14:58 น. ศาลอาญา ตัดสินให้รอการลงโทษ 1 ปี นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย ละเมิดศาล ที่ซื้อข้าวผัด และถุงกาแฟ มาที่ศาลในวันตัดสิน กกต. โดยศาลเห็นว่า หลังเกิดเหตุแล้วนายชูวิทย์ ได้สำนึกผิดและขอโอกาสในการปรับปรุงตัวเอง เมื่อคำนึงถึงสภาพความผิดแล้ว จึงสมควรรอการลงโทษนายชูวิทย์ เพื่อให้โอกาสกลับตัว
เนชั่นทันข่าว
http://203.154.97.19/citizen_report/breaking/read.php?newsid=207291&lang=Tศาลปราณีชูวิทย์รอลงโทษ1ปี เสถียรคุก3ด.-อีก3คนคุก1ด. ศาลปราณี"ชูวิทย์"รอลงโทษ 1 ปี คุก "ฐิติรัตน์-เรณู-มะลิ" คนละ 1 เดือน ระบุพฤติการณ์เป็นภัยร้ายแรงต่อ กระบวนการยุติธรรม คุก "เสถียร" 3 เดือน ถือโทรโข่งกระตุ้นผู้ร่วมชุมนุมเกิดอารมณ์ร่วมคล้อยตามจนวุ่นวายบริเวณศาล
(3ส.ค.) ศาลมีคำสั่งคดีละเมิดอำนาจศาลที่กลุ่มบุคคลสนับสนุนและคัดค้านฝ่าย กกต. เป็นผู้ถูกกล่าวหา โดยศาลมีคำสั่งให้รอการลงโทษ 1 ปี สำหรับนางลาวัลย์ สุทธิชัยศิริ , นางวลัยพร พรรณบุบผา อายุ 50 ปี แม่บ้าน , นางธรรมรส สุนทรพล อายุ 49 ปี อาชีพค้าขาย , นายยุทธนา ฉายสินสอน อายุ 34 ปี อาชีพค้าขาย , นางวัณณา ไหมสีทอง อายุ 62 ปี อาชีพแม่บ้าน และนางธนนันท์ ประถมเสาร์ อายุ 45 ปี อาชีพค้าขาย
โดยศาลพิเคราะห์ แล้วเห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 6 คน สำนึกผิดเข้ามอบตัว ยอมรับผิดในการกระทำของตนเอง และไม่ปรากฏว่า เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงสมควรให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดี โดยกำหนดเงื่อนไขห้ามกระทำการหรือเข้าเกี่ยวข้องกับกิจกรรมใดๆ ที่จะก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมืองภายในกำหนดเวลาที่ศาลรอการลงโทษไว้เป็นเวลา 1 ปี
ส่วนนายสมชาย รัดทวย อายุ 34 ปี อาชีพเจ้าหน้าที่ธุรการ มหาวิทยาลัยเซนต์จอห์น ,พ.จ.อ.เสริมศักดิ์ เอกวัฒน์ อายุ 64 ปี ทหารนอกราชการ และนายสมยศ ควงพัตรา อายุ 56 ปี อาชีพวิศกรอิสระ ศาลมีคำสั่งให้จำคุกคนละ 1 เดือน และปรับคนละ 500 บาท แต่ศาลเห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหาสำนึกผิดเข้ามอบตัว ยอมรับผิดในการกระทำของตนเอง และไม่ปรากฏว่าเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงสมควรให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดี จึงให้รอการลงโทษจำคุกไว้คนละ 1 ปี โดยกำหนดเงื่อนไข ห้ามกระทำการหรือเข้าเกี่ยวข้องกับกิจกรรมใดๆ ที่จะก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมืองภายในกำหนดเวลาที่ศาลรอการลงโทษไว้เป็นเวลา 1 ปี
สำหรับน.ส.ฐิติรัตน์ สุรัตนกุลชัย อายุ 51 ปี แม่บ้าน ,นางเรณู จิตร์ประสาร อายุ 53 ปี อาชีพแม่บ้าน และนางมะลิ เนตรขำ อายุ 40 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป ศาลมีคำสั่งให้จำคุกคนละ 1 เดือน แต่พฤติการณ์ของผู้ถูกกล่าวหามีลักษณะเป็นการก้าวร้าว และดูหมิ่นศาล ด้วยถ้อยคำหยาบคายอย่างรุนแรงในบริเวณศาล ศาลเห็นว่า พฤติการณ์เช่นนี้ไม่ว่าจะกระทำด้วยความคิดของตนเอง หรือมีบุคคลอื่นบงการอยู่เบื้องหลัง ก็ถือว่าเป็นภัยร้ายแรงต่อกระบวนการยุติธรรม จึงไม่มีเหตุที่จะรอการลงโทษ ให้จำคุกผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3
ส่วนนางสุชาดา รวมศิลป์ ศาลมีคำสั่งให้จำคุก 1 เดือน และปรับ 500 บาท ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาสำนึกผิดเข้ามอบตัว ยอมรับผิดในการกระทำของตน และไม่ปรากฏว่าเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงสมควรให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดี โดยกำหนดเงื่อนไขห้ามกระทำการหรือเข้าเกี่ยวข้องกับกิจกรรมใดๆ ที่จะก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมืองภายในกำหนดเวลาที่ศาลรอการลงโทษไว้เป็นเวลา 1 ปี
สำหรับนายเสถียร วิพรมหาศิริ เลขาธิการองค์การภาคประชาชนพิทักษ์ชาติศาสน์กษัตริย์และเป็นอาจารย์ระดับผู้ช่วยศาสตราจารย์ ในมหาวิทยาลัยมหามงกุฎราชวิทยาลัย ศาลมีคำสั่งให้จำคุกเป็นเวลา 3 เดือน โดยไม่รอลงอาญา เนื่องจากเห็นว่าพฤติการณ์ของนายเสถียร ซึ่งถือโทรโข่งยืนอยู่หลังป้ายผ้าขนาดใหญ่ ในกลุ่มผู้ร่วมชุมนุมหลายคน ซึ่งนายเสถียร ได้แสดงพฤติการณ์กล่าวถ้อยคำด้วยน้ำเสียงสูงต่ำ เป็นวรรคเป็นตอน พร้อมกับแสดงท่าทางให้ผู้ร่วมชุมนุมเกิดอารมณ์ร่วมคล้อยตาม จนทำให้เกิดความฮึกเหิมยิ่งขึ้น และเป็นเหตุให้ผู้ร่วมชุมนุมก่อความวุ่นวายขึ้นในบริเวณศาล การกระทำของนายเสถียร จึงเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล
ส่วนนายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย ศาลมีคำสั่งให้รอการลงโทษไว้ มีกำหนด 1 ปี โดยศาลเห็นว่า หลังเกิดเหตุแล้วนายชูวิทย์ ได้สำนึกผิดและขอโอกาสในการปรับปรุงตัวเอง เมื่อคำนึงถึงสภาพความผิดแล้ว จึงสมควรรอการลงโทษนายชูวิทย์ เพื่อให้โอกาสกลับตัว
http://www.komchadluek.net/2006/08/03/a001_34047.php?news_id=34047