ต้องขอออกตัวก่อนว่า ผู้เขียนไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้
๑. ข่าวเรื่องโรคซาร์สเกิดก่อนโรคไช้หวัดนก มีความสัมพันธ์กันหรือไม่
๒. ไข้หวัดนกเริ่มที่ประเทศใดก่อน .. จีน เกาหลีใต้
สองข้อข้างบน ผู้เขียนไม่มีรายละเอียดข้อมูลและขี้เกียจไปค้นหา
เมื่อสืบประวัติของโรคที่เริ่มแพร่เข้ามายังไทย พอจะสรุปได้ดังนี้
๑. ประมาณเดือนตุลาคม ๒๕๔๖ มีไก่ตายจำนวนมากด้วยอาการที่ไม่เคยพบมาก่อน
เริ่มระบาดจาก จ.นครสวรรค์ สุพรรณบุรี ฉะเชิงเทรา
๒. มีการปกปิดข่าวโรคระบาดโดยบริษัทขนาดใหญ่ให้เกษตรกรทำลายไก่โดยไม่แจ้งให้กรมควบคุมโรคทราบ
๓. เกษตรกรยืนยันว่าไม่ใช่โรคห่าไก่หรือนิวคาสเซิล และได้เผยแพร่ข่าวทางเว็บบอร์ด แต่ก็ยังไม่มีมาตรการจากรัฐ
๔. หลังจากนั้นสองเดือน รายการถึงลูกถึงคนได้เชิญสมาคมผู้เลี้ยงสัตว์ปีก ตัวแทนของรัฐจากกรมปศุสัตว์
กรมควบคุมโรค ไปร่วมรายการ .. รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องหลายกระทรวง ต่างก็ยืนยันว่า ไม่ใช่ไข้หวัดนก
โดยมีการกินไก่โชว์ในรายการ พร้อมกับใช้ตำแหน่งเป็นเดิมพัน
๕. รายการถึงลูกถึงคนทำเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นปี ๒๕๔๗ หลังจากรายการถึงลูกถึงคน รัฐบาลไม่มีการสั่งให้
ควบคุมโรคด้วยวิธีที่ถูกต้องตามหลักวิชา หรือแจ้งให้เกษตรกรพักการเลี้ยงสัตว์ปีก
๖. ระหว่างนั้นโรคแพร่กระจายจากสองสามจังหวัด เป็นมากกว่าสิบจังหวัด จนกระจายไปภาคใต้ เลยไปถึงอินโดนีเซีย
๗. ๔ เดือนนับตั้งแต่เริ่มเกิดโรคตั้งแต่ปลายปี ๒๕๔๖ จนโรคแพร่กระจายจนควบคุมไม่อยู่แล้ว
รัฐบาลจึงได้ยอมรับว่า เป็นโรคหว้ดนก H5-N1
๘. รัฐมนตรีเกษตร ยืนยันว่า โรคนี้ไม่ติดต่อไปยังสัตว์อื่น .. ส่วนรัฐมนตรีสาธารณสุข ยืนยันว่า
โรคนี้ไม่ติดต่อไปสู่คน
๙. ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า เชื้อโรคนี้จะตายไปเองเมื่อเข้าหน้าร้อน
๑๐. นายกฯทักษิณบอกให้เอ็กซ์เรย์ทุกตารางนิ้ว
๑๑. รัฐบาลบอกว่า WHO ชมเมืองไทยว่าควบคุมโรคนี้ได้ดี และตั้งเมืองไทยให้เป็นศูนย์กลางไข้หวัดนก
๑๒. ไม่มีการลงโทษรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องที่ปล่อยปละละเลยจนโรคแพร่กระจายไปทั่วประเทศ
๑๓. ข่าวเรื่องการทุจริตเงินชดเชยแก่เกษตรกร เงียบหายไปโดยไม่มีข้อสรุป
๑๔. ข่าวเรื่อง ออกกฏควบคุมโรงเลี้ยงเป็นแบบปิด เงียบหายไปโดยไม่มีข้อสรุป
ฯลฯ
..........................................................................................................................
ข้างล่างนี้เป็นข้อเขียนจากไทยรัฐ ...
ปีที่ 56 ฉบับที่ 17374 วันอังคารที่ 16 สิงหาคม 2548
ฟังดีก็ได้ดี
ญัตติด่วนวิกฤติไข้หวัดนกที่ ส.ส.ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ร่วมกันเปิดอภิปราย ฉุกเฉิน ในสภาฯ ก็ ผ่านไปแล้วด้วยความชีช้ำกะหล่ำปลี
เพราะข้อมูลที่ ส.ส.เปิดเผยออกมา ฟังแล้วมันเศร้าใจ
เศร้าทั้งไก่! เศร้าทั้งคนเลี้ยง! เศร้าทั้ง คนขาย! เศร้าทั้งคนกิน! เศร้าทั้งคนป่วย! เศร้าทั้งคนตาย!
เศร้าทั้งประเทศไทยในภาพรวม
แน่นอน วิกฤติที่เกิดขึ้นไม่มีใครอยากให้เกิด ไม่มีใครอยากให้เป็น รัฐบาลก็พยายามทุ่มเท กำลังที่จะแก้ปัญหาโดยเร็ว
ต้องยอมรับว่าไข้หวัดนกระบาดเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นในประเทศไทย การเข้าควบคุมป้องกัน จึงขาดการวางแผนที่ดี
ฉะนั้น การเปิดเวทีสภาเพื่อสังคายนาปัญหาที่เกิดขึ้น จึงเป็นเรื่องสมควร
แม่ลูกจันทร์ นั่งฟังการอภิปรายตั้งแต่ต้นจนจบ 6 ชั่วโมงเต็มๆ ขอยกย่อง ส.ส.ณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ พรรคชาติไทย สุพรรณบุรี เป็นผู้อภิปรายยอดเยี่ยมกระเทียมโทน
เพราะแกอภิปรายโดยใช้ข้อมูลที่ สัมผัสมาจริงๆ
ความจริงที่ ณัฐวุฒิ เอามาบอกกับ สภาฯ จึงสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน
ส.ส.หนุ่มเมืองสุพรรณฯ ลูกชาย หมอเอื้อ ประเสริฐสุวรรณ ยืนยันว่าโรคไข้หวัดนกเริ่ม ระบาดที่นครสวรรค์ ตั้งแต่ปลายเดือน พฤศจิกายน แล้วแพร่ระบาดมาถึงจังหวัดสุพรรณบุรี ตั้งแต่กลางเดือนธันวาคม
ชาวบ้านยืนยันว่าอาการที่ไก่ตายเป็นเบือ ไม่ใช่โรคห่าแน่นอน!!
แต่ทางราชการนั่นแหละที่ปกปิดข้อมูล ไม่ยอมบอกว่าเป็นโรคระบาดชนิดใด
พอถึงวันที่ 9 มกราคม ส.ส.ณัฐวุฒิ ทำหนังสือด่วนถึงนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีเกษตรฯ รัฐมนตรีพาณิชย์ รัฐมนตรีสาธารณสุข เรียกร้องให้รัฐบาลตรวจสอบเร่งด่วน เพื่อป้องกัน ไม่ให้โรคแพร่ระบาดระเบิดระเบ้อกว้างออกไป
แต่รัฐมนตรีเกษตรฯ รัฐมนตรีพาณิชย์ รัฐมนตรีสาธารณสุข รับหนังสือแล้วเงียบเลย
มีแต่ ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คนเดียวที่มีหนังสือตอบเมื่อวันที่ 16 มกราคม แจ้งว่าได้สั่งกำชับให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องรีบตรวจสอบทันที
ส.ส.ณัฐวุฒิ ระบุว่า การที่หน่วยรับผิด ชอบไม่ตื่นตัว การที่ไม่เปิดเผยข้อมูลโรคไข้หวัดนก โดยเร็ว ทำให้การป้องกันไม่ถูกวิธี
เมื่อป้องกันไม่ถูกวิธีก็เท่ากับปล่อย ให้โรคระบาดบานปลาย ทำให้มีคนติดโรคหวัดนกป่วยตาย เพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์
ส.ส.ณัฐวุฒิ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 11 มกราคม (ก่อนที่รัฐบาลจะยอมรับว่าไข้หวัดนกระบาด 12 วัน) มีบริษัทเอกชนจ่ายเงินให้ชาวบ้านเจ้าของไก่ที่เป็นโรคระบาดตาย
โดยมีเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์นำไปจ่ายให้แทน
น่าสังเกตว่า การจ่ายเงินทำกันแบบกระมิดกระเมี้ยน เหมือนต้องการปิดบัง??
(เรื่องนี้ ท่านสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว. เกษตรฯ ยอมรับว่าเอกชนได้ช่วยจ่ายเงินให้ก่อน จริง เพื่อรีบบรรเทาความเดือดร้อนให้เกษตรกร)
ปัญหามีว่า การให้เอกชนจ่ายเงินชดเชยแทนมันจะถูกระเบียบราชการหรือไม่ ประการใด??
ปัญหาต่อไป ในเมื่อยังไม่รู้ว่าไข้หวัดนกระบาดจริงหรือไม่จริง เอกชนรีบชิงจ่ายเงิน ก่อนทำไม??
(เพราะเวลาไก่เป็นโรคห่าตายก็ไม่เห็น มีเอกชนเคยจ่ายเงินชดเชย)
นี่คือข้อมูลย่อๆที่ ส.ส.ณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล เอามาเปิด กลางสภาฯ
ฟังแล้วหายอึมครึม หรือฟังแล้วยิ่งอึมครึม ก็แล้วแต่หูคนฟัง.
"แม่ลูกจันทร์"
http://72.14.203.104/search?q=cache:_tqKeu-bJPMJ:thairath.co.th/thairath1/2547/column/green/feb/7_2_47.php+%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%93%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%A2%E0%B9%8C+%2B+2547&hl=th&gl=th&ct=clnk&cd=9
