พระพายพัดมาดึก ๆ อีกแล้วครับ...
วันนี้มีเรื่องใหญ่ของบ้านเมืองเรื่อง พรฎ.ฯ ซึ่งน่าสนใจอย่างยิ่งว่า
1.ประกาศ 21 ก.ค. แต่มีผล 24 ส.ค. นับถึง 15 ต.ค. ก็คือ 52 วัน
2.นายกฯ พบประชาชนเสาร์ที่แล้ว รก.นายกฯ ระบุว่า พรฎ.ฯ อยู่ระหว่างพิจารณา... คาดว่าจะ "ยื่นส่งอีกครั้งหลัง 15 ส.ค." เพื่อให้ทันเลือกตั้ง 15 ต.ค.
3.ในหลวงท่านประชวรเข้ารับการรักษาคือ 20 ก.ค. มีหมายกำหนดการพักฟื้น 1 เดือนเต็ม
การทำความเข้าใจเรื่องเหล่านี้ ต้องการข้อมูลที่หนักแน่นเพียงพอ... ซึ่งพระพายก็พยายามหาอยู่ แต่ไม่สามารถหาได้ครบได้ จึงโพสต์มาไว้ ณ ที่นี้ เพื่อรอพวกเราหาข้อมูลเพิ่มเติมมาช่วยกันหน่อยครับ โดยเฉพาะเรื่องของระยะเวลาในการยื่น ระยะเวลาในการพระราชทานกลับ และพระราชอำนาจเป็นสิทธิขาดหรือไม่... ข้อมูลไม่เพียงพอ ขอไม่วิจารณ์ครับ
-----------------------------------------------
(อันนี้ข้อมูลจากเวบที่ไม่มีอยู่แล้ว แต่กุ๊กเกิ้ลยังเก็บไว้อยู่)
มาตรา ๒๒๑
การตราพระราชกฤษฎีกา
สวัสดีครับท่านผู้ฟังที่เคารพ
พระราชกฤษฎีกา คือกฎหมายที่พระมหากษัตริย์ทรงตราขึ้นตามคำแนะนำของคณะรัฐมนตรี ผู้มีอำนาจเสนอร่าง คือ รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เช่น พระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง หรือมีหน้าที่เกี่ยวกับส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการคือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการจะเป็นผู้เสนอร่างพระราชกฤษฎีกา เพราะเป็นผู้รักษาการตามพระราชกฤษฎีกา
สำหรับผู้พิจารณาให้ความเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกา คือ คณะรัฐมนตรี ผู้ตรา คือ พระมหากษัตริย์ การบังคับใช้จะต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษาจึงจะมีผลบังคับใช้
ตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน มาตรา ๒๒๑ บัญญัติว่า
“พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการตราพระราชกฤษฎีกา โดยไม่ขัดต่อกฎหมาย” Section 221. The King has the prerogative to issue a Royal Decree which is not contrary to the law.
ท่านผู้ฟังที่เคารพครับ ตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน มาตรา ๒๒๑ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการตราพระราชกฤษฎีกา การตราพระราชกฤษฎีกามี ๒ ประเภท คือ
ประเภทแรก ได้แก่ พระราชกฤษฎีกาที่ออกโดยอาศัยอำนาจของกฎหมาย ซึ่งจะเป็นการกำหนดรายละเอียดปลีกย่อยของกฎหมาย เพื่อให้การปฏิบัติตามกฎหมายมีความชัดเจนเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น เช่น พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นต้น ซึ่งเป็นพระราชกฤษฎีกาที่ออกโดยอาศัยอำนาจของกฎหมายรัฐธรรมนูญ
ประการที่สอง ได้แก่ พระราชกฤษฎีกาที่ออกเพื่อใช้กับฝ่ายบริหารไม่ได้ใช้บังคับกับประชาชนทั่วไป ซึ่งเป็นกรณีที่รัฐบาลเห็นสมควรตราข้อบังคับใช้ในการบริหารงานทั่วไปในกิจการของฝ่ายบริหาร เช่น พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการ พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเบิกค่าเช่าบ้านของข้าราชการ เป็นต้น
พระมหากษัตริย์จะทรงตราพระราชกฤษฎีกาทั้งสองประเภทดังกล่าวตามคำแนะนำของคณะรัฐมนตรี โดยมีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการตามที่กฎหมายแม่บทกำหนดแต่หลักการส่วนรายละเอียดให้ออกเป็นพระราชกฤษฎีกา อาจารย์มานิตย์ จุมปา ได้อธิบายไว้ในความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๔๐ มีเหตุผล ๔ ประการ คือ
๑. ทำให้กฎหมายแม่บทอ่านง่าย เข้าใจง่าย เพราะมีแต่หลักการใหญ่ ๆ อันเป็นสาระสำคัญ
๒. ประหยัดเวลาของผู้บัญญัติกฎหมายแม่บทที่จะไม่ต้องเสียเวลาพิจารณารายละเอียดปลีกย่อย ซึ่งสมควรมอบหมายความไว้วางใจให้ฝ่ายบริหารไม่กำหนดได้เอง
๓. พระราชกฤษฎีกาแก้ไขให้ทันกับสภาวะการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปได้ง่ายกว่ากฎหมายแม่บท ทั้งนี้เพราะกฎหมายแม่บทจะต้องผ่านความเห็นชอบของบุคคลหลายฝ่าย
๔. ทำ ให้กฎหมายเหมาะสมกับกาลเทศะอยู่เสมอ เพราะถ้ามีพฤติการณ์เปลี่ยนแปลงไปก็เป็นแต่แก้ไขพระราชกฤษฎีกาเท่านั้นไม่ ต้องแก้ไขตัวบทกฎหมายแม่บทสำหรับการตราพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวข้างต้น พระมหากษัตริย์จะเป็นผู้ทรงตราพระราชกฤษฎีกา ซึ่งเป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ แต่ทั้งนี้จะต้องดำเนินการโดยคำแนะนำของคณะรัฐมนตรี และที่สำคัญจะต้องเป็นไปตามครรลองแห่งบทบัญญัติของกฎหมายจะขัดกับบทบัญญัติ ของกฎหมายไม่ได้
สวัสดีครับ
-------------------------------------
(อันนี้จากเวบผู้จัดการ)
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9490000090748 “ผมอยากให้หันหน้าเข้าหากัน ไม่ใช่เพื่อผม แต่ทำเพื่อชาติ ผมไม่ยึดติด แต่ระบอบประชาธิปไตยต้องมีเลือกตั้ง ต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชน ระบบมันเป็นอย่างนี้ ช่วงนี้เป็นช่วงสุญญากาศ ทุกฝ่ายอยากให้มีการเลือกตั้งใหม่ หลังการเลือกตั้ง 2 เมษายนบอกว่ามีการอยากย้ายพรรคก่อน 90 วัน แต่ไม่มีช่องว่าง และศาลรัฐธรรมนูญกำหนดให้มีการเลือกตั้งภายใน 60 วัน และมีการกำหนดให้มีการเลือกตั้งวันที่ 15 ต.ค.เพื่อปิดให้มีการย้ายพรรค”
รักษาการนายกฯ ผู้นี้ย้ำอีกว่า เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่าง จะมีการเสนอทูลเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งอีกครั้งหลังวันที่ 15 สิงหาคมนี้ เพื่อให้ทันการเลือกตั้งในวันที่ 15 ตุลาคมนี้ตามกำหนด ดังนั้น เวลาที่เหลือประมาณ 30 วันนี้ขอให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้ามาคุยกัน เคารพการตัดสินใจของประชาชน ทั้งนี้ ที่ผ่านมา
รัฐบาลได้เสนอทูลเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งวันที่ 15 ต.ค.ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนด แต่ไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ ลงมา และเรื่องได้ถูกตีกลับมาแล้ว (ตรงนี้อยากให้ช่วยกันตรวจสอบว่า เป็นคำพูดของทักษิณหรือเป็นเนื้อข่าวโดยผู้จัดการ) พ.ต.ท.ทักษิณ ยังกล่าวถึงการโยกย้ายแต่งตั้งนายทหารประจำปีว่า จู่ๆ มีนักข่าวมาถามเรื่องโยกย้าย จะมีการย้ายผู้บัญชาการทหารบกบ้าง ซึ่งตนเองไม่เคยคิด และไม่เคยอ่านข่าว เพราะอ่านแล้วเบื่อ ทั้งที่ทุกอย่างมีระบบของมัน มีสภากลาโหม มีตำแหน่งหลักที่ต้องพิจารณา เช่นตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด จเรทหาร เป้นต้น อยากขอร้องให้เกิดความสมานฉันท์เพื่อในหลวงที่กำลังทรงฟักฟื้นพระวรกาย
“
ผมพร้อมทำตามรัฐธรรมนูญ นอกรัฐธรรมนูญผมทำไม่ได้ เพราะชาติจะเสียหาย ผมอึดอัดอยากให้มีการเลือกตั้งให้เสร็จ เลิกทิฐิใส่กัน 1 เดือนนี้หันหน้าเข้าหากัน เพื่อเข้าสู่การเลือกตั้ง อย่าหาเรื่องกันมากนัก” พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวตบท้ายก่อนเดินทางไปประเทศบรูไน เพื่อร่วมงานพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 5 รอบของพระราชาธิบดีบรูไนในตอนเที่ยงวันเดียวกัน
--------------------------------
นอกจากเรื่องระยะเวลา, เรื่องขอบเขตพระราชอำนาจใน พรฎ. แล้ว.... ผมยังสนใจเนื้อข่าวตรงส่วนที่ผมขีดเส้นใต้เอาไว้ด้วยครับ ว่าทักษิณกล่าวดังนั้นจริงหรือไม่? หรือเป็นเพียงการสรุปข่าวจากผู้จัดการ
ถ้าทักษิณพูดแบบนั้นจริง ... การระบุว่าได้รับ พรฎ.คืนมาแล้วก็คือการโกหก... การพยายามยื่น พรฎ. อีกครั้งโดยยังไม่ได้รับพระราชทานคืนย่อมเป็นการไม่สมควร
แต่ถ้าหากไม่ใช่ทักษิณพูด... ผมคิดว่าเวบผู้จัดการฯ กับ สว. คนที่ออกข่าวว่าพระราชทาน พรฎ.กลับคืนมาแล้ว... ก็กระทำการเรื่องข่าวที่ไม่สมควร
หรือถ้าหากการคืน พรฎ.ฯ กลับมาแล้วเป็นเรื่องจริง... แล้ว พรฎ. ที่ทรงประกาศช่วงวันที่ 21 หลังเข้ารับการรักษาวันที่ 20 มาจากไหนครับ?
ฝุ่นยังคงตลบอยู่... ช่วยกันให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยครับ