แกะรอยภารกิจลับ"ทักษิณ"บินด่วนถกผู้นำพม่า

แนวหน้า 3/08/2549

จู่ๆ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ก็มีภารกิจเร่งด่วนลับสุดยอดเร่งเดินทางไปยังสนามบินทหาร บน.6 เพื่อขึ้นเครื่องบินเที่ยวบินพิเศษของกองทัพอากาศ บินด่วนไปพบหารือกับผู้นำพม่าที่เมืองหลวงแห่งใหม่ เมืองมินมะนา
คณะที่ร่วมเดินทางไปกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ครั้งนี้เท่าที่เปิดเผยมี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก ดร.กันธีร์ ศุภมงคล รักษาการ รมว.ต่างประเทศ และคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รักษาการ รมว.เกษตรและสหกรณ์ แต่ที่สาธารณชนและคอการเมืองสนใจและเฝ้าจับตาเขม็งก็คือ อะไรคือวาระลับสุดยอดที่ผู้นำไทยและพม่าถึงกับต้องมีการหารือกันอย่างเร่งด่วนกะทันหันขนาดนี้
การเดินทางไปหารือลับกับผู้นำต่างชาติของ พ.ต.ท.ทักษิณ หลายครั้งที่ผ่านมา เคยตกเป็นข่าวอื้อฉาวว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อนกับธุรกิจในเครือชินวัตร
สำหรับการบินด่วนไปพม่าของผู้นำไทยทั้งๆ ที่ชาติอาเซียนเพิ่งจะมีมติบอยคอตต์พม่าที่ไม่ยอมพัฒนาประชาธิปไตยโดยเฉพาะการปล่อยตัวนางออง ซาน ซู จี ผู้นำหญิงเหล็กฝ่ายค้านของพม่าจึงเป็นความเคลื่อนไหวที่ถูกจับตาว่ามีอะไรซ่อนอยู่เบื้องหลัง
ขณะที่ข่าวบางกระแสตั้งข้อสังเกตุว่าการเดินทางไปพบผู้นำพม่าครั้งนี้ เป็นไปได้ที่ข้อหารือเรื่องหนึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ อาจจจะไปทวงหนี้จำนวน 4,000 ล้านบาท ที่รัฐบาลพม่ากู้จากธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออก หรือ เอ็กซิมแบงก์ ซึ่งจนบัดนี้ก็ยังไม่ได้จ่ายคืน
กรณีเงินกู้ 4,000 ล้านบาทที่รัฐบาลพม่ากู้จาก เอ็กซิมแบงก์ เคยตกเป็นข่าวอื้อฉาวเกรียวกราว
ในยุครัฐบาลทักษิณ 1 โดยเรื่องมีอยู่ว่ารัฐบาลไทยไปทำข้อตกลงลับกับรัฐบาลพม่า โดยรัฐบาลพม่าขอกู้เงิน 4,000 ล้านบาท เพื่อนำไปพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคม
แต่ประเด็นของเรื่องอยู่ที่ว่าเงินกู้เพื่อนำไปพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมโดยเฉพาะโทรศัพท์พื้นฐานดังกล่าวของพม่าถูกกำหนดสเปกให้เป็นระบบดาวเทียมบรอดแบรนด์ซึ่งมีบริษัทเดียวในโลกนี้เท่านั้นที่ทำได้คือ บริษัท ชิน แซทเทลไลท์ ในเครือชินวัตร
ขณะเดียวกัน เพื่อเป็นการเอาใจรัฐบาลพม่า รัฐบาลไทยโดยกระทรวงการคลัง ออกหน้าเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้จำนวน 4,000 ล้านบาทนี้ให้กับรัฐบาลพม่า นั่นหมายความว่า หากพม่าชักดาบเบี้ยวหนี้ กระทรวงการคลังต้องเป็นผู้รับผิดชอบหนี้จำนวนนี้แทน เพราะฉะนั้น สรุปแล้วหากพม่าชักดาบก็เท่ากับว่าผู้ที่รับกรรมก็คือประชาชนคนไทยตาดำทั้งประเทศนี่เอง เพราะเงินใช้หนี้แทนรัฐบาลพม่าทั้งหมดก็คือเงินภาษีของประชาชน
จากวันที่รัฐบาลพม่ากู้เงิน 4,000 ล้านบาท จากเอ็กซิมแบงก์ โดยมีกระทรวงการคลัง ค้ำประกันจนบัดนี้ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ยังไม่มีท่าทีว่ารัฐบาลพม่าจะจ่ายเงินคืน ขณะที่กระทรวงการคลังและผู้รับผิดชอบทั้งหลายก็เริ่มร้อนตัวกันเป็นทิวแถว เพราะหากถูกขุดคุ้ยจับได้มีหวังติดคุกกันหัวโตสลอน
กรณีอื้อฉาวนี้ คณะกรรมาธิการการต่างประเทศของวุฒิสภา เคยเชิญนายสถาพร ชินะจิตร กรรมการผู้จัดการเอ็กซิมแบงก์ ไปซักถามเพื่อหาความจริง ซึ่งนายสถาพร ยอมรับว่า การปล่อยกู้ครั้งนี้จำต้องทำตามนโยบายของรัฐบาล ทั้งนี้ เอ็กซิมแบงก์ ไม่เดือดร้อนอะไรเพราะรัฐบาลโดยกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันหนี้แทนอยู่แล้ว
นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ รักษาการสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) ประธานคณะกรรมาธิการต่างประเทศ วุฒิสภา ตั้งข้อสังเกตว่า การเดินทางไปหารือลับกับผู้นำพม่าอย่างเร่งด่วนของผู้นำไทยครั้งนี้น่าสงสัยและเชื่อว่าต้องมีเบื้องหน้าเบื้องหลังแอบแฝงแน่นอน เพราะขณะที่สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้กำลังตึงเครียดจากการก่อการร้ายรอบใหม่ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับเร่งรีบไปพบผู้นำพม่าแทนที่จะไปตรวจสถานการณ์ในภาคใต้
ดังนั้น ทุกฝ่ายจึงต้องช่วยกันขุดคุ้ยหาเบื้องหลังมาตีแผ่ว่าพ.ต.ท.ทักษิณเดินทางไปพม่าครั้งนี้ด้วยเรื่องส่วนรวมหรือเรื่องส่วนตัว เพราะมีข่าวเช่นกันว่าเป็นการเดินทางไปพบซินแสพม่าที่เคารพนับถือเพื่อแก้เคล็ดเสริมดวงหวังยืดอายุต่ออำนาจให้ตัวเอง