เฮ้อ ตอบกระทู้ทีไร เป็นเรื่องทุกที ยังไม่เข็ดอีก
ต่อไปเขียนแค่ เห็นด้วยนะคะ ท่าจะดี
ย้ำอีกทีว่า เห็นด้วย
เห็นด้วยนะคะ จขกท. เขียนเก่งมากค่ะ
แต่ที่เพิ่มเติมนั้น จะบอกว่าเราไม่ได้แย่กว่าฝรั่ง
ทั้งๆ ที่ฐานะยากจนกว่า และไม่มีห้องสมุดมากมายอย่างนี้แหละ
และไม่ได้บอกว่ารอให้รวยแล้วค่อยมาพัฒนาด้วย
แต่บอกว่าที่ฝรั่งมันทำได้ขนาดนั้นก็เพราะว่ามันรวย
มีเงินเหลือเฟือ เหลือจากการสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน แล้วถึงมาทำ
ขณะที่ชาวบ้านตาดำๆ ของเราบางท้องถิ่นยังไม่มีไฟฟ้าประปาใช้
หรือบางที่ไม่มีจะกิน เป็นโรคขาดอาหาร ขาดน้ำดื่มที่ปลอดภัย
ขาดถนนหนทางที่จะไปโรงพยาบาลที่ใกล้สุดได้
การศึกษาเลยโดนจัดไปเป็นความจำเป็นลำดับท้ายๆ
ความอยู่รอด ปัจจัยพื้นฐาน หรือปัจจัย 4 มาก่อน
ดังนั้นชาวบ้านจึงเห็นคนที่เอาเงินมาแจกเป็นผู้มีพระคุณ
และยินดีสนับสนุนอย่างเต็มใจ
ใครที่คิดจะไล่ คนดี ของเขาไป
โดยไม่มีคำอธิบายที่ยอมรับได้ ก็ย่อมขัดใจเขาเป็นธรรมดา
ถ้าเก็บภาษีเศรษฐีได้มากๆ ก็จะดี รอให้บริจาคเองท่าจะยาก
เก่งแต่เอาภาษีที่ได้จากชนชั้นกลางไปแจกอีลุ่ยฉุยแฉก (สะกดถูกเปล่า?)
ทั้งๆ ที่โม้ว่า ผมเสียภาษีมากกว่าพวกมันรวมกันทั้งประเทศ
สำหรับข้อสังเกตของคุณwatson
พอดีนักเรียนฝรั่งที่ดิฉันเจอ เขาไม่เก่งคณิตศาสตร์และภูมิศาสตร์กันจริงๆ จังๆ
ก็เลยยกมาเป็นตัวอย่างเล่าให้ฟัง
มิบังอาจกล่าวสรุป (generalize) ไปเป็นประชากรอเมริกันทั้งประเทศหรอกค่ะ
ส่วนเรื่องข้อสอบ GRE (Graduate Record Examinations)
คิดว่ายังขอยืนยันคำเดิมว่าน่าจะใช้บอกได้ว่าเราเก่งเลขกว่าฝรั่ง
เพราะถึงแม้จะชื่อ general test แต่คนสอบเป็นคนที่จบป.ตรี
และสอบเพื่อจะเข้าเรียนต่อ ป.โท/เอก (graduate school/degree) สายวิทย์
แต่ความง่ายนั้นระดับ ... เอาเป็นว่าง่ายกว่าข้อสอบ ent เข้าป.ตรี ของเราเยอะ
ประเทศเราสอนมากเกินไปหรือเปล่า? คงไม่ใช่มังคะ
เพราะเห็นนักเรียนเอเชีย เช่น เกาหลี จีน ก็เก่งๆ กัน
อาจเป็นที่พันธุกรรมด้วยก็เป็นได้
ปฏิรูปการศึกษา ทำช้าไปกี่ศตวรรษแล้วก็ไม่รู้
กระทรวงศึกษาธิการถูกเห็นเป็นแค่กระทรวงเกรด C เสมอมา
เพราะมีผลประโยชน์ให้งาบน้อย?
เอาเป็นว่าเลือกตั้งครั้งหน้า
ถ้ามีพรรคไหนมาบอกว่าจะสนับสนุนการศึกษาอย่างจริงจัง
ก็ช่วยกันไปลงคะแนนให้ดีไหมคะ?
น่าจะดีกว่า no vote ประชดใคร