คำโบราณจีนเคยบอกเอาไว้ว่าย้ายภูเขายังง่ายกว่าเปลี่ยนนิสัยคน

แนวหน้า: กวนใจให้สะอาด 1/08/2549

สู้ สู้ หรือ ซู่ ซู่

เมื่อคราวไปบรรยายที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ก็ได้สร้างความรู้สึกให้เกิดขึ้นกับผู้รับฟังคำบรรยายที่นั่น ตลอดจนผู้ได้ยินที่ได้รับมาจากการถ่ายทอดของสื่อมวลชนต่างๆว่า ทหารนั้นเป็นทหารของชาติและของพระมหากษัตริย์ รัฐบาลเป็นเพียงผู้เข้ามาดูแลเท่านั้น เหมือนจ๊อกกี้ที่ขี่ม้า ซึ่งม้าไม่ได้เป็นของจ๊อกกี้ แต่ม้าเป็นของเจ้าของคอก
คราวนั้นก็ฮือฮากันมาแล้วทั้งบ้านเมือง
และเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ก็ได้บรรยายที่โรงเรียนนายเรืออีก เนื้อหาสำคัญของคำบรรยายก็เช่นเดียวกันคือปลุกจิตสำนึกให้ทหารทุกคนไม่ว่าจะสังกัดเหล่าทัพไหนได้ตระหนักว่า ทหารเป็นของชาติและเป็นของพระมหากษัตริย์ แต่สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาในคำบรรยายครั้งนี้ และสร้างความฮือฮามากขึ้นไปอีกก็คือ พล.อ.เปรม บอกว่าอย่ายกมือไหว้คนรวยที่โกงเขามา และผู้นำที่ไม่มีคุณธรรมก็ไม่สมควรที่จะเป็นผู้มาดูแลชาติ
พล.อ.เปรม พูดในหลักการ ไม่ได้เอ่ยถึงชื่อใคร แต่ผู้ได้ยินได้ฟังเรื่องนี้ต่างมีคำตอบในใจตรงกันว่าน่าจะเป็นใคร ที่ร่ำรวยเพราะโกงเขามา และผู้นำที่ไม่มีคุณธรรมนั้นเป็นใคร ที่ไม่สมควรจะเป็นผู้รับผิดชอบในการดูแลบ้านเมือง หรือเป็นผู้บริหารบ้านเมือง
มีคนเดือดร้อนในเรื่องนี้เหมือนกินปูนร้อนท้อง
รองโฆษกพรรคไทยรักไทยออกมาตอบโต้ด้วยคำพูดว่า พลเอกหรือตาสีตาสาก็เหมือนๆกัน คือมีเสียงหนึ่งเสียงเท่ากัน ไม่แตกต่างกัน
พรรคไทยรักไทยมี ทักษิณ เป็นหัวหน้า
และขณะนี้ ทักษิณ กำลังเป็นผู้นำรัฐบาล
ร้อนท้องขึ้นมาเองว่าเป็น ทักษิณ
อาการร้อนท้องของพวกไทยรักไทยดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า แม้แต่พวกของตนเองก็ไม่วายที่จะมองหัวหน้าของตนในลักษณะใด มีอะไรมาสะกิดสะเกาเข้าหน่อยเป็นต้องพรูกันออกมาปกป้อง ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหน ข้างขึ้นหรือข้างแรม
พวกไทยรักไทยใส่ใจอยู่อย่างเดียวในเรื่องการเลือกตั้ง ที่แต่ละคนมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนได้เพียงคนละเสียง แต่ไม่เคยใส่ใจในความดีงามของความเป็นคนหรือความเป็นมนุษย์ที่จะต้องมีสิ่งต่างๆมากกว่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของความเป็นผู้มีคุณธรรม จริยธรรม และศีลธรรม ซึ่งเป็นเครื่องวัดความแตกต่างของความเป็นคนหรือความเป็นมนุษย์
มนุษย์แตกต่างจากสัตว์ก็ตรงเรื่องอย่างนี้
มนุษย์กับมนุษย์ที่แตกต่างกันก็เรื่องอย่างนี้
ความวิกฤติเสียหายของบ้านเมืองทุกวันนี้ก็ผ่านการเลือกตั้งมาแล้วทั้งนั้น ทำไมจึงไม่มีอะไรดีขึ้นตามต้องการ นั่นก็แสดงให้เห็นชัดเจนว่าแท้จริงแล้วคนละหนึ่งเสียงที่มีเท่ากันช่วยอะไรไม่ได้เลย ถ้าเข้ามาแล้วร่ำรวยเพราะโกงบ้านโกงเมืองและบริหารบ้านเมืองโดยคนที่ไม่มีคุณธรรม จริยธรรม และศีลธรรม อยู่ในหัวใจ
คำบรรยายของ พล.อ.เปรม ทั้งที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า และที่โรงเรียนนายเรือดังกล่าว เป็นคำบรรยายที่สะท้อนภาพให้เห็นชัดเจนว่าบ้านเมืองของเราทุกวันนี้กำลังตกอยู่ในสภาพอย่างนั้นจริงๆ
ทหารถูกแบ่งแยกออกเป็นรุ่นจนขาดเอกภาพ
จ๊อกกี้คิดว่าม้าที่ตัวขี่เป็นของตน
ความจงรักภักดีบกพร่องต่ำมาตรฐาน
จากอาชีพตำรวจที่เริ่มต้นหากินกับการเอาเครื่องคอมพิวเตอร์ของบริษัทไอบีเอ็มราคาถูกๆที่ประมูลมาได้มาขายราคาสูงแก่กรมตำรวจ จนต้องลาออกก่อนจะมีการสอบสวนเอาเรื่องจากผู้บังคับบัญชา แล้วไปเป็นนักธุรกิจ
จากอาชีพนักธุรกิจผูกขาดสัมปทานจากรัฐด้านโทรคมนาคม ไม่มีคู่แข่งขันในการค้า ซื้อถูกขายแพงจนร่ำรวยไม่ต้องเที่ยวไปฉายหนังเร่
ผันตัวเองเป็นนักการเมืองจนได้อำนาจทางการเมืองไว้ในมือ แล้วตั้งต้นทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ตนและวงศาคณาญาติตลอดจนพรรคพวกเพื่อนฝูง โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องชอบธรรมใดๆทั้งสิ้น
ทั้งอำนาจเงินและอำนาจรัฐที่มีอยู่ในมือทำให้ฮึกเหิมไม่เกรงอกเกรงใจใคร ไม่ว่าจะเป็นการคิด การพูด และการกระทำ วางแผนครองอำนาจให้ยาวนานที่สุดที่จะนานได้ด้วยการสร้างเครือข่ายแทรกแซงเข้าไปในทุกวงการ ไม่ว่าพลเรือนตำรวจ และทหาร จนเกิดความแตกแยกกันได้ทั่วแม้กระทั่งในหมู่ประชาชนด้วยกันเอง
บ้านเมืองทุกวันนี้จึงปั่นป่วนวุ่นวายไปได้ทั่ว
เหตุเป็นเพราะผู้คนทั้งหลายได้เห็นและมีความเข้าใจกันดีขึ้นว่า ความวิกฤติเสียหายที่เกิดขึ้นทุกวันนี้เกิดขึ้นเพราะใคร จนต้องออกมาขับไล่กันขณะนี้
คงจะเป็นเพราะเหตุอย่างนี้แหละที่ทำให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ต้องออกมาเตือนผ่านคำบรรยายดังกล่าว เตือนแล้วไม่รู้จักคิด ไม่รู้จักว่าควรทำอย่างไรจึงจะดีที่สุดสำหรับตัวเองแล้ว บอกได้อย่างเดียวว่า ซู่ ซู่ ไม่ใช้ สู้ สู้ แน่

อันนี้แสดงให้เห็นเลยว่าคนเรายังไงก็ไม่มีวันเปลี่ยน ก็คงเหมือนคำโบราณจีนเคยบอกเอาไว้ว่าย้ายภูเขายังง่ายกว่าเปลี่ยนนิสัยคน