จงอย่าใช้ เมื่อวาน ไปจนถึง วันพรุ่งนี้
วันนี้เป็น วันอาสาฬหบูชา ตรงกับวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 เป็นวันสำคัญยิ่งอีกวันหนึ่งในพระพุทธศาสนา เป็นวันที่ พระพุทธเจ้า ทรงแสดง ปฐมเทศนา ที่ชื่อว่า ธัมมจักกัปปวัตนสูตร ประกาศ พระพุทธศาสนา ขึ้นเป็นครั้งแรกในโลก
วันนี้ผมเลยหาเรื่องเบาๆ มาเล่าสู่กันฟัง เพื่อความเจริญทางจิตและความสงบสุขทางใจ ไม่รกไปด้วยเรื่องกิเลสการเมืองที่กำลังเมามันอยู่ในขณะนี้
เรื่องที่จะเล่านี้ผมเอามาจากหนังสือ ศาสตร์แห่งการเปลี่ยนแปลง เพื่อความสำเร็จ-อี้จิง ของคุณมนตรี ภู่มี ที่ใช้เวลาค้นคว้ากว่ายี่สิบปี ศาสตร์อี้จิงนี้เป็นมรดกปรัชญาจีนโบราณเพื่อการยกระดับวิถีชีวิต ซึ่งผมเห็นว่าเหมาะอย่างยิ่งที่จะนำมาเขียนถึงในวันมงคลทางพุทธศาสนาในวันนี้
แค่ชื่อเรื่องก็น่าสนใจแล้วละครับ
จงอย่าใช้ เมื่อวาน ไปจนถึง วันพรุ่งนี้ เพราะเพียงชั่วข้ามคืน วันนี้ ก็หมดไป และกลายเป็น อดีต เมื่อวันพรุ่งนี้มาถึง
แค่วันนี้กับวันพรุ่งนี้ ทุกคนก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ชีวิตจะเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือหรือไม่ ประวัติศาสตร์การเมืองก็มีให้เห็นมากมาย ต่อให้ผู้ที่ฉลาดที่สุดในที่สุดก็ต้องตกอยู่ในกับดัก ไม่กับดักของตนเอง ก็กับดักที่ฝ่ายตรงข้ามวางไว้
คุณมนตรี ภู่มี ให้ข้อคิดในหนังสือเล่มนี้ไว้อย่างแหลมคมว่า
ปัญหาใหญ่หลวงในชีวิตนั้น มักเกิดมาจากการที่เราทำตัวคล้ายกับปลา คือเอาแต่กระเสือกกระสนแหวกว่าย ไปข้างหน้า อยู่ถ่ายเดียว เมื่อเกิดปัญหาร้ายแรงขึ้นครั้งคราวใด เราก็เอาแต่พยายาม ดัน ไปข้างหน้าเรื่อยๆ จนทำให้ยิ่งเกิดผิดพลาดซํ้าแล้วซํ้าเล่าหนักขึ้นไปอีก ไม่ต่างอะไรกับตกอยู่ในบ่อทรายดูด ยิ่งดิ้นรนก็ยิ่งจมลึกลง
สิ่งที่ อี้จิง แนะนำเราคือ แค่เพียงรู้จัก ปล่อยวาง ปัญหา และหยุดกระเสือกกระสนดิ้นรน บางทีทุกอย่างอาจจบลงด้วยดี หรืออย่างน้อยเราก็ไม่ถูก ดูด จนจมลึกยิ่งไปกว่าเดิม
ฟังครั้งแรกนี่อาจเหมือนการรามือท้อถอยไม่ยอมสู้ ทว่าสิ่งสำคัญ ก็คือ ใน สภาพจิต เยี่ยงนั้น ไม่มีทางเลยที่เราจะแก้ปัญหาได้อย่าง มีประสิทธิภาพ นอกจากนั้น ใน สภาพจิต ดังว่า เราไม่มีทาง หยั่งรู้ หรือประเมินผลของการต่อสู้นั้นๆเลยว่า มีคุณค่าควรหรือไม่ เพราะเหนือกว่าสิ่งอื่นใดทั้งหมด คำถามที่สำคัญคือ เราสามารถ เอาชนะ ตัวเองก่อนที่จะเอาชนะผู้อื่นหรือสิ่งอื่นๆภายนอกได้หรือไม่
อ่านหลายประโยคนี้แล้ว ผมก็อยากจะ ส่งผ่าน ไปยัง หัวหน้าพรรคการเมือง ที่กำลังหน้าดำคร่ำเคร่งเย้ยฟ้าท้าดินต่อสู้แย่งชิงอำนาจทั้งหลาย เพราะดูแล้วแต่ละคนที่กำลังกระเสือกกระสนดิ้นรนไปวันๆ ก็ไม่ต่างไปจาก ปลา ที่กระเสือกกระสนแหวกว่ายไปข้างหน้าถ่ายเดียว อย่างที่ คุณมนตรี ภู่มี เปรียบเทียบให้เห็น
อีกประโยคที่ลึกซึ้งก็คือ
หลักในศาสตร์อี้จิงเน้นยํ้าอยู่ตลอดเวลาว่า การมีความรับผิดชอบต่อตัวเองนั่นแหละ จึงจะเป็นวิธีรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่ดีที่สุด
กล่าวคือ ให้รู้จักวกกลับมา มองข้างใน ซึ่งหมายถึงว่า หากเราสามารถปรับเปลี่ยน ด้านใน ให้มีความคิดเห็นที่ถูกต้องแล้ว นั่นย่อมนำไปสู่การตัดสินใจที่ถูกต้อง และการกระทำที่ถูกต้องก็จะตามมาเองโดยธรรมชาติ
ในมุมกลับกัน การกระทำที่ถูกต้องนั้น ย่อมส่งผลย้อนกลับมาที่ด้านในอีกครั้ง โดยทำให้มีความคิดเห็นและการตัดสินใจที่ถูกต้องยิ่งๆขึ้นในคราวต่อไป เพราะได้เห็นผลในแง่ปฏิบัติแล้วนั่นเอง
ผมอยากให้นักการเมืองไทยซื้อหนังสือเล่มนี้ไปอ่าน เผื่อบุญกุศลจะส่งผลเกิดการเปลี่ยนแปลงความคิดไปในทางที่ดีขึ้น คิดถูก ตัดสินใจถูก และทำถูก บ้านเมืองจะได้หายวิกฤติเสียที.
ลม เปลี่ยนทิศ
http://www.thairath.co.th/news.php?section=society03&content=12091