ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
17-04-2024, 05:42
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  หน้าตักสุดท้าย "สมชาย-พันธมิตรฯ" - เปลวสีเงิน 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1] 2
หน้าตักสุดท้าย "สมชาย-พันธมิตรฯ" - เปลวสีเงิน  (อ่าน 5296 ครั้ง)
istyle
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 853



« เมื่อ: 06-10-2008, 00:36 »

     เปลวสีเงิน

คนปลายซอย

6 ตุลาคม 2551    กองบรรณาธิการ

หน้าตักสุดท้าย "สมชาย-พันธมิตรฯ"

    อืมมม..จะตั้งชื่อว่าอะไรดีล่ะ   หักเหลี่ยมโหด-เพชรตัดเพชร-แผนซ้อนแผน?  สำหรับ
    เหตุการณ์ที่ "พลตรีจำลอง ศรีเมือง" ๑ ใน ๕ แกนนำพันธมิตรฯ ออกไปใช้
    สิทธิ์เลือกตั้งผู้ว่าฯ  กทม. แล้วตำรวจจับตามหมายจับไปขังไว้ที่ "กองบัญชาการตำรวจตระ
    เวนชายแดน ภาค ๑ ที่ปทุมธานี เมื่อวานนี้ (๕ ต.ค.๕๑)
    ผมอยากจะบอกว่า "ติดคุกน่ะไม่ตายหรอกครับ"!
    แต่ถ้าคนอยู่นอกคุกพลุ่งพล่าน รักจำลอง รักไชยวัฒน์ กันไปแบบ "ขาดสติ"
    เป็นตัวนำ  ต่อให้มาชุมนุมกันจนล้นทะลักทำเนียบฯ ไหลออกไปถึงราชดำเนินนอก-ราชดำเนินใน
    ก็แค่ "มากันด้วยใจ" แต่เป้ามายสูงสุดคืออะไร อยู่ตรงไหน แล้วทำอย่างไรจะ
    ไปกันให้ถึง ตรงนี้ตะหากที่ต้องคิดกัน?
    อย่าเป็นแบบ  "สุมถ่าน" เอาแค่ไฟโชน แต่ไม่รู้ว่าจะ ต้ม แกง ปิ้ง ย่าง อะ
    ไร หันซ้าย-หันขวา หันกลับมาอีกที ไฟกินถ่านเหลือแต่..เถ้า!
    พลตรีจำลองนั้น ท่านตัดสินใจที่จะใช้ตัวเองเป็น "ถ่านก้อนสุดท้าย" เพิ่มแรงไฟ
    ฮือโหมโชนประกายให้มวลหมู่พันธมิตรฯ พิชิต "ยอดพีระมิด-เป้าหมาย" แทนที่จะร้องรำ
    ทำเพลงอยู่ในทำเนียบฯ ให้ยาวนานออกไปอีก
    ไม่ต้องไปอาลัยกับการอยู่ในคุก-ในตะรางของท่านหรอก   นอนอยู่ในนั้นเบาใจกว่าเป็นผู้
    บัญชการ "หมู่บ้านทำเนียบฯ" นอกคุกเสียด้วยซ้ำ ถ้ามิตรสหายขืนหลงทิศ-ผิดทาง" เวียน
    เทียนไมโครโฟน "ควานหากันอยู่แต่ว่า
    "ใครสั่งจับจำลอง-ใครวางยาใคร-เอาตัวพี่ลองออกมาได้อย่างไร-นายสมชายหักหลังใช่
    ไหม?"
    ไม่ได้ประโยชน์อะไร   ซ้ำสูญเปล่ากับการเสียสละ "เดินออกไปให้จับ" ครั้งนี้ของพล
    ตรีจำลอง
    และผมคิดว่า ถ้ามิตรสหายที่อยู่ข้างหลังไม่ "ตั้งสติ" ตีเหล็กท่อนที่ร้อนฉ่าแปลงรูปเป็น
    ศาตราให้สำเร็จแล้วละก็
    จะประทับตรา "ผู้นำชุมนุม" ให้อายหน้าอยู่ทำไม?
    ผมอยากจะบอกว่า   เจตนาการชุมนุมของพันธมิตรฯ ไม่ผิด  แต่การกรำศึกที่ต้องยืด
    เยื้อเข้าทำนอง ดูเหมือนแพ้-แต่ชนะ, ดูเหมือนชนะ-แต่แพ้ มายาวนานกว่า ๔ เดือนนั้น
    พลาดด้วยเหตุ ๒ ประการ คือ
    ๑.ใช้สูตรประชาชนลุกฮือ แต่ปฏิบัติ "ผิดสูตร" และ "ไม่ครบ" ตามสูตร
    ๒.เป้าหมายชุมนุมเป็น "นามธรรม" ยากจับต้องได้ และเปลี่ยนไปเรื่อย
    เมื่อค่ายกลยักย้ายเปลี่ยนรูปแบบไปเช่นนี้  แกนนำที่เหลืออีก  ๔ "สนธิ-พิภพ-สมเกียรติ
    -สมศักดิ์" จะต้องหารือให้เบ็ดเสร็จเป็น "รูปธรรมเป้าหมาย" ออกมาให้ "จับต้องได้"
    เพื่อการนำไป "สู่จุดหมาย" ที่ผู้ตามทั้งมวลเข้าใจได้-ด้วยมองเห็น และเป็นได้จริง
    ตามนั้น!
    แค่เรียกระดมพล แล้วเข้าเวร-เวียนไมค์พูดกันไป-พูดกันมา "มันเลยเวลา" นั้น
    แล้ว  ถึงเวลาต้องสรุปให้เห็นชัดเสียทีว่า  ที่ชุมนุมพูดกันมา  ๓-๔  เดือนนั้น "เป้าหมาย
    สำคัญ"
    มัน "อยู่ตรงนี้"!
    ตรงนี้ "คือตรงไหน และคืออะไร?"
    นี่เป็นภารกิจแห่งกึ๋นสุดท้ายที่ "๔  แกนนำ" ต้องชูให้เห็น "เป็นรูปธรรม" เพื่อกา
    รนำมวลชนที่ล้นจนหลามทำเนียบฯ อยู่เวลานี้  และต้องระวังด้วยว่า ไฟร้อนจะลามมาลวก
    มือ
    ถ้าถือไว้นาน!
    และถ้าแกนนำกำหนดเป้าหมายได้ตรงเป้า  ปฏิบัติตามสูตรประชาชนชุมนุมได้ "ครบ
    ถ้วนตามสูตร" ผลที่ปรากฏจะเป็นอย่างที่พูดปลุกใจกันอยู่นั่นแหละว่า
    "ประชาชนไม่ได้มีไว้แพ้"!
    ๑๔   ตุลา  ๑๖. เป้าหมายนักศึกษา "จับต้องได้" เอาประชาธิปไตยจากเผด็จการ
    "ถนอม-ประภาส" คืนมาให้ประชาชนชาวไทย
    ๖  ตุลา.๑๙   เป้าหมายนักศึกษาลุกฮือชุมนุม "จับต้องได้" คือขับไล่สามเณรถนอมออกไป
    แต่ฝ่ายขวาเป็นฝ่ายออกมาไล่ฆ่านิสิต-นักศึกษา-ประชาชน แล้วเป็นฝ่าย "ปฏิรูปการเมืองไทย" ยึดอำนาจกลับไปอีก
    ๑๗  พฤษา.๓๕ เป้าหมายพลตรีจำลอง "จับต้องได้" คือขับไล่รัฐบาลสุจินดามิ
    ให้สืบต่ออำนาจ รสช. พลตรีจำลองถูกจับ พลเอกสุจินดาลาออก แต่จลาจล-คนตาย เผา
    บ้านเมืองวุ่นวายไฟโชน
    แลกกับ "ล้มระบอบ" เผด็จการ รสช.!
    คิดแล้วน่าขำ   มวลชนร่วมสมัย "พฤษภาทมิฬ" วันนี้ยังเห็นหน้าอยู่มากมาย แยกย้ายไป
    เป็นทาสอยู่ในระบอบทักษิณบ้าง   มาทำหน้าที่ขับไล่ทรราชพันธุ์ใหม่อยู่ในเวลานี้บ้าง   นำ
    หน้ายึดจอ-ยึดเวทีราวีกับพันธมิตรฯ ชนิดเอาเป็น-เอาตายบ้าง   ก็ล้วนสหายร่วมพฤษภา.มา
    ก่อนทั้งนั้น
    และที่กลับมาเป็น  "เสนาบดี"  แถมรับหน้าที่ "ท้าวมาลีวราช" คือ พลเอกชวลิต
    ยงใจยุทธ   นี่ก็น่าขัน   เพราะ "พฤษภาทมิฬ" นั้น   หลังจากที่พลตรีจำลองถูกทหารจับ
    ตอนกลางวัน ครั้นตกเย็นที่ ๑๗ พฤษภา
    สถานการณ์ก็พลิกผัน...ควันไฟโขมงเมือง
    "ถ้าไม่ช่วย ไอ้ลองมันตายแน่"?!
    ใครคือเจ้าของคำพูดประโยคนี้ และใช่คนที่เคร่งครัด"ปฏิบัติตามสูตร"ใช่หรือ
    ไม่ ก็ยังหาคำตอบกันได้ไม่ยาก
    แต่  วันนี้  ๖ ตุลาคม ปีพ.ศ.๒๕๕๑ ห่างจาก ๖ ตุลา.๑๙ เป็นเวลา ๓๒ ปี
    ห่างจากพฤษาทมิฬ เป็นเวลา ๑๖ ปี และวันนี้ ยัง..ยังหรอกครับ ยังไม่มีอะไร แต่
    ใครล่ะ จะห้ามมิให้อะไรมันเกิด!?
    เป้าหมายของ  ๔  แกนนำพันธมิตรฯในการนำมวลชนปฏิบัติการ"แทนคุณแผ่น
    ดิน"ตามคำสั่งเสียพลตรีจำลองวันนี้ คืออะไร?
    ต้องคิด และนำมาชิ้ทิศเพื่อการนำให้"จับต้องได้" สถานการณ์ ณ พ.ศ.๒๕๕๑
    นี้ ไม่เหมือนพ.ศ.๒๕๑๖ ไม่เหมือนพ.ศ.๒๕๑๙ และไม่เหมือนพ.ศ.๒๕๓๕ ก็จริง
    แต่ก็ใช่ว่าไม่สามารถนำ"ตัวอย่างข้อสอบ"เหล่านั้นมาศึกษา   เพื่อดูลีลา  ดู
    แนวข้อสอบเพื่อตอบครั้งนี้ให้ติดเอ็นฯ
    วันพฤหัสบดีที่  ๙ ตุลาคม ขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีชวด ตามกาลโยคบอกว่า
    เป็น"วันโลกาวินาศ"จันทร์ร่วมราหูตรีโกณพุธ  มวลชน กับ คำพูด-คำจาเพื่อการสื่อ
    สารถึงกัน ทั้งทหาร-ตำรวจ ดูน่าห่วงนัก
    สำหรับพันธิตรฯ"มากมวลชน"ไม่สำคัญเท่า"มากสติปัญญา"      ในการนำ
    ด้วยความสุขุม-ลุ่มลึก  อย่านึกว่า"นายกฯสมชายหน่อมแน้ม"เป็นอันขาด  นิ่มอย่างนี้
    เป็นนิ่มนอก แต่กรอกกลิ้งข้างใน
    และอะไรก็ไม่สำคัญเท่า"นายกฯสมชาย"มีอำนาจคุมทำเนียบดอนเมือง แต่ไม่
    มีอำนาจคุมพลังประชาชน คุมคนที่บ้าน และด้วยสถานการณ์จำเพาะอังคารที่ ๒๑ ตุลา
    คม ที่จะถึงนี้
    ไม่เพียงเป็นวัน"ครบรอบปีที่ ๑๒ ไทยโพสต์"เท่านั้น!
    แต่เป็นวันที่ศาลฏีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองนัดอ่าน"คำพิพากษา"ทักษิณ-พจมาน
    ในคดีทุจริตที่ดินรัชดาด้วย!!
    ฉะนั้น  เป็นไปได้ทั้งนั้น  รัฐบาลลอนดอน  รัฐบาลเบเวอรี่ฮิลล์ และแก๊งทั้ง
    หลายที่แย่งกัน"ชักใบให้เรือเสีย"อาศัยมือตำรวจจับพลตรีจำลอง เพื่อสร้างเงื่อนไข-
    ล้มเงื่อนไขสมานไมตรี
    และสร้าง"เงื่อนไขใหม่"นำไปสู่การเผชิญหน้าแตกหัก"อำนาจรัฐ-มวลชนพันธมิตร
    "เพื่อเปิดทางให้"การใช้กำลัง"เป็นสิ่งเลี่ยงไม่ได้ สู่เป้าหมายคือรัฐบาลไหนก็
    ได้ ที่ใช้รัฐธรรมนูญแบบไม่ให้มีอำนาจคตส.ติดอยู่?!
    ทั้งการจับ  นายไชยวัฒน์  สินสุวงศ์  พลตรีจำลอง ศรีเมือง จะเห็นว่า"จำ
    รวจนครบาล"เป็นผู้จับ และจับปั๊บก็นำตัวไปขังไว้ปุ๊บที่"ตำรวจตชด."
    ตชด.กับนครบาล นั้น เป็นคนละหน่วยงาน คนละภารกิจกัน และไม่มีงานอะไร
    สัมพันธ์กันโดยตรงเลย  จะอ้างว่านำไปขังไว้ที่ตชด.ปทุมธานี ให้ห่างไกลผู้ชุมนุม ก็
    พอฟังได้
    แต่ถ้าลำพังการตัดสินใจของ  พล.ต.ท.สุชาติ  เหมือนแก้ว ผบช.น.คนใหม่
    "สหายทักษิณ"คงไม่ข้ามหน่วยไปอย่างนั้น แต่ที่เป็นเช่นนี้เหมือนมีแผนอยู่ก่อนแล้ว ก็น่า
    คิดว่า
    ผู้มีอำนาจเหนือในการสั่งการเรื่องนี้  น่าจะมีความสัมพันธ์ตรงกับหน่วย"ตระ
    เวณชายแดน"?
    ความจริง ถ้าต้องการจับ ๙ แกนนำตามหมายจับจริงๆแล้ว ตำรวจจับไปนาน
    แล้ว  เพราะตามประกบ  ๙  แกนนำและรู้อยู่ตลอดว่า"ใครไปไหน-เวลาไหน"อยู่
    ตลอดเวลา
    และทั้งรัฐบาล ทั้งทุกคน-ทุกฝ่าย ล้วนรู้ดีว่า ถ้าจับเท่ากับ"เอาน้ำมันราดไฟ"
    แต่ทำไม  เพิ่งมาจับกันตอนนี้ ตอนจะมีส.ส.ร.ตอนชวลิตจะจูบปากจำลอง ตอนประ
    ธานชัยยัดร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับหมอเหวงเข้าสภา?
    และนับแต่วันแรก  ยันวันนี้  ฝ่ายตำรวจที่เผยบทบาทออกมาก็มีแค่"พล.ต.ท.
    สุชาติ"กับพล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง ในฐานะโฆษกตำรวจเท่านั้น
    แล้วพล.ต.อ.พัชรวาท  วงษ์สุวรรณ  ผบ.ตร.ไปไหน  พล.ต.อ.จงรัก  จุ
    ฑานนท์   รองผบ.ตร.ผู้เกี่ยวพันกับเรื่องนี้โดยตรง   หายหน้าไปไหน  เพราะไม่
    ยอมปรากฏออกมา"แสดงบท"ให้เห็นทิศทางแต่อย่างใด?
    พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกฯ และพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รมว.มหาด
    ไทย ทำไมหายเงียบไป ปล่อยให้"นายกฯสมชาย"ท่องคัมภีร์"ไม่มีใครสั่ง เป็นการทำ
    หน้าที่ของตำรวจตามหมายศาล"ซึ่งเป็นแค่อาขยานประถม ๔ เท่านั้น
    สถานการณ์นี้     เป็นสถานการณ์ที่ต้อง"มีเลือดเซ่น"ผมขอย้ำว่า     เป็น
    สงครามครั้งสุดท้ายอย่างที่"    ๔    แกนนำพันธมิตร"ประกาศไว้    โดยทั่วไป
    การชุมนุม    มวลชนจะเป็นฝ่ายจุดไฟ   แต่ครั้งนี้"มือที่มองเห็น"แอบราดน้ำมันใส่
    ด้วยประเมินว่า"ฝ่ายพันธมิตร"หมดไม้ตาย     ยึดได้แค่ทำเนียบก็"ไปไม่เป็น"แล้ว
    เกมนี้มี"อนาคตใหม่"ของสังคมไทยเป็นเดิมพัน ถ้าครั้งนี้พลาด"ชาติหน้า"เท่านั้น..
    พันธมิตรเอ๋ย.



เราจะเดินไปทางไหนต่อดี......

การเมืองใหม่ ขับไล่สัตว์นรก ชัดไม่พอหรือ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-10-2008, 00:44 โดย istyle » บันทึกการเข้า
1ktip
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,457



« ตอบ #1 เมื่อ: 06-10-2008, 01:21 »

สมการการเมืองคราวนี้มั่วมากๆ ต่างกับทุกๆ เหตุการณ์ที่ประเทศไทยเคยผ่านมา แกะยังไงก็แกะไม่ออก

เมื่อเหตุการณ์มันมะรุมมะตุ้มรุงรังมาถึงจุดนี้แล้ว หาเป้าโจมตีที่ชัดเจนแล้วพุ่งให้ตรงจุดน่าจะดีที่สุด

แต่ อะไรคือจุดตายของพลังแม้วในยามนี้? และต้องเป็นจุดอ่อนที่ล้มได้ด้วยพลังมวลชน (สงบ - สันติ - อหิงสา เท่าที่จะเป็นไปได้)

ใครคิดออกบ้างครับ?
บันทึกการเข้า
Arch_FreeMan
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 210



« ตอบ #2 เมื่อ: 06-10-2008, 01:42 »

ตอนนี้ผมนึกไม่ออกจริงๆ ว่า จะมีวิธีการ อหิงสาแบบไหน ที่หนักไปกว่าการยึดทำเนียบ

แต่ถ้าเป็นการนัดหยุดงานทั่วประเทศ สองวัน สามวัน ก็พอทำได้ครับ แต่มันต้องอยู่ที่จิตสำนึกของคนทั้งประเทศจริงๆ

เท่าที่ผมนึกออกตอนนี่คือ การแบ่งกำลังกระจายไปล้อม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อทวงถามความคืบหน้าคดีของจักรภพและคดีติดสินบน
บันทึกการเข้า

ธรรมเท่านั้นคือทางรอดของสังคมไทย
vorapoap
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 512



เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 06-10-2008, 01:45 »

แผน 1

แบ่งมวลชนจำนวนหลักแสนเป็นหลายส่วน อย่างต่ำ 3 ส่วน
ใช้ม้าเร็วเข้าปิดล้อมสถานที่สำคัญ

1. ดอนเมือง
2. หมู่บ้าน BeveryHill
3. กองทัพไทย



แผน 2

เหลือ 20,000 เฝ้าทำเนียบ นอกนั้น
นำมวลชนทั้งหมด เคลื่อนออกจากทำเนียบ เดินสู่ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แล้วนั่งมันอยู่ตรงนั้นแทน
ถ้ารัฐบาลมันยังบ้าอยู่ วันรุ่งขึ้น พาเดินไปพหลโยธิน เดินไปถึงจัตุจักร เดินไปถึงดอนเมือง โดยสนธิเป็นคนพาเดินนำหน้า
ถ้ามันยังบ้า ก็เดินกลับไปทำเนียบ เดินมันอย่างนี้เรื่อยๆทุกๆวัน จนกว่ารัฐบาลมันจะยอมแพ้
ผมว่าเดินแบบนี้สักสามวัน ใช้กำลังพี่น้องทั้งหมด หน่วยเสบียงใช้รถเร็ว


แผน 3

.... ยังคิดไม่ออก
บันทึกการเข้า

vorapoap
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 512



เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 06-10-2008, 01:55 »

จะใช้แบบ คานธี ก็ไม่ได้ด้วย พาคนเดินข้ามฝั่งทวีปกันเลย...
อ้างถึง
แต่ใน ค.ศ. 1930 คานธีหวนกลับสู่สังเวียนการเมืองอันเร่าร้อน เพราะต้องการประท้วงกฎหมายอังกฤษที่ห้ามคนอินเดียทำเกลือกินเอง เป็นสิ่งที่ไม่สมควรที่จะไม่ให้คนอินเดียใช้ทรัพยากรของอินเดีย โดยในวันที่ 12 มีนาคม คานธีได้เริ่มการเดินทางไปยังชายทะเลในตำบลฑัณฑี พร้อมกับประชาชนนับแสนคนที่เต็มใจไปกับคานธี คานธีเดินทางเป็นเวลา 24 วัน 400 กิโลเมตร ก็ไปถึงชายทะเล คานธีบอกประชาชนนับแสนให้ร่วมกันทำเกลือกินเอง ดังนั้น ในวันนั้น คานธีและประชาชนนับแสนได้ทำเกลือจากทะเลกินเอง เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายที่อังกฤษตั้งไว้

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A1%E0%B8%B0_%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B5
บันทึกการเข้า

Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 06-10-2008, 01:59 »

รอวันแถลงนโยบาย ปิดล้อมรัฐสภา

ใช้เรื่อง นโยบาย สสร.3 ถล่ม...พร้อมร่างฯ รัฐธรรมนูญ ของ หมอเหวง

ไม่ต้องเดินใกลด้วย...ถ้าฝั่งโน้นมายันที่หน้าสภา ก็จะเห็นการเผชิญหน้า

สงสัยตอนนั้นอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด


ช่วงนี้ติ้ดชึ่ง ดึงพวกเราออกมาให้มาก ๆ

ถ้ารอได้ ก็รอ 21 เดือนนี้ ศาลจะจัดการทักษิณกับเมีย...
บันทึกการเข้า

อิรวันชาห์ IrWanSyah
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 870



« ตอบ #6 เมื่อ: 06-10-2008, 02:03 »

แผน 1

แบ่งมวลชนจำนวนหลักแสนเป็นหลายส่วน อย่างต่ำ 3 ส่วน
ใช้ม้าเร็วเข้าปิดล้อมสถานที่สำคัญ

1. ดอนเมือง
2. หมู่บ้าน BeveryHill
3. กองทัพไทย



แผน 2

เหลือ 20,000 เฝ้าทำเนียบ นอกนั้น
นำมวลชนทั้งหมด เคลื่อนออกจากทำเนียบ เดินสู่ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แล้วนั่งมันอยู่ตรงนั้นแทน
ถ้ารัฐบาลมันยังบ้าอยู่ วันรุ่งขึ้น พาเดินไปพหลโยธิน เดินไปถึงจัตุจักร เดินไปถึงดอนเมือง โดยสนธิเป็นคนพาเดินนำหน้า
ถ้ามันยังบ้า ก็เดินกลับไปทำเนียบ เดินมันอย่างนี้เรื่อยๆทุกๆวัน จนกว่ารัฐบาลมันจะยอมแพ้
ผมว่าเดินแบบนี้สักสามวัน ใช้กำลังพี่น้องทั้งหมด หน่วยเสบียงใช้รถเร็ว


แผน 3

.... ยังคิดไม่ออก

 


บันทึกการเข้า

อิรวันชาห์ IrWanSyah
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 870



« ตอบ #7 เมื่อ: 06-10-2008, 02:07 »

รอวันแถลงนโยบาย ปิดล้อมรัฐสภา

ใช้เรื่อง นโยบาย สสร.3 ถล่ม...พร้อมร่างฯ รัฐธรรมนูญ ของ หมอเหวง

ไม่ต้องเดินใกลด้วย...ถ้าฝั่งโน้นมายันที่หน้าสภา ก็จะเห็นการเผชิญหน้า

สงสัยตอนนั้นอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด


ช่วงนี้ติ้ดชึ่ง ดึงพวกเราออกมาให้มาก ๆ

ถ้ารอได้ ก็รอ 21 เดือนนี้ ศาลจะจัดการทักษิณกับเมีย...

จะพาคนไปตายอีกหละซิ  แต่บอกไว้ก่อนนะ สามครั้งที่แล้ว ตายอย่างมีศักดิ์ศรี ตายเพื่อประชาธิปไตย

แต่ครั้งนี้ รับรองถูกตราหน้า ตายเพื่อสนองตัณหาของระบอบอำมาตยาธิปไตย  น่าสมเพช
บันทึกการเข้า

อิรวันชาห์ IrWanSyah
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 870



« ตอบ #8 เมื่อ: 06-10-2008, 02:08 »

และก็รอบนี้ ชัดเจนแล้วว่าทหารไม่เอาด้วย บังกลัวว่าจะล่อกันเอง แล้วโยนขี้ให้รัฐบาลนะซิ 
บันทึกการเข้า

Arch_FreeMan
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 210



« ตอบ #9 เมื่อ: 06-10-2008, 02:16 »

สุริยะใส ประกาศแล้ว ว่า เขามีมติไปแล้ว แต่ยังไม่ประกาศเพื่อรอคำสั่งศาล ตอนนี้เลยเดาเล่นๆ ว่า

1 คงมีกิจกรรมให้มวลชนทำ แต่คงเป็นไปในลักษณะที่ไม่ใช่พาคนไปตายแน่นอน ไม่งั้นคงเสียจุดยืน แต่ถ้า นปช จะพาคนตัวเองมาตายนี่ผมคิดว่า ไม่ใช่ความผิดของพันธมิตร

2. ผมคิดว่า น่าจะเป็นการกดดัน แสดงพลังมากกว่า เพราะ วันสำคัญของระบอบทักษิณก็ใกล้งวดเข้ามาทุกที ไม่ว่าจะเป็น การชี้มูลความผิดของ ปปช กรณี ของแถลงการณ์ร่วมเขมรไทย กับ วันตัดสินคดีรัชดาของทักษิณ คือ ถ้าชี้มูลความผิด ครม 29 คนของรัฐบาลชุดนี้ จะต้องหมดสภาพทันที รวมถึงตัวนายสมชายด้วย

ดังนั้น ผมมองว่า คงเป็นกิจกรรมการแสดงพลังและเพิ่มแรงกดดัน มากกว่า คงไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลังมวลชนไปไหนมั้งครับ ถ้าไป ก็คงไปใกล้ๆ แบบว่าเดินกลับมาทัน
บันทึกการเข้า

ธรรมเท่านั้นคือทางรอดของสังคมไทย
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #10 เมื่อ: 06-10-2008, 02:28 »

แค่เรียกคนมาเยอะๆ รัฐบาลก็หนาวแล้ว

ไม่ต้องทำอะไรมากหรอก มันจะเป็นไปเอง


ก็บอกในกระทู้ก่อน รอฟังศาลก่อน พวก ตจว. ก็รอฟังอยู่เหมือนกัน

ถ้าจะเอายังไง เย็นวันพรุ่งนี้ กำหนดมาเลย จะให้ประชาชนพันธมิตรทำอะไรกันบ้าง

2-3 วันนี้เคลียร์งานแล้วไปรวมตัวแน่นอน


อย่าลืมว่ายังมี สหภาพแรงงานเตรียมเคลื่อนขบวนอยู่ข้างหลังทุกเวลา

ห้วงนี้ ทักษิณอยากให้ทหารปฏิวัติ ก็น่าจะรู้กันอยู่ คราวที่แล้ว ทหารไม่เล่นด้วย สมัครเสียหมาไปแล้ว

เพราะยังไงเสีย ศาลก็ต้องตัดสนจำคุกเป็นศาลเดียวมีผลทันที

หากไม่สร้างความวุ่นวายให้มหารพวกตัวเองปฏิวัติหลอกอังกฤษ ก็คงยากที่จะเดินเกมต่อไป
บันทึกการเข้า

เช็คบิล
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 580



« ตอบ #11 เมื่อ: 06-10-2008, 03:13 »

รอเคลียร์งานอีกสัก วันก่อน แล้วไปอีกรอบเป็นรอบที่สาม เสียดายคราวก่อนที่ไม่ได้ไปออกรอบกับ พธม ไปหลังจากนั้นงานออกรอบเลิกไป เสียดายจริงๆ อยากไปกระทืบพวก นปก เหมือนกัน เอิ๊กๆ 
บันทึกการเข้า
superager
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 152


Olivier@ขบวนการโจ๋เรนเจอร์


« ตอบ #12 เมื่อ: 06-10-2008, 06:39 »

ปัญหาคือจะชนะแบบใหนให้สูญเสียน้อยที่สุด

ตัวแปรที่สำคัญที่สุดอยู่ที่ใหนกัน
บันทึกการเข้า
นู๋เจ๋ง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,877



« ตอบ #13 เมื่อ: 06-10-2008, 07:00 »

ระดมคนให้มากๆ หากิจกรรมให้เล่น นอนตีพุงเฉยๆ อยู่ในทำเนียบนั่นแหละค่ะ
ทำอย่างเดิม รักษาทำเนียบไว้ 
แค่นั้นสมชายก็อกแตกตายแล้ว อยากได้ทำเนียบคืนใจจะขาด

ส่วนลุงจำลองเดี๋ยวก็ออกมาเพราะศาลท่านเมตตา
แล้วทักษิณก็ติดคุกเพราะศาลอีกนั้นแหละ
พลังประชาชนก็จะสลายอยู่แล้ว
มันอยากได้เรื่องลี้ภัย ก็จุดชนวน ให้มีรัฐประหาร ใครๆ เค้าก็รู้ ทหารไม่ได้กินหญ้า
เพื่อไทยจะมาใหม่ ...  เลือกตั้งครั้งหน้า เงินทองก็เตรียมกองให้เลือกตั้งครั้งหน้าเรียบร้อย
ดีออกเงินก้อนใหญ่กระจายได้ทั่วถึง อิอิ ที่หลบๆภาษีไปก็ได้คืนให้ประชาชน
500 พอไม๊ครั้งนี้ น่าจะขึ้นหลักพัน

จะแก้รัฐธรรมนูญช่วยพ่อมันอีกเมื่อไหร่ ก็ เร่งระดมคนมานอนตีพุงที่ทำเนียบอีก 
แค่นี้ก็พอแล้ว ไม่ต้องไปเสียเลือดเสียเนื้อ
ถ้าถามว่าใช้เงินมากจะหมด ..เงินประชาชนเป็นล้านสนับสนุนมากบ้างน้อยบ้างช่วยกันอยู่
ก็อยู่กันมาเป็นร้อยสามสิบกว่าวัน เชื่อเถอะว่า เติมได้ตลอด อย่าท้อ อย่าเหนื่อย เท่านั้นแหละค่ะ

จะไปบ้าตามเกมส์มันทำไมกัน
บันทึกการเข้า

~จะแน่วแน่...แก้ไข...ในสิ่งผิด~
อิรวันชาห์ IrWanSyah
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 870



« ตอบ #14 เมื่อ: 06-10-2008, 07:48 »

ระดมคนให้มากๆ หากิจกรรมให้เล่น นอนตีพุงเฉยๆ อยู่ในทำเนียบนั่นแหละค่ะ
ทำอย่างเดิม รักษาทำเนียบไว้ 
แค่นั้นสมชายก็อกแตกตายแล้ว อยากได้ทำเนียบคืนใจจะขาด

ส่วนลุงจำลองเดี๋ยวก็ออกมาเพราะศาลท่านเมตตา
แล้วทักษิณก็ติดคุกเพราะศาลอีกนั้นแหละ
พลังประชาชนก็จะสลายอยู่แล้ว
มันอยากได้เรื่องลี้ภัย ก็จุดชนวน ให้มีรัฐประหาร ใครๆ เค้าก็รู้ ทหารไม่ได้กินหญ้า
เพื่อไทยจะมาใหม่ ...  เลือกตั้งครั้งหน้า เงินทองก็เตรียมกองให้เลือกตั้งครั้งหน้าเรียบร้อย
ดีออกเงินก้อนใหญ่กระจายได้ทั่วถึง อิอิ ที่หลบๆภาษีไปก็ได้คืนให้ประชาชน
500 พอไม๊ครั้งนี้ น่าจะขึ้นหลักพัน

จะแก้รัฐธรรมนูญช่วยพ่อมันอีกเมื่อไหร่ ก็ เร่งระดมคนมานอนตีพุงที่ทำเนียบอีก 
แค่นี้ก็พอแล้ว ไม่ต้องไปเสียเลือดเสียเนื้อ
ถ้าถามว่าใช้เงินมากจะหมด ..เงินประชาชนเป็นล้านสนับสนุนมากบ้างน้อยบ้างช่วยกันอยู่
ก็อยู่กันมาเป็นร้อยสามสิบกว่าวัน เชื่อเถอะว่า เติมได้ตลอด อย่าท้อ อย่าเหนื่อย เท่านั้นแหละค่ะ

จะไปบ้าตามเกมส์มันทำไมกัน


ดีๆๆ เปลี่ยนทำเนียบเป็นคุกแทน 
บันทึกการเข้า

protecter
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 465


« ตอบ #15 เมื่อ: 06-10-2008, 07:57 »

ผมเห็นด้วยกับเปลวสีเงินครับ

เมื่อคืนวานผมก็ไปทำเนียบมาครับ คนเยอะมาก...........
แต่เซ็งครับ.....เซ็งตรงที่มากันเยอะแยะ แล้ว มานั่งมาเดินเฉยๆ..........อย่าลืมนะว่าพี่น้องต่างจังหวัดการที่จะมาที่นี่ได้ต้องลงทุนนะครับ ต้องเสียงาน เสียเงิน เสียแรง เสียเวลา...........มาแล้วให้มานั่งๆเดินๆ ....

รอดูบ่ายวันนี้หลังฟังศาลจะตัดสินอุทรณ์
ว่า แกนนำ พธม จะมีแผนการอย่างไร
ถ้ายังเฉยๆ ต่อไปเป็นห่วงว่าพี่น้องต่างจังหวัดจะมาน้อยอ่ะ(เพราะมาแล้วเสียเวลา)

(คือ..........อยากออกกำลังกายครับ  คิดถึง นปก อ่ะ )
บันทึกการเข้า
OMEGA
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 233



« ตอบ #16 เมื่อ: 06-10-2008, 08:15 »

จะพาคนไปตายอีกหละซิ  แต่บอกไว้ก่อนนะ สามครั้งที่แล้ว ตายอย่างมีศักดิ์ศรี ตายเพื่อประชาธิปไตย

แต่ครั้งนี้ รับรองถูกตราหน้า ตายเพื่อสนองตัณหาของระบอบอำมาตยาธิปไตย  น่าสมเพช


ระบอบอมาตยามันคืออะไรหรือครับในปัจุจุบัน แล้วมีองค์ประกอบอะไรบ้าง
ที่มาของอำนาจ กลุ่มอำนาจ ผลประโยชน์ บุคคลากร แนวคิด หลักปฎิบัติการปกครอง ฯลฯ
ช่วยอธิบายแบบละเอียดพร้อมยกตัวอย่างด้วยครับ  ..ดูเหมือนจะเชี่ยวชาญระบอบนี้ดี..เชิญครับ
 
บันทึกการเข้า

นู๋เจ๋ง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,877



« ตอบ #17 เมื่อ: 06-10-2008, 08:35 »

ดีๆๆ เปลี่ยนทำเนียบเป็นคุกแทน 

ถ้าไม่เคยไป กิน นั่ง เดิน ในทำเนียบ
อย่าเพ้อเจ้อ...ปากดี..โชว์สมองกลวง
เทศกาลงานวัด อย่างนี้ น่ะ
ทั้งมโหรสพ คอนเสริต หนังกลางแปลง สลับการให้ความรู้ อย่างนี้แหละ เรื่องความสุขของคนไทย
นปก พยายามเลียนแบบยังทำไม่ได้ ไม่เนียนเร้ย..ฮ่าฮ่าๆๆ
บันทึกการเข้า

~จะแน่วแน่...แก้ไข...ในสิ่งผิด~
noppon
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 165



« ตอบ #18 เมื่อ: 06-10-2008, 08:40 »

ผมเห็นด้วยกับเปลวสีเงินครับ

เมื่อคืนวานผมก็ไปทำเนียบมาครับ คนเยอะมาก...........
แต่เซ็งครับ.....เซ็งตรงที่มากันเยอะแยะ แล้ว มานั่งมาเดินเฉยๆ..........อย่าลืมนะว่าพี่น้องต่างจังหวัดการที่จะมาที่นี่ได้ต้องลงทุนนะครับ ต้องเสียงาน เสียเงิน เสียแรง เสียเวลา...........มาแล้วให้มานั่งๆเดินๆ ....

รอดูบ่ายวันนี้หลังฟังศาลจะตัดสินอุทรณ์
ว่า แกนนำ พธม จะมีแผนการอย่างไร
ถ้ายังเฉยๆ ต่อไปเป็นห่วงว่าพี่น้องต่างจังหวัดจะมาน้อยอ่ะ(เพราะมาแล้วเสียเวลา)

(คือ..........อยากออกกำลังกายครับ  คิดถึง นปก อ่ะ )

แกนนำคงรอคำสั่งศาลวันนี้ก่อนครับ เพราะผลของคำสั่งศาล มีส่่วนสำคัญที่จะกำหนดทิศทางการเคลื่อนไหว
ตอนนี้เหตุการณ์จะบานปลายหรือไม่ ผมว่าอยู่ที่คำสั่งศาลนี่แหละครับ
บันทึกการเข้า

สมาชิกลำดับที่ #71 ครับ
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #19 เมื่อ: 06-10-2008, 09:59 »

เซียนการเมือง บางทีก็วิเคราะห์ ไม่รอบด้าน

เราจึงมักเห็นการหน้าแหกอยู่หลายฉบับ

เพราะเหตุการณ์พลิกผันให้พาดหัวตัวโตๆ อยู่บ่อย ๆ
บันทึกการเข้า

ooo
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 670


« ตอบ #20 เมื่อ: 06-10-2008, 11:22 »

ถึงวินาทีนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่รู้สึก รู้สม กับการจับพล ต. จำลอง

ผมว่ามนต์จากแกนนำพธม.เริ่มเสื่อมแล้วจริงๆ การชุมนุมในทำเนียบคงมีสถานะใกล้เคียงกับงานวัด

หรือโรงมหรสพไปทุกที

ผมว่าแล้ว...มีทางลง มีทางออก  ไม่ยอมลง ไม่ยอมออก ...มันจะทำให้หมดความชอบธรรมไปเรือยๆ

แล้ววันหนึ่งพระเอก จะกลายเป็นผู้ร้ายในสายตาประชาชนไป...
บันทึกการเข้า
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #21 เมื่อ: 06-10-2008, 11:46 »

ยังหรอกครับ....ยังไม่จบ...

ยังไม่หมดหน้าตัก......

ถ้าเป็นม้า ก็เพิ่ง จะเข้าโค้ง ก่อนเข้าสู่ทางตรง วิ่งเข้าเส้นชัย....

หนังเรื่องนี้ ยังต้องดูอีกซักพักครับ....


บันทึกการเข้า
sanskritshower
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 245



« ตอบ #22 เมื่อ: 06-10-2008, 13:14 »

จะพาคนไปตายอีกหละซิ  แต่บอกไว้ก่อนนะ สามครั้งที่แล้ว ตายอย่างมีศักดิ์ศรี ตายเพื่อประชาธิปไตย

แต่ครั้งนี้ รับรองถูกตราหน้า ตายเพื่อสนองตัณหาของระบอบอำมาตยาธิปไตย  น่าสมเพช



ระบอบอมาตยามันคืออะไรหรือครับในปัจุจุบัน แล้วมีองค์ประกอบอะไรบ้าง
ที่มาของอำนาจ กลุ่มอำนาจ ผลประโยชน์ บุคคลากร แนวคิด หลักปฎิบัติการปกครอง ฯลฯ
ช่วยอธิบายแบบละเอียดพร้อมยกตัวอย่างด้วยครับ  ..ดูเหมือนจะเชี่ยวชาญระบอบนี้ดี..เชิญครับ

 


ซ้ำให้อีกรอบ  อยากเห็นเภก800มาตอบเหมือนกัน
บันทึกการเข้า
อิรวันชาห์ IrWanSyah
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 870



« ตอบ #23 เมื่อ: 06-10-2008, 13:16 »

ระบอบอมาตยามันคืออะไรหรือครับในปัจุจุบัน แล้วมีองค์ประกอบอะไรบ้าง
ที่มาของอำนาจ กลุ่มอำนาจ ผลประโยชน์ บุคคลากร แนวคิด หลักปฎิบัติการปกครอง ฯลฯ
ช่วยอธิบายแบบละเอียดพร้อมยกตัวอย่างด้วยครับ  ..ดูเหมือนจะเชี่ยวชาญระบอบนี้ดี..เชิญครับ
 


 
ด้วยความเชี่ยวชาญ

ระบอบนี้เคยมาจากปากกระบอกปืน ล้มรัฐบาลประชาธิปไตย ทั้งๆที่ไม่กี่เดือนเขาก็จะคืนอำนาจนั้นให้ประชาชนตัดสินใจใหม่แล้ว แต่เพราะความกลัว จึงต้องปล้นมา

ระบอบนี้ ทำให้ใครบางคนที่กู้แบงค์จนล้มละลาย สามารถเข้าไปมีอิทธิพลในรัฐสภา ผ่านเพื่อนๆรวมองค์กร เพื่อนร่วมสายอาชีพที่ถูกแต่งตั้งเข้าไปเสวยสุข ใครหละจะไม่ชอบ 

ตอนเป็นประชาธิปไตย ก็กล่าวหาว่ารัฐบาลแทรกแซงองค์กรอิสระ แต่พอตัวเองมีอำนาจ ไม่ใช่แค่แทรกแซง ตั้งเองเลยครับ เอาพวกพ้องตัวเองไปคุม เขาไม่แทรกแซงหรอกครับ 

ระบอบนี้ ทำให้ใครบางคนที่ทำงานแย่ ถูกเขาส่งไปทำงานตจว. ไกลๆ ได้มีโอกาสกลับมาคุมบอร์ดกิจการหมื่นล้าน จนมีเรื่องฉาวโฉ่ ปูดกันเองจนเป็นข่าวทางสื่อให้ประชาชนได้สมเพช แย่งกันดูงานต่างประเทศ ปูดกันเองเรื่องร้านปลอดภาษี สั่งให้บอร์ดตัวเองบริจาคเงินอย่างลับๆให้กองทัพ จนองค์กรที่เคยมีกำไร หดหายจนจะเจ๊งอยู่แล้ว

ลองคิดดูนะ พวกที่ช่นชอบระบบนี้ ตอนเป็นประชาธิปไตย ลงสมัครเลือกตั้ง สว. ได้มาแค่ 2,000 คะแนน ที่สุดท้าย  แต่เพราะมรดกของอำมาตยาธิปไตย มาสมใจได้เป็น ก็ตอนมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาประธาน คตง. เป็นเด็กปั้นหญิงเป็ดครับ หญิงเป็ดผลักดันจนได้เป็น สว.ครับ      

อย่างนี้ ใครบางคนถึงชอบระบอบอำมาตยาธิปไตยไงหละครับ  

ส่วนความเสียหายที่เราเห็นจากพวกนี้หรือครับ ตั้งแต่ถอยรถถังออกมา กินกันเพลิน เบิกงบลับ แจกเงินพรรคพวก เศรษฐกิจหด  เสียหายสามแสนล้าน

พาลทะมิดปิดสนามบิน หยุดเดินรถไฟ  ทำเสียหายไปอีกว่า สี่แสนล้านแล้ว   พวกคุณทำยอดไปเกือบล้านล้านแล้วนะครับ  โดยที่ประเทศชาติ ไม่ได้อะไรคืนมาเลย นอกจากความแตกแยกที่พวกคุณสร้างไว้ 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-10-2008, 13:37 โดย อิรวันชาห์ IrWanSyah » บันทึกการเข้า

อิรวันชาห์ IrWanSyah
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 870



« ตอบ #24 เมื่อ: 06-10-2008, 13:25 »

ถ้าไม่เคยไป กิน นั่ง เดิน ในทำเนียบ
อย่าเพ้อเจ้อ...ปากดี..โชว์สมองกลวง
เทศกาลงานวัด อย่างนี้ น่ะ
ทั้งมโหรสพ คอนเสริต หนังกลางแปลง สลับการให้ความรู้ อย่างนี้แหละ เรื่องความสุขของคนไทย
นปก พยายามเลียนแบบยังทำไม่ได้ ไม่เนียนเร้ย..ฮ่าฮ่าๆๆ


ลองถามแกนนำกบฏที่เหลือซิ ว่ามันกล้าออกมานอนโรงแรมหรูๆข้างนอกอีกหรือไม่  
บันทึกการเข้า

Limmy
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,346


« ตอบ #25 เมื่อ: 06-10-2008, 13:27 »

บังตอบไม่ตรงคำถาม

ขอรายชื่อบุคคลากรของระบอบอำมาตยาธิปไตยก่อนครับ เริ่มตรงนี้ก่อนก็ได้
บันทึกการเข้า
OMEGA
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 233



« ตอบ #26 เมื่อ: 06-10-2008, 13:36 »


 
ด้วยความเชี่ยวชาญ

ระบอบนี้เคยมาจากปากกระบอกปืน ล้มรัฐบาลประชาธิปไตย ทั้งๆที่ไม่กี่เดือนเขาก็จะคืนอำนาจนั้นให้ประชาชนตัดสินใจใหม่แล้ว แต่เพราะความกลัว จึงต้องปล้นมา

ระบอบนี้ ทำให้ใครบางคนที่กู้แบงค์จนล้มละลาย สามารถเข้าไปมีอิทธิพลในรัฐสภา ผ่านเพื่อนๆรวมองค์กร เพื่อนร่วมสายอาชีพที่ถูกแต่งตั้งเข้าไปเสวยสุข ใครหละจะไม่ชอบ 

ตอนเป็นประชาธิปไตย ก็กล่าวหาว่ารัฐบาลแทรกแซงองค์กรอิสระ แต่พอตัวเองมีอำนาจ ไม่ใช่แค่แทรกแซง ตั้งเองเลยครับ เอาพวกพ้องตัวเองไปคุม เขาไม่แทรกแซงหรอกครับ 

ระบอบนี้ ทำให้ใครบางคนที่ทำงานแย่ ถูกเขาส่งไปทำงานตจว. ไกลๆ ได้มีโอกาสกลับมาคุมบอร์ดกิจการหมื่นล้าน จนมีเรื่องฉาวโฉ่ ปูดกันเองจนเป็นข่าวทางสื่อให้ประชาชนได้สมเพช แย่งกันดูงานต่างประเทศ ปูดกันเองเรื่องร้านปลอดภาษี สั่งให้บอร์ดตัวเองบริจาคเงินอย่างลับๆให้กองทัพ จนองค์กรที่เคยมีกำไร หดหายจนจะเจ๊งอยู่แล้ว

ลองคิดดูนะ พวกที่ช่นชอบระบบนี้ ตอนเป็นประชาธิปไตย ลงสมัครเลือกตั้ง สว. ได้มาแค่ 2,000 คะแนน ที่สุดท้าย  แต่เพราะมรดกของอำมาตยาธิปไตย มาสมใจได้เป็น ก็ตอนมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาประธาน คตง. เป็นเด็กปั้นหญิงเป็ดครับ หญิงเป็ดผลักดันจนได้เป็น สว.ครับ      

อย่างนี้ ใครบางคนถึงชอบระบอบอำมาตยาธิปไตยไงหละครับ  

ส่วนความเสียหายที่เราเห็นจากพวกนี้หรือครับ คมช เข้ามา กินกันเพลิน เบิกงบลับ แจกเงินพรรคพวก เศรษฐกิจหด  เสียหายสามแสนล้าน

พาลทะมิดปิดสนามบิน หยุดเดินรถไฟ  ทำเสียหายไปอีกว่า สี่แสนล้านแล้ว   พวกคุณทำยอดไปเกือบล้านล้านแล้วนะครับ  โดยที่ประเทศชาติ ไม่ได้อะไรคืนมาเลย นอกจากความแตกแยกที่พวกคุณสร้างไว้ 



คนซ้ายหรือขวาหรือว่าไง
บันทึกการเข้า

sanskritshower
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 245



« ตอบ #27 เมื่อ: 06-10-2008, 13:37 »

คำถามอาจจะไม่ชัดเจน  ผมแยกเป็นข้อๆ  แล้วช่วยตอบเป็นข้อๆเลยนะครับ

1  ระบอบอมาตยาคืออะไร

2 ระบอบอมาตยามีองค์ประกอบอะไรบ้าง

3 ที่มาของอำนาจ กลุ่มอำนาจ ผลประโยชน์ ของระบบอบระบอบอมาตยา  มาจากที่ใด

4 รายชื่อบุคคลากรของ ระบอบอมาตยาเป็นใครบ้าง

5 แนวคิด หลักปฎิบัติการปกครอง ของระบอบอมาตยา เป็นอย่างไร

น่าจะช่วยผู้ตอบได้ไม่มากก็น้อย
บันทึกการเข้า
อิรวันชาห์ IrWanSyah
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 870



« ตอบ #28 เมื่อ: 06-10-2008, 13:41 »

บังตอบไม่ตรงคำถาม

ขอรายชื่อบุคคลากรของระบอบอำมาตยาธิปไตยก่อนครับ เริ่มตรงนี้ก่อนก็ได้

เห็นๆกันอยู่ พวกที่พอใจกับเผด็จการ ตอนทหารออกมา ก็สลายตัวหยุดประท้วง เข้าไปเสพสุขอำนาจกับเผด็จการ
  แต่พอรัฐบาลประชาธิปไตยกลับมา ก็ออกมาประท้วงปิดถนนกันอีก
บันทึกการเข้า

หาเพื่อนหยิงคุยแก้เหงาครับ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,131


กูรู้มึงต้องอ่าน ฮ่าๆ ขำขำนะจ๊ะ


เว็บไซต์
« ตอบ #29 เมื่อ: 06-10-2008, 13:47 »

ไม่มีอะไร

เข้ามาฮา   


ให้บังฝึกฝีมือ  แหมนับวันแทนที่หมัดจะหนัก แต่กลับ เบาลงเรื่อยๆ

แหม พี่ๆ ก็เบาๆ มือกับบังหน่อยฮะ สงสารเค้า   

บันทึกการเข้า

ขอมอบ เพลงนี้ให้กับพี่น้อง พันธมิตรทุกคนฮะ


http://www.imeem.com/sakujo/music/04_GaHIQ/09_avenged_sevenfold_strength_of_the_worldmp3/

strength of the world
อิรวันชาห์ IrWanSyah
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 870



« ตอบ #30 เมื่อ: 06-10-2008, 13:51 »



คนซ้ายหรือขวาหรือว่าไง

คนใส่สูทนั่นไม่ใช่หรือ ที่หลองห้าขันไปเชื้อเชิญเข้ามาสู่การเมือง  

เป็นคนมีความสามารถ อนาคตไกล รู้จักเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ ใครๆก็อยากเชิญมาร่วมงานด้วยทั้งนั้น

แต่บางคนนี่ซิ พอไม่ได้ผลประโยชน์ตามที่ต้องการ ผิดหวัง อกหัก ก็กลายมาเป็นศัตรูกันพ้นเลย ไม่ทันข้ามปี ทั้งๆที่เคยชมเคยชอบกัน

ก็คนมันไม่มีเครดิต ใครจะให้เข้าไปดูแลผลประโยชน์ของชาติ เดี่ยวก็เจ๊งหมด





บันทึกการเข้า

Matahari
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 228



« ตอบ #31 เมื่อ: 06-10-2008, 13:57 »

อ้างถึง
คนใส่สูทนั่นไม่ใช่หรือ ที่หลองห้าขันไปเชื้อเชิญเข้ามาสู่การเมือง   

เป็นคนมีความสามารถ อนาคตไกล รู้จักเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ ใครๆก็อยากเชิญมาร่วมงานด้วยทั้งนั้น

แต่บางคนนี่ซิ พอไม่ได้ผลประโยชน์ตามที่ต้องการ ผิดหวัง อกหัก ก็กลายมาเป็นศัตรูกันพ้นเลย ไม่ทันข้ามปี ทั้งๆที่เคยชมเคยชอบกัน

ก็คนมันไม่มีเครดิต ใครจะให้เข้าไปดูแลผลประโยชน์ของชาติ เดี่ยวก็เจ๊ง  โดยควาย อิรวันชาห์ IrWanSyah
     ควา-ย อิรวันชาห์ IrWanSyah เอย ปุรชัยเพื่อนรักและเพือนเรียน ทำไมถึงทิ้งเหลี่ยมหอนหน่อยซิ อย่าตอแหลด้านเดียว
     ควา-ย อิรวันชาห์ IrWanSyah เอย...แล้วควา-ย ไม่เอาเรืองเช็ดเด้งหรือเรื่องเหลี่ยมโกงฝรั่ง เขาสู้มา 10 ปี จนเขาชนะเหลี่ยมว่าโกงและใส่ร้ายเขา อย่งนี้เรียกว่า โคตรเลวมะ
     ควา-ย อิรวันชาห์ IrWanSyah เอย..หอนด้วยนะว่าเหลี่ยมโกงภาษีชาติ มันทำให้ชาติเสียหาย แต่สนธิ เรืองธุรกิจ มันไม่เกียวกับประเทศอย่างไหนเล้า
  ------------------ควา-ย อิรวันชาห์ IrWanSyah ควา/ยฃเอยเคยหอนหมด มะถ้าไม่มีสนธิ คนไทยจะรู้ความเลวของเหลี่ยมมะ นี้คุณประโยชน์ของเขา  จริงมะ ควา-ย
บันทึกการเข้า
อิรวันชาห์ IrWanSyah
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 870



« ตอบ #32 เมื่อ: 06-10-2008, 14:00 »

ไม่มีอะไร

เข้ามาฮา   


ให้บังฝึกฝีมือ  แหมนับวันแทนที่หมัดจะหนัก แต่กลับ เบาลงเรื่อยๆ

แหม พี่ๆ ก็เบาๆ มือกับบังหน่อยฮะ สงสารเค้า   



ช่วงนี้ ไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมซักเท่าไหร่

ก็ขนาดหลองเทจนหมดหน้าตัก  หัวๆของพาลทะมิดถูกจับเข้าซังเตไปสองตัว ยังปลุกกระแสให้ได้ครึ่งหนึ่งของตอนที่พี้คสุดๆตอนยึดทำเนียบใหม่ๆ ยังไม่ได้เลย

แถวสามจังหวัดเดือนที่แล้ว ตามร้านน้ำชากาแฟ พูดกันแทบทุกวัน เป็นทอคก์ออพเดอะวิลเลจ แต่ตอนนี้ ลองใครพูดขึ้นมาซิ แบ๊ะๆๆๆๆ  

ปลุกไม่ขึ้นจริงๆ  


บันทึกการเข้า

1ktip
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,457



« ตอบ #33 เมื่อ: 06-10-2008, 14:01 »

http://www.adslthailand.com/mobile/thread.php?topic_id=26630

เปิดคำพิพากษาฉบับเต็ม คดีเช็คเด้งของ "ทักษิณ" บทพิสูจน์ธาตุแท้ "ผู้นำ"
เปิดคำพิพากษาฉบับเต็ม คดีเช็คเด้งของ "ทักษิณ" บทพ
ผู้ตั้ง: Beer
ตอบเมื่อ: 11/08 11:27 PM
 
เปิดคำพิพากษาฉบับเต็ม คดีเช็คเด้งของ "ทักษิณ" บทพิสูจน์ธาตุแท้ "ผู้นำ"
รับประกัน "อย่างหนา"!



หมายเหตุ “ไทยอินไซเดอร์”

-หลังจากได้รับการร้องขอผ่านคอลัมน์ “แจ้งเบาะแส-คนโกงชาติ” ว่า...อยากเห็นคำพิพากษาฉบับเต็ม กรณีพ.ต.ต.ทักษิณ ชินวัตร (ยศในขณะนั้น) ที่มีกรณีเช็คเด้ง แล้วไม่ยอมรับคำตัดสินในศาลชั้นต้น จนมีการอุทธรณ์ และท้ายที่สุดได้ยื่นขอฎีกานั้น บทสรุปสุดท้ายศาลฎีกา โดยองค์คณะพิพากษาศาลฎีกา ได้มีคำพิพากษา หมายเลขแดงที่ 149/2532 โดยตัดสินยืนตามคำพิพากษาเดิมของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ พร้อมชี้ชัดว่า พ.ต.ต.ทักษิณต้องรับผิดชอบร่วมกับจำเลยอีกคนหนึ่งเพื่อชดใช้เงินตามจำนวนเช็คที่ถูกฟ้อง

-จึงถือเป็นบทพิสูจน์ธาตุแท้ที่ดีที่สะท้อนให้เห็นถึง “รากแท้ในจิตใจ” ของ “คนๆหนึ่ง” ซึ่งอาสาก้าวเข้ามารับใช้พี่น้องประชาชนคนไทยในการบริหารประเทศ โดยที่ผ่านมาพยายามชี้ให้เห็นว่า “มีความพร้อม” เต็มที่ (เพราะรวยแล้ว-ไม่มีโกง) และเหมาะสมที่สุดที่จะก้าวเข้ามาเป็น “ผู้นำประเทศ”

-แต่จากพฤติกรรมในอดีตจนถึงปัจจุบัน ก็เป็นสิ่งที่ชี้ชัดให้เห็นอย่างแจ่มแจ้งว่า “บุคคลคนๆนี้” มีภาวะความเป็น “ผู้นำ” อย่างไร???? และ “เหมาะสม” ที่จะเป็น “ผู้นำประเทศ” ที่ดีของคนไทยหรือไม่????

-เพราะจุดเริ่มต้นในอดีตก็เริ่มมาจากการ “โกหกคำโต”....ทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิดนั่นเอง!!!!


*********************************************
คำพิพากษา


ในพระประมาภิไธยพระมหากษัตริย์

ที่ 149/2532 ศาลฎีกา

วันที่ 20 มกราคม 2532

ความ แพ่ง

ระหว่าง นางชม้อย เชื้อประเสริฐ โจทก์

นายสันต์ สมิตเวช จำเลยที่ 1

พันตำรวจตรีทักษิณ ชินวัตร จำเลยที่ 2

เรื่อง ตั๋วเงิน
************************************

จำเลยที่ 2 ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ลงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2529

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเช็คธนาคารเอเชีย จำกัด สาขาเชียงใหม่ เลขที่ 1076909 ลงวันที่ 29 กันยายน 2525 จำนวนเงิน 1,300,000 บาท (หนึ่งล้านสามแสนบาทถ้วน) เป็นเช็คออกให้แก่ผู้ถือ จำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่าย มอบให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อเป็นผู้สลักหลังเพื่อรับรองเป็นประกัน สำหรับจำเลยที่ 1 เมื่อถึงกำหนดวันที่ลงเช็ค โจทก์นำเช็คดังกล่าวไปเข้าบัญชีของโจทก์ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด สาขาสยามสแควร์ กรุงเทพมหานคร เพื่อให้เรียกเก็บเงินจากธนาคารตามเช็ค ปรากฏว่า ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2525 โดยให้เหตุผลในใบคืนเช็คว่า “โปรดติดต่อผู้สั่งจ่าย” โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยทั้งสองชำระเงินตามเช็คหลายครั้ง แต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉยเสีย โจทก์ขอคิดดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 1,300,000 บาท นับแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2525 จนถึงวันฟ้อง เป็นเวลา 1 ปี รวมเป็นดอกเบี้ย 97,500 บาท ขอให้พิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระเงิน 1,300,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอีก 97,500 บาท และดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 1,300,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าชำระเงินเสร็จแก่โจทก์

จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 1 เป็นหนี้โจทก์ไม่ถึงจำนวนเงินตามเช็คตามฟ้อง โดยเป็นหนี้เพียง 750,000 บาท จำเลยที่ 1 ชำระหนี้ไปแล้วบางส่วน โจทก์คิดดอกเบี้ยร้อยละห้าถึงเจ็ดต่อเดือน และนำดอกเบี้ยที่ค้างชำระมาทบรวมเป็นเงินต้นเป็นการไม่ชอบ จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดใช้เงินตามฟ้องทั้งหมด ขอให้ยกฟ้อง

จำเลยที่ 2 ให้การว่า โจทก์มิใช่ผู้ทรงเช็คตามฟ้องโดยชอบด้วยกฎหมายและได้เช็คมาโดยไม่สุจริต ลายมือชื่อด้านหลังเช็คที่โจทก์อ้างว่าเป็นลายมือชื่อผู้ค้ำประกันการจ่ายเงินตามเช็ค มิใช่ลายมือชื่อของจำเลยที่ 2 คำฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมเพราะมิได้บรรยายให้ชัดเจนว่า โจทก์ได้เช็คพิพาทมาจากจำเลยที่ 1 เพื่อชำระหนี้ชนิดใด ทำให้จำเลยที่ 2 ไม่ทราบว่าจะให้การต่อสู้อย่างไรและเกี่ยวข้องกับเช็คตามฟ้องในทางใด ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า คำฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม จำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คตามฟ้อง จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อเป็นผู้สลักหลัง พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน 1,300,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อไป นับแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2525 จนกว่าชำระเงินเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าธรรมเนียมโดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท แทนโจทก์

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว พิพากษายืน ให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ 2,000 บาท แทนโจทก์

จำเลยที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ทางพิจารณาโจทก์ก็นำสืบว่า เมื่อเดือนกันยายน 2523 จำเลยที่ 2 ได้ซื้อโรงภาพยนตร์พร้อมที่ดินจากนายธรรมนนท์ สมิตเวช บิดาจำเลยที่ 1 ในราคา 8,500,000 บาท แต่ระบุในสัญญาไม่ถึง 8,500,000 บาท โดยจำเลยที่ 2 ให้นางพจมาน ชินวัตร ภริยาลงลายมือชื่อเป็นผู้ซื้อ จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อเป็นผู้ให้ความยินยอม ปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายหนังสือสัญญาขายที่ดิน ลงวันที่ 28 กันยายน 2523 เอกสารหมาย จ.3 ได้ชำระราคาเป็นเงินสดบางส่วน ที่เหลือชำระเป็นเช็คหลายฉบับ โดยจำเลยที่ 2 เป็นผู้สั่งจ่าย ต่อมาจำเลยที่ 1 นำเช็คที่จำเลยที่ 2 ออกให้เพื่อชำระค่าโรงภาพยนตร์และที่ดินมาชำระหนี้โจทก์ 3 ฉบับคือ เช็คธนาคารกสิกรไทย สาขาสะพานกรุงธน ลงวันออกเช็ควันที่ 29 กันยายน 2524 จำนวนเงิน 1,800,000 บาท และเช็คธนาคารเดียวกัน ลงวันออกเช็ควันที่ 29 กันยายน 2525 จำนวนเงิน 1,300,000 บาท ปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายเช็คเอกสารหมาย จ.4 และ จ.5 ส่วนเช็คอีกฉบับหนึ่ง ลงวันออกเช็ควันที่ 29 กันยายน 2526 จำนวนเงิน 1,800,000 บาท ไม่ได้ถ่ายสำเนาไว้ เมื่อเช็คตามสำเนาภาพถ่ายเอกสารหมายเลข จ.4 ถึงวันออกเช็ค โจทก์ได้เรียกเก็บเงิน แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินโดยให้เหตุผลว่า บัญชีปิดแล้ว ปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายใบคืนเช็คเอกสารหมาย จ.4

โจทก์จึงติดต่อให้จำเลยที่ 2 มาชำระเงินตามเช็คดังกล่าว จำเลยที่ 2 นัดให้โจทก์ไปพบที่ห้องทำงานของจำเลยที่ 2 ที่กรมตำรวจในวันที่ 16 เมษายน 2525 ครั้นถึงวันนัดโจทก์ นายนภศูล สวัสติเวทิน ทนายโจทก์ และจำเลยที่ 1 ไปพบจำเลยที่ 2 ที่ห้องทำงานของจำเลยที่ 2 ได้มีการเจรจากัน ในที่สุดจำเลยที่ 2 บอกว่า จะออกเช็คให้ใหม่และขอเช็คเก่าคืน แต่ในขณะนั้นจำเลยที่ 2 ยังไม่ได้เปิดบัญชีใหม่ ขอให้จำเลยที่ 1 ออกเช็คไปก่อน โดยจำเลยที่ 2 สลักหลังเป็นประกันให้ โจทก์ยอมตกลงในวันนั้น จำเลยที่ 1 ได้ออกเช็คให้โจทก์ 3 ฉบับ โดยจำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อสลักหลังต่อหน้าโจทก์และนายนภศูล

คือ เช็คธนาคารเอเชีย จำกัด สาขาเชียงใหม่ ลงวันออกเช็ควันที่ 29 กันยายน 2525 จำนวนเงิน 1,300,000 บาท ปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายเอกสารหมาย จ.6 ซึ่งเป็นเช็คที่โจทก์นำมาฟ้องในคดีนี้ เช็คธนาคารเอเชียทรัสต์ จำกัด สาขาเชียงใหม่ ลงวันออกเช็ควันที่ 1 ตุลาคม 2526 จำนวนเงิน 1,800,000 บาท และเช็คธนาคารเอเชียทรัสต์ จำกัด สาขาเชียงใหม่ ลงวันออกเช็ควันที่ 1 ตุลาคม 2527 จำนวนเงิน 1,800,000 บาท ปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายเอกสารหมาย จ.7 และ จ.8 ตามลำดับ (โจทก์ขออนุญาตส่งสำเนาภาพถ่ายแทน เพราะต้นฉบับจะนำไปดำเนินคดีที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่) ครั้นเช็คตามฟ้องถึงวันออกเช็คแล้ว โจทก์เรียกเก็บเงิน ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2525 โจทก์ทวงถามให้จำเลยทั้งสองชำระเงินตามเช็คตามฟ้องแล้ว จำเลยทั้งสองเพิกเฉยเสีย

จำเลยที่ 1 ขาดนัดพิจารณา

จำเลยที่ 2 นำสืบว่า จำเลยที่ 2 รู้จักโจทก์ แต่ไม่เคยมีหนี้สินผูกพันกับโจทก์ และไม่เคยออกเช็คตามฟ้องให้โจทก์ เมื่อพุทธศักราช 2523 จำเลยที่ 2 ซื้อโรงภาพยนตร์และที่ดินจากบิดาจำเลยที่ 1 ในราคา 8,500,000 บาท ได้ชำระราคาเป็นเช็คธนาคารกสิกรไทย สาขาสะพานกรุงธน รวม 5 ฉบับ จำนวนเงิน 1,300,000 บาท 1 ฉบับ, จำนวนเงิน 1,800,000 บาท 4 ฉบับ ลงวันออกเช็คห่างกันฉบับละ 1 ปี จำเลยที่ 2 ตกลงกับจำเลยที่ 1 ว่าไม่ให้นำเช็คไปเรียกเก็บเงินจากธนาคาร ได้มีการนำเช็คมาแลกเงินสดไปจากจำเลยที่ 2 แล้วทุกฉบับ วันที่ 26 เมษายน 2525 จำเลยที่ 2 ลาป่วยไม่ไปทำงาน

พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติในเบื้องต้นว่า จำเลยที่ 1 ออกเช็คตามฟ้องแล้วมอบให้โจทก์ เมื่อถึงวันออกเช็คแล้ว โจทก์นำเช็คตามฟ้องไปเรียกเก็บเงิน ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2525 ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า คำฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม เพราะมิได้บรรยายถึงมูลหนี้ตามเช็คจึงขาดสาระสำคัญไปนั้น เห็นว่า เช็คตามฟ้องเป็นเช็คออกให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ และตามกฎหมายถือว่าผู้ถือเป็นผู้ทรงและบุคคลผู้ลงลายมือชื่อในเช็คย่อมต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็ค โจทก์ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่าย จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อเป็นผู้สลักหลัง เมื่อถึงวันออกเช็คแล้ว โจทก์นำเช็คตามฟ้องเรียกเก็บเงิน แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรับผิดใช้เงินตามเช็คให้โจทก์ แม้มิได้บรรยายถึงมูลหนี้ก็ถือได้ว่า คำฟ้องของโจทก์ได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาแล้ว จึงไม่เคลือบคลุมดังที่จำเลยที่ 2 ฎีกา ฎีกาข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า จำเลยที่ 2 มิได้สั่งลายมือชื่อเป็นผู้สลักหลังเช็คตามฟ้อง และโจทก์เบิกความเท็จไม่น่าเชื่อถือ จะเห็นได้จากการที่โจทก์เบิกความในคดีนี้ว่า จำเลยที่ 1 สั่งจ่ายเช็คและจำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อเป็นผู้สลักหลังเช็คตามฟ้องและเช็คอื่นอีก 2 ฉบับ ที่ที่ทำงานของจำเลยที่ 2 ที่กรมตำรวจ เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2525 แต่ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 52/2527 ของศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 เป็นจำเลย ในข้อหากระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค โจทก์ฟ้องและเบิกความว่า จำเลย (จำเลยที่ 1 ในคดีนี้) สั่งจ่ายเช็คตามสำเนาภาพถ่ายเอกสารหมาย จ.7 ในคดีนี้ (ซึ่งโจทก์นำสืบในคดีนี้ว่า ออกพร้อมกับเช็คตามฟ้องคดีนี้) เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2525 และในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 24358/2527 ของศาลอาญาที่จำเลยที่ 2 ฟ้องโจทก์เป็นจำเลยในข้อหาเบิกความเท็จ นายนภศูล ทนายโจทก์ก็ได้เบิกความว่า โจทก์กับนายนภศูลไปพบจำเลยที่ 2 ที่ที่ทำงานของจำเลยที่ 2 เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2525 จำเลยที่ 2 มิได้ไปทำงานเพราะลาป่วย มีใบลาเป็นหลักฐาน คดีจึงฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อเป็นผู้สลักหลังเช็คตามฟ้อง และจำเลยที่ 2 ไม่เคยสั่งจ่ายเช็คให้จำเลยที่ 1 เพราะผู้ซื้อโรงภาพยนตร์และที่ดินคือ นางพจมาน ภริยาจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยนั้น โจทก์มีตัวโจทก์และนายนภศูลทนายโจทก์คนเดิมมาเบิกความว่า จำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่าย และจำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อเป็นผู้สลักหลังเช็คตามฟ้อง และเช็คตามสำเนาภาพถ่ายหมาย จ.7 และ จ.8 ที่ที่ทำงานของจำเลยที่ 2 เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2525 ปรากฏรายละเอียดตามที่ศาลฎีกายกขึ้นกล่าวในข้อนำสืบของโจทก์

ปรากฏว่า จำเลยที่ 2 อ้างใบลาหยุดราชการในวันที่ 26 เมษายน 2525 เป็นพยาน เพื่อแสดงให้ศาลเห็นว่า โจทก์เบิกความเท็จ พยานหลักฐานของโจทก์ไม่น่าเชื่อถือและเชื่อไม่ได้ว่า จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อเป็นผู้สลักหลังเช็คตามฟ้อง จำเลยที่ 2 อ้างอิงข้อเท็จจริงในฎีกาว่า เมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 52/2527 ของศาลจังหวัดเชียงใหม่ โจทก์บรรยายฟ้องและเบิกความว่า จำเลยที่ 1 ออกเช็คเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2525 ตามสำเนาภาพถ่ายคำฟ้องและคำให้การพยานโจทก์ท้ายฎีกา เอกสารหมายเลข 1 และหมายเลข 2 และนายนภศูล ทนายโจทก์คนเดิมเบิกความเป็นพยานโจทก์ (จำเลยที่ 2 ในคดีนี้) ในคดีอาญา หมายเลขดำที่ 24358/2527 ของศาลอาญาว่า โจทก์และนายนภศูลไปพบจำเลยที่ 2 ที่ห้องทำงานของจำเลยที่ 2 ที่กรมตำรวจเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2525 มิใช่วันที่ 16 เมษายน 2525 ตามสำเนาภาพถ่ายคำให้การพยานเอกสารท้ายฎีกาหมายเลข 3

พิจารณาแล้วเห็นว่า เดิมนายนภศูลเป็นทนายโจทก์ในคดีนี้ และเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นโจทก์และเรียงฟ้องในคดีอาญา หมายเลขดำที่ 52/2527 ของศาลจังหวัดเชียงใหม่ ปรากฏว่า ในคดีนี้ เมื่อจำเลยที่ 2 ยื่นฎีกาแล้ว นายนภศูลในฐานะทนายโจทก์ยื่นคำร้อง ลงวันที่ 6 สิงหาคม 2530 ขอถอนฟ้องโดยอ้างว่า โจทก์และจำเลยที่ 2 ตกลงกันแล้ว จำเลยที่ 2 รับสำนำคำร้องแล้วไม่คัดค้าน ศาลชั้นต้นสั่งนัดพร้อมเพื่อสอบถามเรื่องโจทก์ขอถอนฟ้อง ถึงวันนัด โจทก์และทนายคนใหม่มาศาลแถลงว่า โจทก์ไม่เคยตกลงหรือยินยอมให้นายนภศูลถอนฟ้องดังที่นายนภศูล ยื่นคำร้องไว้และยืนยันขอดำเนินคดีในขั้นฎีกาต่อไป

ศาลฎีกาพิเคราะห์พฤติการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้แล้ว เห็นว่า  คำฟ้องในคดีอาญา หมายเลขดำที่ 52/2527 ของศาลจังหวัดเชียงใหม่ และคำเบิกความของนายนภศูลในคดีอาญา หมายเลขดำที่ 24358/2527 ของศาลอาญา หาทำให้พยานหลักฐานของโจทก์ไม่น่าเชื่อถือและฟังไม่ได้ดังที่จำเลยที่ 2 ฎีกาหรือไม่ ที่โจทก์เบิกความในคดีดังกล่าวว่า จำเลยที่ 1 ออกเช็คเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2525 อาจเกิดจากความหลงถือหรือต้องเบิกความไปตามคำฟ้องก็ได้ อย่างไรก็ตามจำเลยที่ 1 จะลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายและจำเลยที่ 2 จะลงลายมือชื่อเป็นผู้สลักหลังในเช็คตามฟ้องในวันที่ 16 หรือวันที่ 26 เมษายน 2525 ก็หาใช่สาระสำคัญไม่

ในปัญหาว่า จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อเป็นผู้สลักหลังหรือไม่นั้น จำเลยที่ 2 ก็มิได้นำสืบปฏิเสธว่า ลายมือชื่อผู้สลักหลังในเช็คตามฟ้องมิใช่ลายมือชื่อของตน ในเรื่องของมูลหนี้นั้น จำเลยที่ 2 ก็ได้นำสืบว่า เมื่อพุทธศักราช 2523 จำเลยที่ 2 ซื้อโรงภาพยนตร์และที่ดินจากบิดาจำเลยที่ 1 ในราคา 8,500,000 บาท ชำระราคาเป็นเช็คธนาคารกสิกรไทย สาขาสะพานกรุงธน 5 ฉบับ จำนวนเงิน 1,300,000 บาท 1 ฉบับ จำนวน 1,800,000 บาท 4 ฉบับ เป็นเช็คส่วนตัวของจำเลยที่ 2 ข้อนำสืบดังกล่าว....กับพยานหลักฐานของโจทก์ แต่ที่จำเลยที่ 2 นำสืบว่า จำเลยที่ 1 นำเช็คดังกล่าวมาแลกเงินสดไปจากจำเลยที่ 2 ทุกฉบับแล้วนั้น ข้อนำสืบข้อนี้มีแต่คำเบิกความของจำเลยที่ 2 ลอยๆ เท่านั้น ไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาสนับสนุน ด้วยเหตุผลดังกล่าว ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คตามฟ้อง และเหตุที่จำเลยที่ 1 จะออกเช็คตามฟ้อง และจำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อเป็นผู้สลักหลังก็เกิดจากมูลหนี้ดังที่โจทก์นำสืบ จำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คตามฟ้องให้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรง ฎีกาข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน จำเลยที่ 2 ฎีกาขอให้ศาลฎีกาตั้งผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อผู้สลักหลังในเช็คตามฟ้องนั้น ศาลฎีกาได้มีคำสั่งในเรื่องนี้ไว้แล้ว จึงไม่สั่งซ้ำอีก

พิพากษายืนให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา 3,000 บาทแทนโจทก์


องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกา
นายบุญส่ง คล้ายแก้ว
นายประมาณ ชันซื่อ
นายนิเวศน์ คำผอง


 

http://forum.serithai.net/index.php?topic=25577

ระหว่างคนทำธุรกิจล้มละลาย กับคนขี้โกง คนแบบไหนอันตรายกว่ากัน โดยเฉพาะในตำแหน่งผู้นำประเทศ หืมม บังลำไย
บันทึกการเข้า
อิรวันชาห์ IrWanSyah
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 870



« ตอบ #34 เมื่อ: 06-10-2008, 14:08 »

นักการเมืองที่คุณกล่าวหาว่าซุกหุ้น (ศาลตัดสินว่าไม่ผิด) และคุณกล่าวหาว่าโกงกิน  สามารถปลดหนี้จาก IMF ก่อนกำหนด 2 ปี  ทั้ง ๆ ที่มีการประเมินว่าถ้าบริหารงานแบบเก่า ๆ จะต้องใช้เวลาถึง 30 ปี

นักการเมืองคนนั้นสร้างความเชื่อมั่นและแข็งแกร่งทางการเศรษฐกิจจนเงินทุนสำรองของประเทศที่เหลือแค่ 3000 ล้านแทบไม่พอจ่ายเงินเดือนข้าราชการ  กลับเพิ่มพูนขึ้นเป็น 50,000 ล้าน

นักการเมืองคนนั้นสามารถทำงบประมาณสมดุลไม่ต้องกู้ใครเลยได้ถึง 2 ปีซ้อน ซึ่งไม่มีรัฐบาลไหนทำได้มาก่อน

นักการเมืองคนนั้นสร้างเกียรติภูมิให้กับประเทศ สร้างงาน  สร้างเงิน  สร้างความเจริญเติบโตจากประเทศที่ล้มละลาย  จากประเทศผู้กู้  มาเป็นประเทศผู้ให้กู้  สามารถแก้ไข เยียวยาความเสียหายจากซึนามิจนกลับฟื้นคืนได้อย่างรวดเร็วได้ดีกว่าทุกประเทศ และได้รับคำชมจากนานาประเทศว่าความช่วยเหลือทุกอย่างถึงมือผู้ประสบภัยครบถ้วนและรวดเร็ว

นักการเมืองคนนั้นได้รับเกียรติจากนานาประเทศมาขอดูงาน "ทักษิโนมิค" และแม้จะต้องลี้ภัยจากอำนาจมืด  ก็ยังมีหลายประเทศขอไปเป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจ  ไปเป็นอาจารย์สอนพิเศษ  ได้รับเชิญไปงานเปิดกีฬา โอลิมปิค ขนาดสุรยุทธิ์ คุณเปรม แป๊ะนรกปีศาจ  หลองห้าขัน คนดีของพาลทะมิดยังไม่เคยได้รับเชิญ 

ถ้านักการเมืองคนนั้นโกงกิน  ทำไมประเทศถึงได้เจริญมั่งคั่ง  เทียบกับรัฐบาลจริยธรรมสูงส่งของคุณสุรยุทธิ์ ประเทศยากจนลงฮวบฮาบ เอาความจริงที่พิสูจน์ได้  เอาตัวเลขสถิติย้อนหลัง  เอาสภาพสังคมเศรษฐกิจมาเปรียบเทียบ  แล้วเปลี่ยนทีวีจากช่อง astv ไปเป็นช่องอื่นบ้าง คุณจะตระหนักได้เองว่าใครกันแน่ที่เป็นโกงกิน

เปลี่ยนเป็นช่องอื่นเสียบ้างนะ อย่ามัวแต่เปิด astv


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-10-2008, 14:18 โดย อิรวันชาห์ IrWanSyah » บันทึกการเข้า

Tuba ✿゚✎..✿.。.:。ღ
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 660


ทักษิณที่ดี คือทักษิณที่.......ตายแล้ว


« ตอบ #35 เมื่อ: 06-10-2008, 14:16 »

แนะนำ มะแอ ไปถามทรราชตัวจริง ที่คิดเปลี่ยนแปลงการปกครองดีกว่า

ว่ายังกล้ากลับมาสร้างภาพ กราบแผ่นดินอีกหรือเปล่า?

จับตาแป๊ะ และพวกน่ะ ไม่ยากหรอก

แต่ไอ้ที่หนีหมายศาลแล้วอ้างว่าขอลี้ภัยนี่สิ

เล่นเอาบรรดาลูกล้อ กองเชียร์ เหวอไปหลายรอบแล้ว


บันทึกการเข้า

ทหาร เป็นอะไรก็ไม่ได้ดี นอกจากเป็นทหาร

ตำรวจ เป็นอะไรก็ดีไม่ได้ แม้กระทั่งเป็นตำรวจ
1ktip
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,457



« ตอบ #36 เมื่อ: 06-10-2008, 14:25 »

อ้างถึง
“วีระ” เช็กบิล “สมชาย” อังคารนี้ แจ้งจับติดสินบนตุลาการ-ศุกร์แจ้งถือหุ้นเกิน

 
“วีระ” วางคิวเช็กบิล “สมชาย” ประกาศอังคารนี้ แจ้งกองปราบจับฐานติดสินบนตุลาการช่วย “พี่เมีย” หลุดคดีซุกหุ้น พร้อมแจ้ง ป.ป.ช.เอาผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบขณะเป็นปลัด ยธ.ก่อนแจ้งเพิ่มอีกคดีฐานถือหุ้นเกินร้อยละ 5 ศุกร์นี้ จวกอัยการดองคดี “แม้ว-เจ๊แดง” วิ่งเต้น ศาล รธน.
       
        คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายวีระ สมความคิด ปราศรัย
       
       เมื่อเวลาประมาณ 16.30 น.วันที่ 28 ก.ย.นายวีระ สมความคิด ประธานคณะกรรมการอำนวยการเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชัน ขึ้นเวทีปราศรัยที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงการดำเนินคดีกับบุคคล 3 คน คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นางเยาวภา และ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่พยายามติดสินบนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญด้วยตัวเองในคดีซุกหุ้นภาค 1 เมื่อปี 2544 ว่า เรื่องนี้ ตนได้แจ้งความดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และ นางเยาวภา ไปแล้ว แต่ยังไม่ได้ดำเนินคดีกับ นายสมชาย เพราะตอนนั้น นายสมชาย ยังรับราชการเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรมอยู่ ตนต้องการให้มีการสอบสวนและสอบไปพบแล้วมีการดำเนินคดีเอง และไม่คิดก่อนว่านายสมชายจะก้าวขึ้นมาเป็นนายกฯ คนที่ 26
       
       นายวีระ กล่าวต่อว่า ในส่วนของการดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และนางเยาวภา นั้น ล่าช้ามาก ซึ่งขณะนี้คดียังอยู่ที่อัยการสูงสุด แม้ว่าตำรวจกองปราบได้สอบพยานปากสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น นายอุระ หวังอ้อมกลาง อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือ นายบัณฑิต ศิริพันธ์ หัวหน้าสำนักงานกฎหมายเสนีย์ ปราโมช ทุกคนยืนยันว่า เป็นความจริงหมด ตำรวจทำอย่างอื่นไม่ได้จึงต้องส่งให้อัยการ และตอนนี้เรื่องไปดองอยู่ที่อัยการ แทนที่จะเอา พ.ต.ท.ทักษิณ และ นางเยาวภา ติดคุกได้ตั้งนานแล้ว แต่มันไปช้าอยู่ที่อัยการอีกแล้ว
       
       นายวีระ กล่าวว่า ในเมื่อ นายสมชาย ขึ้นมาเป็นนายกฯ คนที่ 26 ดังนั้น ตนจะทำให้นายสมชายเป้นนายกฯ คนที่ 3 ในระบอบทักษิณ ที่ถูกตัดสินจำคุกในขณะที่ยังดำรงตำแหน่ง หลังจากที่นายสมัคร สุนทรเวช ถูกตัดสินจำคุกไปแล้ว และในวันที่ 21 ตุลาคมนี้ คาดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะถูกตัดสินจำคุกด้วย
       
       นายสมชาย กล่าวต่อว่า วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) ตนมีภารกิจอื่นที่กำหนดไว้ก่อนแล้วจึงยังไม่สามารถไปแจ้งความกับนายสมชายในคดีติดสินบนตุลาการได้ แต่วันอังคารนี้แน่นอน จะไปแจ้งความกับกองปราบปรามให้จับนายกสมชายฐานติดสินบนตุลาการ และถ้ามีเวลาพอก็จะไปยื่นต่อคณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ดำเนินการเอาผิดกับนายสมชายในกรณีนี้ แต่เป็นเรื่องการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เอาตำแหน่งหน้าที่ปลัดกระทรวงยุติธรรมไปวิ่งเต้นติดสินบน
       
       นอกจากนี้ นายวีระ กล่าวว่า นายสมชาย ยังมีอีก 1 คดี คือการไปถือหุ้นในบริษัทเกินร้อยละ 5 ไม่เกินวันศุกร์ที่จะถึงนี้ ตนจะแจ้งความดำเนินคดีนายสมชายอีก 1 คดี
       
       “ผมพูดเรื่องนี้มาหลายวันแล้ว ยังไม่มีสื่อใดนำเรื่องนี้เปิดเผยต่อสาธารณะ แต่ไม่เป็นไร รัฐบาลปิดข่าวได้ปิดข่าวไป แต่เอเอสทีวีไม่ปิดแน่ เพราะเรื่องนี้ช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวปิดไม่มิดหรอก อยากจะรู้นักว่า นายสมชาย จะหน้าด้านพูดจา คร้าบ ผม พี่น้องพันธมิตรฯคร้าบ ดีกันนะคร้าบ พี่น้องคร้าบ เรามาสมานฉันท์ปรองดองกันนะคร้าบ แกนนำทั้ง 9 คร้าบ ผมจะนิรโทษกรรมให้นะคร้าบ แต่คดีความของผมท่านต้องไม่เอาผิดด้วยนะคร้าบ เรายอมได้ไหมพี่น้อง ไม่ยอม”
       
       นายวีระ กล่าวต่อว่า เราไม่ยอม เพราะว่าเราไม่ได้เป็นกบฏ เราทำตามรัฐธรรมนูญมาตรา 69 ที่บอกชิดเจนว่า บุคคลสามารถที่จะต่อต้านการปฏิวัติ หรือทำลายล้างระบอบประชาธิปไตย โดยสันติวิธี
       
       “พวกมันทำลายรัฐธรรมนูญ จะฉีกรัฐธรรมนูญ ท้าทายรัฐธรรมนูญตั้งเยอะแยะ มันเอาอธิปไตยของชาติไปแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์ตัวเอง มันกบฏหรือเปล่า ไม่เห็นมีใครไปดำเนินคดีกับมัน พอ 9 แกนนำถูกกล่าวหา ตำรวจรีบทำเลย แต่ 9 แกนนำแค่ถูกกล่าวหา ยังสามารถพิสูจน์ได้
       
       “มันกล่าวหา เราก็ไม่ได้ผิดตามกล่าวหา แต่สิ่งที่ทักษิณทำ มันถูกตัดสินว่าผิดแล้วหลายเรื่อง อย่างเช่น มันได้อำนาจการปกครองมาโดยวิถีทางที่ไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ก็คือ การทุจริตในการเลือกตั้ง
       
       “ชัดเจนแล้วใช่ไหมว่า กกต.ให้ใบแดง นายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน และส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคพลังประชาชนแล้ว นี่คือ หลักฐาน ไม่ใช่แค่การกล่าวหา พิสูจน์และตัดสินด้วยอำนาจเด็กขาดจาก กกต.แล้ว รัฐธรรมนูญบอกว่ามติของ กกต.ถือเป็นที่สุด ไม่มีใครมากลับได้อีกแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอย่างไรก็ต้องยุบพรรคอยู่ดี ในเมื่อ กกต.มีมติแล้ว”
       
       นายวีระ กล่าวอีกว่า พรรคพลังประชาชนที่เราไล่อยู่นี้ ซึ่งเป็นตัวแทนระบอบทักษิณ ทำความผิดอย่างใหญ่หลวง ท้าทายรัฐธรรมนูญ ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ และได้อำนาจการปกครองมาโดยวิถีทางที่ไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ชัดเจนแล้ว และอีกเรื่องหนึ่งที่ได้พิสูจน์แล้วจากกระบวยการยุติธรรม คือ การที่รัฐบาลนายสมัครเอาอธิปไตยไปยกให้กัมพูชาเพื่อแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์ส่วนตัว ศาลรัฐธรรมนูญบอกว่าแถลงการณ์ร่วมที่รัฐบาลไปลงนามกับกัมพูชาฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 190 และศาลปกครองบอกว่า การคุ้มครองฉุกเฉินมีผล ห้ามรัฐบาลทำสนธิสัญญาแบบนี้กับกัมพูชาอีก
       
       “นี่ไม่ใช่แค่การกล่าวหาของพันธมิตรฯ หลักฐานชัดเจน มีการผ่านกระบวนการทางกฎหมายหมดแล้ว แต่การกล่าวหา 9 แกนนำว่าเป็นกบฏ ยังไม่ได้ผ่านการพิสูจน์ แล้วใครมีความชอบธรรมมากกว่า พันธมิตรฯมีความชอบธรรมมากกว่า เพราะเราทำตามรัฐธรรมนูญมาตรา 70 ที่บอกว่าบุคคลมีหน้าที่ที่จะรับราชการทหาร เสียภาษีอากร ช่วยเหลือราชการ และต้องปกป้องรักษารัฐธรรมนูญและรักษาการปกครองในระบอบประชาธิปไตยเอาไว้ นี่ถือหน้าที่ของชาวไทยทุกคน” นายวีระ กล่าว
 

ซุกหุ้นตามมาหลอน

เงินสำรองเหลือ 3000 ล้าน ในช่วงไหน? แล้วไปเพิ่มเป็น 50000 ล้าน อย่างที่โม้ช่วงไหน แจงรายละเอียดเป็นรายปีให้ดูจักเป็นพระคุณยิ่ง

ประสิทธิภาพการทำงานกับการทุจริตคอร์รัปชั่น มันคนละเรื่องกัน เอามาผูกกันได้ มีปัญหาทางสามัญสำนึกรึเปล่าครับบังลำไย?
บันทึกการเข้า
อิรวันชาห์ IrWanSyah
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 870



« ตอบ #37 เมื่อ: 06-10-2008, 14:29 »

ซุกหุ้นตามมาหลอน

เงินสำรองเหลือ 3000 ล้าน ในช่วงไหน? แล้วไปเพิ่มเป็น 50000 ล้าน อย่างที่โม้ช่วงไหน แจงรายละเอียดเป็นรายปีให้ดูจักเป็นพระคุณยิ่ง

ประสิทธิภาพการทำงานกับการทุจริตคอร์รัปชั่น มันคนละเรื่องกัน เอามาผูกกันได้ มีปัญหาทางสามัญสำนึกรึเปล่าครับบังลำไย?



แน่จริง พวกที่มากับเผด็จการ พวกที่เป็นทายาท คมช. ลาออกให้หมด  ละอายใจกันบ้าง

แล้วเอาคนกลางมาตัดสินแทน 

แต่ก็อย่างว่าแหละนะ  ถ้าในรัฐบาลประชาธิปไตย โอกาสได้เป็นนั้นยาก เป็นแล้วก็ขอกอดเก้าอี้จนหมดอายุนี่แหละ
บันทึกการเข้า

moon
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 780


« ตอบ #38 เมื่อ: 06-10-2008, 14:33 »

นั่นน่ะสิ ไอ้คนกลางเนี่ยมันใครกันบ้าง ไหนลองเอ่ยมาสิ
บันทึกการเข้า
หาเพื่อนหยิงคุยแก้เหงาครับ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,131


กูรู้มึงต้องอ่าน ฮ่าๆ ขำขำนะจ๊ะ


เว็บไซต์
« ตอบ #39 เมื่อ: 06-10-2008, 14:35 »

คนใส่สูทนั่นไม่ใช่หรือ ที่หลองห้าขันไปเชื้อเชิญเข้ามาสู่การเมือง  

เป็นคนมีความสามารถ อนาคตไกล รู้จักเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ ใครๆก็อยากเชิญมาร่วมงานด้วยทั้งนั้น

แต่บางคนนี่ซิ พอไม่ได้ผลประโยชน์ตามที่ต้องการ ผิดหวัง อกหัก ก็กลายมาเป็นศัตรูกันพ้นเลย ไม่ทันข้ามปี ทั้งๆที่เคยชมเคยชอบกัน

ก็คนมันไม่มีเครดิต ใครจะให้เข้าไปดูแลผลประโยชน์ของชาติ เดี่ยวก็เจ๊งหมด








ผลประโยชน์ อะไรของ จำลอง หรอ  ไม่รู้จริงๆ บังบอกหน่อยสิ



    เอ้าเร็ว บอกหน่อย  หิวข้าว  

อ้อ  อย่าเบี่ยงเบนหละ  
บันทึกการเข้า

ขอมอบ เพลงนี้ให้กับพี่น้อง พันธมิตรทุกคนฮะ


http://www.imeem.com/sakujo/music/04_GaHIQ/09_avenged_sevenfold_strength_of_the_worldmp3/

strength of the world
moon
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 780


« ตอบ #40 เมื่อ: 06-10-2008, 14:41 »

คำถามอาจจะไม่ชัดเจน  ผมแยกเป็นข้อๆ  แล้วช่วยตอบเป็นข้อๆเลยนะครับ

1  ระบอบอมาตยาคืออะไร

2 ระบอบอมาตยามีองค์ประกอบอะไรบ้าง

3 ที่มาของอำนาจ กลุ่มอำนาจ ผลประโยชน์ ของระบบอบระบอบอมาตยา  มาจากที่ใด

4 รายชื่อบุคคลากรของ ระบอบอมาตยาเป็นใครบ้าง

5 แนวคิด หลักปฎิบัติการปกครอง ของระบอบอมาตยา เป็นอย่างไร

น่าจะช่วยผู้ตอบได้ไม่มากก็น้อย

ไอ้สองสลึงขาดเนี่ยมันตอบไม่ได้หรอก พวกนี้มันพยายามยกเมฆขึ้นมั่วๆ เพื่อให้มีคำอะไรก็ได้แล้วแต่จะประดิษฐ์กันขึ้นมา

พอถามก็ตอบเฉไฉ แถไปเรื่อย

ถ้าจะให้แปลตรงตัวระบอบอำมาตยาหมายถึงพวกนักการเมืองที่มีอำนาจในการปกครองรวมไปถึงข้าราชการระดับสูงที่อยู่ในอำนาจ

เพราะฉะนั้นมันหมายถึงใครก็นึกเอาเอง
บันทึกการเข้า
Matahari
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 228



« ตอบ #41 เมื่อ: 06-10-2008, 14:53 »

อ้างถึง
แน่จริง พวกที่มากับเผด็จการ พวกที่เป็นทายาท คมช. ลาออกให้หมด  ละอายใจกันบ้าง

แล้วเอาคนกลางมาตัดสินแทน 

แต่ก็อย่างว่าแหละนะ  ถ้าในรัฐบาลประชาธิปไตย โอกาสได้เป็นนั้นยาก เป็นแล้วก็ขอกอดเก้าอี้จนหมดอายุนี่แหละ 
 
 


  ควา-ยเอย หอนอีกแล้วคนกลางแล้วศาลทีตัดสินเหลียมเป็นร้อยก็ไม่เป็นกลางใช่มะ โถ ควา-ยอย่างแกไม่เคยหอนว่า  ข้อมูล และความจริง มันเป็นอย่างไร ศาลไม่เป็นกลาง ที่เหลียมพ่อแกหอน แล้วทำไมเสือกฟ้องคนอืนถ้าไม่เป็นกลาง  จริงมะควา-ยโง่ เมือไรฉลาด
บันทึกการเข้า
Moobin
น้องใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 17


« ตอบ #42 เมื่อ: 06-10-2008, 14:58 »

บอกตามตรง web นี้น่าเบื่อเพราะมีอิรวันชาห์
บันทึกการเข้า
หาเพื่อนหยิงคุยแก้เหงาครับ
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,131


กูรู้มึงต้องอ่าน ฮ่าๆ ขำขำนะจ๊ะ


เว็บไซต์
« ตอบ #43 เมื่อ: 06-10-2008, 15:06 »


แน่จริง พวกที่มากับเผด็จการ พวกที่เป็นทายาท คมช. ลาออกให้หมด  ละอายใจกันบ้าง

แล้วเอาคนกลางมาตัดสินแทน 

แต่ก็อย่างว่าแหละนะ  ถ้าในรัฐบาลประชาธิปไตย โอกาสได้เป็นนั้นยาก เป็นแล้วก็ขอกอดเก้าอี้จนหมดอายุนี่แหละ



ถ้าไม่กลาง   แล้วทำไม พลังประชาชนได้เป็นรัฐบาล


แล้วรัฐธรรมนูน  50 ก็มาจากเผด็จการ  แล้ว สะเออะ มาเป็น รัฐบาลภายใต้ รัฐธรรมนูญ  ฉบับ โจรร่างทำไม   



บันทึกการเข้า

ขอมอบ เพลงนี้ให้กับพี่น้อง พันธมิตรทุกคนฮะ


http://www.imeem.com/sakujo/music/04_GaHIQ/09_avenged_sevenfold_strength_of_the_worldmp3/

strength of the world
1ktip
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,457



« ตอบ #44 เมื่อ: 06-10-2008, 15:13 »

ถามอะไรก็ไม่ตอบ แถไถพากระทู้ออกทะเลไปเรื่อย ไร้สาระจริงๆ บังลำไย

ไอ้ที่ว่ากลางที่อยากได้น่ะ คือพวกที่กินขนมถุงละสองล้านใช่ไหม?
บันทึกการเข้า
rainy
น้องใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3


“•เป็นนักศึกษาที่ดี เป็นพลเมืองที่ดี เป็นคนดี♫”


« ตอบ #45 เมื่อ: 06-10-2008, 15:14 »

อยากให้แสดงหลักฐานเรื่องเงินทุนสำรองหน่อยค่ะ ตอนทักษิณเข้ามาบริหารประเทศ เมืองไทยเพิ่งฟื้นจากพิษเศรษฐกิจ 2540 เพราะฉะนั้นการมีเงินทุนสำรองเพิ่มแสดงว่ารัฐบาลต้องระดมทุนจากที่ไหนซักแห่ง หมายความว่ารัฐบาลออกนโยบาล budget deficit คือการกู้เงินจากประชาชนหรือจากต่างชาติ หรือการเร่งนำเม็ดเงินเข้ากระเป๋าคลัง เท่าที่เห็นคือด้วยโครงการ O-top หรือการโปรโมทการท่องเที่ยวซึ่งไม่น่าจะมากพอ เพราะต้องเสียเม็ดเงินจำนวนมากไปกับเหตุการณ์ tsunami ซึ่งอันนี้ต้องยอมรับว่าการทำงานของทักษิณเร็วได้ใจไร้การโกง(มั้ง)เพราะมือใหม่ยังมีความเป็นคนดีอยู่ สรุปแล้วเงินมันมาจากไหน?? เราก็เพิ่งมาสนใจการเมือง เรื่องทักษิณสมัย 49 นั้นไม่ค่อยทราบค่ะ

อ้อ แล้วเรื่องสภาพเศรษฐกิจ ส่วนตัวคิดว่าสมัยต้นทักษิณเป็นช่วงกลางของรอบ recession 10+/-2ปี เศรษฐกิจเฟื่องฟูทั่วโลกอยู่แล้ว แต่สมัยปลายของทักษิณ GDP ก็ลดฮวบนะค่ะ พอๆกับสมัยที่รัฐบาลขิงแก่เข้ามาบริหารงาน เพราะฉะนั้นมันไม่ได้อยู่ที่ฝีมือเพราะมันเป็น external factor คือเสถียรภาพทางการเมืองไม่มี ประกอบกับตลาดอเมริกามีปัญหา subprime เกิดขึ้นแล้ว ใครเข้ามาทำก็มีแต่ลดฮวบค่ะ

อีกอย่างที่อยากฝากไว้ ถ้ามองแต่ GDP สมัยทักษิณนั้น เหอะๆ มันสูงขึ้นมากมาย แต่อัตราเงินเฟ้อก็สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์เช่นกัน พื้นฐานเศรษฐกิจที่ทุกคนน่าจะเคยเรียนกันนะและรับรู้ข้อมูลตรงนี้กันแล้ว เพราะฉะนั้นอย่าบอกว่าเมืองไทยมีรายได้มากขึ้นหากรายได้ที่แท้จริงนั้นมาจากอัตราเงินเฟ้อค่ะ
 
แต่เราก็ชื่นชมตอนแก้ไขปัญหาtsunami นะว่าเร็วได้ใจ อะไรดีก็ว่าดี แต่ชั่งวัดตวงกับเรื่องหนีภาษีกับขายหุ้นชินคอร์ปแล้ว ความผิดกับความชอบห่างกันอีกหลายขุม ประกอบกันรู้จักข้าราชการในวงการทูตพอสมควร ก็เชื่อค่ะว่าทักษิณคนนี้ไม่เหมือนกับสนธิ

สนธิ - - เคยไม่ดี(กระบอกเสียงทักษิณทางช่อง9) เป็น ดีขึ้น(ไม่รู้จะนำพาพันธมิตรถึงฝั่งหรือไม่ ตามที่เปลวสีเงินเขียน)
ทักษิณ - - เคยปานกลาง(เค้าว่ากันว่าขี้เหนียว) เป็น เลวขึ้น
บันทึกการเข้า
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #46 เมื่อ: 06-10-2008, 15:55 »

นักการเมืองที่คุณกล่าวหาว่าซุกหุ้น (ศาลตัดสินว่าไม่ผิด) และคุณกล่าวหาว่าโกงกิน  สามารถปลดหนี้จาก IMF ก่อนกำหนด 2 ปี  ทั้ง ๆ ที่มีการประเมินว่าถ้าบริหารงานแบบเก่า ๆ จะต้องใช้เวลาถึง 30 ปี

นักการเมืองคนนั้นสร้างความเชื่อมั่นและแข็งแกร่งทางการเศรษฐกิจจนเงินทุนสำรองของประเทศที่เหลือแค่ 3000 ล้านแทบไม่พอจ่ายเงินเดือนข้าราชการ  กลับเพิ่มพูนขึ้นเป็น 50,000 ล้าน

นักการเมืองคนนั้นสามารถทำงบประมาณสมดุลไม่ต้องกู้ใครเลยได้ถึง 2 ปีซ้อน ซึ่งไม่มีรัฐบาลไหนทำได้มาก่อน

นักการเมืองคนนั้นสร้างเกียรติภูมิให้กับประเทศ สร้างงาน  สร้างเงิน  สร้างความเจริญเติบโตจากประเทศที่ล้มละลาย  จากประเทศผู้กู้  มาเป็นประเทศผู้ให้กู้  สามารถแก้ไข เยียวยาความเสียหายจากซึนามิจนกลับฟื้นคืนได้อย่างรวดเร็วได้ดีกว่าทุกประเทศ และได้รับคำชมจากนานาประเทศว่าความช่วยเหลือทุกอย่างถึงมือผู้ประสบภัยครบถ้วนและรวดเร็ว

นักการเมืองคนนั้นได้รับเกียรติจากนานาประเทศมาขอดูงาน "ทักษิโนมิค" และแม้จะต้องลี้ภัยจากอำนาจมืด  ก็ยังมีหลายประเทศขอไปเป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจ  ไปเป็นอาจารย์สอนพิเศษ  ได้รับเชิญไปงานเปิดกีฬา โอลิมปิค ขนาดสุรยุทธิ์ คุณเปรม แป๊ะนรกปีศาจ  หลองห้าขัน คนดีของพาลทะมิดยังไม่เคยได้รับเชิญ 

ถ้านักการเมืองคนนั้นโกงกิน  ทำไมประเทศถึงได้เจริญมั่งคั่ง  เทียบกับรัฐบาลจริยธรรมสูงส่งของคุณสุรยุทธิ์ ประเทศยากจนลงฮวบฮาบ เอาความจริงที่พิสูจน์ได้  เอาตัวเลขสถิติย้อนหลัง  เอาสภาพสังคมเศรษฐกิจมาเปรียบเทียบ  แล้วเปลี่ยนทีวีจากช่อง astv ไปเป็นช่องอื่นบ้าง คุณจะตระหนักได้เองว่าใครกันแน่ที่เป็นโกงกิน

เปลี่ยนเป็นช่องอื่นเสียบ้างนะ อย่ามัวแต่เปิด astv




ขี้โม้เอ๊ย......กล้า ๆ เขียน จริง ๆ ......

เรื่องเงินทุนสำรอง...ก็อย่าขึ้คุยมากนัก......ขี้เกียจอธิบาย เพราะ เข้าใจว่า สมองทึบ

http://www.weopenmind.com/board/index.php?topic=3319.0......ไปอ่านซะ


ไอ้เรื่องใช้หนี้ IMF ก่อนกำหนด ก็ขี้เกียจ อธิบาย เพราะ เข้าใจ ว่าสมองทึบเหมือนกัน....[/b

http://forum.serithai.net/index.php?topic=16900.0
บันทึกการเข้า
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #47 เมื่อ: 06-10-2008, 16:23 »

ถึงวินาทีนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่รู้สึก รู้สม กับการจับพล ต. จำลอง

ผมว่ามนต์จากแกนนำพธม.เริ่มเสื่อมแล้วจริงๆ การชุมนุมในทำเนียบคงมีสถานะใกล้เคียงกับงานวัด

หรือโรงมหรสพไปทุกที

ผมว่าแล้ว...มีทางลง มีทางออก  ไม่ยอมลง ไม่ยอมออก ...มันจะทำให้หมดความชอบธรรมไปเรือยๆ

แล้ววันหนึ่งพระเอก จะกลายเป็นผู้ร้ายในสายตาประชาชนไป...




พยายามรักษาความเชื่อ ความคิดเห็นนี้ไว้ให้ดี......

อย่าตีอกชกตัว ถ้าไม่ได้เป็นอย่างนั้น......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
FaMeeTa
น้องใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13


« ตอบ #48 เมื่อ: 06-10-2008, 16:38 »

บัง....กินขี้หมา...มากไปหรือป่าว เพื้อเจ้อไปเรื่อย เรื่องเก่ายังเอามาเห่า
ข้อมูลมีก็ไม่ไปแหกตาดู
เอามาโพสต์ไม่อายชาวบ้านเลยเนอะ IMF 55555
บันทึกการเข้า
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #49 เมื่อ: 06-10-2008, 16:48 »

นักการเมืองที่คุณกล่าวหาว่าซุกหุ้น (ศาลตัดสินว่าไม่ผิด) และคุณกล่าวหาว่าโกงกิน 
'มะแอไม่ถึงยี่สิบ'บิดเบือนความจริงอีกแล้ว...!!!
ผลการลงมติ (4+4):7 ของศาลรัฐธรรมนูญคราวนั้น
หนึ่งในตุลาการฯ ได้สารภาพกลางศาลยุติธรรมในคดีฟ้องร้องอื่นๆ ว่า'กลัวม๊อบคนรักทักษิณ' จะทำร้ายหน้าสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ จึงวินิจฉัยอย่างนั้น....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


สามารถปลดหนี้จาก IMF ก่อนกำหนด 2 ปี  ทั้ง ๆ ที่มีการประเมินว่าถ้าบริหารงานแบบเก่า ๆ จะต้องใช้เวลาถึง 30 ปี
บิดเบือนความจริงอีกแล้ว.....!!!
ปลายสมัยรัฐบาลชวน หลีกภัย ไม่ต้องใช้เงินกู้ที่ รัฐบาลเชาวลิต+ทักษิณไปกู้ IMF ทั้งหมด
กู้ 17200 ล้านเหรียญ แต่ใช้เพียง 12000 ล้านเหรียญ เท่านั้น...
คุณชวนก็สามารถใช้เงินคืน IMF ได้เช่นกัน
แต่อยากเก็บไว้เป็นทุนสำรองอีกระยะหนึ่ง


นักการเมืองคนนั้นสร้างความเชื่อมั่นและแข็งแกร่งทางการเศรษฐกิจจนเงินทุนสำรองของประเทศที่เหลือแค่ 3000 ล้านแทบไม่พอจ่ายเงินเดือนข้าราชการ  กลับเพิ่มพูนขึ้นเป็น 50,000 ล้าน
มะแอไม่ถึงยี่สิบ บิดเบือนความจริงอีกแล้ว....!!!
คุณชวน หลีกภัยเข้าเป็นนายกฯนั้น เงินเหลือจากรัฐบาลเชาวลิต+ทักษิณ มีเพียง 600 ล้านเหรียญ
ก่อนคุณชวนจะพ้นตำแหน่งนั้น มีเงินเหลืออยู่ 32000 ล้านเหรียญ......
เงิน 50000 ล้านเหรียญที่'มะแอฯ'โกหกพกลมนั้น เป็นเงินสะสมเพิ่มจาก 32000 ล้านเหรียญหรอกน่ะ........

ปลายสมัยรัฐบาล'ขิงแก่' มีเงินสำรองมากกว่า 100000 ล้านเหรียญ......!!!
มะแอฯ นับเลขไม่ได้ จึงไม่เข้าใจ.........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


นักการเมืองคนนั้นสามารถทำงบประมาณสมดุลไม่ต้องกู้ใครเลยได้ถึง 2 ปีซ้อน ซึ่งไม่มีรัฐบาลไหนทำได้มาก่อน

นักการเมืองคนนั้นสร้างเกียรติภูมิให้กับประเทศ สร้างงาน  สร้างเงิน  สร้างความเจริญเติบโตจากประเทศที่ล้มละลาย  จากประเทศผู้กู้  มาเป็นประเทศผู้ให้กู้  สามารถแก้ไข เยียวยาความเสียหายจากซึนามิจนกลับฟื้นคืนได้อย่างรวดเร็วได้ดีกว่าทุกประเทศ และได้รับคำชมจากนานาประเทศว่าความช่วยเหลือทุกอย่างถึงมือผู้ประสบภัยครบถ้วนและรวดเร็ว

นักการเมืองคนนั้นได้รับเกียรติจากนานาประเทศมาขอดูงาน "ทักษิโนมิค" และแม้จะต้องลี้ภัยจากอำนาจมืด  ก็ยังมีหลายประเทศขอไปเป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจ  ไปเป็น อาจารย์สอนพิเศษ  ได้ รับเชิญไปงานเปิดกีฬา โอลิมปิค ขนาดสุรยุทธิ์ คุณเปรม แป๊ะนรกปีศาจ  หลองห้าขัน คนดีของพาลทะมิดยังไม่เคยได้รับเชิญ 

ถ้านักการเมืองคนนั้นโกงกิน  ทำไมประเทศถึงได้เจริญมั่งคั่ง  เทียบกับรัฐบาลจริยธรรมสูงส่งของคุณสุรยุทธิ์ ประเทศยากจนลงฮวบฮาบ เอาความจริงที่พิสูจน์ได้  เอาตัวเลขสถิติย้อนหลัง  เอาสภาพสังคมเศรษฐกิจมาเปรียบเทียบ  แล้วเปลี่ยนทีวีจากช่อง astv ไปเป็นช่องอื่นบ้าง คุณจะตระหนักได้เองว่าใครกันแน่ที่เป็นโกงกิน

เปลี่ยนเป็นช่องอื่นเสียบ้างนะ อย่ามัวแต่เปิด astv





ถ้าผมชี้แจงทุกประเด็น พวก'บ้ตรเติมเงิน'ด้วยกัน จะน้อยใจว่า
โกหกพกลม ยกเมฆ ทุกเรื่อง ยังได้'บัตรเติมเงิน' ง่ายๆ.......

ต่อว่า ประจานกันเองดีกว่า..........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


ปล. หนีประกันตัว หนีหมายจับของศาลยุติธรรม ก็บิดเบือนความจริงเป็น ลี้ภัย
ใช้''ล๊อบบี่ยิสต์[ติดต่อมหาวิทยาลัยให้เชิญไปสอน ก็บิดเบือนว่าได้รับเชิญ.......
อยากหนีประกันตัว ก็บอกศาลยุติธรรมว่าอยากไปดูกีฬาโอลิมปิคฯ
.....

สอบถาม สอบทวนได้สมาคมโอลิกไทย ว่าได้รับเชิญ หรือ ไปเอง เสียสตางค์เอง.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ปล. นอกจากนับเลขไม่ถึงยี่สิบ ยังจะเป็น'เด็กเลี้ยงแกะ' เหมือน 'หมัก เมถุน'.....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-10-2008, 16:59 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
หน้า: [1] 2
    กระโดดไป: