สำคัญที่พระราชกระแส
...
1. เหตุผลที่ทรงลงพระปรมาภิไธยในพระราชกฤษฎีกานั้น ก็เพราะมีพระราชประสงค์ อยากให้ประเทศชาติกลับไปสู่ ความสงบเรียบร้อยโดยเร็ว
2. มีพระราชประสงค์ให้การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มีขึ้นในคราวต่อไป เป็นไปด้วยความเรียบร้อย บริสุทธิ์ และยุติธรรมอย่างแท้จริง
นี่ต่างหากหัวใจหลัก
ทรงอยากเห็นประเทศชาติกลับสู่ความสงบโดยเร็ว อันนี้เป็นสำนึกของทุกฝ่ายต้องยุติเงื่อนไข เผชิญหน้า ที่ล่าสุดลุกลามบานปลายถึงขั้นเกิดรอยปริแยกในกองทัพ
ย้อนยุคปลุกผีปฏิวัติทำลายบรรยากาศที่สวยงามของเมืองไทย
แต่
สำหรับพระราชประสงค์ให้การเลือกตั้ง ส.ส.เป็นไปด้วยความเรียบร้อย บริสุทธิ์ และยุติธรรมอย่างแท้จริง ข้อนี้ ฝ่ายที่ต้องสำเหนียกอย่างแรกคงจะหนีไม่พ้น พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ นายปริญญา นาคฉัตรีย์ และนายวีระชัย แนวบุญเนียร 3 กกต. ผู้ดึงดัน
ต้องคิดให้หนัก ความเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์และยุติธรรมจะเอามาจากไหน
ในเมื่อคุณคือตัวปัญหา. http://www.thairath.co.th/news.php?section=politics&content=13493 การเลือกตั้งจะบริสุทธิ์ยุติธรรมได้อย่างไร ถ้ายังให้ กกต.ชุดเดิมจัดการเลือกตั้ง ???
...
เพราะฉะนั้นสถานการณ์นับต่อจากนี้ โดยเฉพาะความหวังในอันที่จะทำให้การเลือกตั้งมีความบริสุทธิ์ ยุติธรรมอย่างแท้จริง รวมถึงบ้านเมืองเกิดความสงบสุขโดยเร็วตามกระแสพระราชดำรัส
จึงขึ้นอยู่กับ "กระบวนการศาล" เพียงอย่างเดียวเท่านั้นในตอนนี้ !!!...
http://www.komchadluek.net/2006/07/22/k001_30032.php?news_id=30032จุดสำคัญที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงคือคนที่เข้ามาเป็น กกต.เพราะ
เป็นไปไม่ได้ที่จะให้ กกต.ชุดนี้ทำหน้าที่จัดการเลือกตั้งต่อไปท่ามกลางความไม่ไว้วางใจว่าจะทำหน้าที่เป็นกลาง ซึ่งหาก กกต.ชุดนี้ทำหน้าที่ต่อไป ผลการเลือกตั้งที่ออกมาก็จะเกิดความวุ่นวายหลังการเลือกตั้งอย่างแน่นอน และความขัดแย้งในสังคมก็ยังดำรงอยู่ต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด
....
เราจึงยังมองไม่เห็นว่าเมื่อมีการเลือกตั้งแล้วสังคมไทยจะเข้าสู่ภาวะปกติได้อย่างไร ดังนั้น การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นก็เป็นเพียงอีกฉากหนึ่งของความขัดแย้ง และเป็นเพียงเครื่องมือชะลอความไม่พอใจของประชาชนไว้ได้ชั่วคราว แต่ความขัดแย้งครั้งใหม่กำลังรออยู่เบื้องหน้ารอการคลี่คลาย
http://www.bangkokbiznews.com/2006/07/22/v001_122524.php?news_id=122524การเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2549 ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า เป็นการเลือกตั้งที่ทำให้เกิดผลของการเลือกตั้งที่ไม่เที่ยงธรรม ไม่เป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ผู้ที่จะต้องรับผิดชอบโดยมิอาจปฏิเสธได้คือคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งมีหน้าที่ในการจัดการเลือกตั้ง โดยพฤติกรรมของ กกต.ที่ผ่านมาได้ตกเป็นที่วิพกาษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากหลายฝ่ายว่ามีความไม่เที่ยงธรรม ลำเอียง
กระทั่งมติของประมุข 3 ศาล คือศาลยุติธรรม ศาลรัฐธรรมนูญ และศาลปกครองสูงสูง ที่เข้ามาแก้ไขปัญหาการเมืองที่วุ่นวายตามพระราชดำรัสของพระราชสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยืนยันว่าไม่อาจเข้าร่วมดำเนินการกับ กกต.ไม่ว่าจะเป็นการสรรหา กกต.ที่ขาดอยู่ 2 คนเข้ามาเพิ่มเติม หรือเข้าไปเป็นกรรมการสังเกตการณ์จัดการเลือกตั้ง ตามที่ กกต.เชื้อเชิญ แต่กลับเรียกร้องให้ กกต.ที่เหลือ 3 คนลาออก เพื่อที่ศาลฎีกาจะได้สรรหา กกต.ชุดใหม่เข้ามาทำหน้าที่ให้เกิดคกวามบริสุทธิ์ยุติธรรมhttp://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&post_date=22/Jul/2549&news_id=127559&cat_id=100บทความคร่าวๆเกี่ยวกับ กกต และ การเลือกตั้งที่จะมาถึง