ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
16-01-2025, 20:06
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  สตง."เตรียมออกคำสั่ง เรียก5บิ๊กสรรพากรสอบ ลูกนายกฯซื้อหุ้นเว้นภาษี 0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
สตง."เตรียมออกคำสั่ง เรียก5บิ๊กสรรพากรสอบ ลูกนายกฯซื้อหุ้นเว้นภาษี  (อ่าน 1054 ครั้ง)
control_J
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 69


« เมื่อ: 31-07-2006, 11:16 »


มติชน 31/07/2549
สตง.เดินหน้าลุยสอบ"อธิบดีสรรพากร" และอีก 4 ขรก.ระดับสูง กรณี"พานทองแท้-พิณทองทา"ซื้อหุ้น"ชินคอร์ป"จากแอมเพิลริช เผยเตรียมออกคำสั่งเรียก คาดยื่นถึงกรมสรรพากรภายในสัปดาห์นี้



แหล่งข่าวจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เปิดเผยเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคมว่า สตง.เตรียมออกคำสั่งเรียกข้าราชการกรมสรรพากรจำนวน 5 ราย ประกอบด้วย นายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์ อธิบดีกรมสรรพากร นางไพฑูรย์ พงษ์เกษร รองอธิบดีกรมสรรพากร นางเบญจา หลุยเจริญ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง น.ส.โมฬีรัตน์ บุญญาศิริ ผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย และนายกริช วิปุลานุสาสน์ นิติกร 9 มาให้ข้อมูลกรณีนายพานทองแท้ ชินวัตร และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร บุตรชาย และบุตรสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซื้อหุ้นของบริษัทชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นอกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจากบริษัท แอมเพิลริช ทั้งนี้การออกคำสั่งเรียกอยู่ในระหว่างขออนุมัติจากผู้ว่าการ สตง.

ก่อนหน้านี้ สตง.ทำหนังสือเชิญไปยังข้าราชการกรมสรรพากรทั้ง 5 รายดังกล่าว เพื่อมาให้ข้อมูลการซื้อหุ้นของนายพานทองแท้ และน.ส.พิณทองทา ต่อมากรมสรรพากรได้ทำหนังสือที่ กค 0706/6159 แจ้งว่าพร้อมจะให้ความร่วมมือ แต่ขอให้สตง.ระบุขอบเขต สาระสำคัญ และประเด็นของข้อมูลที่ต้องการทราบรายละเอียด เพื่อขอสำเนาเอกสารที่เกี่ยวข้องพร้อมรับรองสำเนาถูกต้องจากกรมสรรพากรประกอบการพิจารณาตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่ที่กำหนดไว้ในมาตรา 42 แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ.2542

แหล่งข่าวกล่าวว่า เมื่อกรมสรรพากรต้องการให้ สตง.ระบุขอบเขตครอบคลุมเรื่องราวที่ขอให้มาตอบข้อซักถามทั้งหมด ทั้งที่หนังสือเชิญข้าราชการทั้ง 5 แต่เดิมชี้แจงไปแล้ว จากนี้ สตง.จึงอยู่ระหว่างร่างหนังสืออีกครั้ง แต่จะเป็นไปในลักษณะออกคำสั่งเรียกข้าราชการกรมสรรพากรทั้ง 5 คนแทน โดยเป็นการออกคำสั่งเรียก อาศัยอำนาจหน้าที่ตามมาตรา 42 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ.2542 จากนั้นจะขออนุมัติจากผู้ว่าการ สตง.ต่อไป คาดว่าภายในสัปดาห์นี้จะส่งหนังสือถึงกรมสรรพากรได้

"การออกคำสั่งเรียกสอบถามข้อมูลครั้งนี้ ไม่ได้เกิดจากการซ้ำเติม หรือเช็คบิลผู้ที่เกี่ยวข้องกับการให้ความช่วยเหลือครอบครัวชินวัตร กรณีการซื้อขายหุ้นชินคอร์ป แต่ถือเป็นหน้าที่หลักของ สตง.เมื่อสังคมยังตั้งคำถามกับภาระภาษีจากการซื้อขายหุ้นดังกล่าว และหลายคนยังแคลงใจ สตง.ในฐานะพนักงานซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบรายรับ รายจ่ายของแผ่นดิน จึงต้องหาข้อเท็จจริง ตรวจสอบเพื่อให้เกิดความป้องปราม และรักษาประโยชน์ของส่วนราชการ หากพบความผิดปกติต้องทำให้เกิดมาตรฐานที่ถูกต้องต่อไป" แหล่งข่าวระบุ

