banana_dot
|
|
« ตอบ #200 เมื่อ: 15-06-2007, 11:34 » |
|
ถ้าทางใบบอกจะสั่งมาให้ปั่นกระทู้อัพเดทการชุมนุม เรียกร้องให้มีคนให้ความสนใจเยอะๆ เพราะเป็นความพยายามครั้งสุดท้ายหรือท้ายสุด ที่จะตัดสิน กับเวรกรรมตัวเอง ว่าจะสามารถเอาชนะกฎแห่งกรรมได้หรือไม่....โถน่าสงสาร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
-"ภาพแห่งความทรงจำ แม้จะเลือนรางไปตามการเวลา หากแต่เป็นเรื่องที่มีคุณค่าทางจิตใจ ย่อมจะย้อนกลับมาทำให้มีความสุขทุกครั้งที่นึกถึงเสมอ "
|
|
|
mui
น้องใหม่
ออฟไลน์
กระทู้: 6
|
|
« ตอบ #201 เมื่อ: 15-06-2007, 19:58 » |
|
เห็นด้วยกับ จขกท.ค่ะ เราเบื่อที่บอกว่า รักทักษิณไม่เอาเผด็จการมากเลย.......กำลังคิดว่าไอ้คนพูดมันสับสนในตัวเองหรือเปล่า ปล.เพิ่งสมัครเป็นสมาชิกใหม่หมาดๆ ขอเข้ามาเป็นสมาชิกที่นี่ด้วยคนนะคะ ปกติจะสิงที่พันทิพย์ แต่ว่าเวลาเข้าราชดำเนินทีไรโดนรุมกระจายทูกกกกกที
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ปุถุชน
|
|
« ตอบ #202 เมื่อ: 15-06-2007, 22:50 » |
|
โพลล์ชี้คนกรุงไม่ให้'ทักษิณ'กลับ90%หลังอายัดทรัพย์ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2550 10:54:00 เอแบคโพลล์เผยผลสำรวจหลัง คตส.อายัดทรัพย์"ทักษิณ" กว่า90% เกรงเกิดวุ่นวาย 73.5%ยอมรับได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และกว่า 50%ไม่ต้องการให้"ทักษิณ"กลับหรือไม่ควรกลับมาเลย อีกกว่า 44% ควรกลับทันทีเพราะเป็นสิทธิ กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเอแบค นวัตกรรมทางสังคม การจัดการและธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง "ความคิดเห็นต่อสถานการณ์ทางการเมืองหลัง คตส. สั่งอายัดทรัพย์สิน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว : กรณีศึกษาประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล" จำนวน 1,661 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 13-14 มิถุนายน พ.ศ.2550 ประเด็นสำคัญที่ค้นพบจากการสำรวจในครั้งนี้ มีดังนี้ ประชาชนที่ถูกศึกษาส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 80 ติดตามข่าวการเมืองอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง โดยร้อยละ 16.1 ระบุมีจุดยืนทางการเมืองเป็นผู้สนับสนุนรัฐบาล ร้อยละ 4.9 ไม่สนับสนุนรัฐบาล และที่เหลือส่วนใหญ่หรือร้อยละ 79.0 ไม่อยู่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด หรือเป็นพลังเงียบ เมื่อสอบถามถึงการสนับสนุนพรรคการเมืองในสถานการณ์การเมืองขณะนี้ พบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ 84.7 ไม่สนับสนุนพรรคการเมืองใดเลย ในขณะที่มีเพียงร้อยละ 9.5 ระบุสนับสนุนพรรคไทยรักไทย ร้อยละ 4.4 ระบุสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีเพียงร้อยละ 1.4 เท่านั้นสนับสนุนพรรคอื่นๆ เช่น พรรคชาติไทย พรรคมหาชน เป็นต้น เมื่อสอบถามการรับทราบข่าวที่ คตส. ได้ตรวจสอบการทุจริตของรัฐบาลชุดก่อน พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 92.4 ระบุทราบเกี่ยวกับโครงการบ้านเอื้ออาทร ร้อยละ 92.2 ทราบเรื่องเกี่ยวกับการออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว และ 2 ตัว ร้อยละ 91.3 ทราบการขายหุ้นชินคอร์ปฯ ให้กองทุนเทมาเส็กของสิงคโปร์ ร้อยละ 85.8 ทราบโครงการจัดซื้อที่ดินย่านรัชดา ร้อยละ 84.5 ทราบโครงการจัดซื้อจัดจ้างปรับเปลี่ยนสายพานลำเลียงกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสารและเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิด ซีทีเอ็กซ์ ร้อยละ 80.6 ทราบการแก้กฎหมายและสัญญาสัมปทานเอื้อประโยชน์ให้ธุรกิจในเครือชินคอร์ปฯ ร้อยละ 68.4 ทราบเกี่ยวกับการจัดซื้อต้นกล้ายาง ร้อยละ 55.8 ทราบการปล่อยเงินกู้ให้รัฐบาลพม่า ร้อยละ 54.1 ระบุทราบการปล่อยเงินกู้โดยผู้บริหารธนาคารกรุงไทย ตามลำดับ และเมื่อสอบถามการทราบข่าว คตส.อายัดทรัพย์สิน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว พบว่าส่วนใหญ่หรือ ร้อยละ 97.0 ระบุทราบข่าว ร้อยละ 3.0 ระบุไม่ทราบข่าว ประเด็นที่น่าพิจารณาคือ มากกว่าครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 56.5 เห็นด้วยกับการสั่งอายัดทรัพย์สิน พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัว เพราะควรตรวจสอบที่มาของเงินให้ชัดเจนก่อน และควรปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการตรวจสอบความบริสุทธิ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เอง อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ร้อยละ 43.5 ไม่เห็นด้วย เพราะกลัวเกิดความแตกแยก / คิดว่าเป็นเงินที่หามาโดยสุจริต / ไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะเอาผิด เป็นต้น อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาจำแนกตามการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง พบว่าในกลุ่มของสมาชิกพรรคไทยรักไทยนั้น ร้อยละ 20.8 ที่ระบุเห็นด้วยกับการอายัดทรัพย์ดังกล่าวซึ่งเป็นสัดส่วนที่ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่น เมื่อสอบถามถึงข้อเสนอแนะของการใช้ประโยชน์จากเงินของ พ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัว ที่มีเป็นจำนวนมาก อาจเกิดขึ้นโดย พ.ต.ท.ทักษิณ เองหรือไม่ก็ตาม พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 72.1 เห็นว่าน่าจะนำมาส่งเสริมด้านการศึกษาของประชาชน ร้อยละ 63.3 น่าจะนำมาช่วยเหลือคนยากจน คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส ร้อยละ 50.3 น่าจะนำมาช่วยเหลือเกษตรกร ร้อยละ 49.6 น่าจะนำมาเป็นกองทุนประกันสุขภาพประชาชน ร้อยละ 45.6 น่าจะนำมาเป็นงบประมาณแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ร้อยละ 40.9 น่าจะนำมาเป็นงบประมาณแผ่นดิน ร้อยละ 40.5 น่าจะนำมาจัดสรรเป็นงบประมาณเพื่อปราบปรามยาเสพติด ร้อยละ 32.7 นำมาเป็นกองทุนหมู่บ้าน ร้อยละ 30.0 นำมาส่งเสริมกีฬา ร้อยละ 27.2 นำมาส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชน และร้อยละ 16.7 นำมาปรับปรุงกองทัพ อาวุธยุทโธปกรณ์ ตามลำดับ ประเด็นที่น่าเป็นห่วงคือ ตัวอย่างส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 90 เกรงว่าจะเกิดความวุ่นวายหลัง คตส. สั่งอายัดทรัพย์สิน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรและครอบครัว โดยร้อยละ 47.8 เห็นว่าจะวุ่นวายมากขึ้น ร้อยละ 43.8 เห็นว่าจะวุ่นวายเหมือนเดิม มีเพียงร้อยละ 8.4 เท่านั้นเห็นว่าจะลดความวุ่นวายลง ทั้งนี้ในกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคไทยรักไทยนั้นส่วนใหญ่สูงถึงร้อยละ 96.7 เกรงว่าจะเกิดความวุ่นวาย โดยร้อยละ 61.4 เห็นว่าจะวุ่นวายมากขึ้น ร้อยละ 35.3 เห็นว่าจะวุ่นวายเหมือนเดิม ในขณะที่มีเพียงร้อยละ 3.3 เท่านั้นที่เห็นว่าจะลดความวุ่นวายลง ดร.นพดล กล่าวว่า ประเด็นที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่หรือประมาณร้อยละ 75 ของตัวอย่างทั้งหมดค่อนข้างเห็นด้วยและเห็นด้วยกับทหารและตำรวจที่จะร่วมกันตั้งด่านจุดตรวจป้องกันไม่ให้เกิดม็อบในขณะนี้ โดยร้อยละ 54.5 เห็นด้วย ร้อยละ 21.5 ค่อนข้างเห็นด้วยกับการตั้งจุดตรวจต่างๆ ในขณะที่ร้อยละ 13.2 ไม่ค่อยเห็นด้วย และร้อยละ 10.8 ไม่เห็นด้วย โดยกลุ่มผู้ที่เห็นด้วยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลและกลุ่มพลังเงียบ และถ้ามีความวุ่นวายทางการเมืองจนถึงขั้นรุนแรง ประชาชนจะยอมรับการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือไม่ พบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ 73.5 ยอมรับได้ ในขณะที่ร้อยละ 26.5 ยอมรับไม่ได้ โดยผู้ที่ยอมรับได้เป็นกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลและกลุ่มพลังเงียบเช่นกัน เมื่อสอบถามความคิดเห็นต่อ การกลับมาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในขณะนี้ ตัวอย่างเกินครึ่งหนึ่งเห็นว่ายังไม่ควรกลับขณะนี้ หรือไม่ควรกลับมาอีกเลย โดยร้อยละ 31.5 เห็นว่าควรรออีกสักระยะหนึ่ง เช่น อีก 1 ปี และบางส่วนให้รออีก 5 ปี เมื่อบ้านเมืองสงบสุขและเพื่อความปลอดภัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ เอง และบางส่วนให้รออีก 6 เดือนหลังการเลือกตั้งมีรัฐบาลใหม่ก่อน ในขณะที่ร้อยละ 23.7 เห็นว่าไม่ควรกลับมาอีกเลย เพราะอาจถูกทำร้าย อาจเกิดความวุ่นวายและประเทศจะเสียหาย อย่างไรก็ตาม ร้อยละ 44.8 เห็นว่าควรกลับทันที เพราะเป็นสิทธิของความเป็นคนไทย ควรมาช่วยเหลือประชาชน และมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง http://www.bangkokbiznews.com/2007/06/15/WW10_WW10_news.php?newsid=79063 คนรักเหลี่ยม ลี สิงกะโปโตก ไม่ยอมรับ ไม่ยอมเชื่อถือโพลล์เอเบค อยู่แล้ว ดังนั้นผลสำรวจโพลล์ จึงไม่มีความหมายสำหรับคนรักเหลี่ยม ลี สิงกะโปโตก.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด
อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
|
|
|
ปุถุชน
|
|
« ตอบ #203 เมื่อ: 16-06-2007, 00:27 » |
|
ทหารก็แตกตื่นทั้งวัน สลับหน้ากันให้สัมภาษณ์หน้าตาเครียด วิทยุก็โดนสั่งให้ออกอากาศด่าแล้วด่าอีก ช่องห้าทำสกู๊ปว่า มีคนให้เงิน ขนคนต่างจังหวัดเข้ามา พยายามให้ประชาชนรอ เลือกตั้ง หาว่าม็อบทำวุ่นวายทำไมไม่รอ กร๊ากกกกก อะไรจะบ้าบอคอแตกได้ทั้งวัน หาเพลงฟังแทบไม่เจอ บอร์ดนี้ล่ะ 2.4 บ้าเลือดตั้งกระทู้เป็นสิบ กะอีแค่พูดแห้งๆใครปอดแหกกันแน่จ๊ะ หนู หนู จ๋า อย่ากลัวเลยจ้า ทักษิณ กลับมาก็ไม่มาปิดบอร์ดหนูหรอก เค้าเป็นคนดี กร๊ากกกก คนไทยยอมรับเถอะ ถูกเหลี่ยม ลี สิงกะโปโตก และบริวารหลอกอีกครั้งหนึ่ง ว่าจะพูด สด ๆ........
ทำไมพวกเราจึงชอบให้"เด็กเลี้ยงแกะ"อย่างเหลี่ยม ลี สิงกะโปโตก "ปั้นน้ำเป็นตัว" ครั้งแล้ว ครั้งเล่านะ................. ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด
อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
|
|
|
โจรกระจอก
น้องใหม่
ออฟไลน์
กระทู้: 4
|
|
« ตอบ #204 เมื่อ: 16-06-2007, 00:50 » |
|
ขอโทษน่ะครับ อ่านยากไปหน่อยครับ อยากให้ปรับปรุงหน่อยครับ ผมอยากแสดงความเห็นแต่ตาลายมากครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ปุถุชน
|
|
« ตอบ #205 เมื่อ: 20-06-2007, 17:59 » |
|
Since I'm a new member for this web and kinda feels that most of comments shown in this web favours military dictatorship rather than the democracy. I just wondering if this web site is being supported financially from the military agent or what. Can anyone reply my query? Thanks.
ถ้าอยากจะรู้จริง ๆ ควรสืบหาใน"ทางลับ"เอาเอง อย่าให้คนอื่น ๆ "เคี้ยวข้อมูล" แล้วป้อนใส่ปากพรรค์นี้เลย........
เมื่อไหร่ที่คุณยอมรับ เชื่อสนิทใจว่า"ม๊อบไข่แม้ว" มี"ท่อน้ำเลี้ยง" สนับสนุน.. และคนไปร่วมชุมนุมด้วยได้ค่าจ้างคนละ 300-500 บาท......
คุณค่อยมาถามใหม่ ก็ยังไม่สายเกินไป จะบอกให้...
Please be advised that I'm not a pro-Thaksin nor anti-government but rather a person who just wants justice to be called in Thai society. I'm sick of being brainwash by medias and would like to seek the truth from you people from this web. One of my "myths" which I do never understand some of your thoughts is that "why do you believe in this military dictatorship government and feeling angry toward the ex-priminister Thaksin?" Imagine that millions of Thais love Thaksin!!
ถ้าคุณรู้จักค้นคว้าจากแหล่งข่าว สื่อฯต่าง ๆ ไม่พึ่งพิง"ใบบอก"อย่างเดียว คุณจะได้คำตอบด้วยตัวของคุณเองแล้ว..... วันนี้ สื่อฯส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกปิดกั้นให้ถ่ายทอดความจริงให้ประชาชนรับรู้เหมือน 5-6 ปีก่อน ดังนั้นพยายามทำตัวเป็น"ผู้เจริญ" ใช้หลัก"กาลามสูตร"ในการพิจารณาหาความจริงเถอะ .......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
อ่านกระทู้และคคห.ของคุณแล้ว... ในขณะ'ออกตัว'ว่าไม่ได้'โปร'เหลี่ยม ลี สิงกะโปโตก และ ไม่ได้'ต่อต้าน'เหลี่ยม ลี สิงกะโปโตก..... ผมเชื่อว่าคุณไม่ได้'ต่อต้าน'เหลี่ยม ลี สิงกะโปโตกแน่นอน แต่ไม่เชื่อว่าคุณไม่'โปร'เหลี่ยม ลี สิงกะโปโตก......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่าถ้าคุณเป็น'คนไทย'เหมือนผม.... ได้รับรู้ว่า Imagine that millions of Thais love Thaksin!!เป็นความจริง คุณควรจะร่วมกับผมห่วงใยวิธีคิด คุณธรรม จริยธรรมในการดำเนินชีวิตของคนไทยจำนวนนั้นมากกว่า...
ถึงวันนี้คนไทยพวกนั้น เงยหน้าจาก"ใบบอก" อามิสสินจ้างและผลประโยชน์ที่ได้รับเฉพาะตน รับรู้ข้อเท็จจริงทั้งการวินิจฉัยของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ การเผยแพร่ข้อเท็จจริงของคณะกรรมการ คตส. องค์กรอิสระอื่น ๆ เช่น 'ปปช.' 'ดีเอสไอ' ฯลฯ ว่าเหลี่ยม ลี สิงกะโปโตก ครอบครัว และพรรคพวกได้ใช้'อำนาจเป็นธรรม' สมัยที่พวกเขาเรืองอำนาจ มีข้าราชการเมือง ข้าราชการประจำ และองค์กรอิสระอื่น ๆให้ความช่วยเหลือพวกเขา ไม่ถูกดำเนินคดีฉ้อราษฎร์บังหลวงต่าง ๆ.....
คนไทยเหล่านั้นยังงมงาย ศรัทธาเหลี่ยม ลี สิงกะโปโตกเหมือนเดิม คุณในฐานะคนไทยที่มีความรู้ มีการศึกษา น่าจะมีสติปัญญาและวุฒิภาวะ กังวลอนาคตของชาติไทยที่มีคนไทยพรรค์นั้น จำนวนไม่น้อย ใช่ไหม....
Telling you the truth, I think most of Thai media sucks. The quality of Thai press reflects the political system of its country which is made-by-order....... คุณเพิ่งรู้อย่างนี้ หรือ รู้ก่อนหน้านี้ 5-6 ปี...........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
แสดงความคิดเห็นที่เป็น"ขาวกับดำ"อย่างนี้เลย แม้จะเป็นภาษาอังกฤษ ก็ไม่ได้ทำให้คุณดู"ดีขึ้น" หรอกน่ะ..........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ปล. ผมแสดงความคิดร่วมกับคนที่แสร้งไม่เข้าใจ หรือเจตนาบิดเบือน เพื่อสร้างภาพให้เหลี่ยม ลี สิงกะโปโตก เลวน้อยกว่าความจริง มากเกินไปแล้ว..........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
คนรักเหลี่ยมฯที่ยังมีน้ำใจจะช่วยเหลือ อาบน้ำชำระมลทินให้เหลี่ยม ลี สิงกะโปโตกให้สะอาด บริสุทธิ์ เป็นความพยายามที่ไร้ผล ไร้หนทางสำเร็จ......เป็น"มิจฉาทิฐิ"ของคนรักเหลี่ยม ลี สิงกะโปโตก ที่ไม่เงยหน้าจาก"ใบบอก"และผลประโยชน์ที่ได้รับระยะสั้น..... คนที่พร้อมจะทำลายความยุติธรรมและกฏแห่งกรรมเพื่อ"นายผู้ชาย"ของพวกเขา....
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด
อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
|
|
|
ปุถุชน
|
|
« ตอบ #206 เมื่อ: 20-06-2007, 18:02 » |
|
คำนี้น่าจะเป็นคำที่เหมาะสมก้บสถานการณ์ป่วนเมืองช่วงนี้มากที่สุด
ถ้าทุจริตแม้แต่นิดเดียวก็ขอแช่ง แช่งให้มีอันเป็น
คงจะนึกกันออกนะครับว่าประโยคนี้มีที่มาจากที่ใด... ถ้านึกไม่ออกผมเตือนความจำให้ครับ
คัดมาบางส่วนจาก... พระราชดำรัสวันพุธที่ 8 ตุลาคม 2546 "ทำอย่างไรจึงจะปราบทุจริตได้ ปราบทุจริตจะว่าเป็นเรื่องของตำรวจ เรื่องของศาล เป็นเรื่องของพระ ไม่ใช่เป็นเรื่องของผู้ว่าซีอีโอ อย่าให้ข้าราชการชั้นไหน ชั้นใด ข้าราชการหรือประชาชนมีการทุจริต ถ้ามีทุจริตแล้วบ้านเมืองพัง ที่เมืองไทยพังมาเพราะว่ามีทุจริต.... .... (ตัดความเพื่อกระชับ)
ถ้าทุจริตแม้แต่นิดเดียวก็ขอแช่ง แช่งให้มีอันเป็น พูดอย่างนี้หยาบคาย แต่ว่าขอให้มีอันเป็น แต่ถ้าไม่ทุจริต สุจริตและมีความตั้งใจจะทำ ขอให้ต่ออายุได้ถึง ๑๐๐ ปี หรืออายุมากแล้วก็แข็งแรง ประเทศไทยจะรอดพ้นอันตรายอย่างมาก...."
หัวหน้าใหญ่กำลัง "มีอันเป็น" จากการ "ทุจริต" ที่มีต่อประเทศ พิพากษาผ่านกระบวนการทางศาลผู้ทรงความยุติธรรม... หวังว่าลูกกระจ๊อกทั้งหลายที่จะช่วยคนทุจริตเหล่านี้รู้สำนึกทัน คิดถึงประเทศชาติให้มากๆ ครับ...
พระราชดำรัสของพระเจ้าแผ่นดินนั้น นับแต่โบราณกาลมาถือกันว่าเป็นวาจาสิทธิ์ ตราบจนปัจจุบัญชาวไทยยังเคารพพระราชดำรัส และนำมาเป็นแนวทางในกิจการต่างๆอยู่เสมอมา สำหรับพระราชดำรัสที่ยกมานั้น หลังจากมีพระราชดำรัสแล้ว เหตุการณ์ก็เป็นไปดังที่ทราบกันอยู่ มีผู้ที่ทยอย มีอันเป็นไป ไม่ขาดระยะ เป็นเรื่องที่ควรนำมาใส่ใจไว้ให้ดี สำหรับผู้ที่คิดทุจริตทั้งปวง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด
อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
|
|
|
ปุถุชน
|
|
« ตอบ #207 เมื่อ: 24-06-2007, 13:22 » |
|
มล. ไกรฤกษ์ออกมาพูดแล้วว่า ได้ทำบันทึกไปจริง ส่วนโฆษกศาลเจตนาจริงๆ ก็อยากจะปกป้องสถาบัน อาจารย์จรัญก็ทำเพราะปกป้องสถาบัน แต่คนทำข่าวใช้ยุทธวิธี สร้างความร้าวฉานคืองานของเรา ส่วนคุณสราวุธ ที่ออกมาแจงว่า ไม่ได้พูดอย่างที่ไปลงข่าว อันนั้นจริงหรือไม่ ไม่ทราบเพราะไม่ได้ยินกะหู แต่เท่าที่ทราบ อาจารย์จรัญเอง ตั้งแต่แรกก็ไม่ได้ให้ร้ายคุณสราวุธ พูดถึงกันและกันในทางดี (อันนี้ไม่ได้เป็นข่าว หน่วยสืบราชการลับกลับมารายงานให้ฟัง) อ้อ มีเรื่องนึงที่จะแจ้งให้เจ้าของกระทู้ทราบ ผู้รายงานคนนี้ แจ้งว่า ที่ ทรท ถูกยุบ เพราะดันเซ่อซ่าให้ กกต พ่วง ปชป เป็นตัวประกัน ทำให้การสืบพยานในศาลทางฝ่าย ปชป ทำได้ดีมาก การนำสืบพยาน ทำให้พยานหลักฐานรัดกุมจน ทรท ดิ้นไม่หลุด พูดง่ายๆ คือ ถ้าไม่ดันทุรังจับ ปชป เป็นตัวประกันอาจจะรอด ส่วนแหล่งข่าวท่านนี้เป็นใคร ขอสงวนไว้ เพราะต้องการให้เกียรติกับแหล่งข่าว ไม่ให้กระเทือนไปถึงท่าน ผมได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้แล้วครั้งหนึ่ง แต่ยังไม่ต้องการแสดงความคิดเห็น เพราะ"ฝุ่น"ยังตลบอยู่ และ กลัวจะเป็น"เครื่องมือ"ของบริวารเหลี่ยม ลี สิงกะโปโตกที่แพร่ข่าว ผ่านสื่อฯ รูปแบบต่าง ๆ จึงได้เปรียบในการรับรู้ข้อเท็จจริงมากกว่า ขอแสดงความคิดเห็นดังนี้........
การที่เจ้าของกระทู้ได้นำบทความจากหนังสือพิมพ์หลายฉบับมาลง ที่มีข้อเท็จจริงเพิ่มขึ้นแล้ว ผมเชื่อเจ้าของกระทู้ จะต้องเข้าใจดีว่า..... 1. การวิ่งเต้นให้"สินบน"แก่ตุลาการรัฐธรรมนูญมีจริง
2. ตุลาการที่ถูกทาบทามนั้น ปฏิเสธที่จะ"รับสินบน" จากผู้วิ่งเต้น ซึ่งพิจารณาได้จากการเปิดเผย ของปลัดกระทรวงยุติธรรม จรัญ ภักดีธนากุล การรายงานจาก"ผู้ถูกวิ่งเต้น" ให้ปลัดกระทรวงฯทราบ และผลการวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญเป็น"เอกฉันท์".... คดี"ยุบพรรค" พรรคไทยรักไทยและห้ามกรรมการพรรคไทยรักไทย 111 คน ยุ่งเกี่ยวกับการเลือกตั้ง เป็นเวลา 5 ปี
3. การเปิดเผยของคุณจรัญ เพื่อให้คนไทยได้รับรู้ มี"การวิ่งเต้น" จริง จากผู้ได้รับผลร้ายจากการวินิจฉัยของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ และต้องการธำรงเกียรติ ความเชื่อถือต่อสถาบันตุลาการของประเทศไทย
4. พรรคการเมืองที่เคย"ปากกล้า ขาสั่น"ว่า พรรคฯและพวกเขาไม่ได้กระทำผิดอะไร จะต้องได้รับความเป็นธรรม ยุติธรรมจาก คณะตุลาการรัฐธรรมนูญ และจะยอมรับ การวินิจฉัยที่มีไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม นั้นโกหกทั้งเพ....5. ประธานศาลฏีกา ได้แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาเรื่องนี้แล้ว ซึ่งประชาชนอยากจะให้ ขยายความถึง"ผู้วิ่งเต้น" และ"ตัวการว่าจ้าง"ที่อยู่เบื้องหลังนี้ด้วย เพื่อให้สถาบันตุลาการรัฐธรรมนูญนี้ สง่างามต่อไป.. 6. เมื่อประธานศาลฏีกาได้แต่งตั้งคณะกรรมการฯ พิจารณาแล้ว คุณวีระและกลุ่มคงจะยุติการร้องเรียน เพื่อรอดูผลการสอบสวนก่อน 7. คุณsnowflake คนไทยที่รังเกียจพฤติกรรมการวิ่งเต้น การให้สินบน ควรจะชื่นชมตุลาการรัฐธรรมนูญชุดนี้ คุณจรัญที่เปิดเผยความจริง และประธานศาลฏีกาที่ไม่นิ่งเฉย ปล่อยวาง.... 8. พวกเราจะต้องประนาม แกนนำพรรคฯ คนรักพรรคฯที่พยายามสร้างความเข้าใจผิด ทำลายศรัทธาความเชื่อถือของตุลาการรัฐธรรมนูญ และสถาบันตุลาการในขณะนี้ และคนว่าจ้างและรับจ้างให้สินบน ที่ทำลายความยุติธรรม.... ปล. การแสดงความคิดเห็นของนักวิชาการ นักกฎหมาย และ บทความในสื่อฯต่าง ๆ นั้น มีความหลากหลายตามพื้นฐาน ความเชื่อ เจตนาในการแสดงความคิดเห็นของเขา ที่พวกเราควรจะมีสติปัญญา วุฒิภาวะ เรียนรู้ ได้พิจารณาผิดถูกให้ความเชื่อถือต่อไป ..... แต่อย่าเป็น"ผู้นำสาร"ที่มีเจตนาจะแสดงความคิดเห็น ทำให้คนอื่น ๆ เข้าใจผิดหรือ เห็นพ้องด้วย....ปล. ทรท ถูกยุบ เพราะดันเซ่อซ่าให้ กกต พ่วง ปชป เป็นตัวประกัน ทำให้การสืบพยานในศาลทางฝ่าย ปชป ทำได้ดีมาก การนำสืบพยาน ทำให้พยานหลักฐานรัดกุมจน ทรท ดิ้นไม่หลุด พูดง่ายๆ คือ ถ้าไม่ดันทุรังจับ ปชป เป็นตัวประกันอาจจะรอด.....
เล่ห์ของ"หมาจิ้งจอก" ไม่ต้องการให้คนอื่นได้ดีกว่า และต้องการทำลายคนอื่น ๆ โดยไม่มี"หิริโอตตัปปะ" ตุลาการรัฐธรรมนูญ จึงนำข้อกล่าว คำชี้แจงนั้น ย้อนรอยพรรคฯ และพยานให้ปากคำ......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด
อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
|
|
|
ปุถุชน
|
|
« ตอบ #208 เมื่อ: 24-06-2007, 13:25 » |
|
ผลการวินิจของตุลาการรัฐธรรมนูญคดี"ยุบพรรค" และการตัดสิทธิทางการเมืองของกรรมการพรรคไทยรักไทย 111 คน เป็นเวลา 5 ปีแล้ว......
อดีตหัวหน้าพรรคฯ อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคฯ อดีตแกนนำพรรคฯ คนรักเหลี่ยม ลี สิงกะโปโตก ได้เคลื่อนไหว สร้างกระแส"วิกฤต"ศรัทธาสถาบันศาลยุติธรรม และตุลาการไทย ในรูปแบบต่าง ๆ หลากหลายวิธี รวมทั้งการบิดเบือน เบี่ยงเบน ข้อเท็จจริง ปั่นข่าว กระพือการขัดแย้ง นำความคิดเห็น ทัศนะของนักวิชาการ นักกฏหมายที่มีความคิดเห็นแตกต่างกับวินิจฉัย ของสถาบันศาลยุติธรรม และตุลาการรัฐธรรมนูญ มาเผยแพร่ พร้อมสรุปว่าถูกต้องมากกว่า ธำรงความยุติธรรมมากกว่า การวินิจฉัยของสถาบันศาลยุติธรรมที่ผูกพัน เกี่ยวข้องกับคณะ คมช. รัฐบาล และสถาบันพระมหากษัตริย์....
สถาบันศาลยุติธรรม เป็นสถาบันเดียว สถาบันสุดท้ายที่ไม่ถูกกลุ่มอำนาจเก่า แทรกแซง หรือ ครอบงำ เหมือนองค์กรอิสระ กลต. กกต. ปปช. ปปง. และ รัฐสภา เป็นต้น 5-6 ปีผ่านมา...
ดังนั้นสุจริตชนไทย ที่ต้องการให้สถาบันตุลาการไทย เป็นที่ยึดพึ่งเรียกร้องความยุติธรรม และศรัทธา ต้องร่วมกันปกป้อง การใส่ร้าย ใส่ความ ทำลายความเชื่อถือ จากกลุ่มอำนาจเก่าที่ทำร้าย ทำลายระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และความชอบธรรมในการเคลื่อนไหวการเมืองไทยอีกแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด
อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
|
|
|
ปุถุชน
|
|
« ตอบ #209 เมื่อ: 08-07-2007, 11:30 » |
|
เศรษฐกิจไทยวันนี้ไม่ดิ่งเหว ผลบวกยาแรงยุค "ธารินทร์" 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 07:54:00 จุดเปลี่ยนประเทศไทย 10 ปีหลังวิกฤติ 40 : วัชรา จรูญสันติกุล กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : ธารินทร์ นิมมานเหมินท์ รัฐมนตรีคลังในยุคแก้ไขปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจและการเงินไทยปี 2540 ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วงจากกลุ่มนักเศรษฐศาสตร์และนักธุรกิจไทยตลอดเวลาที่รับตำแหน่งสามปี ว่า "ล้มเหลว" ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจขณะนั้น เพราะเดินหลงทางตามก้นไอเอ็มเอฟจนให้ "ยาแรง" เกินขนาด ซึ่งถือว่าเป็นการให้ยาผิดในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ อีกทั้งทำให้ขาดความเป็น "อิสระ" ในการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจที่เป็นของประเทศไทยเองท่ามกลางภาวะวิกฤติที่เกิดขึ้น วันเวลาได้ผ่านมาสิบปี แต่บนเวทีวิพากษ์ยังคงพูดถึงนโยบายเศรษฐกิจและนโยบายการเงินการคลังในยุคของธารินทร์ทั้งแง่มุมบวกมุมลบ หลังจากเหตุการณ์เงินบาทถูกโจมตีเป็นระลอกใหญ่จากภายนอกประเทศในช่วงวันวาเลนไทน์ 14-15 กุมภาพันธ์ 2540 ห่างจากระลอกแรกที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนธันวาคม 2539 ราวคลื่นมรสุมสงบนิ่ง แต่เมฆฝนก็ตั้งเค้าอีกนับตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม โดยในเช้าวันหนึ่ง นายเริงชัย มะระกานนท์ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในขณะนั้น หอบแฟ้มเอกสารเพื่อรายงานรัฐมนตรีคลัง ดร.อำนวย วีรวรรณ เกี่ยวกับความอ่อนแอของสถาบันการเงิน 18 แห่ง กับอีก 3 ธนาคารพาณิชย์ จำเป็นที่ทางการเองงัดเอาแผนควบกิจการมาใช้กัน โดยให้รัฐเข้าถือหุ้นใหญ่คล้ายกับจะจัดตั้งเป็นธนาคารกรุงไทยแห่งที่สอง ในที่สุดมีคำสั่งปิดแค่ 16 สถาบันการเงิน ในเดือนมีนาคม 2540 นั้นเอง โดยมีรัฐค้ำประกันเงินฝาก แต่เมื่อไม่ปรากฏชื่อของสองบริษัทเงินทุนใหญ่ เช่น เอกธนกิจของนายปิ่น จักกะพาก และบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์จีเอฟ ทั้งที่เป็นความข้องใจของนักลงทุนในตลาด ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เส้นแบ่งความเชื่อมั่นได้ขาดสะบั้นลง เกิดปรากฏการณ์ข่าวลือเป็นระลอกหนาหูขึ้นเรื่อยๆ ตามด้วยการถอนเงินจากสถาบันการเงินใหญ่ๆ จนขาดสภาพคล่อง และลุกลามสู่การแห่ถอนเงินครั้งใหญ่ในระบบสถาบันการเงินจนกระทั่งคลอนแคลนและนำไปสู่การต้องปิดสถาบันการเงินเพิ่มขึ้นอีก 42 แห่ง รวมเป็น 58 แห่งในเดือนสิงหาคมต่อมา ตามข้อเสนอของไอเอ็มเอฟ เพื่อตัดทิ้งเนื้อร้ายและเพื่อหยุดการแห่ถอนเงิน Deposit Run ในระบบสถาบันการเงินไทย โดยที่รัฐบาลไทยต้องรับประกันเงินฝาก และกองทุนฟื้นฟูระบบสถาบันการเงินให้ความคุ้มครองกับเจ้าหนี้สถาบันการเงินต่างชาติทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ ในเวลานั้น อาณาจักรของ "เอกธนกิจ" ขยายตัวใหญ่จนเกือบจะก้าวกระโดดขึ้นเป็น "Mega Finance Company" กลับต้องล่มสลายลงไปกับสินทรัพย์ที่เสียหายกว่าแสนล้านบาท รวมทั้งความล้มเหลวของแผนการควบกิจการกับธนาคารไทยทนุ ต่อมาได้ส่งผลเป็นโดมิโนให้การหาผู้ร่วมทุนจากธนาคารต่างชาติของธนาคารไทยอีก 4 แห่ง ถึงกับล้มเหลวตามไปด้วย เกือบจะเป็นช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไทยตกอยู่ในสภาพนักวิ่งผลัดที่ส่งไม้ต่อจากวิกฤติสถาบันการเงินในระลอกแรกนั้น มาถึงการโจมตีค่าเงินบาทจากเฮดจ์ฟันด์ที่เป็นกองทุนเก็งกำไรภายนอกประเทศได้เกิดขึ้นระลอกใหม่เป็นครั้งที่สาม ซึ่งนับเป็นระลอกที่ใหญ่ที่สุดอย่างไม่เคยเกิดขึ้นกับประเทศไทย เฮดจ์ฟันด์มีอำนาจเงินนับหลายแสนล้านดอลลาร์ ทุ่มโจมตีเงินบาทสุดตัวเพื่อเอาชนะ ธปท.ในขณะนั้น จนทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยที่สะสมมานานกว่าครึ่งศตวรรษได้ไหลทะลักออกจาก ธปท.วันละหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐอย่างต่อเนื่อง นับจากวันที่ 12-16 พฤษภาคม โดยหนักหน่วงที่สุดในช่วงวันที่ 13-14 พฤษภาคม ทุนสำรองเงินตราได้ไหลออกจำนวนมหาศาลไม่ต่ำกว่าวันละ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ จนกระทั่งทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยที่มีอยู่ 4 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงปลายปี 2539 ลดลงแทบไม่เหลือหลอ ทำให้วิกฤตการณ์เงินบาทที่ถูกซ่อนเร้นไว้กลายเป็นระเบิดลูกใหญ่ที่ถล่มภาวะเศรษฐกิจไทยและฐานะการเงินของประเทศจนซวนเซแทบล้มทั้งยืน ประกอบกับคนไทยเริ่มขาดความเชื่อมั่นในประเทศกันเอง มีการนำเงินออกนอกประเทศในเดือนมิถุนายน จนทุนสำรองเกือบกลายเป็นเลขศูนย์ ในที่สุด ธปท.ก็หมดทางเลือกต้องลดค่าเงินบาท และประกาศเปลี่ยนแปลงนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนจากการบริหารในระบบตะกร้าเงิน มาเป็นระบบลอยตัวแบบจัดการเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 ทำให้เงินบาทมีค่าลดฮวบฮาบลงจากอัตรา 25 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 27-28 บาท และไถลลงหนักที่สุดในปลายเดือนมกราคม 2541 ที่ 56 บาท ย้อนเวลากลับไปในวันที่ 21 สิงหาคม 2540 ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจและการเงินไทย ก่อนที่จะลุกลามไปสู่วิกฤติระดับภูมิภาคในเอเชีย ประเทศไทยต้องเข้าโปรแกรมการขอรับความช่วยเหลือทางการเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) โดยได้รับเงินกู้เป็นจำนวน 1.72 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อเป็นเงิน Stand By Credit ที่ยืนยันว่าประเทศไทยจะสามารถชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ต่างชาติที่รุมขอคืนเงินกู้จากภาคธุรกิจของไทย ภายใต้เงื่อนไขที่ต้องยืนยันพันธกรณี (Letter Of Intent) ถึง 7 ฉบับ ที่ทำให้รัฐบาลไทยต้องปฏิบัติตามในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจแบบรัดเข็มขัดอย่างรุนแรง รักษาวินัยการคลังเคร่งครัดโดยเข้มงวดการใช้เงินงบประมาณของภาครัฐทุกบาททุกสตางค์ และดำเนินนโยบายการเงินอย่างเข้มข้น กำหนดอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงเพื่อบีบรัดการใช้จ่ายของภาคเอกชน โดยหวังว่าจะทำให้เศรษฐกิจเกิดเสถียรภาพและเรียกความเชื่อมั่นกลับมา เดือนพฤศจิกายนในปีนั้น รัฐบาลของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประกาศลาออก รัฐบาลใหม่โดยการนำของนายชวน หลีกภัย ในสมัยที่สอง เข้ารับงานบริหารประเทศ โดยมีนายธารินทร์ นิมมานเหมินท์ เป็นรัฐมนตรีคลัง ร่วมกอบกู้วิกฤติ ซึ่งเขาได้กล่าวล่าสุดว่า เศรษฐกิจไทยขณะนั้นถูกบีบรัดอย่างรุนแรง แต่ต่อมาไอเอ็มเอฟยอมรับว่าใช้โปรแกรมที่ไม่ตรงกับประเทศไทย จึงยอมผ่อนคลายนโยบายการคลังลงภายหลังจากรัฐบาลที่เข้ามาใหม่ได้พยายามต่อรองในเรื่องการกำหนดแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจให้ผ่อนปรนมากขึ้น เพราะฐานะการคลังของไทยไม่ได้มีปัญหาใดๆ โดยที่ตัว "G" คือ Government Spending เป็นเพียงเครื่องมือเดียวที่มีเงินพอที่จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจในช่วงวิกฤติเท่านั้น แต่ ไอเอ็มเอฟยืนยันที่จะไม่ผ่อนคลายนโยบายการเงินหากมีผลกระทบต่อการตกรูดของเงินบาท และการพุ่งกระฉูดของเงินเฟ้อ ซึ่งในตอนนั้นเป็นปัญหาจากทางด้านต้นทุนสูง โดยที่ปัญหาเงินเฟ้อจากความต้องการในประเทศได้ตายไปหมดแล้วจากผลพวงของภาวะวิกฤติ ธารินทร์ เล่าให้ฟังว่า ปัญหาวิกฤติที่เกิดขึ้นกับระบบสถาบันการเงินไทยยังไม่ได้จบลงไปพร้อมกับการสั่งปิด 58 สถาบันการเงิน (ต่อมาเหลือ 56 ไฟแนนซ์ โดยคืนใบอนุญาตให้กับเกียรตินาคินและบางกอกอินเวสต์เมนท์) โดยไอเอ็มเอฟดึงธนาคารโลกเข้ามาช่วยฟื้นฟูสินทรัพย์ที่เป็นลูกหนี้ของสถาบันการเงินที่ถูกสั่งปิด เพราะเห็นว่าจะต้องใช้ผู้ชำนาญการมาดำเนินการอย่างรวดเร็ว หากปล่อยไว้นานก็จะกลายเป็นหนี้เสียมากเพิ่มขึ้น โดยจะจัดตั้งเป็นองค์กรอิสระ ซึ่งไม่ให้กระทรวงการคลังและ ธปท.เข้ามาเกี่ยวข้องกับการบริหารองค์กรนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงความไม่โปร่งใสหรือมีการเตะถ่วงการทำงาน ถึงแม้ว่าทั้งสองหน่วยงานจะเป็นเจ้าของก็ตาม
องค์กรเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน หรือ ปรส. ถูกจัดตั้งขึ้นมาให้มีหน้าที่ทำการฟื้นฟูสถาบันการเงิน ไม่ใช่ฟื้นฟูสินทรัพย์ของสถาบันการเงิน
ในเดือนพฤศจิกายน 2540 ธารินทร์ขอให้สมาคมธนาคารไทยละธนาคารออมสินเข้ามาช่วยกันฟื้นฟูสถาบันการเงิน มีบรรษัทเงินทุนสากล หรือ ไอเอฟซี (International Finance Corporation) ซึ่งเป็นสถาบันการเงินในเครือของธนาคารโลกและเคยเป็นเจ้าหนี้ใหญ่ของกลุ่มเอกธนกิจ เสนอแผนฟื้นฟูพร้อมใส่เงินเข้ามา โดยร่วมมือกับธนาคารดอยช์แบงก์ของเยอรมนี "แต่ไอเอฟซีมักจะบ่นว่า ไม่ได้รับความสะดวกจาก ปรส." ซึ่งในเวลานั้น กองทุนฟื้นฟูประกาศให้เอกธนกิจควบกิจการกับธนาคารไทยทนุโดยใช้เงินราว 8 พันล้านบาท
"ผมบอกให้ไอเอฟซีวิ่งไปหา ปรส.เพื่อเสนอแผนฟื้นฟูเอกธนกิจ แต่ ปรส.กลับบอกว่าปิดเวลารับการพิจารณา ทั้งที่ยังมีเวลาเหลืออีกสองวัน" ธารินทร์กล่าวในที่สุด ทางการก็สั่งปิดเอกธนกิจเป็นการถาวรในวันที่ 8 ธันวาคม 2540
ปรส.ได้ตกปากรับคำกับ "5 เสือ" ซึ่งบริษัทผู้สอบบัญชีระดับโลก อาทิเช่น อาเธอร์แอนเดอร์สัน เอิร์นสแอนด์ยัง คูเปอร์ส & ไลแบรนด์ ดีลอยด์ & โทมัสซึ และเคพีเอ็มจี ว่าจะให้เข้ามาร่วมทำงาน แต่ทั้ง "5 เสือ" ได้เสนอแผนร่วมงานกันมาเป็น joint package โดยต้องการค่าตอบแทน 1.6 พันล้านบาทในการเข้ามาบริหารสินทรัพย์ นอกจากเงินค่าบริหารที่แพงมากแล้ว "เขายังเสนอสิ่งที่ผมรับไม่ได้ คือ ถ้าทำงานไปแล้ว เกิดภาระหนี้สินเพิ่มขึ้นในอนาคต (Future Liabilities) รัฐบาลไทยต้องรับผิดชอบ เมื่อขอให้ตัดเงื่อนไขนี้ออก เขาบอกว่าไม่ได้ ผมก็เลยให้เลิก" แต่ต่อมา ได้มีการว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญในการบริหารสินทรัพย์จากสถาบันการเงินเข้ามาดูแลแทนโดยมีการว่าจ้างด้วยผลตอบแทน 200 ล้านบาท
ธารินทร์กล่าวว่า นี่เป็นวิกฤติสถาบันการเงินไทยในภาคพิสดาร มีปัญหาหนี้สินที่อาจเสียหายสูงถึง 1.6 ล้านล้านบาท เป็นหนี้สินรวมทั้งภาระดอกเบี้ยในอนาคตที่นำไปฝากไว้กับธนาคารกรุงไทยและบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์กรุงไทยธนกิจ รวม 1 ล้านล้านบาท ถึงแม้ว่าต่อมาจะมีการดำเนินคดีทางศาล โดยชนะคดีก็ตาม แต่ได้เงินคืนมาเพียงกว่าพันล้านบาท ส่วนหนี้สินที่โผล่มาอยู่กับ ปรส.ยังมีอีก 6 แสนล้านบาทนั้น ซึ่งหนี้ทั้งหมดมีตัวเลขโผล่มาทาง ธปท.ว่า เป็นหนี้เอ็นพีแอลที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ถึง 46.7% ของสินเชื่อทั้งระบบ
การหารือกอบกู้วิกฤติการเงินไทยในปี 2540 ที่ฝรั่งเรียกว่า "หมิ่นเหม่ต่อการเจ๊ง แต่ผมได้คุยกับชัยวัฒน์ (ดร.ชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ ผู้ว่าการ ธปท.ต่อจากนายเริงชัย) ว่า กองทุนฟื้นฟูพร้อมที่จะเข้าแทรกแซงเป็นรายแบงก์ ซึ่งตอนนั้นเกิดปัญหากับอีก 5 แบงก์"
"เราตั้งแบงก์รัตนสิน เพื่อให้เป็น Bridge Bank ช่วยให้สภาพคล่องทางการเงินในระยะสั้นกับแบงก์ที่ขาดสภาพคล่องทางการเงิน ซึ่งไอเอ็มเอฟก็เห็นด้วย โดยให้ถ่ายโอนสินทรัพย์ที่ไม่ต้องมีการประมูล จากนั้นก็ให้ประเมินหนี้ของกองทุนฟื้นฟูใน ปรส.ว่ามีเท่าไร ปรากฏว่า มีหนี้เป็นเอ็นพีแอล 99%" ดังนั้น กระทรวงการคลังจึงรับภาระความเสียหายออกพันธบัตรรัฐบาล 5 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นภาระภาษีของประชาชนในอนาคต
ธารินทร์ ยอมรับว่า แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจไม่ใช่จะทำได้ง่ายๆ เพราะแนวโน้มเศรษฐกิจที่แท้จริงหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง แล้วยังมาเกิดปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจในภูมิภาค จากไทยสู่เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฮ่องกง ซึ่งอยู่ๆ ก็มาถึงรัสเซีย ตุรกี รวมถึงอาร์เจนตินาในรอบที่สอง "ปัญหาไทยแก้ยาก แต่ก็ไม่ถึงขั้นอินโดนีเชีย โดยไอเอ็มเอฟให้ตัดเงินอุดหนุนในการซื้อน้ำมันและอาหารของประชาชน ซึ่งถ้าเราไม่มีภาคเกษตรช่วยไว้ อาจแย่กว่านี้ก็ได้"
"นับแต่วันแรก ผมเห็นปัญหาขาดสถาพคล่องทางการเงิน ท่อน้ำเลี้ยงที่จะไปภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงถูกปิดหมด แต่ทำอะไรไม่ได้ และที่แย่ก็คือ ธนาคารไทยถูกตัดเครดิตไลน์จากธนาคารต่างชาติหมด จน ธปท.ต้องเข้ามาประกันให้ แต่ทำได้แค่วงเงิน 1 พันล้านดอลลาร์ เท่านั้น ที่ยอมรับไม่ได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ ไม่เพียงแบงก์เล็กแบงก์กลาง แม้แต่แบงก์ใหญ่ก็เปิดแอลซีไม่ได้ ทำให้ต้องออกแผนแม่บทแก้ไขปัญหาสถาบันการเงินไทย 14 สิงหาคม 2541 และต้องปรับโครงสร้างให้ได้ ก็เพราะฐานะตอนนั้นความเสี่ยงของไทยตกไปอยู่ที่อันดับสามจากท้ายตารางของ 160 ประเทศ"
ตั้งแต่ ธารินทร์ เข้ากุมบังเหียนเศรษฐกิจไทย มีการติดลบไปถึง 12% โดยในปีแรก 2540 ติดลบ 1.8% และปีที่สอง 2541 ติดลบอีก 10.8% แต่หลังจากนั้นเศรษฐกิจก็ค่อยกระเตื้องขึ้นจนรัฐบาลทักษิณเข้ามารับผลบวกมีอัตราเติบโตถึง 4.5% ต่อปี "ช่วงวิกฤติ คนจนช่วยคนรวย จากนี้ไปเศรษฐกิจต้องปรับโครงสร้างแล้วค่อยๆ ตั้งหลักต่อไป การปล่อยให้มหาเศรษฐีรวยแล้วรวยอีก หรือปล่อยให้ระบบเศรษฐกิจเติบโตบิดเบือน มันจะมั่นคงได้อย่างไร ประเทศไทยยังต้องเดินในแนวทางสมัยใหม่ ผมถูกต่อต้านในตอนนั้น เพราะไม่เน้นชาตินิยม แต่ตอนที่ผมส่งมอบงานนั้น ทุนสำรองประเทศมีฐานะสุทธิ 2 หมื่นล้านดอลลาร์ แล้ว ที่สำคัญเศรษฐกิจไทยต้องเดินไปอย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืนในระยะยาว โดยไม่ต้องใช้นโยบายประชานิยม"
"ผมยอมรับว่า ทำได้แค่กู้วิกฤติ เพื่อเศรษฐกิจลุกขึ้นมาตั้งหลัก ไม่สามารถทำให้ลุกขึ้นวิ่งอย่างที่หลายคนต้องการ" ธารินทร์ กล่าวในที่สุด http://www.bangkokbiznews.com/2007/07/02/WW13_1311_news.php?newsid=81868เศรษฐกิจไทยวันนี้ไม่ดิ่งเหว ผลบวกยาแรงยุค "ธารินทร์"..... 1. 5-6 ปีที่รัฐบาลทักษิณบริหารประเทศ ได้"กรอกหู" คนไทยว่ารัฐบาลชวน หลีกภัย ล้มเหลวในการบริหารบ้านเมือง ทำให้เศรษฐกิจไทยย่ำแย่กว่าเดิม รัฐบาลของเขา"กู้ชาติ" ให้ดีขึ้นมีเงินสำรองประเทศถึง 4-50,000 ล้านดอลล่าร์( รัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ ไม่ได้ทำอะไร มีเงินสำรองกว่า 80,000ล้านดอลล่าร์.... )
2. รัฐบาลชวน หลีกภัย ได้นำคนไข้(เศรษฐกิจไทย)เข้าห้อง"ไอซียู" เพื่อรักษา ผ่าตัด"เนื้องอก" และสามารถนำออกจากห้อง"ไอซียู" อยู่ในห้องพักฟื้นเพื่อรักษาต่อไป แต่คนไทยเจ้าของไข้ไม่ต้องให้อยู่ห้องพักฟื้น ต้องการให้ออกจากห้องพักฟื้นเพื่อกลับบ้านไปใช้ชีวิตปกติทันที ซึ่งรัฐบาลชวน หลีกภัย และธารินทร์ นิมมานเหมินทร์ ไม่สามารถ"จัดให้"ทันทีได้ จึงไม่ได้รับความนิยมและสนับสนุนให้เป็นรัฐบาลต่อไปอีก....
3. 5-6 ปีที่ทักษิณมีอำนาจบริหารประเทศ ไม่เคยมีความคิดจะยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงพรบ."ขายชาติ" 11 ฉบับ(ที่กล่าวหารัฐบาลชวน หลีกภัย"ขายชาติ) ไม่ให้"ขายชาติ"ตามความหมายของเขา แต่ฉวยโอกาส"แก้ไข"ให้เป็นประโยชน์ในการฉ้อราษฎร์บังหลวง และทุจริตทางนโยบายตลอดเวลา......
4. 5-6 ปีที่ผ่านมาเช่นกันที่ธารินทร์ นิมมานเหมินทร์ ไม่มีโอกาสชี้แจงรายละเอียด เพราะรัฐบาลได้ปิดกั้นสื่อฯ รวมทั้งมี"ลูกขุนพลอยพยัก" เช่น สนธิ ลิ้มทองกุล "หมัก-หน้าจืด" และ "หน้าดำ-หน้าขาว" ผู้จัดรายการยูบี 7ของเจ้าสัวฯ(วันนี้"หน้าขาว"ได้ร่วมจัดรายการยามเฝ้าแผ่นดินของสนธิ ลิ้มฯ) เป็นโฆษกนอกทำเนียบที่ปกป้อง แก้ตัว ใส่ความพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นฝ่ายค้านในสภา..... ขอแลกเปลี่ยนความเห็นที่มีเหตุผล อ้างอิงได้นะครับ.....ผมขอเก็บข้อมูลนี้ที่นี่ เผื่อว่าจะนำไปแสดงในกระทู้ของคนรักเหลี่ยม ลี สิงกะโปโตก ที่บิดเบือน ข้อเท็จจริง และเบี่ยงเบนประเด็น จะได้พบทันใจ.......
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด
อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
|
|
|
ปุถุชน
|
|
« ตอบ #210 เมื่อ: 12-07-2007, 11:05 » |
|
กระทู้ใหม่ คคห.ใหม่ของ"กากเดน"กลุ่มอำนาจเก่าเหลี่ยม ลี สิงกะโปโตกที่เข้ามาตั้งในเวบเสรีไทย ได้รับความสนใจ ฮือฮาน้อยกว่ากระทู้แรก ๆ หรือ คคห. แรก ๆ เพราะว่า....
1. เจ้าของกระทู้เหล่านั้นเป็น "เหล้าเก่า(เน่า)ในขวดใหม่" ที่ต้องการหลอกคนให้เข้าไปอ่านความเห็นโฆษณาชวนเชื่อกลุ่มอำนาจเก่า หรือ บิดเบือนข้อเท็จจริง ใส่ความ กล่าวร้าย ประธาน คมช. เลขาธิการคณะ คมช. รัฐบาลนี้ คณะกรรมการ คตส. ปปช. และ ศาลยุติธรรมที่กำลังพิจารณาคดีทุจริตต่าง ๆ ของกลุ่มอำนาจเก่า ไม่ว่าจะเป็น"นายผู้ชาย" หรือ "เมียหลวง" หรือ "ลูกเมียหลวง" หรือ "เด็กในบ้าน" หรือ "เด็กในบ้าน" หรือ "เด็กเกาะรั้วบ้าน" เพื่อนำคนคอร์รั่ปชั่น มาลงโทษตามกฎหมายบ้านเมืองต่อไป
2. เจ้าของกระทู้มีเจตนาสร้าง"กระทู้ขยะ" และ "คคห.ขยะ" โดยไม่ให้ความรู้ใหม่ ความเข้าใจใหม่ เพื่อแลกเปลี่ยน แสวงหาความรู้ซึ่งกันและกัน เพื่อให้กระทู้ของพวกเรา ตกหายไปอย่างรวดเร็วกว่าธรรมชาติที่จะเป็น....
3. เจ้าของกระทู้มีเจตนาสร้าง"มลภาวะ" ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐฯ คิดว่าเวบ"เสรีไทย" เป็นเวบบอร์ดที่สนับสนุน ยกย่อง ศรัทธากลุ่มอำนาจเก่า เหลี่ยม ลี สิงกะโปโตกอย่างเวบอื่น ๆ ที่ได้กระทำสำเร็จมาแล้ว จะได้ตรวจสอบต่อไป....
4. เจ้าของกระทู้มีเจตนาให้"คอการเมือง" คนอื่น ๆ เข้าใจว่าเวบ"เสรีไทย" มีคุณภาพตกต่ำ หรือ อยู่ภายใต้อำนาจเงินตราของกลุ่มอำนาจเก่า เหลี่ยม ลี สิงกะโปโตก แล้ว ทั้งที่เวบเสรีไทย ได้รับการกล่าวขานใน"ทางบวก" ต่อต้าน ขับไล่พวกกลุ่มอำนาจเก่ามาตลอด....
ดังนั้นสมาชิกเวบเสรีไทย ควรเตือนตัวเองก่อนจะเข้าไปในกระทู้ของพวก"เหล้าเก่า(เน่า)ในขวดใหม่" ว่าอ่านแล้ว ผ่านเลย ผ่านไป หรือ จะแสดงความคิดเห็นร่วมด้วย.....
กระทู้ใด คคห.ใด ของคนเหล่านี้ ที่คิดว่าคนธรรมดาใช้"สามัญสำนึก" ก็รู้ว่าข้อมูลที่นำมานั้น เป็นเท็จ บิดเบือน เบี่ยงเบน หรือมีความจริงเพียงเสี้ยวเดียว ก็อย่าไปให้ความสนใจตอบกระทู้ หลงกลการสร้างกระทู้ หรือ คคห. เพื่อคนพวกนี้จะนำไปทำ "คะแนน" สะสมให้"นายผู้ชาย" หรือ "บริวาร"ที่ได้รับหน้าที่มาจด"คะแนน" เหล่านั้น....
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด
อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
|
|
|
login not found
|
|
« ตอบ #211 เมื่อ: 12-07-2007, 11:17 » |
|
รับทราบและเห็นด้วยครับ และจะดีมากกว่านี้ถ้าผู้ดูแลลบกระทู้ขยะออกไปบ้าง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ปุถุชน
|
|
« ตอบ #212 เมื่อ: 29-08-2007, 11:40 » |
|
โอ๊ว ... ขอบใจที่ยกเรื่องนี้มา แบบทักษิณพูดที่นครสวรรค์นั่นแหละ คือการขู่ประชาชนอย่างแท้จริงเลย 5 5 5 ถ้าผมเป็นคุณ' ปรมาจารย์เจได ' ผมจะตอบ คคห.ของผู้ใช้นามแฝง'ท้าวฯ' หนึ่ง คคห. ก็พอ เพราะรู้ว่าเขากำลังเบี่ยงประเด็นไปเรื่องอื่น ๆ.....
กลับมาเนื้อหาของคุณ'Scorpio6' เจ้าของกระทู้ดีกว่า.... วันนั้นผมได้ชมรายการสัมภาษณ์ของ ASTV1.... ได้เชิญประธาน กกต.บุรีรัมย์ มาร่วมสนทนาด้วย....
ท่านประธาน กกต. ได้เปิดเผยผลสำเร็จของการกำกับประชามติที่บุรีรัมย์ เพราะ 3 แรง แข็งขัน คือ 1. ประธาน กกต.และทีมงาน 2. รองผู้ว่าบุรีรัมย์คนหนึ่ง (ลืมชื่อไปแล้ว) 3. รองผู้กำกับจังหวัดคนหนึ่ง (ลืมชื่อไปแล้ว)
ทั้งสามท่านนี้ ไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจ บารมีของ "ยี้ห้อย" ได้ขัดขวางการซื้อเสียง การชักชวน การข่มขุ่ให้ไปลงประชามติ "ไม่รับ" ได้สำเร็จ.... ทั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากส่วนกลาง ทหารในพื้นที่ด้วย....
ดังนั้น พื้นที่อื่น ๆ จังหวัดอื่น ๆ จะสำเร็จได้ต้องมีปัจจัยดังนี้ด้วย......เมื่อมีการเลือกตั้งซ่อมที่ศรีสะเกษปีนั้น ดร.มานะ ซึ่งเป็นคู่แข่งกับ สส.ทรท.หลายสมัย ที่เสียชีวิตหลายครั้ง แต่ละครั้งต้องนับคะแนนกันใหม่ เพราะห่างกันไม่ถึง 1000 คะแนน
เมื่อเป็นการเลือกตั้งซ่อมกระทันหัน พรรค ทรท.ไม่สามารถหาผู้สมัครที่มีบารมีเท่าเทียมได้ ทำโพลล์ 2 ครั้ง ก็พ่ายแพ้ ดร.มานะ ทั้งสองครั้ง....
ก่อนวันลงคะแนนหนึ่งวัน แกนนำ ทรท.ดูแลพื้นที่อิสาน จึงใช้วิธีให้ นายตำรวจใหญ่ในพื้นที่เรียก"หัวคะแนน"ฝ่ายตรงข้าม มาสอบถามว่า จะไปพักผ่อนชายทะเลบางแสน หรือ จะเป็น"ผู้มีอิทธิพล" ตามบัญชีดำ....
กลวิธีนี้ทำให้ฝ่ายตรงข้ามปรับตัวไม่ทัน เพราะ"หัวคะแนน" หนีกระเจิงออกจากพื้นที่ทั้งหมด..... เหลือ"หัวคะแนน" ฝ่าย ทรท. เข้าไปซื้อเสียงฝ่ายเดียว........
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด
อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
|
|
|
ปุถุชน
|
|
« ตอบ #213 เมื่อ: 30-09-2007, 12:03 » |
|
คดีความ คดีทุจริตของอดีตนายกฯทักษิณ ที่คณะกรรมการ คตส. ปปช. ดีเอสไอ. หน่วยงานอื่น ๆ ได้สอบสวน ใกล้ได้ข้อยุติเป็นจำนวนมาก บางคดีได้นำสู่ขบวนการศาลยุติธรรมแล้ว สื่อมวลชนได้เผยแพร่ ทั้งใน/นอกประเทศ เป็นที่กล่าวขานถึงของคนไทยจำนวนหนึ่งที่"เปิดหู เปิดตา เปิดปาก" ได้รับรู้......
แต่ยังคงมีคนไทยประเภท อเวไนยสัตว์ และ คนรักงมงาย และ คนรับจ้างให้ปฎิบัติหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ที่ยังหลงเชื่ออยู่
นอกจากนี้ใกล้วันเลือกตั้งใหม่ 23 ธันวาคม 2550 จึงต้องมีการบิดเบือน แปลงหน้าตาใหม่ ตั้งพรรคการเมืองใหม่เป็น"ตัวแทนเชิด"
วันนี้พวกคนรับจ้าง"หน้าใหม่ นามแฝงใหม่" ได้เข้ามาในเสรีไทยเวบบอร์ดเพิ่มจากเดิม สามารถใช้ภาษา สำนวน เรียบเรียงข้อความอย่าง"มืออาชีพ" นำความจริงส่วนหนึ่ง มาทำลายความเชื่อถือ ความศรัทธา บิดเบือน เบี่ยงเบน แปลงสาร ให้เข้าใจผิด.....
บางคนฉวยโอกาส หยิบข้อมูล เช่น รายงานความมั่งคั่งของพระมหากษัตริย์นานาประเทศ มากล่าวถึง บิดเบือน แปรเจตนาเป็นอื่น ๆ โดยเฉพาะสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ไทย แสร้งไม่เข้าใจว่าทรัพย์สินนั้นเป็นของพระมหากษัตริย์ไทยที่รัฐบาลเป็นผู้ดูแลและบริหาร ไม่ใช่"พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์" แต่อย่างไรเป็นต้น.....
บางคนฉวยโอกาส นำคำให้สัมภาษณ์ของนายกฯ สุรยุทธ์วิพากษ์วิจารณ์ตนเองว่าเป็น "โจรกลับใจ" มาเป็นประเด็น ทั้งที่เรื่องราวของพล.อ.สุรยุทธ์ เปรียบเทียบกับคดีทุจริต ฉ้อราษฎร์บังหลวง ผลประโยชน์ทับซ้อน ทุจริตทางนโยบาย ฯลฯ เบาเหมือน"ขนนก" กับ "อุจจาระ".....
จึงสมควรจะระมัดระวัง คนหน้าใหม่ สำนวนใหม่ วิธีการใหม่ไว้บ้าง................ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-09-2007, 12:11 โดย ปุถุชน »
|
บันทึกการเข้า
|
หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด
อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
|
|
|
ปุถุชน
|
|
« ตอบ #214 เมื่อ: 30-09-2007, 22:02 » |
|
มาตรา 4 ในพระราชบัญญัตินี้"ทรัพย์สินส่วนพระองค์" หมายความว่า ทรัพย์สินหรือสิทธิอันติดอยู่กับทรัพย์สิน ซึ่งมีอยู่หรือเกิดขึ้นในส่วนใดๆ แห่งราชอาณาจักร ถ้า
(ก) ทรัพย์สินหรือสิทธิเช่นว่านั้นเป็นของพระมหากษัตริย์อยู่แล้วในเมื่อเสด็จขึ้นครองราชสมบัติ และพระองค์ทรงมีสิทธิที่จะจำหน่ายสิ่งเหล่านั้นได้ก่อนครองราชสมบัติ
(ข) ทรัพย์สินหรือสิทธิเช่นว่านั้น ได้ตกมาเป็นของพระองค์ ในเมื่อหรือภายหลังแต่เวลาที่ครองราชสมบัติโดยทางใดๆ จากบรรดาพระราบุพการีใดๆ หรือจากบุคคลใดๆ ซึ่งไม่ได้เป็นพระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรนี้
(ค) ทรัพย์สินหรือสิทธิเช่นนั้น ได้มาหรือได้ซื้อจากเงินส่วนพระองค์
"ทรัพย์สินส่วนสาธารณสมบัติของแผ่นดิน" หมายความว่า ทรัพย์สินในพระมหากษัตริย์ซึ่งใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ เป็นต้นว่าพระราชวัง
"ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์" หมายความว่า ทรัพย์สินในพระมหากษัตริย์นอกจากทรัพย์สินส่วนพระองค์และทรัพย์สินส่วนสาธารณสมบัติของแผ่นดินดังกล่าวแล้ว http://www.crownproperty.or.th/history.phpผมนำเรื่องราวเกี่ยวกับทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ทรัพย์สินส่วนพระองค์ ทรัพย์สินส่วนสาธารณสมบัติของแผ่นดิน มาให้อ่าน อยากจะรู้รายละเอียดเพิ่มเติม ควรเข้าไปใน เวบไซท์ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์........
อ่านแล้วจะรู้ว่าคนรักทักษิณ จำเลยคดีทุจริตต่าง ๆ และ หนี"หมายจับ" ของศาลยุติธรรมไทย ในกระทู้นี้ แสดงออกถึงความรัก ความจงรักภักดิต่อในหลวงของเราอย่างไร เหมือน"นายผู้ชาย" ของพวกเขาหรือไม่....ขอให้ใช้สติปัญญา วุฒิภาวะ และสัมมาทิฐิ ปลอดจากการเป็น ขี้ข้า บริวารของทักษิณ จำเลยคดีทุจริต ฉ้อราษฎร์บังหลวงต่าง ๆ ของคณะกรรมการ คตส. ปปช. และ ดีเอสไอ. เป็นต้น ในการพิจารณา วิพากษ์วิจารณ์...เนื้อหากระทู้นี้ได้บอกเล่าว่า ผู้นำอียูมีความสงสัยความร่ำรวยของอดีตนายกฯทักษิณ มีความร่ำรวย มั่งคั่งจากการประกอบอาชีพก่อนเป็น"นักการเมือง" เป็นนายกรัฐมนตรี หรือ มีความร่ำรวยภายหลังมีอำนาจเป็นนายกรัฐมนตรีประเทศไทย......
ผู้นำอียู ย่อมมีความรู้สึก "อึ้ง" เพราะผู้นำอียูเหล่านั้น เป็นผู้นำประเทศที่มีความร่ำรวย มั่งคั่งกว่าประเทศไทย แต่พวกเขาไม่มีปัญญา ความสามารถจะซื้อหรือเปนเจ้าของทีมฟุตบอลในอังกฤษ หรือ ในยุโรปสักคนหนึ่ง.....
ผมเชื่อผู้นำอียูเหล่านั้น น่าจะรู้เรื่องจากการรายงาน"ความไม่ชอบมาพากล ความมั่งคั่งฯ"ของเอกอัครราชฑูตของประเทศ ประจำประเทศไทยแล้ว แต่ต้องการจะให้นายกรัฐมนตรีไทย บอกเล่าด้วยปากของตนเองซ้ำอีก......ผู้นำอียู อาจจะผิดหวังที่นายกรัฐมนตรีคนนี้ ไม่มี"ปากไว"อย่างอดีตนายกฯคนนั้น กระทู้นี้ต้องการบอกเล่าเหตุการณ์ที่นายกฯสุรยุทธ์ประสบมากับผู้นำอียู ผู้นำอียู "อึ้ง"กับความร่ำรวย มั่งคั่งของอดีตนายกฯทักษิณ จำเลยคดีทุจริตต่าง ๆ ของศาลยุติธรรมไทย...
แต่สาวกฯ ลิ่วล้อฯ ได้นำรายงาน ผลสำรวจจัดอันดับความมั่งคั่งของพระมหากษัตริย์นานาประเทศ ซึ่งมีพระมหากษัตริย์ไทย(สำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ รวมอยู่ด้วย) เพื่อให้คนอ่านเกิดความสับสน
และลิ่วล้อด้วยกัน จะได้ถือโอกาส"แสร้งโง่" วิพากษ์วิจารณ์ในหลวงของเรา เบี่ยงเบนประเด็น........
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด
อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
|
|
|
ปุถุชน
|
|
« ตอบ #215 เมื่อ: 01-10-2007, 12:16 » |
|
คนรักทักษิณ จำเลยหนี"หมายจับ" เป็นพวก"ปากกล้า ขาสั่น" กลัวจะรับโทษ จาบจ้วง จึงใช้วิธี "ขี่ม้าเลียบค่าย" นำข้อมูลที่บิดเบือน เบี่ยงเบนข้อเท็จจริงแล้ว เผยแพร่ให้คุ้มกับที่อุตส่าห์อดตาหลับขับตานอน คัดลอกจาก"ใบบอก" โดยนึกว่าคนอ่านจะได้มีความเชื่อ คล้อยตามการเล่าความเท็จ....
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด
อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
|
|
|
ปุถุชน
|
|
« ตอบ #216 เมื่อ: 03-10-2007, 11:46 » |
|
ทั้งอีเมล์ลูกโช่ VCD เว็บ จัดตั้งเว็บใต้ดินเช่น "dcode" อันมี "เตมูจิน" และ "ชาติ บางไซ" ผสมผสานกับกลุ่มรักทักษิณ คนผ่านฟ้า ฯลฯ การต่อสู้ในเว็บบอร์ด แม้ในราชดำเนินก็อยู่ในกระบวนการ"ต่อต้านรัฐบาล" มาตลอด
เมื่อถูกรุกไล่หนัก ๆ ถึงขั้นปิดห้อง"ราชดำเนิน" อันเป็นห้องสนทนาการเมืองของเว็บ"pantip.com" กลุ่มต่อต้านคปค.หรือกลุ่มรักทักษิณ ก็ไปผสมผสานเข้ากับเว็บ "ประชาไท" ซึ่งเดิมถือเป็นเว็บของ NGO ออกแนวซ้ายผ่านตลอดเสมอมา
นับเป็นส่วนผสมที่สร้างความงุนงง ให้แก่นักท่องเน็ตที่มองโลกบริสุทธิ์สดใสอย่างช่วยไม่ได้ เป็นไปได้ยังไงที่เว็บ "ซ้าย ๆ" แบบ "ประชาไท" จะกลายเป็นที่สิงสู่ของ"รวมพลคนรักทักษิณ"
ซึ่งมีจุดยืน เสรีนิยมสุดโต่ง มันมีอะไรลึก ๆ ในเกมการต่อสู้นี้หรือไม่ ประชาไท/ไทยรักไทย
กลับมาที่การใช้"สี" อันเป็นการต่อสู้เชิงสัญลักษณ์ในการต่อสู้
ข้อสังเกตุอย่างหนึ่งในเวบพรรค์นั้น คือ... ก่อนหน้านี้ถึงวันเฉลิมฯทีไร พวกไข่แม๊วที่มีความสามารถเชิงกาพย์กลอน จะแต่งบทกวี จะแสดงความจงรักภักดี สรรเสริญ เทิดทูนกันล้นหลาม...... แต่วันนี้ ไม่มีอีกแล้ว........
เพราะ"ถูกครอบ" ให้มีความคิดต่อต้าน เกลียดชังทั้งหมด.....
เพราะ"ถูกครอบ" ให้มีความคิดต่อต้าน เกลียดชังทั้งหมด..... เพราะ"ถูกครอบ" ล้างสมอง จึงเปลี่ยนความคิดเห็นพร้อมกัน ได้ทันที........
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด
อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
|
|
|
ปุถุชน
|
|
« ตอบ #217 เมื่อ: 07-10-2007, 20:06 » |
|
ถ้าไม่ต้องการให้ 'ตัวแทนเชิด' 'พรรคนอมินี' ของทักษิณ จำเลยคดีทุจริตต่าง ๆ ของคณะกรรมการ คตส. และ จำเลยหนี 'หมายจับ' ของศาลฏีกา จัดตั้งรัฐบาลครั้งต่อไป...... ต้องลงคะแนนเสียงให้ พรรคประชาธิปัตย์ เท่านั้น แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด
อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
|
|
|
ปุถุชน
|
|
« ตอบ #218 เมื่อ: 29-10-2007, 14:15 » |
|
การเปลี่ยนแปลงของ การยกระดับความคาดหวังต่อพรรคการเมือง-นักการเมือง เป็นมาตรฐานใหม่ที่จับต้องได้ ทั้งที่ปรากฏในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน และ ที่อยู่ในกระแสสังคม...แต่น่าประหลาดใจยิ่ง ที่หลายพรรคการเมืองหาได้สนใจในประเด็นเหล่านี้เลย หลายพรรคยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับ พื้นฐานและจุดยืนด้านนโยบาย ...นักการเมืองอาชีพบางกลุ่มยังติดอยู่กับช่องทางผสมพันธุ์ให้ง่ายที่สุดด้วยวาทกรรม เป็นกลาง-สมานฉันท์ พร้อมร่วมทุกพรรค ซึ่งเป็นจุดยืนที่ไม่ได้ตอบคำถามประชาชนเจ้าของประเทศเลยว่า คนกลุ่มนี้จะนำพาประเทศฝ่าวิกฤตการณ์และโลกาภิวัตน์ไปทางไหน ที่น่าสังเวชยิ่งกว่า ยังไปงัดเอาแนวทาง แห่ศพเจ้าอาวาส ที่ชาวบ้านร้านถิ่นในชนบทรู้จักกันดีมาใช้เป็นกลยุทธ์หลักเพื่อเอาชนะการเลือกตั้ง เรื่องมีอยู่ว่า เจ้าอาวาสวัดดังกล่าวเป็นเกจิดังในภูมิภาค เมื่อท่านมรณภาพ บรรดาญาติโยมลูกศิษย์ถกเถียงแบ่งเป็นสองสาย สายแรกให้เผาตามประสงค์ของผู้ตาย อีกสายเป็นพวกทำมาหากิน อยากให้วัดเจริญรุ่งเรือง มีคนเข้าวัดมาก ๆ เหมือนครั้งที่เจ้าอาวาสยังมีชีวิตที่สุดฝ่ายหลังเป็นฝ่ายชนะ ...นำศพเจ้าอาวาสบรรจุโลงแก้ว เพื่อจะบูชากราบไว้หรือทำมาหากินก็แล้วแต่คนจะดำเนินการ แคมเปญหาเสียงเลือกตั้งวันนี้ แทนที่พรรคการเมืองจะยกระดับแสดงจุดยืนแนวคิดพื้นฐานเชิงนโยบาย .. ที่ก้าวหน้าขึ้นจากแนวทาง ประชานิยม-การตลาด.. แต่กลับย้อนยุคลงไปอีกด้วยการเอาภาพถ่ายเจ้าอาวาสที่หมดลมไปแล้ว- มาเล่นกลสำแดงปาฏิหารย์อีกรอบ ทั้ง ๆ ที่บางพรรค เจ้าอาวาสแม้จะฟื้นคืนชีพมาก็ไม่แน่ว่าจะพ้นจากคดีรุงรัง-พ้นจากการถูกเอาผิดได้ท่าไหนเจ้าตัวก็ยังไม่รู้.. ก็ยังอุตส่าห์ไปขุดขึ้นมา มันเป็นความพิกลของการเมืองหลังรัฐประหาร ..ขณะที่ประชาชนก้าวหน้า พรรคการเมืองกลับถอยหลัง กลยุทธ์การเลือกตั้งรอบนี้ จึงกลายเป็นการแข่งขันขุดศพขายกินเป็นแคมเปญหลัก .! แห่ศพยังไม่พอ..หนำซ้ำยังทำหูทวนลมกับข้อเรียกร้องให้แสดงจุดยืนด้านนโยบายอีกด้วย-เอากะพ่อสิ !! http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9500000127927หลังเลือกตั้งที่จะถึงนี้ คนไทยจะได้'เรียนรู้'ว่า คนไทยด้วยกัน ยังยอมให้นักธุรกิจการเมืองที่ฉ้อราษฎร์บังหลวง มีผลประโยชน์ทับซ้อน ทุจริตทางนโยบาย บริหารบ้านเมืองอย่างเห็นประโยชน์ของตนเองและครอบครัว... จะได้รับการสนับสนุนยอมรับจากประชาชนในพื้นที่'อิสาน' และ 'ชาวเหนือ' หรือ...
พรรค'นอมินี' ที่สนับสนุนนักธุรกิจการเมืองที่ต้องคดีความทุจริตต่าง ๆ หลบหนีไปอยู่ต่างแดน ไม่กล้าให้ปากคำชี้แจงแก่ศาลยุติธรรม แก้ข้อกล่าวหาต่าง ๆ จะได้รับการยอมรับจากคนไทยหรือ...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด
อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
|
|
|
ปุถุชน
|
|
« ตอบ #219 เมื่อ: 01-11-2007, 13:36 » |
|
วันนี้ ลิ่วล้อเข้ามาใน'เสรีไทย' หลายหน้า หลายนามแฝง จริง ๆ คงได้'ท่อน้ำเลี้ยง' มาล้างหน้าให้จำเลยหนี"หมายจับ" อีก.....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด
อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
|
|
|
ปุถุชน
|
|
« ตอบ #220 เมื่อ: 01-11-2007, 19:54 » |
|
คนรักทักษิณ จำเลยหนี"หมายจับ"ของศาลยุติธรรม และพวกเทวทัต นปช. พปช. เปลี่ยนนามแฝงใหม่ ก็ตั้งคำถามเดิมซ้ำซาก แนวเดิมทุกที.... เมื่อไม่มีใครเข้ามาตอบ มาอธิบาย ก็สรุปว่าเถียงสู้ความจริงของเขาไม่ได้ ทักษิณของพวกเขา บริสุทธิ์ สะอาด โปร่งใส ฯลฯ...........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด
อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #221 เมื่อ: 02-11-2007, 02:20 » |
|
ถ้ายังไงก็ช่วย ๆ กันดูกระทู้ที่หมิ่นเหม่ เฉียดไปเฉียดมา โดยไม่มีที่มาที่ไป
ยังไงก็ดู ๆ กันหน่อยละกันครับ...กระทู้จากประชาไท หรือฟ้าเดียวกัน ควรเพ่งเล็งให้มากครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ปุถุชน
|
|
« ตอบ #222 เมื่อ: 03-11-2007, 09:41 » |
|
ถ้ายังไงก็ช่วย ๆ กันดูกระทู้ที่หมิ่นเหม่ เฉียดไปเฉียดมา โดยไม่มีที่มาที่ไป
ยังไงก็ดู ๆ กันหน่อยละกันครับ...กระทู้จากประชาไท หรือฟ้าเดียวกัน ควรเพ่งเล็งให้มากครับ
เวลานี้มีนามแฝงใหม่ ๆ เกิดขึ้น บางคนแสดงความคิดเห็น วิพากษ์วิจารณ์ด้วยเจตนาซ่อนเร้น ใช้สำนวนภาษา'ศรีธนชัย' หลีกเลี่ยง ไม่'เชลียร์'ทักษิณโดยตรง.....
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด
อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
|
|
|
Kittinunn
|
|
« ตอบ #223 เมื่อ: 03-11-2007, 17:52 » |
|
ถ้ายังไงก็ช่วย ๆ กันดูกระทู้ที่หมิ่นเหม่ เฉียดไปเฉียดมา โดยไม่มีที่มาที่ไป
ยังไงก็ดู ๆ กันหน่อยละกันครับ...กระทู้จากประชาไท หรือฟ้าเดียวกัน ควรเพ่งเล็งให้มากครับ
ไม่ค่อยมีเวลาครับลุง เอาเป็นว่าสมาชิกคนไหนเห็นว่า ใครแถแบบหมิ่น บอกด้วยนะครับ จะได้จัดการทันที
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ผมเขียนไปในบล็อกนั้น แบบข้างบนนี้เหมือนกัน นึกว่า จะโพสต์ ปรากฏว่า เขาบอกว่า ต้อง สมัครสมาชิกก่อน ผมขี้เกียจ เลยมาโพสต์ที่นี่แทน อ้อ ตอนเขียน ผมใส่คำว่า ทุเรศ และ น่าสมเพช ไปด้วย (อ.สมศักดิ์ เจียมธีระสกุล-เว็บบอร์ดฟ้าเดียวกัน - ข้อความในเสรีไทย โดย Snowflake)
|
|
|
|
welovethaksin
น้องใหม่
ออฟไลน์
กระทู้: 5
|
|
« ตอบ #225 เมื่อ: 09-11-2007, 01:43 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
momam
น้องใหม่
ออฟไลน์
กระทู้: 5
|
|
« ตอบ #228 เมื่อ: 24-11-2007, 20:57 » |
|
ไม่รู้เหมือนกันนะว่าทำไมบางคนไม่ชอบทักษิณ ดิฉันก็อยู่บนโลกนี้มานานหลายปีแล้ว เป็นหมอมาก็หลายปี เลือกตั้งมาแล้วตั้งหลายหน ได้นายกแล้วตั้งหลายคนไม่เคยซ้ำหน้า ไอ้พวกนั้นล้วนแต่โกงบ้านเมือง โกงประชาชน แล้วเอาเงินเข้ากระเป๋ามัน แต่ท่านทักษิณ ช่วยเหลือประชาชนมากกว่าพวกนั้นไม่รู้กี่ร้อยกี่พันโยช ไม่รู้หรอกว่าท่านโกงหรือไม่โกงประเทศ แต่ถึงท่านจะโกง ท่านก็นำสิ่งดีดีมาให้ประชาชนตั้งเยอะ ไม่มีใครฉลาด และสามารถติดต่อกับต่างประเทศนำเงินเข้าประเทศได้มากเท่าที่ท่านทักษิณทำมาก่อนเลย นายกทั้งหลายที่ผ่านมาทำแต่สิ่งเดิมๆ ไม่เห็นมีอะไรต่างกันเลย ด้อยพัฒนายังไงก้ออยู่ยังงั้น ประเทศลาวแทรงหน้าไปแล้วตั้งหลายปี เฮ้อ การเืมืองไทย เห็นคนไหนเก่งกว่า เด่นกว่า รวยกว่าตัวเองไม่ได้ เป็นต้องอิจฉา หาเรื่องให้เค้าอยู่ในประเทศไม่ได้ หาเรื่องยึดทรัพย์สินเค้าไม่พอ ยังไปยึดทรัพย์สินลูกเมียเค้าอีก เวรกรรม ทำให้เค้าต้องระหกระเหินไปอยู่ต่างประเทศ เพราะกลัวว่าถ้าเค้าอยู่ในประเทศ พลเมืองไทยจะเลือกเค้าเป็นนายกอีกล่ะสิ จะบอกอะไรให้นะ ชาวอีสานยังไงก็ พลังประชาชนอยู่แล้ว ไม่มีพรรคไหนได้แอ้มคะแนนชาวอีสานหรอกย่ะ โดยเฉพาะบ้านชั้น 555
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
********Q********
|
|
« ตอบ #229 เมื่อ: 24-11-2007, 21:01 » |
|
ไม่รู้เหมือนกันนะว่าทำไมบางคนไม่ชอบทักษิณ ดิฉันก็อยู่บนโลกนี้มานานหลายปีแล้ว เป็นหมอมาก็หลายปี เลือกตั้งมาแล้วตั้งหลายหน ได้นายกแล้วตั้งหลายคนไม่เคยซ้ำหน้า ไอ้พวกนั้นล้วนแต่โกงบ้านเมือง โกงประชาชน แล้วเอาเงินเข้ากระเป๋ามัน แต่ท่านทักษิณ ช่วยเหลือประชาชนมากกว่าพวกนั้นไม่รู้กี่ร้อยกี่พันโยช ไม่รู้หรอกว่าท่านโกงหรือไม่โกงประเทศ แต่ถึงท่านจะโกง ท่านก็นำสิ่งดีดีมาให้ประชาชนตั้งเยอะ ไม่มีใครฉลาด และสามารถติดต่อกับต่างประเทศนำเงินเข้าประเทศได้มากเท่าที่ท่านทักษิณทำมาก่อนเลย นายกทั้งหลายที่ผ่านมาทำแต่สิ่งเดิมๆ ไม่เห็นมีอะไรต่างกันเลย ด้อยพัฒนายังไงก้ออยู่ยังงั้น ประเทศลาวแทรงหน้าไปแล้วตั้งหลายปี เฮ้อ การเืมืองไทย เห็นคนไหนเก่งกว่า เด่นกว่า รวยกว่าตัวเองไม่ได้ เป็นต้องอิจฉา หาเรื่องให้เค้าอยู่ในประเทศไม่ได้ หาเรื่องยึดทรัพย์สินเค้าไม่พอ ยังไปยึดทรัพย์สินลูกเมียเค้าอีก เวรกรรม ทำให้เค้าต้องระหกระเหินไปอยู่ต่างประเทศ เพราะกลัวว่าถ้าเค้าอยู่ในประเทศ พลเมืองไทยจะเลือกเค้าเป็นนายกอีกล่ะสิ จะบอกอะไรให้นะ ชาวอีสานยังไงก็ พลังประชาชนอยู่แล้ว ไม่มีพรรคไหนได้แอ้มคะแนนชาวอีสานหรอกย่ะ โดยเฉพาะบ้านชั้น 555
บ้านเธอคงไม่มีใครไปแอ้มหรอก สงสัยจะต้องขึ้นจานบินไป
ที่สำคัญหลังเลือกตั้ง อย่าลืมช่วยกันชวนทักษิณกลับมาสู้คดี คราวนี้จะได้ทราบว่าอะไรของจริง ใช้ของเทียมกันมานานแล้ว เมืองไทย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
หาเพื่อนหยิงคุยแก้เหงาครับ
|
|
« ตอบ #230 เมื่อ: 24-11-2007, 21:02 » |
|
แม่เจ้าคุณ ไปเอามาจากที่ไหนเนี่ยโดนใครเค้า สะกดจิตอะ ว่าประเทศลาวแซงหน้าประเทศไทยครับ เคยไปหรือเปล่าอย่ามั่ว!!! ที่เจริญกว่าก็คงเป็นที่นิสัยคนลาวอะครับ ดีกว่าคนไทยบางคนบางพวก เยอะ!!! ถ้าประเทศลาวเจริยแซงหน้าไปแล้วจริง แล้ว 5 ปีของไอเหลี่ยม มันมัวทำอะไรอยู่ หละ หรือว่าดีแต่โม้ ไปวันๆ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-11-2007, 21:04 โดย หาเพื่อนหยิงคุยแก้เหงาครับ »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Kittinunn
|
|
« ตอบ #231 เมื่อ: 25-11-2007, 00:32 » |
|
ไม่รู้เหมือนกันนะว่าทำไมบางคนไม่ชอบทักษิณ ดิฉันก็อยู่บนโลกนี้มานานหลายปีแล้ว เป็นหมอมาก็หลายปี เลือกตั้งมาแล้วตั้งหลายหน ได้นายกแล้วตั้งหลายคนไม่เคยซ้ำหน้า ไอ้พวกนั้นล้วนแต่โกงบ้านเมือง โกงประชาชน แล้วเอาเงินเข้ากระเป๋ามัน แต่ท่านทักษิณ ช่วยเหลือประชาชนมากกว่าพวกนั้นไม่รู้กี่ร้อยกี่พันโยช ไม่รู้หรอกว่าท่านโกงหรือไม่โกงประเทศ แต่ถึงท่านจะโกง ท่านก็นำสิ่งดีดีมาให้ประชาชนตั้งเยอะ ไม่มีใครฉลาด และสามารถติดต่อกับต่างประเทศนำเงินเข้าประเทศได้มากเท่าที่ท่านทักษิณทำมาก่อนเลย นายกทั้งหลายที่ผ่านมาทำแต่สิ่งเดิมๆ ไม่เห็นมีอะไรต่างกันเลย ด้อยพัฒนายังไงก้ออยู่ยังงั้น ประเทศลาวแทรงหน้าไปแล้วตั้งหลายปี เฮ้อ การเืมืองไทย เห็นคนไหนเก่งกว่า เด่นกว่า รวยกว่าตัวเองไม่ได้ เป็นต้องอิจฉา หาเรื่องให้เค้าอยู่ในประเทศไม่ได้ หาเรื่องยึดทรัพย์สินเค้าไม่พอ ยังไปยึดทรัพย์สินลูกเมียเค้าอีก เวรกรรม ทำให้เค้าต้องระหกระเหินไปอยู่ต่างประเทศ เพราะกลัวว่าถ้าเค้าอยู่ในประเทศ พลเมืองไทยจะเลือกเค้าเป็นนายกอีกล่ะสิ จะบอกอะไรให้นะ ชาวอีสานยังไงก็ พลังประชาชนอยู่แล้ว ไม่มีพรรคไหนได้แอ้มคะแนนชาวอีสานหรอกย่ะ โดยเฉพาะบ้านชั้น 555
ไม่รู้หรือไงว่า ทางการลาวเค้าเนรเทศทักษิณ และกิจการดาวเทียม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ผมเขียนไปในบล็อกนั้น แบบข้างบนนี้เหมือนกัน นึกว่า จะโพสต์ ปรากฏว่า เขาบอกว่า ต้อง สมัครสมาชิกก่อน ผมขี้เกียจ เลยมาโพสต์ที่นี่แทน อ้อ ตอนเขียน ผมใส่คำว่า ทุเรศ และ น่าสมเพช ไปด้วย (อ.สมศักดิ์ เจียมธีระสกุล-เว็บบอร์ดฟ้าเดียวกัน - ข้อความในเสรีไทย โดย Snowflake)
|
|
|
สี่หามสามแห่
|
|
« ตอบ #232 เมื่อ: 25-11-2007, 01:35 » |
|
ไม่รู้เหมือนกันนะว่าทำไมบางคนไม่ชอบทักษิณ ดิฉันก็อยู่บนโลกนี้มานานหลายปีแล้ว เป็นหมอมาก็หลายปี เลือกตั้งมาแล้วตั้งหลายหน ได้นายกแล้วตั้งหลายคนไม่เคยซ้ำหน้า ไอ้พวกนั้นล้วนแต่โกงบ้านเมือง โกงประชาชน แล้วเอาเงินเข้ากระเป๋ามัน แต่ท่านทักษิณ ช่วยเหลือประชาชนมากกว่าพวกนั้นไม่รู้กี่ร้อยกี่พันโยช ไม่รู้หรอกว่าท่านโกงหรือไม่โกงประเทศ แต่ถึงท่านจะโกง ท่านก็นำสิ่งดีดีมาให้ประชาชนตั้งเยอะ ไม่มีใครฉลาด และสามารถติดต่อกับต่างประเทศนำเงินเข้าประเทศได้มากเท่าที่ท่านทักษิณทำมาก่อนเลย นายกทั้งหลายที่ผ่านมาทำแต่สิ่งเดิมๆ ไม่เห็นมีอะไรต่างกันเลย ด้อยพัฒนายังไงก้ออยู่ยังงั้น ประเทศลาวแทรง(แซง)หน้าไปแล้วตั้งหลายปี เฮ้อ การเืมืองไทย เห็นคนไหนเก่งกว่า เด่นกว่า รวยกว่าตัวเองไม่ได้ เป็นต้องอิจฉา หาเรื่องให้เค้าอยู่ในประเทศไม่ได้ หาเรื่องยึดทรัพย์สินเค้าไม่พอ ยังไปยึดทรัพย์สินลูกเมียเค้าอีก เวรกรรม ทำให้เค้าต้องระหกระเหินไปอยู่ต่างประเทศ เพราะกลัวว่าถ้าเค้าอยู่ในประเทศ พลเมืองไทยจะเลือกเค้าเป็นนายกอีกล่ะสิ จะบอกอะไรให้นะ ชาวอีสานยังไงก็ พลังประชาชนอยู่แล้ว ไม่มีพรรคไหนได้แอ้มคะแนนชาวอีสานหรอกย่ะ โดยเฉพาะบ้านชั้น 555
ส่วนไหนของลาวที่เจริญกว่าไทย รึ คุณหมอ หมอโลกไหนก็ไม่รู้ พิมพ์ผิด เพียบ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Kittinunn
|
|
« ตอบ #233 เมื่อ: 25-11-2007, 01:57 » |
|
ส่วนไหนของลาวที่เจริญกว่าไทย รึ คุณหมอ หมอโลกไหนก็ไม่รู้ พิมพ์ผิด เพียบ
หมอเด็นมั้ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ผมเขียนไปในบล็อกนั้น แบบข้างบนนี้เหมือนกัน นึกว่า จะโพสต์ ปรากฏว่า เขาบอกว่า ต้อง สมัครสมาชิกก่อน ผมขี้เกียจ เลยมาโพสต์ที่นี่แทน อ้อ ตอนเขียน ผมใส่คำว่า ทุเรศ และ น่าสมเพช ไปด้วย (อ.สมศักดิ์ เจียมธีระสกุล-เว็บบอร์ดฟ้าเดียวกัน - ข้อความในเสรีไทย โดย Snowflake)
|
|
|
ปุถุชน
|
|
« ตอบ #234 เมื่อ: 25-11-2007, 12:03 » |
|
แม่เจ้าคุณ ไปเอามาจากที่ไหนเนี่ยโดนใครเค้า สะกดจิตอะ ว่าประเทศลาวแซงหน้าประเทศไทยครับ
เคยไปหรือเปล่าอย่ามั่ว!!! ที่เจริญกว่าก็คงเป็นที่นิสัยคนลาวอะครับ ดีกว่าคนไทยบางคนบางพวก เยอะ!!! ถ้าประเทศลาวเจริยแซงหน้าไปแล้วจริง แล้ว 5 ปีของไอเหลี่ยม มันมัวทำอะไรอยู่ หละ หรือว่าดีแต่โม้ ไปวันๆ ถ้าคุณ'หาผู้หญิงฯ' ไปถามสาวลาวที่มีสติปัญญาและวุฒิภาวะแล้ว เธอจะตอบว่า"รู้ทัน" การทุจริตต่างๆ ของทักษิณ จำเลยหนี"หมายจับ"ของศาลยุติธรรมไทย นานแล้ว.....
ถ้าวัดจากความคิดเห็นสาวลาวอย่างนี้ ถือได้ว่าสาวลาวแซงหน้าสาวรักแม๊ว สาวรักลูกชายแม๊ว ลิ่วล้อสาว หลายขุมเลย จะบอกให้........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-11-2007, 12:06 โดย ปุถุชน »
|
บันทึกการเข้า
|
หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด
อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
|
|
|
ปุถุชน
|
|
« ตอบ #235 เมื่อ: 25-11-2007, 12:09 » |
|
สาวลาวที่มีสติปัญญา และวุฒิภาวะ ได้อ่านข่าว ติดตามข่าวสารจากสื่อมวลชนไทย มากกว่าอ่าน"ใบบอก" จึงฉลาดเฉลียวรู้ทันกลวิธีประชานิยมของจำเลยคดีทุจริตต่าง ๆ ของคณะกรรมการ คตส. ปปช. และ ดีเอสไอ......
รู้ดี รู้ทันว่า "โกงแต่ทำงาน" เป็นอย่างไร.... . เสี้ยมสอนลิ่วล้อที่โกงเงินวัด ถูกจับได้ ก็ไปคืนเงินเจ้าอาวาส ก็หมดเรื่อง......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่าถึงคราวลูกชาย-ลูกสาวช่วยโกง ไม่สอนลูกให้คืนเงินหลวงหรอก.....
สอนให้หน่วงเหนี่ยว ประวิงเวลา เลื่อนนัด สุดท้ายนี้'หมายจับ' ไปต่างประเทศ.......
รอ'หมัก เมถุน' ใช้อำนาจเป็นธรรม ให้กลับมาปกป้องทรัพย์สินที่ถูกอายัดไป....
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-11-2007, 12:14 โดย ปุถุชน »
|
บันทึกการเข้า
|
หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด
อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
|
|
|
55555
|
|
« ตอบ #236 เมื่อ: 25-11-2007, 12:14 » |
|
ไม่รู้เหมือนกันนะว่าทำไมบางคนไม่ชอบทักษิณ ดิฉันก็อยู่บนโลกนี้มานานหลายปีแล้ว เป็นหมอมาก็หลายปี เลือกตั้งมาแล้วตั้งหลายหน ได้นายกแล้วตั้งหลายคนไม่เคยซ้ำหน้า ไอ้พวกนั้นล้วนแต่โกงบ้านเมือง โกงประชาชน แล้วเอาเงินเข้ากระเป๋ามัน แต่ท่านทักษิณ ช่วยเหลือประชาชนมากกว่าพวกนั้นไม่รู้กี่ร้อยกี่พันโยช ไม่รู้หรอกว่าท่านโกงหรือไม่โกงประเทศ แต่ถึงท่านจะโกง ท่านก็นำสิ่งดีดีมาให้ประชาชนตั้งเยอะ ไม่มีใครฉลาด และสามารถติดต่อกับต่างประเทศนำเงินเข้าประเทศได้มากเท่าที่ท่านทักษิณทำมาก่อนเลย นายกทั้งหลายที่ผ่านมาทำแต่สิ่งเดิมๆ ไม่เห็นมีอะไรต่างกันเลย ด้อยพัฒนายังไงก้ออยู่ยังงั้น ประเทศลาวแทรงหน้าไปแล้วตั้งหลายปี เฮ้อ การเืมืองไทย เห็นคนไหนเก่งกว่า เด่นกว่า รวยกว่าตัวเองไม่ได้ เป็นต้องอิจฉา หาเรื่องให้เค้าอยู่ในประเทศไม่ได้ หาเรื่องยึดทรัพย์สินเค้าไม่พอ ยังไปยึดทรัพย์สินลูกเมียเค้าอีก เวรกรรม ทำให้เค้าต้องระหกระเหินไปอยู่ต่างประเทศ เพราะกลัวว่าถ้าเค้าอยู่ในประเทศ พลเมืองไทยจะเลือกเค้าเป็นนายกอีกล่ะสิ จะบอกอะไรให้นะ ชาวอีสานยังไงก็ พลังประชาชนอยู่แล้ว ไม่มีพรรคไหนได้แอ้มคะแนนชาวอีสานหรอกย่ะ โดยเฉพาะบ้านชั้น 555
เป็น หมอเหรอครับ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-11-2007, 12:21 โดย 55555 »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
natthaphat
น้องใหม่
ออฟไลน์
กระทู้: 15
|
|
« ตอบ #237 เมื่อ: 05-12-2007, 22:39 » |
|
มด 5.11น่ะเรอะ พวกรักทักสินเกลียดสถาบันแล้วก็ไปด่าว่าราชวงศ์ทุกพระองค์มาแล้วไม่ใช่เรอะเจอมาในเวปหนึ่งอ่ะนะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ล่างฟานหวิน
|
|
« ตอบ #238 เมื่อ: 13-12-2007, 13:20 » |
|
คอย ตอบคำถาม พวก 2.4 ที่มันแถ ไปเรื่อย แบบศรีธนชัย
มันก็ เหนื่อย ซิครับ คนโน้น มาแถศรีธนชัย ที เดี๋ยวก็มาอีก
มากันเป็นแก้ง เดี่ยวกันหมด คอยทำลาย ความน่าเชื่อถือ
คนโพสน์ไปด้วย ทักษิณ เป็นไง เขารู้กันหมดแล้ว
มันเป็น ทรราช ไหง ครับ ไม่ต้องแถ ไปไหน
มันเป็น อย่างนั้น แน่นอน ที่จาก พฤติกรรม การกระทำ ช่วงเป็นรัฐบาลที่ผ่านมา ที่เขาไล่ มันลง ซะก่อน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ผู้ใหญ่อี๊ด
|
|
« ตอบ #239 เมื่อ: 31-12-2007, 15:21 » |
|
ทุกเว็บก็มีความหลากหลาย แต่มัวตอบปัญหา "คนรักทักษิณ" อีกหน่อยก็กลายเป็นเว็บ "ศาลาคนเศร้า" นานไปก็กลายเป็นนิยายน้ำเน่าเล่มละ 10 บาท[size=100pt][/size]
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ผู้ใหญ่อี๊ด
|
|
« ตอบ #240 เมื่อ: 04-01-2008, 00:18 » |
|
ความจริงครึ่งเดียวที่หลายๆท่านทราบแล้วว่าทักษิณทำแล้วดูดีอย่างไร แต่อีกครึ่งที่เหลือนี่สิ ท่านทราบหรือยังว่าทักษิณ ไม่อยากเป็นแค่นายกรัฐมนตรีอย่างที่เราทราบ ครึ่งนึงที่เราทราบคือเขาทุ่มเงินมากในการเป็นนายกฯ แต่อีกครึ่งนึงที่เราไม่ยอมองคือเขาใช้เงินมากกว่าการอยากเป็นนายกฯ ในยุคที่ชาวไทยมีผู้ปกครองสูงสุดพยามยามให้ปัญญาแกประชาชน แต่ก็ปลายยุคนี้แหละที่ทักษิณทำตัวเป็นพระเวสสันดรจำแลง ประชาชนผู้อยากไร้ผู้เคยชินกับการไปวัดทุกวัน โดยเฉพาะชาวเหนือชาวอิสานก็ยังคงมีประเพณีบุญพระเวส เห็นกัญหา ชาลี เมื่อไหร่เป็นร้องไห้น้ำตาตก ในใจมีแต่พระเวส ทั้งที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า(อาจจะเป็นคนอื่นเขียน) ในอดีตชาติสุดท้ายตนเป็นพระเวสสันดร ให้ทานมามากแล้ว แต่มนุษย์ไม่สามารถหลุดพ้นจากทุกข์ได้ ชาตินี้จึงมาให้ศีล ให้การศึกษาแทน แต่จวบจน 2551 ปีล่วง คนยังนับถือ และไว้วางใจพระเวสสันดรมากกว่าพระพุทธเจ้า เมื่อมีคนหัวแหลมรู้ความจริงเข้า ก็เลยจำแลงแปลงกลายเป็นพระเวสสันดร ได้คะแนนมา 19 ล้านเสียง เลยอ้างแหลกรานเลย เพื่อบรรลุจุดมุ่งหมาย นี่แหละครับอีกครึ่งนึงที่หลายท่านยังไม่รู้ หรือรู้แล้วยังอยากได้พระเวสสันดรจำแลง ทำตัวเป็นพระเวสสันดรได้ หว่านเงินเป็นหมื่นแสนล้านได้ แล้วท่านคิดหรือยังว่าเขาจะจำแลงเป็นอะไรต่อไปอีก เป็นนายกรัฐมนตรีประเทศไทย คนอื่นเขาใช้เงินไม่กี่บาท เป็นมาแล้วหลายคนหลายครั้ง เป็นประธานาธิบดี อเมริกา จีน ฝรั่งเศส รัสเซีย ก็ใช้เงินไม่เท่าไหร่ เป็นนายกฯญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน จีน ออสเตรเลีย เยอรมัน อังกฤษ ก็ใช้เงินไม่มากนัก แล้วที่ใช้ไปเป็นหมื่นเป็นแสนล้าน ทักษิณอยากเป็นอะไรกันแน่ นี้แหละคืออีกครึ่งหนึ่งที่เหลือ ที่ทุกคนควรรู้ไว้ ถ้ารู้ช้ากว่านี้ คุณท่านหลายๆคนอาจจะหลงหรือจำยอมทอนคืนหรือจ่ายเพิ่ม อีก50สตางค์ที่เหลืออย่างไม่คาดฝันให้กับคนชื่อทักษิณ ก็ได้นะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ปุถุชน
|
|
« ตอบ #241 เมื่อ: 18-01-2008, 12:38 » |
|
เหรอ เหรอ พนักงานทีไอทีวี มีกี่คน ที่กลัวตกงานมีกี่คน ที่ไปสมัครงานใหม่มีกี่คนเหรอ นับนายหย่องด้วยป่าว ตอบหน่อยสิ อย่าใบแดรกนะจ๊ะ ไอ้มั่ว ผู้ใช้นามแฝง"อยากประหยัดฯ" รอผลประกาศการรับสมัคร 1-2 วันข้างหน้านี้ก่อน...... คุณไม่บอกความจริงให้เพื่อนสมาชิกเวบเสรีไทย รู้ว่า.... 2-3 วันที่ผ่านมา กลุ่มพนักงานTITV ต้องการรอฟังศาลปกครองจะให้การคุ้มครองชั่วคราวหรือไม่ อยากให้ศาลปกครองมีคำสั่งให้พนักงานTITV ออกอากาศในสถานภาพ TITV ต่อไป......
เมื่อศาลปกครองไม่มีคำสั่งให้คุ้มครองชั่วคราว เพราะเห็นชอบการเปลี่ยนแปลงให้เป็นทีวีสาธารณะ... หมดเขตการรับสมัครใหม่ ก็จะรู้ว่าจำนวนผู้สมัครใหม่......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่าปล. อาจจะมีจำนวนหนึ่งไปสมัครงานที่อื่น ๆ เพราะรายได้/ผลประโยชน์ของ 'ทีวีอิสระ' นั้นมากกว่า 'ทีวีสาธารณะ'อย่างเห็นได้ชัด.......พนักงานทีไอทีวีเตรียมยื่นใบสมัครงานTPBSพร้อมกันรวดเดียว400คน 18 มกราคม พ.ศ. 2551 11:26:00 พนักงาน TITV เตรียมสมัครงาน TPBS รวดเดียวกว่า 400 คน ในช่วงบ่ายวันนี้ หลังจากศาลปกครองมีคำสั่งไม่รับคำร้องขอคุ้มครองฉุกเฉินเมื่อวานนี้ กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายกฤษปรีดา โอสถานนท์ อดีต ผอ.สำนักทรัพยากรบุคคลและธุรการสถานีโทรทัศน์ TITV ได้เดินทางเข้ามาพบ นายปราโมช รัฐวินิจ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เพื่อนำเอกสารรายละเอียดโครงสร้างการทำงานของสถานีโทรทัศน์TITV มามอบให้ตามที่ นายปราโมช ขอไว้
นอกจากนี้ นายกฤษปรีดา ได้ขอให้อดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคล เป็นตัวแทนกลุ่มพนักงาน ยื่นเอกสารสมัครงานพร้อมหลักฐานกว่า 400 ชุด เข้ายื่นทำการสมัคร โดยจะเดินทางมาได้ในช่วงบ่ายวันนี้ การเข้ายื่นสมัครงานครั้งนี้ของกลุ่มพนักงาน TITV หลังจากศาลปกครองมีคำสั่งไม่รับคำร้องขอคุ้มครองฉุกเฉินเมื่อวานนี้ ที่กลุ่มพนักงาน 150 คน มีคำขอให้ TITV ออกอากาศตามผังเดิมและให้โอนสัญญาจ้างงานพนักงาน ไปยังองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย(TPBS) คุณลุงวัย69ปีโผล่ยื่นใบสมัครเจ้าหน้าที่บริหารTPBS นางนวลน้อย ตรีรัตน์ กรรมการนโยบายชั่วคราวองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (TPBS) กล่าวว่าขณะนี้คณะกรรมการ TPBS อยู่ระหว่างการหารือเพื่อติดต่อขอเช่าห้องสำนักงานของคณะกรรมการเพื่อประจำอยู่ที่กรมประชาสัมพันธ์ ซอยอารีย์สัมพันธ์ และในช่วงเช้าวันนี้ได้มีตัวแทนเครือข่ายเกี่ยวกับองค์กรด้านครอบครัวขอครอบครัวเพื่อแสดงเจตนารมณ์และเสนอแนวคิดเกี่ยวกับการจัดทำรายการเพื่อส่งเสริมครอบครัวและเยาวชน ซึ่งทางคณะกรรมการจะรับไปพิจารณาต่อไป ขณะที่บรรยากาศล่าสุดของการรับสมัครพนักงานสถานีโทรทัศน์ THAI PBS พบว่ามีคุณลุงอายุสูงถึง 69 ปี จบการศึกษาปริญญาตรี นิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ มาสมัครงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไปด้วย ข้อมูลเพิ่มเติม คำพิพากษาศาลปกครองยกคำร้องพนง.ทีไอทีวี http://www.bangkokbiznews.com/2008/01/18/WW10_WW10_news.php?newsid=221469 คุณ'อยากประหยัด' แสดงความสามารถ'ตะแบง' หรือ 'บิดเบือน'ข้อเท็จจริงใหม่......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-01-2008, 12:40 โดย ปุถุชน »
|
บันทึกการเข้า
|
หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด
อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
|
|
|
ปุถุชน
|
|
« ตอบ #242 เมื่อ: 06-02-2008, 22:43 » |
|
ถ้ารัฐบาล'ขิงแก่'สามารถนำข่าวสารการฉ้อราษฎร์บังหลวงของอดีตนายกฯทักษิณและพรรคไทยรักไทย กระจายไปถึงตำบล ถึงหมู่บ้าน ให้'รากหญ้า' มีโอกาสรับรู้ความจริงเหมือนคนชั้นกลาง คนในหัวเมืองใหญ่ คนในเมือง ผลการเลือกตั้งครั้งนี้จะเปลี่ยนไปมากกว่านี้....
พล อ.สุรยุทธ์ ไม่ต้องให้สัมภาษณ์ว่า ไม่เชื่อว่ารัฐบาลใหม่จะคิดบัญชีกับฝ่ายตรงข้ามอดีตนายกฯ....
พล อ.บุญรอดไม่ต้องให้สัมภาษณ์ว่ารัฐมนตรีกลาโหมต้องเป็นที่ยอมรับของทหาร หรือ เป็นทหาร....
คนรักทักษิณไม่ต้องบิดเบือน ไม่ต้องท้าทายว่าคณะกรรมการ คตส.สอบสวนมาหนึ่งปีแล้ว ยังฟ้อง"นายผู้ชาย"และครอบครัวไม่ได้สักที....
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด
อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
|
|
|
********Q********
|
|
« ตอบ #243 เมื่อ: 14-02-2008, 16:31 » |
|
สมาชิกเสรีไทยเว็บบอร์ดควรจะมีความคิดหลากหลายกว่าประเด็นกระทู้
แล้วก็ควรเปิดกว้างที่จะตอบคำถามในประเด็นตามกระทู้ของสมาชิกด้วยกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ปุถุชน
|
|
« ตอบ #244 เมื่อ: 17-02-2008, 22:24 » |
|
'จตุพร'ถูกตร.เรียกคดีหมิ่น'สนธิ-สพรั่ง'อ้างส่งสัญญาณโค่น'สมัคร1' 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 19:40:00 ส.ส.สัดส่วนพปช. อดีตแกนนำนปก. วิจารณ์"พล.อ.สนธิ-พล.อ.สพรั่ง" ยังเล่นไม่เลิก กรณีตำรวจออกหมายเรียก 21 นปก.ข้อหาหมิ่น อ้างไม่ยอมให้เรื่องจบ ส่งสัญญาณโค่น"สมัคร1" กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน อดีตแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ(นปก.) ตั้งข้อสังเกตถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายเรียกอดีตแกนนำนปก.ทั้งหมด 21คดีเข้ารับทราบข้อกล่าวหา กรณี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) พร้อมด้วยพล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร อดีตผู้ช่วย ผบ.ทบ. ยื่นฟ้องข้อหาหมิ่นประมาทเมื่อวันที่ 2 ต.ค.2550จาการเปิดเวทีปราศรัยที่ท้องสนามหลวง พาดพิงให้เกิดความเสียหาย โดยระบุว่า เป็นปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาด ทำไมเพิ่งมาดำเนินการในเวลานี้ทั้งหมดโดยแต่ละเรื่องลอยมาแบบแปลก ๆ เหมือนไม่ต้องการให้เรื่องมันจบ เพราะโดยปกติเมื่อเกิดเหตุการณ์ก็ต้องแจ้งและดำเนินคดีในเวลานั้นแต่กลับมาโผล่หลังเลือกตั้งโดยที่เวลาผ่านมาตั้งนานแล้ว จึงสงสัยว่ามีวัตถุประสงค์อะไรแน่ นายจตุพร กล่าวอีกว่า เวลานี้มีสัญญาณแปร่ง ๆ หลายเรื่องที่แสดงให้เห็นว่ากลุ่มที่เคยโค่นล้มรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยังอยู่และกำลังพยายามใช้วิธีการลักษณะเดียวกันโค่นล้มรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เช่น กรณีที่นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งที่ผ่านมามีภาพอิงกับกลุ่มพันธมิตรฯ ได้ออกมาจั่วหัวตำหนิการบริหารประเทศล่วงหน้า ส่วนกรณีข่าวที่ว่าอนุกรรมการตรวจสอบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ใบแดงนายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร และในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนเพื่อหวังนำไปสู่การยุบพรรค และการออกมาปล่อยข่าวว่านายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักฯสั่งปลดผู้ดำเนินรายการคลื่นวิทยุวิสดอม เรดิโอ เพื่อปลุกอารมณ์ประชาชนว่ารัฐบาลแทรกแซงสื่อ ทั้งที่ความจริงเป็นเรื่องของเอกชนด้วยกันเอง ดังนั้นทุกอย่างกำลังจะย้อนศรกลับไปเหมือนก่อนเกิดรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 ซึ่งตนขอเรียกร้องให้ยุติเพื่อเห็นแก่ประเทศชาติ http://www.bangkokbiznews.com/2008/02/16/WW10_WW10_news.php?newsid=230570 จตุพร แกนนำม๊อบจลาจลสนามหลวงรุ่นI อยากเบี่ยงเบนการกระทำผิดของตนเป็นอื่น ๆ ถ้าต้องการ'สมานฉันท์' ต้องยุติการฟ้องร้อง.....
พวก'รากหญ้า' คนรัก'หมัก หนึ่งเมถุน' และ'ผู้มีอิทธิพล'นอกแผ่นดินไทย เข้าใจเจตนาแล้ว ช่วยตักเตือนด้วย..... กล้าทำ ต้องกล้ารับผิด........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด
อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
|
|
|
kano
|
|
« ตอบ #245 เมื่อ: 01-03-2008, 19:10 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ปุถุชน
|
|
« ตอบ #246 เมื่อ: 02-03-2008, 12:34 » |
|
วันนี้เวบเสรีไทย ห้องสาธารณะ ห้องสภากาแฟ มีสมาชิกใหม่ สมาชิกเก่า ปลาร้าเก่าในไหใหม่ มากมาย
จำเลยฯคงแจกผลประโยชน์ใหม่ ไม่มีปัญหาการโอนเงินอีก....
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด
อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
|
|
|
ปุถุชน
|
|
« ตอบ #247 เมื่อ: 22-03-2008, 20:51 » |
|
ขอร้องว่าคุยกันอย่างมีเหตุผลนะครับ
เวปบอร์ดเขียนชื่อว่า "ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด เสรีทางความคิด ต้านวิกฤตเผด็จการ สร้างบรรทัดฐานให้การเมืองไทย "
แล้วทำไม เห็นแต่กระทู้ยกยอปั้นแต่ พรรค ปชป. ละครับ กลุ่มพันธมิตรจะประท้วง คนในบอร์ดก็เห็นดีเห็นชอบอีกต่างหาก การเมืองมีกฎกติกาชัดเจน ถ้ารู้ว่าเขาโกงทำไมเอาผิดทางการเมืองให้ถูกต้องละครับ มาจัดกลุ่มประท้วงนอกกติกาการเมืองทำไม
หรือจะบอกว่าเล่นตามกติกาแล้วแพ้แน่ เลยต้องเล่นม็อบพันธมิตรเพื่อเอาชนะครับ??
พรรค ปชป. นี่เขาร่วมมือกับพันธมิตร ก่อจลาจลเพื่อให้ทหารมายึดอำนาจไม่ใช่เหรอครับ สนับสนุนให้ยึดอำนาจนี่มัน ต่อต้านเผด็จยังไงครับ
2-3 วันนี้ ก็มีข่าวออกมาชัดๆแล้วด้วย สส.พรรค ปชป. จ่ายเงินเรียกคนใต้ มาช่วยเข้ากลุ่มพันธมิตร (อีกแล้ว) แถมยังมีบอกว่า 2 ปีก่อนก็ทำบ่อยๆอีกต่างหาก ทหารยึดอำนาจแล้ว มันก็เผด็จการชัดๆนี่ครับ??
ตกลงคนในบอร์ดนี่ ต่อต้านวิกฤตเผด็จการจริงหรือครับ ไม่ใช่ว่าสนับสนุนอยู่หรอกเหรอ?
ป.ล. ผมไม่ได้ตั้งใจแขวะนะครับ พึ่งเคยเข้ามาเล่น เห็นหัวข้อคำขวัญบอร์ด เทียบกับกระทู้แต่ละคนแล้ว มันขัดๆนะครับ
ผมนำกระทู้ของผู้ใช้นามแฝงใหม่ของคนรักแม๊ว มาไว้ในกระทู้นี้ เพราะสังเกตุว่า 'ผู้มาใหม่/นามแฝงใหม่' มักจะต้องตั้งกระทู้ทำนองนี้เป็นเสียส่วนใหญ่......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด
อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
|
|
|
ปุถุชน
|
|
« ตอบ #248 เมื่อ: 02-04-2008, 23:21 » |
|
วิพากย์วิจารณ์ ประนามแล้ว อย่าหลงประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อผลประโยชน์ของ'แม๊ว' คนในบ้านเลขที่ 111 และคนใน'พรรคปล้นชาติ'... ขอขยายความกรณี สส.พปช.การุณทำร้ายร่างกายสส.ปชป.สมเกียรติในสภาผู้แทนฯ วิพากย์วิจารณ์ ประนาม แล้วอย่าลืมประเด็นพรรคพลังประชาชน'แข็งขัน'แก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อผลประโยชน์ของพรรคฯ....
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด
อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
|
|
|
ปุถุชน
|
|
« ตอบ #249 เมื่อ: 13-04-2008, 10:02 » |
|
ผมไม่ทราบว่าคุณเภก ลืมคิดอะไรไปหรือเปล่า
ในขณะที่ประเทศไทย เป็นต้นกำเหนิดหายนะ
ในรัฐบาลจิ๋ว หวานเจี๊ยบ ที่พ่อแม้ว ของคุณเภก ได้ประโยชน์จากข่าววงใน
ปล้นประเทศไปตั้งพรรคโกงเมือง มาปล้นให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิม (ชั่วสะใจรากหญ้า กินหญ้าจริง ๆ)
รัฐบาลนายชวน กลับสามารถ ดึงเงินเฟ้อไว้ได้ ไม่เกินแปดเปอร์เซ็นต์
ขณะที่ ประเทศลาว ซึ่งได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน กลับไม่สามารถคุมเงินเฟ้อได้
โดนเข้าไป 30 กว่าเปอร์เซ็นต์
ถึงผมจะไม่ชอบพรรค ปชป. แต่ผมเกลียด ทักษิณว่ะ
ศาลยุติธรรม ศาลฏีกาพิพากษาแล้ว... ลูกหลานคนชั่ว เผ่าพันธุ์บิดเบือน ใส่ความผู้อื่น ไม่ยอมรับความจริงหรอก....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด
อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
|
|
|
|