**กกต. ยิ่งสีเทา ยิ่งดี จริงหรือไม่??**

บทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(จากเว็บบอร์ดของกกต.)

(1) การบริหารงานเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ
(2) การสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัยเมื่อมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการเลือกตั้ง โดยเฉพาะเมื่อมีการร้องเรียนหรือคัดค้านว่าการเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม
(3) การกำกับและสนับสนุนพรรคการเมือง ในหน้าที่ของนายทะเบียน และของผู้บริหารกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง
(4) การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการเลือกตั้ง ซึ่งรวมถึงการให้การศึกษาแก่ประชาชนเกี่ยวกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยและการตรวจสอบการเลือกตั้ง
""""""""""""""""""""""""""

เป็นที่น่าสังเกตว่า บทบาทในข้อแรก ไม่มีข้อความใดที่กำหนดให้กกต.ต้องจัดการเลือกตั้งอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม

แต่รับปากว่า จะสืบสวน สอบสวนอย่างเที่ยงธรรม หากเกิดปัญหาการโต้แย้ง และร้องเรียน

แสดงว่า..ต้องมีเรื่องร้องขึ้นมาก่อน กกต.จึงมีบทบาทเรื่องธรรมาภิบาลมาเกี่ยวข้อง

เหตุใด..ไม่ระบุให้กกต.ต้องใช้อำนาจจัดการให้มีการเลือกตั้งอย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรม ให้เป็นไปโดยสงบเรียบร้อย และมีประสิทธิภาพ...เสียตั้งแต่ข้อแรก???

ตรงนี้เป็นคำถามคาใจผมว่า การกำหนดบทบาทดังกล่าว เอื้อให้กกต.ไม่ต้องคำนึงถึงความบริสุทธิ์ ยุติธรรมตั้งแต่แรก........หรือเปล่า?

เราจึงเห็นพฤติกรรมแปลกๆ ของกกต.ชุดนี้ในหลายครั้งหลายคราที่ผ่านมา ล่าสุด..เรื่องการหันคูหาเลือกตั้งให้มีการลงคะแนนกัน "ให้เห็นกันอย่างเปิดเผย" ซึ่งหมิ่นเหม่มากต่อความผิดตามมาตรา 104 ที่บัญญัติว่า.."การเลือกตั้ง ให้ใช้วิธีออกเสียงลงคะแนนโดยตรงและลับ"

ก็ในเมื่อจุดประสงค์ของการกลับลำคูหาเลือกตั้งของกกต. ท่านบอกเองว่า..ต้องการให้เจ้าหน้าที่ควบคุมหน่วยสามารถเห็นการกระทำผิดได้โดยง่าย

นั่นก็แสดงว่า ต้องไม่ลับ แล้วล่ะครับ ดังนั้น วัตถุประสงค์ของกกต.ที่บอกมาจึงขัดกับบทบัญญัติในมาตรา 104 อย่างชัดเจน

คราวนี้มาถามกันดูเล่นๆ ซิว่า เหตุใดกกต.จึงหันคูหาเลือกตั้งเช่นนั้น โดยไม่บอกกล่าวประชาชนทั่วไป ผ่านสื่อสาธารณะเป็นการล่วงหน้า

มองในแง่กกต.
๑) จับผิดผู้ประสงค์ร้ายที่ซุกซ่อนบัตรเลือกตั้งมาเปลี่ยน
๒) เพื่อให้เห็นเลขที่ผู้สมัครที่ติดไว้ที่ข้างฝากันลืม
๓) ใช้กันแพร่หลายในต่างประเทศ และเคยใช้มาแล้วก่อนหน้านี้ในการเลือกตั้งส่วนท้องถิ่น

มองในแง่ตรงข้ามกับกกต.
๑) การลงคะแนนโดยระแวงว่าจะมีคนแอบมองอยู่ข้างหลัง ไม่เป็นการลงคะแนนลับ
๒) การเปลี่ยนบัตรจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่มีการพิมพ์บัตรเกินจำนวนผู้มีสิทธิ์ ซึ่งกกต.เป็นผู้รับผิดชอบในการกำหนดโรงพิมพ์ จำนวนพิมพ์ และการแจกจ่ายอยู่แล้ว กกต.ควบคุมจำนวนบัตรที่เกินไม่ได้จึงมาควบคุมด้วยการจ้องจับผิดหน้าหน่วยเลือกตั้งกับประชาชนทั้งประเทศ จึงไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง

อนึ่ง..ในกรณีลักลอบนำบัตรเลือกตั้งที่ยังไม่กาออกจากคูหา ยิ่งไม่น่าเป็นไปได้ใหญ่ เพราะ ๑ คน ได้ ๒ บัตร ถ้าเดินออกมาโดยไม่ได้หย่อนบัตรก็ไม่น่าเล็ดลอดสายตาเจ้าหน้าที่ได้ ยกเว้นรู้เห็นเป็นใจ
๓) การติดป้ายแสดงตนของผู้สมัครและหมายเลขในหน่วยเลือกตั้ง ไม่น่าจะถูกกฎหมายนะครับ เขาให้แสดงไว้นอกหน่วย ให้ไปตรวจดูและท่องจำให้ขึ้นใจ ถ้ายังจำไม่ได้ ก็ไม่ใช่หน้าที่ของกกต.ที่จะไปทบทวนความจำให้ใคร เพราะมันเป็นสิทธิ์ของตัวบุคคลนั้นๆ กกต.เหตุใดต้องห่วงว่า เขาจะจำไม่ได้? มันไม่ใช่หน้าที่ของ กกต.สักหน่อย แตเป็นภารกิจส่วนบุคคล
๔) กกต.อ้างว่า ใช้กันในหลายประเทศ แต่กกต.ลืมไปว่า ในอีกหลายประเทศก็ไม่ได้ใช้ เช่นกัน บางประเทศถึงกับมีม่านรูดมาปิดให้มิดชิดด้วยซ้ำ
เหตุใด ต้องเลือกประเทศที่ใช้เกณฑ์นี้ตามความคิดเห็นของกกต.ไม่กี่คนด้วยเล่า?

กกต.อ้างว่า ได้ใช้ในการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นมาก่อนหน้านี้แล้ว ปรากฏว่า ได้ผลดี ไม่มีการร้องเรียน

กกต.เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าครับ? จึงตอบเช่นนั้น
ถ้าใช้กับการเลือกตั้งเล็กๆ ไม่มีปัญหา แต่การเลือกตั้งใหญ่จะให้ได้ผลลัพธ์เหมือนกับการเลือกตั้งเล็กๆ ได้อย่างไร?

และการที่ใช้วิธีแบบโปร่ง โล่ง เห็นจะจะเช่นนี้มาก่อนหน้าแล้ว ทำให้คิดไปได้ว่า ที่บอกว่า ได้ผลดี อาจจะหมายถึง สามารถรู้ว่า กาช่องไหน เพราะหากผิดไปจากที่ตกลงกับหัวคะแนน จะได้เช็คบิลได้ถูก

ได้ผลดี คือ ชาวบ้านไม่กล้า กาอีกเบอร์ หรือเปล่า??

๕) กกต.ไม่มีการประชาสัมพันธ์เรื่องนี้มาก่อนหน้านี้เลย ทำให้ประชาชนหลายคนร้องเรียนและเป็นเหตุให้เกิดความวุ่นวายหน้าหน่วยเลือกตั้ง จนบางเขตต้องยอมหันกลับไปใช้แบบเดิม เช่นนี้ ถือว่า กกต.มิได้ปฏิบัติให้เป็นไปโดยสงบเรียบร้อย และมีประสิทธิภาพตามข้อหนึ่งของอำนาจหน้าที่

กกต.อาจจะกลัวว่า ถ้าประชาสัมพันธ์ออกไป ต้องมีเสียงคัดค้านแน่นอน และอาจทำให้ไม่อาจหันคูหาเช่นนี้ได้ ซึ่งจะทำให้ขัดใจผู้มีอำนาจบางคน........หรือเปล่าเอ่ย?

ก่อนหน้านี้ กกต.ชุดนี้เคยสร้างความฮือฮาในระดับการเลือกตั้งท้องถิ่นมาแล้วด้วยการ "ให้ใช้ตรายาง" แทนการกาด้วยปากกา อ้างว่า จะทำให้บัตรเสียน้อยลง

ผมกำลังจะบอกว่า การใช้ตรายางกับการเลือกตั้งเล็กๆ ของกกต. พอมาถึงการเลือกตั้งใหญ่ ปรากฏว่า คนค้านกันเต็มไปหมด เพราะไม่เชื่อว่า กกต.บริสุทธิ์ใจที่ให้ใช้ตรายาง จนกลายเป็นว่า การเลือกตั้งหนนี้ "วุ่นวาย" กันไปถ้วนหน้า โดยเฉพาะชาวบ้านต้องหาซื้อ ปากกาแดง ติดตัวไปเข้าคูหา

ถามว่า..พวกท่านจัดการเลือกตั้งให้เกิดความสงบเรียบร้อย และมีประสิทธิภาพจริงหรือไม่?? ถ้าพิสูจน์ให้เห็นว่า ไม่ พวกท่านก็ทำผิดข้อบังคับเสียเอง และต้องรับผิดชอบเพราะเป็นผู้ทำให้เกิดความวุ่นวายมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเลือกตั้ง

นี่ยังไม่นับ..การกำหนดการเลือกตั้ง ภายใน 37 วัน อย่งรวดเร็วทันใจใครบางคนนะนั่น จนเป็นสาเหตุหนึ่งให้ ฝ่ายที่ไม่พร้อมรวมหัวกันบอยคอตการเลือกตั้งครั้งนี้ จนเกิดความปั่นป่วนวุ่นวายไปทั้งประเทศในขณะนี้

ล้วนเป็นผลพวงมาจากการที่ กกต.ริเริ่มขึ้นทั้งสิ้น

แล้วมันถูกตามอำนาจหน้าที่ในข้อแรกตรงไหนครับ??

หรือว่า..
ประชาชนยิ่งมองว่า กกต.สีเทาเข้มๆ เท่าใด ก็ยิ่งเป็นคุณภาพของกกต.ที่จะหยิบเอาผลงานสีเทาเข้มไปรายงานเป็นผลงานคุณภาพกับผู้มีอำนาจว่า..เพื่อแลกกับ...?????

โถ..ถ้าเป็นผ้าขาวสะอาด จะเอาอะไรไปแสดงผลงานล่ะ จริงหรือเปล่าไม่รู้???? นี่ผมทึกทักเอาเองนะ แต่ไม่สงวนสิทธิ์หากใครจะทึกทักด้วย