ทั้งนี้ การเรียกข้าราชการมาสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรายรับและรายจ่ายงบประมาณเป็นไปตามอำนาจของสตง.สามารถทำได้ และหากผู้ถูกเรียกปฏิเสธไม่ปฏิบัติตามจะมีความผิดตามมาตรา 64 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ.2542 มีโทษจำคุก 6 เดือน และปรับ 1 หมื่นบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสาเหตุที่ สตง.เข้ามาตรวจสอบเรื่องดังกล่าวเพราะได้รับแจ้งผลการพิจารณาสอบสวนและศึกษาจากคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาสอบสวนและศึกษาเรื่องเกี่ยวกับการทุจริต วุฒิสภา โดย กมธ.วิสามัญมีความเห็นว่า ข้าราชการระดับสูงในกระทรวงการคลังและกรมสรรพากรหลายคนกระทำทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่โดยการละเว้นไม่เรียกเก็บภาษีอากรจากนายพานทองแท้ และน.ส.พิณทองทาทำให้รัฐ กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง และประชาชนเสียหายเป็นเงินประมาณ 5,846 ล้านบาท

ทั้งนี้ กมธ.วิสามัญฯเห็นว่าข้าราชการระดับสูงหลายคนละเว้นไม่เรียกเก็บภาษีจากนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทานั้นเป็นกรณีที่บริษัท แอมเพิลริช อินเวสต์เมนท์ จำกัด ขายหุ้นชินคอร์ป จำนวน 329.2 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1 บาท ให้แก่บุคคลทั้งสองนอกตลาดหลักทรัพย์ ขณะที่ราคาตลาด 49 บาทต่อหุ้น (เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2549) ทำให้บุคคลทั้งสองได้รับประโยชน์จากส่วนต่างราคาหุ้น เป็นเงิน 15,501 ล้านบาท ส่วนต่างดังกล่าวเข้าลักษณะเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 39 แห่งประมวลรัษฎากร จึงต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาคิดเป็นเงิน 5,864 ล้านบาท

ในรายงานของ กมธ.วิสามัญระบุว่าสำหรับข้ออ้างของกรมสรรพากรที่ว่าบุคคลทั้งสองขายหุ้นชินคอร์ปผ่านตลาดหลักทรัพย์ให้แก่บริษัท เทมาเส็ก โฮลดิ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 23 มกราคม ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีนั้น จะเป็นส่วนต่างราคาหุ้นที่บุคคลทั้งสองขายให้แก่บริษัทเทมาเส็กในราคา 49.25 บาท จากที่ซื้อมาจากบริษัทแอมเพิลริช 49 บาท โดยมีส่วนต่างราคาหุ้นละ 25 สตางค์ รวมเป็นเงินทั้งเงิน 82.3 ล้านบาท
บันทึกการเข้า

ไม่ชนะ ไม่เลิก
varada
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,193



เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 31-07-2006, 11:18 »

รายการน้ำลด ตอผุดครับทั่น แต่ระวังหน่อย ปลาไหลคอกนี้ลื่น ต้องใช้ใบข่อยช่วยเยอะๆถึงจะจับอยู่
บันทึกการเข้า
so what?
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,729


« ตอบ #2 เมื่อ: 31-07-2006, 11:28 »

ไอ้พวกข้าราชการที่ชอบทำตัวเป็นสุนัขรับใช้ไอ้เหลี่ยมนี่
ต้องเอาไปยัดคุกแบบเดียวกับแก๊งสามหนาให้เข็ดหลาบครับ
บันทึกการเข้า
koo
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 550



« ตอบ #3 เมื่อ: 31-07-2006, 11:29 »

จะได้หรือ  Confused ตอนซื้อจากแอมเพิลริช ก็ไปซื้อ(โอนนะแหละ) ที่สิงคโปร์
ตอนขายให้เทมาเส็กค่อยขายในเมืองไทย

ถ้าจะตรวจน่าไปตรวจตอนที่ แอมเพิลริชซื้อหุ้นจาก ชิน ว่าบริษัทที่มันตั้งด้วยทุนจดทะเบียนเหรียญเดียว ได้จ่ายค่าหุ้นตอนนั้นหรือเปล่า

ความเห็นส่วนตัวนะ สงสัยจะเหลว ดีไม่ดีไปฟอกตัวเพิ่มให้อีกหน่วยงานหนึ่ง การขายคราวนี้ใครเป็นมือกฏหมาย  Confused ระดับไหนแล้ว

ที่ผิดเขาก็คำนวนค่าปรับไว้แล้วจิ้บจ้อย ผิดหนักๆก็รวยแล้วงกนี่แหละ
บันทึกการเข้า
In The Name Of Justice.
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 952


-_-;


« ตอบ #4 เมื่อ: 31-07-2006, 11:31 »

ระดับ สตง. น่าจะเจ๋งนะครับ

ต้องดูว่าใครเป็นคนตรวจสอบด้วยน่ะสิครับ เพี้ยง ขอให้โดนทีเหอะวะ
บันทึกการเข้า

"มนุษย์มักต้องการในสิ่งที่ตนเองไม่มี..."

"I Fight In The Name Of Justice."
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 31-07-2006, 11:40 »

งานนี้ต้องช่วยกันขุดเยอะๆ
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
แนวสกา
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 633



« ตอบ #6 เมื่อ: 31-07-2006, 11:58 »

 Very Happyการตรวจสอบเริ่มทยอยกันมาแล้ว หลังจากไปเที่ยวตั้งนาน(รึโดนหน่วงเหนี่ยวหว่า) Very Happy
บันทึกการเข้า

ทุกคนล้วนมักมีอำนาจวาสนา ตัวข้าต้องการเพียงเสพดื่มกิน
TheBluECaT
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 824


"แมวน้อยสีน้ำเงิน..."


« ตอบ #7 เมื่อ: 31-07-2006, 12:05 »

จะเอาผิดเรื่องที่ "ติ๊ก" ผิดได้รึเปล่าล่ะครับ...

คราวหน้าจะได้ไม่มีคนมาทำผิด แล้วอ้าง "ติ๊ก" ผิดกันบ่อยๆ  Evil or Very Mad
บันทึกการเข้า

"ยามบุญมากาไก่กลายเป็นหงส์  ยามบุญหลงหงส์เป็นกาน่าฉงน...
ยามบุญมาหมูหมากลายเป็นคน  ยามบุญหล่นคนเป็นหมาน่าอัศจรรย์"
z e a z
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 564



« ตอบ #8 เมื่อ: 31-07-2006, 12:25 »

ให้กำลังใจ คุณหญิงจารุวรรณ และ จนท สตง ทุกๆคนครับ  Laughing Laughing Laughing
บันทึกการเข้า

<a href="http://www.stopglobalwarming.org/countmein.asp" target="blank"><img src="http://msglblwarm.vo.llnwd.net/o16/assets/banners/728x90/sgw_728_90.gif" alt="StopGlobalWarming.org" border="0"></img></a>
aiwen^mei
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,732



« ตอบ #9 เมื่อ: 31-07-2006, 13:12 »

จาก กกต.ถึงสรรพากร

คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่ 12

โดย ประสงค์ วิสุทธิ์ prasong_lert@yahoo.com


"สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม"

เป็นวลีที่ได้ยินบ่อยในช่วงนี้ หลังจากที่ศาลอาญามีคำพิพากษาให้จำคุก พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ อดีตประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กับพวก คนละ 4 ปี และศาลฎีกามีคำสั่งไม่ให้ประกันตัวตัวด้วยเหตุผลว่า ความผิดตามคำพิพากษาของศาลอาญา เป็นความผิดร้ายแรงก่อให้เกิดความเสียหายแก่ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และก่อให้เกิดความแตกแยกในบ้านเมือง เชื่อว่าการปล่อยตัวจะทำให้เกิดอันตรายและเป็นอุปสรรคในการดำเนินคดีในศาล (อุทธรณ์)

"กรรม" ในที่นี้น่าจะหมายถึง การกระทำโดยเจตนาซึ่งผู้กระทำย่อมได้รับผลแห่งการกระทำนั้น

ในช่วงที่ผ่านมา มีข้าราชการระดับสูงบางกลุ่มชอบทำตัวเป็น "ข้าทาส" รับใช้ผู้มีอำนาจทางการเมืองและทางการเงิน

ยอมทำทุกอย่าง เพื่อสนองความต้องการของผู้มีอำนาจ แม้จะผิดกฎหมายและจริยธรรมโดยหวังว่าจะได้รับผลประโยชน์ "ต่างตอบแทน" ในรูปแบบต่างๆ และคิดว่าผู้มีอำนาจจะคอยคุ้มกะลาให้อยู่รอดปลอดภัยไปได้ตลอด

