หัวข้อเป็นหัวข้อที่ดี ความเป็นระเบียบเรียบร้อยเป็นเรื่องดี แต่มากไปก็ทำให้อึดอัด
เพื่อนชาวญี่ปุ่นบอกผมเองว่าอยู่ญี่ปุ่น "ต้อง" ทำตัวเรียบร้อย คำว่า "ต้อง" น่าจะแสดงให้เห็นว่าคนญี่ปุ่นบางคนก็ไม่ได้เรียบร้อยโดยนิสัยดั้งเดิม
แต่ว่าเป็นการเรียบร้อยโดยแรงกดดันจากรอบข้าง เรียบร้อยเพราะว่าสังคมบอกว่าต้องเรียบร้อย
ผมก็รู้จักคนญี่ปุ่นหลายคน แต่ก็เป็นคนธรรมดา ออกจะเหมือนคนไทย ไม่เห็นมีใครทำตัวเรียบร้อยมีแบบแผนสักคน
จะเป็นอาการเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามหรือไม่ก็ไม่ทราบ แต่เท่าที่เจอคือเป็นเช่นนั้น
ถ้ามาดูที่สังคมไทยจริงๆ คนไทยจะเป็นพวกที่ว่ายอมได้ก็ยอมไปเถอะ แต่ว่าขอบเขตการยอมนั้นบางทีก็กว้างเกินไป
ทำให้คนบางคนสามารถทำอะไรที่ไม่มีระเบียบจนเดือดร้อนผู้อื่นได้ ดังนั้นหากจะเริ่มก็ต้องเริ่มที่ตัวเราก่อน
คือตัวเราเองก็ต้องอยู่ในกฎระเบียบ และหากเห็นผู้ที่ไม่อยู่ในกฎระเบียบ จะต้องไม่ปล่อยไปเฉยๆ
อันนี้ก็จะทำให้คนรอบข้างเราค่อยๆ รู้สึกขึ้นมาบ้างว่าน่าจะทำตัวแบบนี้ (หรืออาจจะรู้สึกตรงข้ามก็ได้ถ้าคุณล้ำเส้นมากไป ?)
ในแง่ของภาครัฐ ก็น่าจะมีมาตรการออกมาเป็นอย่างๆ ไป และจะต้องแสดงให้เห็นความคืบหน้าด้วย
ให้เห็นจริงว่าถ้ามีระเบียบในเรื่องนั้นๆ แล้วได้ผลดีอย่างไรบ้าง เช่นถ้าเป็นการแยกขยะ ก็แสดงการรีไซเคิลที่เพิ่มขึ้น
การเผาขยะน้อยลง มลพิษน้อยลง และแน่นอนว่าภาครัฐจะต้องแสดงให้เห็นถึงการทำงานที่เพิ่มขึ้นด้วย
จะทำให้ประชาชนรู้สึกดี เป็นการส่งเสริมซึ่งกันและกันระหว่างรัฐและประชาชน ไม่ใช่ประชาชนออกแรง ทำตัวอยู่ในกฎระเบียบฝ่ายเดียว
แต่ภาครัฐไม่ทำงาน ไม่ฉกฉวยโอกาสเพื่อสร้างประโยชน์ต่อยอดจากความเป็นระเบียบนั้นๆ แบบนี้มันก็ลำบาก
อุตส่าห์ทำตัวในกฎระเบียบมันก็อยากเห็นอะไรตอบแทนกันบ้าง
ความจริงผมคิดว่าหัวข้อนี้เป็นหัวข้อที่ใหญ่เกินไป เหมาะสำหรับเอาไว้โต้วาทีท่าจะสนุกกว่า
เพราะจากประวัติศาสตร์ของโลกที่ผ่านมาผมยังไม่เคยเห็นบุคคลคนใดสามารถเปลี่ยนสังคม "โดยเจตนา" และ "โดยสันติ" ได้เลยสักคน
เอาเป็นว่าเราอยากมีกฎระเบียบในเรื่องไหน เราก็รณรงค์กันไปเป็นเรื่องๆ คงจะดีกว่านะครับ