คอลัมน์ เดินหน้าชน โดย นงนุช สิงหเดชะ มติชนรายวัน วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2549 ปีที่ 29 ฉบับที่ 10357
จดหมายที่คุณทักษิณส่งถึงประธานาธิบดีสหรัฐ เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2549 เป็นอีกครั้งหนึ่งที่พิสูจน์ชัดว่า คุณทักษิณมีปัญหา และไร้ทักษะอย่างสิ้นเชิงในด้านการทูตและการต่างประเทศ
เป็นเรื่องของคนไม่รู้พิธีธรรมเนียมแล้วยังอวดเก่ง ผลลัพธ์คือ "หน้าแตก" อย่างยิ่ง ประจานตัวเองอย่างยิ่ง ที่สำคัญทำความเสียหายแก่ประเทศอย่างยิ่ง
เชื่อว่าหากประธานาธิบดีบุช ตอบจดหมายกลับมาในลักษณะที่ "เข้าทาง" คุณทักษิณ คือเออออห่อหมกตามที่คุณทักษิณเขียนพร่ำพรรณนาไป ยาวยืดถึง 6 ย่อหน้าหรือเกือบ 2 หน้ากระดาษ ทางคุณทักษิณคงฉวยโอกาสเอาจดหมายตอบนี้มาโฆษณาตีปี๊บ ในลักษณะสร้างความชอบธรรมทางการเมืองให้กับตัวเอง
แต่บังเอิญว่าประธานาธิบดีบุช ตอบมาเพียง 2 ย่อหน้าสั้นๆ และตอบอย่างกลางๆ เป็นมวย ไม่เอาตัวเองไปผูกพันกับปัญหาของคุณทักษิณและไม่เออออห่อหมกกับคุณทักษิณ ทางนายกฯของเราก็เลยเงียบจ้อย ไม่กล้าโชว์จดหมายนี้ กระทั่งมีการเปิดโปงทางสื่อมวลชนในเวลาต่อมานั่นเอง
บุชคงรู้เท่าทันคุณทักษิณว่า ต้องการจะใช้หรือดึงบุชเข้ามาเป็นเครื่องค้ำยันการันตีให้กับคุณทักษิณ ที่กำลังประสบปัญหาความยุ่งยากทางการเมือง ดังนั้น การตอบจดหมายจึงตอบแบบเลี่ยงๆ ไม่เอาตัวเข้ามาผูกพัน
เชื่อว่าท่อนที่คุณทักษิณอยากให้ประธานาธิบดีบุชตอบในลักษณะเออออห่อหมกมากที่สุดก็คือ ท่อนที่คุณทักษิณเขียนว่า There has been a threat to democracy in Thailand...(เกิดมีภัยคุกคามประชาธิปไตยขึ้นในประเทศไทย)
และท่อนที่ว่า I know that you agree with me that the rule of law and constitutional order in Thailand and in Asia more broadly must prevail over demagoguery and mob action. (ข้าพเจ้ารู้ว่าท่านเห็นด้วยกับข้าพเจ้าว่าในไทย และเอเชียนั้นนิติธรรม และรัฐธรรมนูญจะมีชัยชนะเหนือพวกปลุกระดมและพวกม็อบ)
แต่ประธานาธบดีบุชตอบมาแบบสั่งสอนและให้สติว่า Free and open political systems can be unpredictable, but the Thai people are resilient and Thai democracy are strong. (ระบอบการปกครองที่เสรีและเปิดกว้าง ย่อมมีความไม่แน่นอนคาดการณ์อะไรไม่ได้ แต่ว่าชาวไทยก็เป็นคนที่ปรับตัวได้ดี และประชาธิปไตยไทยก็แข็งแกร่ง)
แม้บุชจะไม่พูดตรงๆ แต่ก็พอจะตีความได้ว่า บุช (แม้จะไม่ได้มีภาพเป็นนักประชาธิปไตยจ๋าเมื่อเทียบกับผู้นำสหรัฐคนอื่น) ไม่เชื่อว่า การประท้วงที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเป็น "ภัยคุกคามประชาธิปไตย" เพราะบุชตระหนักว่าการประท้วงอย่างสงบ เป็นเรื่องปกติของระบอบประชาธิปไตย
ขณะเดียวกันบุชก็ไม่เห็นว่ากลุ่มผู้ประท้วงเป็นพวก demagogue (นักกวนเมืองหรือปลุกระดม) แต่ประการใด หนำซ้ำยังบอกว่าประชาธิปไตยไทยเข้มแข็งอยู่แล้ว
บุช "รู้ทัน" ทักษิณ จึงได้ตอบกลับมาอย่างมีชั้นเชิง และไม่ตกหลุมเป็นเครื่องมือของคุณทักษิณ เพราะบุชย่อมรับรู้สถานการณ์ต่างๆ ในเมืองไทยเป็นอย่างดี และรับทราบ "ครบทุกด้าน" ด้วย เพราะสถานทูตสหรัฐประจำประเทศไทย ย่อมต้องรายงานทุกเรื่องและละเอียดกว่า อย่าลืมว่าคุณราล์ฟ บอยซ์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทยนั้นพูดไทยคล่องปรื๋อ (แถมถ้าใครบางคนอยากรู้ว่าสหรัฐหนุนใคร เป็นเลขาฯยูเอ็นคนใหม่ก็ถามคุณบอยซ์ก็ได้ ไม่ต้องถ่อสังขารไปโชว์ออฟที่ทำเนียบขาว)
คิดหรือว่าบุชจะเชื่อรายงานของคุณทักษิณเพียงฝ่ายเดียว คุณทักษิณสำคัญตนผิดอย่างยิ่งว่าตัวเอง "สนิท" กับบุช ขณะที่อีกฝ่ายไม่ได้มีท่าทีจะลดตัวลงมาสนิทชิดเชื้อด้วย เอาแค่ตอนเว้นวรรคแล้วไปขอพบผู้นำประเทศต่างๆ นั้น จะเห็นว่าคุณทักษิณได้พบผู้นำอังกฤษ รัสเซีย ฝรั่งเศส ครบหมด แต่ไม่สามารถพบบุช ทั้งที่คุณทักษิณอ้างว่าตัวเองซี้บุชมาโดยตลอดขนาดยกหูโทรศัพท์คุยกันได้
อีกประการหนึ่งที่บุชขึ้นต้นจดหมายที่ตอบกลับมายังคุณทักษิณ โดยใช้คำว่า The Kingdom of Thailand (ราชอาณาจักรไทย) แทนที่จะเป็น Thailand เฉยๆ นั้น บุชอาจจะต้องการเน้นว่าพระมหากษัตริย์ของไทยต่างหาก ที่ประคับประคองประชาธิปไตยไทย ให้เดินหน้าต่อไปได้ตลอด 60 ปีที่ผ่านมาแห่งการครองราชย์
ประธานาธิบดีบุช อาจประทับใจในน้ำพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และในพระอัจฉริยภาพทางการทูตของพระองค์ ในคราวที่สหรัฐประสบกับเหตุการณ์ 11 กันยายน 2544 อันน่าสลด เรื่องนี้คุณทักษิณและนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย ย่อมทราบดีว่าเพราะอะไร
เรื่องของนักการเมืองบางคนในเอเชียอยากเป็นมากกว่านายกรัฐมนตรีนั้น เป็นที่ทราบกันดีในหมู่ราชวงศ์ทั่วโลก
เมื่อไม่นานมานี้ เจ้าชายจากยุโรปพระองค์หนึ่ง ได้พูดทีเล่นทีจริงกับนักการเมืองคนนี้ ในงานสำคัญงานหนึ่งว่า You are going to kick me out. (ท่านกำลังจะเตะข้าพเจ้าออกไป)
การกระทำของคุณทักษิณกรณีการเขียนจดหมายครั้งนี้ ไม่ได้เป็นคุณใดๆ กับประเทศ แต่เป็นการมุ่งปกป้องสถานะทางการเมืองของตัวเอง ซึ่งนี่อาจเป็นข้อพิสูจน์อีกครั้งหนึ่งว่า คุณทักษิณพยายามจะทำให้ตัวเอง มีความโดดเด่นเหนือผลประโยชน์โดยรวมของประเทศชาติ
ลองไปดูประเทศเล็กอื่นๆ ที่มีมาตรฐานชีวิตที่ดี เศรษฐกิจแข็งแกร่ง ธรรมาภิบาลสูง อย่างเช่น สวิตเซอร์แลนด์ ฟินแลนด์ สวีเดน หรืออีกหลายประเทศกันดูว่า มีใครจำหรือรู้จักชื่อผู้นำของประเทศเหล่านี้บ้าง แทบไม่มีใครรู้จัก แต่เมื่อพูดถึงชื่อประเทศ คนกลับรู้จักกันทั่วโลก
นี่เป็นเพราะผู้นำของเขาไม่มีปมด้อยจนต้องแสวงหาความเด่นดังส่วนตัวเหนือประเทศชาติ แต่เขายกชาติและประชาชนโดยรวมไว้เหนือสิ่งอื่นใด เขาปรารถนาให้ทั่วโลกรู้จักเขาในนามประเทศชาติและประชาชน
แต่สำหรับคุณทักษิณ ดูเหมือนจะพยายามทำให้ตัวเองเด่นดังเข้าไว้ และหลงเข้าใจผิดไปว่าตัวเองเพียงคนเดียวที่ทำให้ทั่วโลกรู้จักประเทศไทย
หลายคนที่ไม่รู้เท่าทัน demagogue อย่างคุณทักษิณ ก็พลอยหลงเชื่อไปตามนั้นจริงๆ
หน้า 6
คคห.เรื่องการส่ง จม.ถึงบุช...
Pantip โพล -> เกือบ 70% คิดว่าน่าจะส่งผลเสีย.
Mthai โพล ->76% จากเกือบ 5 พันโหวตบอกว่าไม่เหมาะสม...
http://www.mthai.com/Vote/ansVote/13.htmlคงไม่ต้องฟังคำอธิบาย จากปากแม้วแล้วมั๊งครับ...