อย่างไรก็ตาม คิดว่าผลแห่งกรรมของอดีต กกต.ทั้งสามคนน่าจะเป็นตัวอย่างที่ทำให้ข้าราชการเหล่านี้สำนึกได้ไม่มากก็น้อย

สัปดาห์ที่ผ่านมาเล่าถึงกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตข้าราชการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ยื่นฟ้องกรมสรรพากรต่อศาลภาษีอากรกลางเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2549 กรณีที่กรมสรรพากรมีคำสั่งคืนเงิน (เช็ค) ภาษีจำนวน 20,000 บาท ให้แก่นายเรืองไกรซึ่งกรมสรรพากรเรียกเก็บจาก "ส่วนต่าง" ราคาหุ้นที่นายเรืองไกรซื้อจากบิดาตนเองโดยกรมสรรพากรอ้างเหตุผลในการคืนภาษีว่า เป็นการประเมินผิดพลาด

แต่นายเรืองไกรเห็นว่า การเสียภาษีที่คิดจาก "ส่วนต่าง" ราคาหุ้นถูกต้องแล้วเพราะเป็นหน้าที่ของผู้มีเงินได้ทุกคน
คำฟ้องของนายเรืองไกรระบุว่า คำสั่งให้คืนเงินภาษีของกรมสรรพากร เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยประมวลรัษฎากรเพราะคำวินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์เป็นที่สุดเว้นแต่จะถูกเพิกถอนด้วยคำพิพากษาของศาล กรมสรรพากรไม่มีอำนาจใดๆ ที่จะคืนเงินภาษีและเงินเพิ่มที่ได้ชำระไปแล้ว เพราะเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีเจตนาทุจริต ซ่อนเร้น เป็นการบิดเบือนการใช้อำนาจและใช้อำนาจนั้นโดยไม่สุจริต เกิดจากการที่กรมสรรพากรประสงค์ต่อผลในการนำกรณีของนายเรืองไกรไปใช้เป็นข้ออ้างเพื่อประโยชน์แก่ผู้มีอำนาจทางการเมือง และญาติพี่น้องของนักการเมืองเหล่านั้น

เป็นที่ทราบกันดีว่า ผู้มีอำนาจทางการเมืองและเครือญาติตามที่นายเรืองไกรระบุในคำฟ้อง มีครอบครัว "ชินวัตร" ของ พ.ต.ท.ทักษิณรวมอยู่ด้วย

เพราะครอบครัวชินวัตรมีการโอนขายหุ้นชินคอร์ปกันเองในราคาต่ำกว่าราคาตลาดอย่างน้อย 2 ครั้งในปี 2543 และปี 2549 มี "ส่วนต่าง" กว่า 25,000 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าภาษี (ถ้าต้องเสีย) เกือบ 10,000 ล้านบาท

คำถามคือ ถ้าศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าการเสียภาษีจาก "ส่วนต่าง" ราคาหุ้นของนายเรืองไกรถูกต้องแล้ว กรมสรรพากรจะดำเนินการอย่างไร

อ้างอายุความหรือเหตุอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงที่จะดำเนินการกับครอบครัวชินวัตร?
นอกจากกรณีนายเรืองไกรแล้ว สตง.ยังเข้าไปตรวจสอบกรณีที่ครอบครัวชินวัตรโอนขายหุ้นชินคอร์ปมูลค่า 73,000 ล้านบาท โดยไม่เสียภาษีแม้แต่สลึงเดียวโดยทำหนังสือเชิญข้าราชการระดับสูงตั้งแต่อธิบดีไปสอบปากคำ แต่ทางกรมสรรพากรยังสงวนท่าทีให้ทาง สตง.แจ้งประเด็นที่จะสอบไปให้ทราบก่อน

เท่าที่ทราบ สตง.จะเน้นประเด็นที่บริษัทแอมเพิลริช อินเวสต์เมนต์ จำกัด ขายหุ้นชินคอร์ปจำนวน 329.2 ล้านหุ้น ในราคาเพียง 1 บาท ขณะที่ราคาตลาดกว่า 40 บาท ให้แก่นายพานทองแท้และ น.ส.พิณทองทา ทำให้บุคคลทั้งสองได้ประโยชน์จาก "ส่วนต่าง" กว่า 15,000 ล้านบาท

ถ้าย้อนข้อมูลเก่าจะพบว่าความพยายามในการตรวจสอบภาษีการโอนหุ้นของครอบครัวชินวัตรมีมาก่อนหน้านี้แล้ว โดยช่วงปี 2545 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชุดแรกเคยมีมติให้ไต่สวนนข้าราชการระดับสูงของกรมสรรพากรยุคนายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล (ปลัดกระทรวงการคลัง) เป็นอธิบดี เนื่องจากเห็นว่าน่าจะมีการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบกรณีไม่ประเมินภาษีการโอนหุ้นชินคอร์ป มูลค่า 738 ล้านบาท ที่คุณหญิงพจมาน ชินวัตร โอน (ฟรี) ให้แก่นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่บุญธรรม แต่ทำในลักษณะนิติกรรมอำพรางคือ ทำเป็นซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์

จนกระทั่ง ป.ป.ช.ตรวจสอบพบ คุณหญิงพจมานกลับอ้างว่าเป็นการยกหุ้นให้โดยเสน่หาตามขนบธรรมประเพณีและเป็นการอุปการะโดยธรรมจรรยาซึ่งกรมสรรพากรก็เชื่ออย่างเชื่องๆ

ปรากฏว่าการไต่สวนเงียบหายไปท่ามกลางอิทธิพลทางการเมืองและการเงินแผ่ครอบคลุมองค์กรอิสระพร้อมๆ กับ ป.ป.ช.ชุดเก่าหมดวาระลง

ปัจจุบันอยู่ในภาวะ "รังโจร (ใกล้) แตก" อิทธิพลทางการเมืองกำลังเสื่อมถอย และไม่อาจคุ้มกะลาหัวใครได้อีกต่อไป ถ้าข้าราชการระดับสูงบางกลุ่มในกระทรวงการคลังยังไม่กลับตัวกลับใจ อาจต้องรับผลแห่งกรรมเหมือนกับอดีต กกต.ทั้งสามคน

http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01col02290749&show=1&sectionid=0116&day=2006/07/29
บันทึกการเข้า

有缘千里来相会,无缘对面不相逢。
tom
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 156



« ตอบ #10 เมื่อ: 31-07-2006, 20:17 »

อูยยยย...ตื่นเต้น

จะมีใครโดนบ้างมั้ยเนี่ย..ประชาชนรอชมด้วยอาการหัวใจสั่น
สาธุ...ขอให้บาปบุญมีจริงด้วยเถอะ.......

ทีคนทำมาหากินธรรมดา ไม่ได้เล่นแร่แปรธาตุ ชอบจิกหัวสับโขกดีนัก
ทีนักการเมือง..ไม่เห็นทำธุรกิจที่มีประโยชน์โภคผลอะไรกับชาวบ้าน..มีแต่โยกเงินไปมา หลบเร้นซ่อนเงื่อน
 มันชอบยกไข่ดม ....ไม่รู้เป็นอะไร
บันทึกการเข้า
คนไทยคนหนึ่ง
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 744


« ตอบ #11 เมื่อ: 31-07-2006, 21:53 »

เอาเงิน(ภาษีประชาชน)ฟาดหัวปูนบำเน็ญความดีความชอบไปเรียบร้อยคนละ 6เดือน ขนาดเก็บภาษีไม่เข้าเป้านะนี้
บันทึกการเข้า
hison
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 217


« ตอบ #12 เมื่อ: 21-09-2006, 18:10 »

"สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม"
 
บันทึกการเข้า
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #13 เมื่อ: 21-09-2006, 18:25 »

ณ.วันนี้  ข้าราชการชั่ว ที่หวังอิงระบอบทักษิณขึ้นเป็นใหญ่  คงนอนไม่หลับ กินไม่อร่อย  และถ่ายไม่สะดวก  หน้าคงดำ ฝ้ากระขึ้นหน้า ตีนกามาเยือน และหวั่นใจที่ชาติตระกูลต้องมาป่นปี้ เพราะหวังพึ่งทรราชย์ เพื่อข้ามหัวเพื่อนร่วมงานที่ซื่อสัตย์สุจริตขึ้นเป็นใหญ่

กรรมของผู้ใด ก็จะได้รับไปในตราวนี้แหละค่ะ  อย่างน้อยๆ  ในการโยกย้ายข้าราชการที่จะมีเพื่อล้างระบอบทักษิณ พวกนี้คงเข้ากรุ  อย่างหนักก็รับโทษทางสินัย มีคดีความ และหมดอนาคตไปค่ะ
บันทึกการเข้า
hison
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 217


« ตอบ #14 เมื่อ: 25-09-2006, 19:22 »

 
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: