คมเฉือนคม
คมชัดลึก 2006-07-06
วันพุธได้ชี้ให้เห็น ความแตกต่างระหว่าง "ตระกูลลี" นักการเมืองอิทธิพลของสิงคโปร์ ซึ่งบริหารประเทศ ตั้งบริษัทเทมาเซค โฮลดิ้งส์ สำหรับลงทุนในประเทศและกิจการข้ามชาติ มุ่งทำงานเพื่อความก้าวหน้าและผลประโยชน์ของชาติ ปราศจากข้อครหาด้านการทุจริต คอรัปชั่น พิสูจน์ความสะอาดได้
แต่นักธุรกิจการเมืองอิทธิพลคับประเทศบ้านเรานั้นเอาผลประโยชน์ของชาติไปแลกกับต่างชาติ เพื่อกอบโกยความร่ำรวยให้ครอบครัวตัวเอง แถมยังเอาทรัพย์สินของแผ่นดินไปขาย ผ่องถ่ายรายได้เอามาเป็นของตัว
เหมือนคำพูดก่อนหน้านี้หลายครั้งว่า "รัฐบุรุษคิดว่าตนเป็นคนของชาติ แต่นักการเมืองอุบาทว์คิดว่าชาติเป็นของตัวเอง"
ตระกูลลี เริ่มตั้งแต่ นายลี กวน ยู ได้สร้างสังคมสิงคโปร์แบบอยู่ในกรอบ ปราศจากเสรีภาพเต็มที่ แต่ประชาชนอยู่ดีกินดี มีนักการเมืองบ้านเราอยากเอาอย่าง แต่ไม่ยอมลอกแบบด้านความซื่อสัตย์ สุจริต จะขอโกงกินท่าเดียว
การขายกลุ่มธุรกิจของครอบครัวอิทธิพลบ้านเราให้เทมาเซค ได้เงินมากว่า 7.3 หมื่นล้านบาทนั้น ได้สร้างความฮือฮา สงสัย ประหลาดใจ ด้านความมีนอกมีในระหว่าง 2 ครอบครัว เพราะทรัพย์สินที่ขายไปภายใต้สัญญาสัมปทานนั้นเป็นของรัฐบาลไทย
นอกจากนั้น ยังได้สร้างความร้าวฉานในความรู้สึก ความหวาดระแวง ระหว่างคนไทยและสิงคโปร์อีกด้วย หลังจากก่อนหน้านี้มีความไม่ไว้ใจกันมายาวนาน โดยเฉพาะสื่อสิงคโปร์ถูกกล่าวหาว่าเล่นแต่ข่าวร้ายในไทย
การขายธุรกิจชินคอร์ปให้เทมาเซค สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้คนไทย ซึ่งมองว่าสัมปทานดาวเทียม ไอทีวี โทรศัพท์มือถือ และสิทธิการบิน เป็นของรัฐ แต่มีคนเอาไปขายเอาเงินเข้ากระเป๋า
แถมไม่ยอมเสียภาษีเงินได้แม้แต่บาทเดียว! มีการพลิกแพลงส่อให้เห็นเจตนาชัดเจนว่าไม่อยากเสีย อาศัยช่องโหว่และการช่วยเหลือจากนักกฎหมายเจ้าเล่ห์ ข้าราชการเนรคุณแผ่นดิน ไม่นึกถึงผลประโยชน์ของชาติ
เทมาเซคคงนึกว่าหวานคอแร้ง ลงทุนไม่กี่หมื่นล้าน แต่ได้เกือบทุกอย่างเกี่ยวกับข้อมูลความมั่นคงของประเทศไทย มีดาวเทียมสอดแนมได้สารพัด นอกเหนือจากสิทธิในการใช้สนามบินอุดรฯ ฝึกซ้อมเครื่องบินเอฟ 16 แต่ละวัน สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้ชาวอุดรฯ หูแทบแตก แต่บ่นไม่ได้
ทำอย่างไรได้ คนไทยไปยอมสิงคโปร์ เอาผลประโยชน์เข้าตัวเอง!
การเล็งผลเลิศของสิงคโปร์กลายเป็นสวรรค์ล่ม เมื่อครอบครัวอิทธิพลของไทยส่อแววใกล้สิ้นอำนาจ หุ้นเครือชินคอร์ปก็รูดมหาราช เทมาเซคเจ๊งไปแล้วหลายหมื่นล้านบาทหากคิดมูลค่าหุ้นตามบัญชี
เมื่อทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผน สิงคโปร์ โดยเฉพาะคนตระกูลลีก็แค้น คนสิงคโปร์ก็มองว่าโดนไทยต้ม หลอกให้ซื้อสินค้ามีปัญหา คนขายไม่ได้เป็นเจ้าของเต็มร้อย และมีประเด็นหมิ่นเหม่ก็การละเมิดกฎหมายอื้อซ่า
คุณนายโฮ ชิง ประธานกลุ่มเทมาเซค ทำท่าว่าจะเข้าหน้าแม่ผัวไม่ติด เพราะเสียชื่อเสียง นอกจากเสียเงินแล้ว ยังเสียท่าคนไทยอีกด้วย
ถ้าเอาเอฟ 16 ไปถล่มบ้านใครล้างความเจ็บปวดกระดองใจได้ ก็คงทำไปแล้ว! โอกาสจะกอบกู้การลงทุนได้คงยาก ทั้งยังจะมีคดีขึ้นศาลอีกเยอะ!
ตอนนี้ 2 ครอบครัวอิทธิพล ไทยและสิงคโปร์ มองหน้ากันได้เต็มตาอ๊ะป่าวก็ไม่รู้! ที่แน่ๆ ผลกระทบได้ลุกลามไปสู่วงการอื่นๆ ระหว่างธุรกิจไทยกับสิงคโปร์ โอกาสจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากันในอนาคตนั้นเป็นไปได้มาก
ไม่นานมานี้ กองทัพอากาศได้ส่งเครื่องยนต์ P&W ของเครื่องบินแอร์บัส ให้บริษัทในสิงคโปร์ซ่อม เป็นวงเงินกว่า 2.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ บริษัทซ่อมได้สัญญาว่าจะ "บริจาคเงินทำบุญ ให้หน่วยงานไทย 1 หมื่นดอลลาร์ ถือว่าเป็นส่วนลดพิเศษคืนให้ฝ่ายไทย
ซ่อมเสร็จแล้วส่อเค้าว่าเบี้ยว อ้างว่าไม่มีคำมั่นเป็นลายลักษณ์อักษร! จากนี้ไปคงหมดโอกาสจะได้ทำมาหากิน เมื่อเบี้ยวกันซึ่งหน้า
ยิ่งกว่านั้น ข่าวเรื่องการบริการห่วย ไร้น้ำใจ ยังถูกกระพือในบริษัทการบินไทย ทำให้งดเลิกส่งเครื่องไปให้ P&G ซ่อมในสิงคโปร์ ผลพวงของบริการไม่ประทับใจ ทำให้การบินไทยพิจารณาไม่ซื้อเครื่องยนต์ P&G สำหรับแอร์บัสรุ่นใหม่ เพราะไม่อยากเอาไปซ่อมในสิงคโปร์
เห็นหรือยังว่า การเซ็งลี้ระหว่างเทมาเซคและชินคอร์ปนั้น ได้สร้างความร้าวฉานในวงการธุรกิจแล้ว จะลามไปถึงการเมือง ฟ้องร้องเรียกเงินคืนหรือไม่ คงได้รู้เห็นกันไม่นานจากนี้
ยิ่งผู้เฒ่า ลี กวน ยู เขียนบทความแซวประเทศไทย แต่เข้าข้างคนขายหุ้นชินคอร์ปด้วยแล้ว คนไทยผู้รักชาติต้องเป็นเดือดเป็นแค้นแน่นอน
จะถึงขั้นขับไล่เครื่องบินเอฟ 16 ให้ออกไปจากอุดรธานีหรือไม่ ควรพิจารณา แต่ว่าถึงขั้นนี้เราได้เห็นแล้วว่า นักธุรกิจการเมืองบ้านเราเอาเวลาและทรัพยากรของชาติไปหาประโยชน์ส่วนตัว
มีข่าวว่า ผู้ทรงอิทธิพลคับฟ้าเมืองไทยไปขออนุญาตลงทุนสร้างโรงแรมในเคนยา ทำให้นึกถึงการเดินทางไปที่นั่นไม่นานมานี้ เพื่อซื้อสัตว์มาไว้ที่ไนท์ซาฟารี เชียงใหม่ แบบว่าไปไม่ให้เสียเที่ยว ทั้งๆ ที่ตอนนั้นคนไทยงง สงสัยว่าต้องไปเคนยาทำไม
ตอนนี้ถึง "บางอ้อ" แล้ว! ยังไม่หมด ขณะที่ชาวบ้าน ทหาร ตำรวจ ครู โดนไล่ฆ่าในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ คนเว้นวรรค "ซีอีโอโมฆะ" ไปประชุมคาซัคสถาน อีกไม่นานก็จะมีข่าวเรื่องการลงทุนในธุรกิจก๊าซและน้ำมัน
เพราะคาซัคสถาน "ซี้" กับ "เสี่ยปูติน" ของรัสเซีย ทุกวันนี้รัสเซียต้องจ่ายเงิน 100 ล้านเหรียญต่อปีเพื่อเช่าคอสโมโดรม ฐานปล่อยจรวดในเมืองไบโคนูร์ ซึ่งตอนนี้อยู่ในคาซัคสถานหลังจากแยกประเทศกัน
ศึกคมเฉือนคมไทย-สิงค์โปร์ ยังไม่จบ จะมีอีกเป็นระยะๆ นิ! อิอิอิ!!!
http://www.komchadluek.net/2006/07/column/m004_23951.php?news_id=23951