หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ระทึกการเมืองขับ เคลื่อนเข้าหาดงระเบิด! ฉบับนี้ประจำวันอาทิตย์ที่ 9 กรกฎาคม 2549
กว่าจะรู้ว่า ทำผิดมหันต์ ก็สายไปเสียแล้ว แม้ รัฐบาลทักษิณ พยายามออกมาชี้แจงเปะปะ ป้ายสีคนโน้นคนนี้ไปทั่วว่า เป็นผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ แต่ความจริงย่อมเป็นความจริงวันยังค่ำ ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญที่ รัฐบาลทักษิณ หมายถึงคือใคร ทุกคนย่อมรู้อยู่แก่ใจ!!!
ก่อนหน้านี้ มีความเคลื่อนไหวจากบางคนในรัฐบาล สั่งให้เปิดฉากโจมตี ผู้มีบารมี ในทางลับ โดยเฉพาะมีการพูดถึง เทปลับการสนทนา หรือ ซีดีเสียงสนทนาระหว่างผู้มีบารมีกับผู้นำองค์กรบางแห่ง แสดงให้เห็นว่า คนบางกลุ่มในรัฐบาลเกิด ความหวาดระแวงมาก ต้องการจะตอบโต้ทั้ง บนดิน และ ใต้ดิน ไม่ว่าจะจับกลุ่มพูดคุยกันครั้งไหน เป็นต้องตีโพยตีพายโทษ ผู้มีบารมีคนนี้ ทุกครั้งไป!!!
ได้ข่าวว่า หลายครั้งหลายหนอยากจะออกมา เขย่า ต้นไม้ต้นนี้เป็นการแก้เผ็ด จดๆจ่อๆกลัวๆกล้าๆอยู่นานเหมือนกัน กระทั่งได้ฤกษ์ลงมือทำ แต่ที่ไหนได้ คนที่พากันไปเขย่าต้นไม้ต้นนี้ หารู้ไม่ว่า เป็นต้นไทรใหญ่รับใช้ แผ่นดินอย่างซื่อสัตย์ จงรักภักดีมานมนาน คนที่คิดร้ายทั้งหลายก็เลย แพ้ภัยตัวเอง อวดเก่งไปเขย่าต้นไทรใหญ่ แต่ตัวเองกลับเจอ บารมี เล่นงานจนตัวสั่นงันงกกันเป็นแถว ดี สมน้ำหน้าแล้ว ไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่กันบ้างเลย!!!
เห่าไฟ อยากเตือนสติ รัฐบาลทักษิณ เอาไว้เป็นครั้งสุดท้าย ทฤษฎีแอปเปิ้ลปั่น ไม่มีวันนำมาใช้ได้ในเมืองไทย เพราะ รากฐาน ของชาติเรา ไม่เหมือนสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์การก่อตั้งชาติ วิถีชีวิต แนวคิด อารมณ์ความรู้สึก ความเชื่อ แม้กระทั่งบุคลิกนิสัยใจคอ ก็ต่างจาก พวกมะกัน มากมายนัก!!!
หากถามว่า เมืองไทยจะยอมล้าหลังอยู่เช่นนี้หรือ ไม่พัฒนาตามก้นฝรั่งเขาหรือ ตอนนี้มันยุคโลกาภิวัตน์แล้วนะ คำตอบก็คือ โจทย์ที่ตั้งไว้มันผิด จึงไม่ควรตอบคำถามนี้ จนกว่าจะมีการ เปลี่ยนคำถาม ให้ถูกต้องเสียก่อนว่า ขณะนี้เมืองไทย ยึดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของ ในหลวง เป็นนโยบายชาติ นับจากนี้ไป เราจะพัฒนาอะไรให้เป็นไปตามหลักปรัชญานี้บ้าง!!!
เห่าไฟ เชื่อว่า ในด้านเศรษฐกิจและสังคมนั้น ทางสภาพัฒน์กำลังทำอยู่ แต่ในส่วนของ การเมืองตามหลักปรัชญาพอเพียง ยังไม่ได้ทำ เรื่องนี้ สถาบันพระปกเกล้าฯ น่าจะเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงได้ ส่วน วิถีชีวิตพอเพียง ควรจะเป็นหน้าที่ของ สถาบันการศึกษาของรัฐ และ เอกชน ร่วมแรงร่วมใจกัน!!!
