ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
25-04-2024, 13:19
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  เจอข้อความนี้ในเวปพันธิปลงเครดิสตอนท้ายเลยนะว่าเป็นของทางเวป ปล่อยโฆษณาอีก 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
เจอข้อความนี้ในเวปพันธิปลงเครดิสตอนท้ายเลยนะว่าเป็นของทางเวป ปล่อยโฆษณาอีก  (อ่าน 653 ครั้ง)
maniac
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 70


« เมื่อ: 25-07-2006, 18:53 »

ด้วยความเป็นห่วงสถาบันศาล 
Sunday, 14 05 06 
ผู้มีอาชีพเป็นผู้พิพากษา จึงควรจะพึงสังวรณ์ไว้แต่เนิ่นๆ ว่าเมื่อก้าวออกมา

กลั้วเกลือกกับการเมืองแล้ว ยามถอยกลับเข้าสู่ที่ตั้ง จะถอยอย่างไร เวลาใด

จึงจะเอาตัวรอดปลอดภัยได้




       มีการวิพากษ์วิจารณ์ในแวดวงตุลาการด้วยกันเอง ว่าสถานการณ์ขณะนี้

เป็นการรัฐประหารโดยตุลาการ ใช้ความเชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายเป็น

เครื่องมือ และอำนาจศาลเป็น   ไม่คำนึงถึงรัฐธรรมนูญ และกฎหมายว่า

บัญญัติไว้อย่างไร  หากแต่คำนึงถึงความพึงพอใจส่วนตน เป็นหลักการ และ

กระแสสังคมที่มีผู้สร้างขึ้นเป็นเหตุผล 
สถานการณ์ในขณะนี้มิได้แตกต่างจากการรัฐประหารโดยทหาร ในอดีต

เพียงแต่คราวนี้ ไม่ดำเนินการโดยทหาร หากแต่ดำเนินการโดยตุลาการ ไม่ใช้

รถถัง และปืนเป็นอาวุธ  หากแต่ใช้กฎหมาย เป็นเครื่องมือ

       กล่าวถึงตรงนี้ ต้องแยกให้ออกระหว่าง นายทหารบางคน กับกองทัพ

การรัฐประหารโดยทหารในอดีต เกิดขึ้นจากนายทหารบางคน เท่านั้น และ

ทุกครั้งจะมีการต่อต้านจากทหารส่วนหนึ่ง บางส่วน หรือ ส่วนใหญ่ในกองทัพ

เสมอ นายทหารบางคนทำรัฐประหาร ไม่สำเร็จ กลายเป็นกบฎ ต้องโทษ

ประหารชีวิต ติดคุกติดตะราง ต้องเป็นผู้ลี้ภัยหนีออกนอกประเทศ ก็เพราะ

แรงต่อต้านจากนายทหารด้วยกันในกองทัพ นั่นเอง

       สถานการณ์ในขณะนี้ก็เช่นกัน ต้องแยกให้ออกระหว่าง ผู้มีอาชีพเป็นผู้

พิพากษา กับ ศาล ออกจากกัน ปรากฎการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้

เป็นการดำเนินการของผู้มีอาชีพเป็นผู้พิพากษา เป็นมนุษย์ปุถุชน ที่มีอารมณ์

ความรู้สึก รัก โลภ โกรธ หลง ด้วยข้อมูลต่างๆ ที่ได้รับ เฉกเช่นเดียวกับปุถุชน

ทั้งหลายเช่นเราๆ ท่านๆ หากแต่ต่างกันตรงที่ ผู้มีอาชีพเป็นผู้พิพากษา จะได้

รับการยอมรับว่ามีมโนสำนึก และสำนึกแห่งชั่วดี ถูกผิด สูงกว่าปุถุชนทั่วไป 

แต่การยอมรับนั้นจะเป็นจริงเสมอหรือไม่ ก็พึงพินิจพิเคราะห์ด้วยเหตุและผล

เฉพาะบุคคล เนื่องจากมโนสำนึกเป็นสมบัติเฉพาะบุคคล ไม่ใช่เกิดขึ้นกับ

ใครๆ ก็ได้ ที่เข้าไปอยู่ในองค์กรนั้นๆ ไม่เช่นนั้นแล้ว เราคงไม่ได้ยินข่าว ไม่ได้

อ่านข่าว ไม่ได้เห็นข่าวผู้พิพากษาบางท่านถูกไล่ออก ให้ออก ตัดเงินเดือน

ภาคทัณฑ์ ตักเตือน เพราะทุจริต มีมลทิน มัวหมอง  แม้จะเกิดขึ้นไม่บ่อย แต่

ก็ต้องนับว่าได้เกิดขึ้นในวงการผู้มีอาชีพเป็นผู้พิพากษา แล้ว

       สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ยากจะเชื่อว่าดำเนินการในฐานะของ

