ลูกหนี้คิดว่ารัฐแจกให้ฟรีอีสานครองแชมป์ชักดาบ
โพสต์ทูเดย์ หนี้เน่าประชานิยมเบิกบาน ทั้งโครงการธนาคารประชาชน และหนี้สินเกษตรกร ลูกหนี้ชักดาบเพราะคิดว่าเป็นเงินแจกฟรี ภาคอีสานครองแชมป์หนี้เน่าสูงสุดของประเทศ
นายนริศ ชัยสูตร ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า จากการศึกษาของ สศค. พบว่า การผิดชำระหนี้ของลูกค้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มีการผิดชำระหนี้ หรือเป็นหนี้เสียเพิ่มขึ้น โดยหนี้เสียที่เพิ่มขึ้นมากเป็นดับ 1 อยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตามมาด้วยภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคใต้
นอกจากนี้ยังพบว่า หากภาคครัวเรือนมีหนี้สะสมจาก ธ.ก.ส. และธนาคารพาณิชย์ หรือเงินกู้นอกระบบมากขึ้น จะทำให้ครัวเรือนผิดชำระหนี้กับ ธ.ก.ส.เพิ่มสูงขึ้น แต่จะไม่ผิดนัดชำระกับแหล่งเงินกู้อื่น แรงจูงใจสำคัญที่ไม่ชำระหนี้ให้ ธ.ก.ส.เพราะรัฐบาลมักจะมีนโยบายให้ ธ.ก.ส.ผ่อนผันการชำระหนี้ให้ครัวเรือนอยู่บ่อยครั้ง
อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาพบว่า ครัวเรือนที่มีการกู้เป็นกลุ่มจะมีการผิดชำระหนี้กับ ธ.ก.ส.น้อยกว่ากลุ่มเป็นรายครัวเรือน เนื่องจากการรวมกลุ่มมีการคัดสรรครัวเรือนที่มีฐานะการเงินมั่นคง สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนดเวลา
สศค.ไม่ได้หาสาเหตุว่าหนี้เสียของ ธ.ก.ส.ที่เกิดขึ้นมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมาจากนโยบายประชานิยมของรัฐบาลหรือไม่ และ สศค.ยังไม่มีข้อเสนอแนวทางให้ ธ.ก.ส.ควรดำเนินการอย่างไรเพื่อลดหนี้เสียและลดการ ชักดาบของลูกหนี้ที่เริ่มสูงขึ้น โดยสถานการณ์หนี้ภาคครัวเรือนมีสัดส่วน 30% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ซึ่งถือว่ายังเป็นระดับที่ไม่สูงจนน่าเป็นห่วง นายนริศ กล่าว
แหล่งข่าวกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลังได้ทำรายงานให้ นาย ศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง รับทราบถึงสถานการณ์ประชานิยมในจังหวัดหนึ่งพบว่า โครงการปล่อยกู้บ้านเอื้ออาทรของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ให้กับผู้มีรายได้น้อย ที่ผ่อนชำระเดือนละไม่เกิน 1 พันกว่าบาท มีลูกหนี้ขาดผ่อนชำระ 3 เดือนจำนวนมาก ทำให้การเคหะแห่งชาติต้องซื้อบ้านคืนตามสัญญาที่ทำได้ไว้กับ ธอส.
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ในจังหวัดนั้นมีจำนวนหมู่บ้าน 80% ของหมู่บ้านทั้งหมดเบิกเงินกองทุนหมู่บ้านไปดำเนินการ และเงินในบัญชีไม่มีการเคลื่อนไหวอีกเลย ซึ่งแสดงว่าเป็นหนี้เสีย ชาวบ้านไม่มีการใช้หนี้เงินกองทุนหมู่บ้านเพราะคิดว่าเป็นเงินที่รัฐบาลให้เปล่า และไม่มีใครกล้า ไปทวงถาม ทางด้าน นายกรพจน์ อัศวินวิจิตร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารเร่งแผนการปรับโครงสร้างหนี้ในโครงการธนาคารประชาชน เนื่องจากพบว่าขณะนี้ยอดหนี้ไม่ ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 10% หรือประมาณ 600700 ล้านบาท เนื่องจากยอดสินเชื่อหมุนเวียนลดลงจากเดิมที่เคยอยู่ที่ระดับ 3 หมื่นล้านบาท ได้ปรับลดลงเหลือ 6 พันล้านบาทในปัจจุบัน
สำหรับแนวทางการปรับโครงสร้างหนี้แยกเป็น 2 กรณี คือ รายที่ไม่สามารถปรับโครงสร้างหนี้ได้ จะถูกคิดเบี้ยปรับ 18% และดำเนินการฟ้องร้อง หากยังไม่สามารถชำระได้ก็จะถูกตัดเป็นหนี้สูญ โดยถือเป็นครั้งแรกของธนาคารที่เริ่ม นำกระบวนการดังกล่าวมาใช้นับตั้งแต่เริ่มโครงการ ซึ่งจากการประเมินสถานะของลูกหนี้เบื้องต้นพบว่า น่าจะมีลูกหนี้ประมาณ 50% ที่ไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ ส่วนรายที่เหลืออีก 50% คาดว่าจะยังสามารถนำเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟู ปรับโครงสร้างหนี้ได้
http://www.posttoday.com/newsdet.php?sec=news&id=107443