ที่ผ่านมา เมืองไทยไร้สาระมามากพอแล้ว ที่ต้องมานั่งทะเลาะกัน จนแทบจะฆ่ากัน เพียงเพราะคนคนเดียว เห่าไฟ ไม่เชื่อหรอกว่า ความเป็นความตาย ของประเทศไทยทั้งประเทศจะต้องไปขึ้นอยู่กับ คนเพียงคนเดียว เพราะประเทศไทยจะดีหรือร้าย มันต้องขึ้นอยู่กับ ประชาชน ต่างหากว่าอยากให้บ้านเมืองของเราเป็นอย่างไร!!!
ตอนนี้ คงถึงเวลาแล้ว ที่ต้องคิดทบทวนให้ดี ในเมื่อคนไทยทุกคนได้มีโอกาสเข้าถึง หลักปรัชญาที่ดีที่สุดในโลก ในการดำเนินชีวิต เศรษฐกิจ สังคม และการเมือง แทนที่คนไทยทุกคนจะทุ่มเทกายใจ ร่วมไม้ร่วมมือ สร้างเมืองไทยตามหลักปรัชญาพอเพียงให้เป็น ประเทศต้นแบบของโลก คนไทยกลับมา หมกมุ่น อยู่กับเรื่องของคนคนเดียว เถียงกันจนโกรธกัน ไม่มองหน้ากัน กระทั่ง จิตป่วย ไปครึ่งค่อนเมือง!!!
เห่าไฟ อยากให้ มหาชนคนไทย ร่วมใจกันใช้ พลังศรัทธา ในช่วงแห่งการเฉลิมฉลองการครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี สร้างชาติไทยให้เป็นไปตาม หลักปรัชญาพอเพียง สร้างความเป็นตัวของตัวเองให้ปรากฏเด่นชัดขึ้นบนโลกใบนี้ ไม่ต้องแห่แหนไปตาม กระแสโลกาภิวัตน์ ที่เนื้อแท้แล้วก็เป็นเพียงแค่ กระแสวัตถุนิยมจอมปลอม ปลาใหญ่กินปลาเล็ก เต็มไปด้วย ความเสื่อมทราม ทางวัฒนธรรม จารีตประเพณี รวมไปถึง ความต่ำช้า ทางคุณธรรม จริยธรรมอีกด้วย!!!
เห่าไฟ ไม่ได้ต่อต้านการพัฒนา แต่ต้องใช้สมองคิดให้รอบคอบ หากจะพัฒนาก็ต้องพัฒนาเพื่อให้เห็นถึง ความแตกต่าง ไม่ใช่พัฒนาตามก้นกันไปเป็นพรวนเช่นนั้น เพราะหากเฮโลสาระพากันไปแบบไร้ความแตกต่าง ประเทศไทยก็จะ ไม่เป็นตัวของตัวเอง สุดท้ายก็ต้องตกเป็น เมืองขึ้น มหาอำนาจในยุคโลกาภิวัตน์อย่างแน่นอน!!!
จริงๆแล้ว ตามหลักการตลาดก็บอกเอาไว้ชัด การพัฒนา เพื่อให้เกิดความแตกต่าง เป็นหัวใจสำคัญ แต่น่าเสียดาย คนไทยหัวนอกสมัยนี้ ไม่เคยเข้าใจ เพราะสูดดม กลิ่นนมเนย มากเกินไปจนหลง ก็เลยไม่รู้จักเสน่ห์ของ น้ำพริกปลาทูบ้านเรา!!!
ฉะนั้น การพัฒนาชาติ จะต้องเข้าใจ รากฐานของชาติ เสียก่อน แล้วเริ่มพัฒนาจากตรงนั้นเพื่อให้เกิด ความแตกต่าง ที่โดดเด่นขึ้นมาให้ได้ เห่าไฟ ถึงได้ปักหลักยืนหยัดมาตลอดว่า นโยบายชาติ ต้องยึดหลักปรัชญาพอเพียงเท่านั้น!!!
http://www.thairath.co.th/society.php?content=11995