ศาล และยากจะเชื่อว่าผู้มีอาชีพเป็นผู้พิพากษาทั้งหมด เห็นด้วยไปในแนว

ทางเดียวกัน 100%  จึงควรพูดให้ชัดเจนว่า ที่กำลังดำเนินการด้วยความ

พยายามอย่างยิ่งในขณะนี้เป็นการดำเนินการของ คณะบุคคลผู้มีอาชีพเป็น

ผู้พิพากษา หรือ การดำเนินการของศาล เพื่อที่สังคมและประชาชนจะได้ไม่

สับสน และให้ความร่วมมือ สนับสนุน วิพากษ์ วิจารณ์ ได้ถูกต้อง  หากเป็น

คำสั่งของศาล ในพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  แน่นอนว่า

จะไม่มีใครวิพากษ์วิจารณ์ เพราะเป็นกติกาของสังคมที่ทุกคนต้องเคารพ ไม่

ว่าจะพึงพอใจหรือไม่ก็ตาม เพราะคำพิพากษาของศาลถือเป็นที่สุด 

       แต่หากเป็นการดำเนินการของผู้มีอาชีพเป็นผู้พิพากษา ก็จะต้องพูดให้

ชัดเจน  เพราะถือเป็นเพียงข้อเสนอหรือ ความเห็นของคณะบุคคลคณะหนึ่ง

เช่นเดียวกับคณะบุคคลทั้งหลายที่พยายามถกเถียงเพื่อหาทางออกอยู่ใน

ขณะนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งจะต้องเปิดกว้างให้วิพากษ์วิจารณ์กันได้ เพื่อให้ได้

ทางออกที่สุดสำหรับการแก้ไขของประเทศชาติ

       การดำเนินการของคณะบุคคลผู้มีอาชีพเป็นผู้พิพากษา ย่อมไม่ใช่การ

ดำเนินการของศาล และย่อมไม่ใช่การดำเนินการของผู้มีอาชีพผู้พิพากษาทั้ง

ประเทศ  เพียงแต่ผู้ที่มีความเห็นต่าง ไม่มีโอกาสได้นำเสนอแนวคิด แนว

ทางบ้างเท่านั้นเอง

       สถานการณ์ในขณะนี้ ผู้มีอาชีพเป็นผู้พิพากษากำลังถูกสื่อยกยอปอปั้น

ให้เป็นเทพเจ้า  เป็นผู้ชี้ถูกชี้ผิด ชี้เป็นชี้ตายของสังคม เป็นผู้กำหนดชะตา

กรรมของบ้านเมือง ไม่ได้แตกต่างจากครั้งหนึ่งที่สื่อเคยชี้ว่าหัวหน้าพรรคการ

เมืองพรรคหนึ่งเป็นเทพเจ้า เป็นอัศวินม้าขาว มากอบกู้บ้านเมืองยามวิกฤต

แต่เพียงแค่ 3 ปีให้หลัง สื่อก็ช่วยกันไล่หัวหน้าพรรคการเมืองนั้นลงไป แล้วก็

ช่วยกันผลักดันสนับสนุนหัวหน้าพรรคการเมืองอีกคนหนึ่ง ขึ้นมามีอำนาจ

แทน  เพียงแค่ 5 ปีให้หลัง สื่อก็ช่วยกันไล่หัวหน้าพรรคการเมืองพรรคนี้ ลง

เช่นกัน  แล้วก็ไปยกยอปอปั้นบุคคลที่มีพฤติกรรมฉ้อฉล แยบยลด้วยกลโกง

ต้องคำพิพากษาของศาลให้เป็นบุคคลล้มละลาย ให้เป็นวีรบุรุษประชาธิปไตย 

ช่วยกันแก้เรื่องทำผิดให้กลายเป็นเรื่องถูก  เพราะต้องการใช้บุคคลนั้น เป็น

เครื่องมือ ขับไล่หัวหน้าพรรคการเมืองพรรคหนึ่งให้พ้นจากการเมืองไทย ไป

แล้ววันหนึ่งข้างหน้า บุคคลผู้นั้นก็จะมีสภาพไม่แตกต่างจากคนอื่นๆ ที่สื่อ

เคยยกยอปอปั้นให้เป็นวีรบุรุษ มาแล้ว

       ผู้มีอาชีพเป็นผู้พิพากษา จึงควรจะพึงสังวรณ์ไว้แต่เนิ่นๆ ว่าเมื่อก้าว

ออกมากลั้วเกลือกกับการเมืองแล้ว ยามถอยกลับเข้าสู่ที่ตั้ง จะถอยอย่างไร

เวลาใด จึงจะเอาตัวรอดปลอดภัยได้  ซึ่งเรื่องราวลักษณะนี้ ต้องปรึกษากับ

อดีตนายทหาร ที่เคยร่วมคณะรัฐประหาร และยังเป็นใหญ่เป็นโต เป็นผู้หลัก

ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองนี้ ให้ผู้คนเคารพกราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ ว่าต้องทำอย่าง

ไร  เพราะการถอยออกจากวงอำนาจ แต่ยังคงมีอำนาจคือ ศาสตร์และศิลปะ

ชั้นสูงสุดของบุคคลท่านนั้น ที่ยังไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน ทั้งในอดีตและ

ปัจจุบัน

       นายทหารรุ่นหลังบุคคลท่านนั้นอีกหลายคน หลานรุ่น ที่ถูกสื่อ สังคม

กระแส ผลักดัน ยกยอปอปั้นให้เป็นวีรบุรุษ เข้ามาแก้ไขปัญการเมือง จนถลำ

ลึกเข้ามาติดหล่มการเมือง จำนวนมาก ต้องมีอันเป็นไป จนหาที่ยืนในสังคม

ไม่ได้จากวีรุบุรุษที่ได้รับการยกย่อง เพราะทำตามกระแสสื่อ ล้มล้างรัฐบาล

ประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้ง ด้วยข้อหาทุจริตคอรัปชั่น  ต้องกลายเป็น

ทรราช ในชั่วเวลาเพียงข้ามปี  ต้องเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน เดินเชิดหน้า

ยืดอกแบบชายชาติทหารไม่ได้  และที่ร้ายที่สุดก็คือ ทำใหสถาบันกองทัพ

เสื่อมเสียศักดิ์ศรี เกียรติยศ และสูญสิ้นซึ่งความไว้วางใจจากประชาชน ใน

ฐานะสถาบันหลักของชาติ  อย่างสิ้นเชิง จนทุกวันนี้ กองทัพ ยังเยียวยาตัว

เองให้ฟื้นจากความย่อยยับที่เกิดขึ้นจากน้ำมือคณะนายทหารเหล่านั้นไม่ได้

       สถานการณ์ในขณะนี้ ควรศึกษาอดีตเพื่อแก้ไขปัจจุบัน เพียงเพื่อจะล้ม

ล้างคนคนหนึ่ง และพรรคการเมืองพรรคหนึ่งออกไปจากการเมืองไทย  เหตุ

ใดจึงต้องนำพาสถาบันหลักของชาติ ดั่งเช่นสถาบันศาล  มาแลก  หากผิด

พลาดพลั้งไป สถาบันศาลติดหล่มการเมือง ติดกับดักการเมือง ถอนตัวออก

ไปไม่ได้ หรือถอนตัวออกไปได้ ก็เพราะถูกสื่อ และสังคมขับไล่ เช่นสถาบัน

กองทัพ  ต่อไปประเทศไทยจะยังมีสถาบันใดหลงเหลือให้เป้นที่พึ่งหวังของ

คนไทยได้อีก

       หากถึงวั้นนั้นแล้ว คงไม่แคล้วที่คนไทยทุกคน จะต้องสั่นกระดิ่งร้องทุกข์

ขอพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมร่ำไปดอกหรือ

       ศาลจึงพึงยึดมั่นในหลักการอำนาจอธิปไตย และไม่ควรเข้ามาเกลือก

กลั้วกับการเมือง ซึ่งเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม กลโกง และคำยกยอปอปั้น ชั่วครู่

ชั่วยาม ซึ่งอาจจะทำให้สถาบันศาลตกเป็นเครื่องมือการแย่งชิงอำนาจทาวง

การเมือง เช่นเดียวกับที่สถาบันกองทัพ เคยประสบชะตากรรมมาแล้วในอดีต

ด้วยความเคารพต่อศาล

จาก www.Pantip.com  <-----

ผมแจ้งลบไปแล้วไม่น่าแจ้งลบเลยปล่อยให้ประจานตัวเองดีกว่า การโฆษณาชวนเชื่อใช้บทความโน้มน้าวที่ดูจะดีนี่นะแต่เคลือบไว้ซึ่งเจตนาแอบแฝง

เห็นพวกปั่นข่าว ปล่อยข่าวในนี้จนชินแล้วก็อปปี้ เพลท ไปลงเวปอื่นๆ กระจายๆออกไป ที่นี่ยังรู้กันครับว่าพวกเต้าข่าว บินเบือนนะมันเป็นใคร
บันทึกการเข้า
อนัตตา (ไร้สี ไร้กลิ่น ไร้ฝ่าย)
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 620



« ตอบ #1 เมื่อ: 25-07-2006, 19:01 »

กรรม
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
    กระโดดไป: