว่าจะมีอะไร ที่แท้ก็ปาหี่  (อ่าน 4311 ครั้ง)
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #50 เมื่อ: 09-08-2006, 22:32 »

นายปิยสวัสดิ์กล่าวว่า หากพรรคประชาธิปัตย์ ต้องการลดราคาน้ำมัน ตามที่จะหาเสียงกับประชาชน
ก็ต้องบอกไปตรงๆว่า จะนำเงินจากส่วนใดของ ปตท.มาลดราคา หากตนเป็นผู้เสนอนโยบายก็จะนำ
เงินปันผลในแต่ละปีของ ปตท.ที่จ่ายให้ผู้ถือหุ้น  ซึ่งหมายถึงผู้ถือหุ้นที่เป็นรัฐบาลคือกระทรวงการ
คลังที่ถือหุ้นใหญ่ 68% นักลงทุนประเภทกองทุนต่างๆ และต่างชาติ รวมถึงผู้ถือหุ้นรายใหญ่
และรายย่อยคือประชาชน ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นำไปใช้หนี้ที่เกิดจากการตรึง
ราคาน้ำมัน ที่กองทุนน้ำมันยังรับภาระอีก 54,685 ล้านบาท ซึ่งทำได้ทันทีไม่มีกฎหมายห้ามไว้
เพื่อทำให้หนี้หมดลงใน 3 ปี ก็จะทำให้ราคาน้ำมันเบนซินลดลงได้ 2.50 บาทต่อลิตร
ดีเซลลดลง 95 สตางค์ต่อลิตร เพราะขณะนี้ผู้ใช้น้ำมันต้องจ่ายหนี้ส่วนนี้ในอัตราดังกล่าว

“วิธีการดังกล่าวไม่ใช่วิธีการบริหารแบบควักเงินจากกระเป๋าซ้ายไปใส่กระเป๋าขวา
 แต่เป็นการ บริหารจัดการเงินที่มีอยู่ในมือให้ลงตัว เพราะราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น
ส่วนใหญ่ก็ตกไปเป็นผลประโยชน์ของบริษัทน้ำมันทุกรายในระดับหนึ่งแม้ไม่มากนัก”



ถ้าคิดนำเงินผลกำไร เงินปันผลส่วนที่เป็นของกระทรวงการคลังหรือรัฐบาลไปอุดหนุน
ราคาน้ำมัน ก็ไม่ต่างกับการกระทำของทักษิณเท่าใดนัก
ที่ประชาจะได้รับผลประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ถูกด้วยเงินอุดหนุน
จากภาษีของประชาชนทั้งประเทศ ...

ในขณะที่บริษัท ปตท.จำกัดและผู้ถือหุ้นทั้งกระทรวงการคลัง หน่วยราชการ
และผู้ถือหุ้นใหญ่ที่เป็นเอกชน ได้ผลประโยชน์จากเงินปันผลเต็มที่ฝ่ายเดียว


ผมเข้าใจว่า คุณอภิสิทธิ์จะให้พิจารณาผลกำไรที่เหมาะสม
และต้นทุนค่าใช้จ่ายของการบริหารจัดการและค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อวัสดุ
อุปกรณ์ในการบริหารจัดการ
เพื่อบริษัทน้ำมันทั้งหมดจะขายราคาน้ำมันตามความจริง

โดยไม่ต้องอุดหนุน และไม่ให้บริษัทน้ำมันกำไรเกินควร
หรือใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ไม่โปร่งใส มีค่านายหน้า ค่าเปอร์เซ็น เป็นต้น....


รัฐบาลสุจริต ซื่อสัตย์สามารถทำให้ราคาน้ำมัน และสาธารณูปโภคลดลงในระดับได้.....


บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
nuxvomica
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 101


« ตอบ #51 เมื่อ: 11-08-2006, 00:46 »


ขอบคุณอาจารย์ปุมากครับที่ให้ความกระจ่างเกี่ยวกับเรื่องราคาน้ำมัน  ความคล้ายแต่ผมคิดว่าน่าจะ่แตกต่างระหว่างนโยบายประชานิยมของทักษิณกับวาระประชาชนของประชาธิปัตย์  คงต้องให้โอกาสในการพิสูจน์  แต่ killer ยังไม่ได้ตอบผมเลยว่าทักษิโณมิกส์ดีกว่าวาระประชาชนตรงไหน

บันทึกการเข้า
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #52 เมื่อ: 29-11-2007, 19:42 »

วาระประชาชน
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

"วาระประชาชน" หรือภาษาอังกฤษว่า "People Agenda" คือชื่อนโยบายบริหารประเทศ ที่ พรรคประชาธิปัตย์ ใช้ในการรณรงค์เลือกตั้ง 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550 มีการนำเสนอต่อสาธารณะเป็นครั้งแรกในเดือนเมษายน พ.ศ. 2549 โดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และมีการนำเสนอ เป็นนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์อย่างต่อเนื่อง โดยมีการเพิ่มเติมเนื้อหารายละเอียดมากขึ้นเรื่อยๆ ในชื่อนโยบายเดิม นโยบายวาระประชาชน มีโครงการ ที่ได้ัรับการเน้นย้ำบ่อยจนเป็นที่จดจำได้คือการ "เรียนฟรี"

มีผู้เปรียบเทียบ นโยบายวาระประชาชน ของประชาธิปัตย์ว่ามีความคล้ายคลึงกับ นโยบายประชานิยม ของพรรคไทยรักไทย ที่เคยถูกพรรคประชาธิปัตย์ วิจารณ์ว่าเป็นนโยบายบริหารประเทศที่ไม่ถูกต้อง ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ปฏิเสธว่านโยบายของตนไม่เหมือนกับ นโยบายประชานิยมของพรรคไทยรักไทย แต่เป็นการนำเสนอสิทธิพื้นฐานที่ได้รับการรับรองในรัฐธรรมนูญ

ความจริงแล้วคำว่า "ประชานิยม" เป็นคำกล่าวที่เกิดขึ้นในภายหลังโดยฝ่ายต่อต้านรัฐบาลพรรคไทยรักไทย และไม่ใช่ชื่อนโยบายบริหารประเทศของ พรรคไทยรักไทย ที่ความจริงใช้ชื่อว่า "ทักษิโณมิกส์" มีที่มาจากชื่อหัวหน้าพรรคไทยรักไทยคือ พ.ต.ท.ทักษิณ รวมกับคำว่า Economic ที่แปลว่าเศรษฐกิจ หมายความว่า นโยบายเศรษฐกิจแบบทักษิณ หรือของทักษิณ ในขณะที่ "วาระประชาชน" เป็นชื่อนโยบายที่ พรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้ตั้งชื่อโดยให้เหตุผลว่า นโยบายดังกล่าวมีที่มาจากการจัดประชุมสัมมนาระดมความคิดจากประชาชน ไม่ได้เป็นนโยบายที่ทางพรรคคิดขึ้นเอง จึงให้ชื่อนโยบายนี้ว่า "วาระประชาชน"

นโยบายวาระประชาชนมีการนำเสนอในรูปแบบโครงการภาครัฐ ซึ่งไม่ใช่การนำเสนอทฤษฎีทางเศรษฐกิจอย่าง "ทักษิโณมิกส์" ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า ขัดแย้งกับแนวพระราชดำริ "เศรษฐกิจพอเพียง" ขณะที่การเสนอโครงการในนโยบายวาระประชาชน มีการระบุว่าจะดำเนินการตาม แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ตัวอย่างเช่นการจัดตั้ง "กองทุนเศรษฐกิจพอเพียง" อย่างไรก็ตามการกำหนดให้รัฐบาลต้องดำเนินนโยบายตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงเพิ่งจะมีการบัญญัติไว้ใน รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ซึ่งจัดทำขึ้นภายหลังการเป็นรัฐบาลของพรรคไทยรักไทย

พรรคประชาธิปัตย์นำเสนอวาระประชาชน ซึ่งประกอบไปด้วยนโยบาย 4 หัวข้อใหญ่ คือ 1.) การพัฒนาคน[1] 2.) กอบกู้เศรษฐกิจ[2] 3.) ใต้สันติ[3] และ 4.) ฟื้นฟูประชาธิปไตย[4] และมีคำขวัญของนโยบายคือ "ประชาชนต้องมาก่อน"


วาระประชาชน : การพัฒนาคน

การพัฒนาคน : คือ วาระประชาชนที่มีเป้าหมายสร้างระบบ เรียนฟรี เรียนดี มีงานทำ มีหลักประกันมั่นคงสำหรับทุกคน มีการเสนอโครงการต่างๆ เช่น

* เสนอโครงการให้เด็กไทยทุกคนได้เรียนฟรีอย่างมีคุณภาพ ตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยมีการประเมินงบประมาณที่ต้องใช้ไว้ดังตาราง

ระดับการศึกษา      งบประมาณที่ใช้
อนุบาล                 2,004.35 ล้านบาท
ประถมศึกษา    11,663.99 ล้านบาท
มัธยมต้น       10,604.02 ล้านบาท
มัธยมปลาย      1,594.34 ล้านบาท
อาชีวะศึกษา      1,710.81 ล้านบาท
รวมทั้งสิ้น        28,954.29 ล้านบาท

* เสนอโครงการรักษาพยาบาลฟรี คล้ายกับโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ของ พรรคไทยรักไทย แต่ไม่เก็บค่าใช้จ่ายใดๆ จากผู้ป่วย ซึ่งเหมือนกับนโยบายของรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ แต่เพิ่มงบประมาณเป็น 2,100 บาทต่อคน และให้ใช้บริการได้ที่คลินิกใกล้บ้าน
* เสนอให้มีการตั้ง ศูนย์ดูแลเด็กเล็ก ใกล้บ้านและที่ทำงาน โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณ 15,520 ล้านบาท
* เสนอให้ผู้มีอายุ 60 ปี ขึ้นไปที่ไม่มีหลักประกันอื่น ได้รับเบี้ยยังชีพเดือนละ 500 บาท ซึ่งคาดว่าต้องใช้งบประมาณปีละ 35,000 ล้านบาท


วาระประชาชน : กอบกู้เศรษฐกิจ

กอบกู้เศรษฐกิจ : คือ วาระประชาชนที่มีเป้าหมาย ฟื้นฟูเศรษฐกิจชนบท ลดค่าครองชีพ และส่งเสริมให้เศรษฐกิจเติบโตแข็งแกร่ง มีการเสนอโครงการต่างๆ เช่น

* ตั้งเป้าหมายขยายระบบชลประทานทั่วประเทศอีกเท่าตัว ด้วยงบประมาณลงทุน 300,000 ล้านบาท โดยจัดสร้างระบบชลประทานที่หลากหลาย เช่น อ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็ก สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า ระบบกระจายน้ำด้วยคลองเปิดและท่อผันน้ำด้วยแรงดันน้ำ ขุดลอกแหล่งน้ำธรรมชาติ เพื่อเพิ่มปริมาณการกักเก็บน้ำ สร้างฝายน้ำล้นเพื่อชะลอการไหลของน้ำ
* เสนอโครงการประกันภัยพืชผล ใน 5 พืชหลักคือ ข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพด อ้อย ยางพารา โดยรัฐจะออกเบี้ยประกันให้ปีละ 6,000 ล้านบาท
* เสนอโครงการประกันราคาพืชผล ที่ใช้ผลิตพลังงานทดแทน เช่น ปาล์มน้ำมัน ที่ใช้ผลิต ไบโอดีเซล
* เสนอตั้ง กองทุนเศรษฐกิจพอเพียง ระดับตำบลเพื่อสร้างงานสร้างรายได้ในชนบท ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตั้งทุนประเดิม 10,000 ล้านบาท
* เสนอการลดภาระการอุปโภคบริโภค
          o ยกเลิกการจัดเก็บเงินส่งกองทุนน้ำมันเฉพาะน้ำมันดีเซลและแก๊สโซฮอลล์ทันที
          o ผู้ใช้ไฟน้อย (ไม่เกิน 150 หน่วย/เดือน) ได้ส่วนลดเพิ่มขึ้น 3 เท่า โดยฟรีค่าไฟฟ้า 15 หน่วยแรก และงดเก็บค่าบริการ
          o ตรึงราคาก๊าซหุงต้ม
* ตั้งเป้าหมายลดต้นทุนการขนส่งลง 25-30% โดยเสนอโครงการ ระบบขนส่งมวลชน และระบบรถไฟรางคู่
          o ระบบขนส่งมวลชนในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล งบประมาณลงทุน 250,000 ล้านบาท
          o ระบบรถไฟรางคู่ เชื่อมโยงระหว่างจังหวัด และเชื่อมต่อระหว่างประเทศ งบประมาณลงทุน 200,000 ล้านบาท
* สร้างท่าเรือน้ำลึกฝั่งอันดามัน เพื่อเชื่อมโยงระบบเศรษฐกิจในภูมิภาคกับเศรษฐกิจโลกโดยผ่านศูนย์กลางคือประเทศไทย


วาระประชาชน : ใต้สันติ

ใต้สันติ : คือ วาระประชาชนที่มีเป้าหมายแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยคืนความยุติธรรมให้ประชาชน สร้างกลไกการทำงานภาครัฐที่เป็นเอกภาพ พัฒนาเศรษฐกิจด้วยจุดแข็งของพื้นที่ พัฒนาการศึกษาเพื่ออนาคตที่มีงานทำพึ่งตนเองได้ มีการเสนอโครงการต่างๆ เช่น

* เสนอให้มีการออกกฎหมายจัดตั้ง "องค์กรแก้ปัญหาในสามจังหวัดภาคใต้"
* เสนอให้มีการดำเนินการกับผู้กระทำผิดตามกฎหมายในทุกกรณี เพื่อสร้างความชอบธรรมของการปกครองให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชน และนำไปสู่ความไว้วางใจ และความร่วมมือของประชาชน ในการแก้ไขปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ให้สำเร็จอย่างถาวร
* เสนอให้มีการจัดระบบและปรับกลไกการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐในพื้นที่ระหว่างพลเรือน ทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ของรัฐต่างๆ เพื่อให้เกิดเอกภาพของการบริหาร ตั้งแต่ระดับนโยบายจนถึงระดับปฏิบัติการ อันจะนำไปสู่สัมฤทธิผลของการแก้ไขปัญหาจริง
* เสนอโครงการอาหาร "ฮาลาล" เพื่อการส่งออกอาหารจากภาคใต้ไปยัง กลุ่มประเทศตะวันออกกกลาง และประเทศมุสลิมทั่วโลก ซึ่งจะทำให้เกิดอุตสาหกรรมต่อเนื่องในพื้นที่
* เสนอจัดการศึกษาที่มีคุณภาพ และสอดคล้องกับหลักศาสนา เพื่อให้เยาวชนมีความรู้และคุณธรรม เพื่อให้สามารถมีงานทำพึ่งตนเองได้ ตลอดจนส่งเสริม ให้จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นศูนย์กลาง "มุสลิมศึกษา" ของภูมิภาค


วาระประชาชน : ฟื้นฟูประชาธิปไตย

ฟื้นฟูประชาธิปไตย : คือ วาระประชาชนที่มีเป้าหมายปฏิรูปการเมือง โดยปฏิรูปจริยธรรมนักการเมือง เพิ่มการตรวจสอบถ่วงดุลที่เป็นอิสระ และมีคุณภาพ เน้นการบริหารจัดการบนหลักนิติธรรม และหลักธรรมาภิบาล สร้างความเข้มแข็งการเมืองภาคประชาชน ปฏิรูปสื่อมวลชนโดยออกกฎหมายประกันเสรีภาพสื่อ เพิ่มการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่น ในส่วนนี้ได้มีการเสนอโครงการต่างๆ เช่น

* เสนอนโยบายเปิดเผยผลประโยชน์ทางธุรกิจของ สส. และครอบครัว
* สนับสนุนให้ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ มีบทบาทการตรวจสอบ และถ่วงดุลฝ่ายบริหารอย่างมี ประสิทธิภาพตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
* ส่งเสริมให้องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ภาคประชาชนและสื่อมวลชน มีความเป็นอิสระและมีคุณภาพ เพื่อการตรวจสอบการบริหารงานของรัฐบาล
* สร้างโอกาสความเป็นเจ้าของสื่อ และสื่อเพื่อประโยชน์สาธารณะให้เกิดขึ้นจริง เพื่อประกันความหลากหลาย และการแข่งขันอย่างเสรีของสื่อต่างๆ
* ส่งเสริมองค์กรอิสระด้านสิ่งแวดล้อม ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ส่งเสริมการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร และการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน
* เสนอนโยบาย โอนงบประมาณให้ท้องถิ่นไม่น้อยกว่า 35%


แผนปฏิบัติการเร่งด่วน 99 วันทำได้จริง

ต่อมาในวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 พรรคประชาธิปัตย์ ได้ประกาศ "แผนปฏิบัติการเร่งด่วน 99 วันทำได้จริง" [5] ณ ท่าพระจันทร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ วาระประชาชน ที่ พรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่าสามารถดำเนินการได้ทันทีที่เป็นรัฐบาล คือ

* "นักเรียนทุกคนต้องได้เรียนฟรี" อุปกรณ์การเรียน ตำราเรียน เครื่องแบบฟรี โรงเรียนต้องไม่มีการเก็บค่าใช้จ่ายแอบแฝง เริ่มทันที พฤษภาคม 2551
* จัดตั้ง "กองทุนเศรษฐกิจพอเพียง" เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจชนบท มีเงินทุนประเดิมตำบลละ 1-2 ล้านบาท
* จัดตั้ง "องค์กรแก้ปัญหาในสามจังหวัดภาคใต้" โดยมีกฎหมายรองรับ ที่จะทำให้การผลักดันวาระประชาชนว่าด้วย "ใต้สันติ" เกิดขึ้นได้จริง
* "ลดภาระค่าไฟฟ้า" เพิ่มสิทธิการใช้ไฟฟ้าฟรีจาก 5 หน่วยแรก เป็น 15 หน่วยแรก สำหรับผู้ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 150 หน่วยต่อเดือนทั่วประเทศ
* "ลดภาระค่าน้ำมัน" ทำให้ราคาน้ำมันลดลง โดยยกเลิกการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน จากน้ำมันดีเซลทุกประเภทและน้ำมันแก๊สโซฮอลล์
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #53 เมื่อ: 30-11-2007, 06:25 »

ไปเจอภาพประกอบเลยเอามาลงไว้ด้วย เพิ่งเห็นว่ามีมุกเซ็นต์ชื่อลงเอกสารแผ่นใหญ่ๆ 



บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
truly
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 253


« ตอบ #54 เมื่อ: 30-11-2007, 08:38 »

อย่าไปเถียงกะมันเล้ย
อะไรที่เราว่าเหม็น มันก็ว่าหอม
คงพูดกันรู้เรื่องหรอก..
 

ใกล้เลือกตั้งนี่ ทำงานหัวขวิด ปั่นกระทู้กันใหญ่เลยนะ Killer กะ กองเชียร์ชมพู่เน่า...
บันทึกการเข้า
\(^_^)/
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 617



« ตอบ #55 เมื่อ: 02-12-2007, 05:02 »

อย่าไปเถียงกะมันเล้ย
อะไรที่เราว่าเหม็น มันก็ว่าหอม
คงพูดกันรู้เรื่องหรอก..
 

ใกล้เลือกตั้งนี่ ทำงานหัวขวิด ปั่นกระทู้กันใหญ่เลยนะ Killer กะ กองเชียร์ชมพู่เน่า...




นั่นดิ ต้องรวม ไอ้เภก กับ นังโรซี่ เข้าไปด้วย
ขืนปั่นกระทู้ไม่ทันใจเจ้านายเดี๋ยว "ซวย" พา "ตกงานเป็นแถว
               
บันทึกการเข้า

 
หน้า: 1 [2]
    กระโดดไป: